ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บางทีอาการปวดหัวไมเกรนแค่ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ยาวนานเสียเหลือเกิน เมื่อต้องทนกับอาการปวดและผลข้างเคียงอื่นๆ ที่ตามมา ฉะนั้น หยุดความทรมานแบบนี้ให้เร็วที่สุดด้วยการพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ และลองรักษาด้วยวิธีธรรมชาติหลายๆ ทางดู หรือว่าจะใช้วิธีทานยาเพื่อรักษาอาการปวดหัวแบบนี้ดูก็ได้ และจำไว้เสมอว่าคุณอาจจะต้องใช้วิธีรักษาหลายๆ วิธีร่วมกัน เพราะบางทีการรักษาวงจรของอาการปวดหัวไมเกรนก็ต้องกำจัดด้วยการใช้วิธีปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวไปพร้อมๆ กับการใช้ยา

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รักษาด้วยวิธีธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [1] อาการเสริมที่งานวิจัยต่างๆ ได้แนะนำเอาไว้ว่าอาจจะช่วยกำจัดอาการไมเกรนได้นั้น ได้แก่ อาหารเสริมประเภทวิตามิน B2 ฟีเวอร์ฟิว (feverfew) เมลาโทนิน (melatonin) บัตเตอร์เบอร์ (butterbur) โคคิวเทน (co-Q10) และแมกนีเซียม
    • อาหารเสริมที่ทำจากบัตเตอร์เบอร์นั้น เป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่ช่วยรักษาอาการได้มากที่สุด และเชื่อกันว่าสามารถป้องกันอาการไมเกรนและลดความรุนแรงของอาการได้ด้วย เพราะว่าสิ่งนี้สามารถลดอาการอักเสบและช่วยรักษาอัตราการไหลเวียนของเลือดให้มีความสม่ำเสมอ เพราะว่ามันทำหน้าที่เป็นเบต้า บล็อกเกอร์ (beta-blocker) ให้กับร่างกายคุณ ซึ่งผลที่ได้ก็คือ มันจะช่วยป้องกันอาการเกร็งกระตุกของหลอดเลือดได้ ฉะนั้น ให้คุณทานอาหารเสริมประเภทนี้ขนาด 50 มิลลิกรัม และก่อนทานเช็คให้ดีด้วยว่าอาหารเสริมที่คุณทานนั้นมีป้าย "PA Free" กำกับไว้ที่ขวดหรือเปล่า
    • วิตามิน B2 นั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ไรโบฟลาวิน (riboflavin) ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสิ่งนี้สามารถลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้ และการทานวิตามินชนิดนี้ขนาด 400 มิลลิกรัมทุกวันสามารถลดความถี่ของการเกิดอาการไมเกรนได้ถึงครึ่งหนึ่ง และการทานวิตามินชนิดนี้ในขณะที่กำลังมีอาการไมเกรนอยู่อาจจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ชั่วคราวอีกด้วย
    • ฟีเวอร์ฟิว เมลาโทนิน และโคคิวเทน (โคเอนไซม์คิว 10) อาจจะหรืออาจจะไม่สามารถช่วยลดความรุนแรงของไมเกรนหลังจากที่อาการนี้เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งทีอาจจะดีไปกว่านั้นก็คือ หากคุณทานอาหารเสริมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้จะช่วยลดความถี่ของการเกิดอาการไมเกรนได้
    • อาหารเสริมประเภทแมกนีเซียมนั้นให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งอาหารเสริมชนิดนี้ในขนาด 500 มิลลิกรัมนั้นช่วยลดความรุนแรงของอาการไมเกรนได้หากอาการไมเกรนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากรอบประจำเดือน แต่ว่าอีกนัยหนึ่ง ประโยชน์ชองอาหารเสริมชนิดนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ฉะนั้น ให้คุณลองทานอาหารเสริมชนิดนี้ร่วมกับไรโบฟลาวินและบัตเตอร์เบอร์ให้สม่ำเสมอทุกวันด้วย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการไมเกรน
  2. ทำชาลาเวนเดอร์หรือชาสมุนไพรอื่นๆ ที่มีประโยชน์ไว้ดื่ม. ชาสมุนไพรสามารถผ่อนคลายร่างกายคุณและลดระดับความตึงเครียดที่เป็นส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของอาการไมเกรนได้ และนั้นอาจจะทำให้คุณพบว่าการดื่มชาสมุนไพรนั้น สามารถทำให้อาการไมเกรนของคุณหายเร็วขึ้นได้ ซึ่งสมุนไพรที่น่าจะช่วยบรรเทาอาการได้ก็จะมีทั้งลาเวนเดอร์ ขิง เปปเปอร์มินต์ และพริกคาเยนน์
    • ลาเวนเดอร์ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดได้ และถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาอาการวิตกกังวล ความเครียด และไมเกรนที่เกิดจากความเครียด ซึ่งนอกจากการจิบชาลาเวนเดอร์แล้ว คุณยังสามารถโปะถุงชาลาเวนเดอร์ที่ชงแล้วไว้ที่ตาของคุณเพื่อบรรเทาอาการไมเกรนที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย
    • ทั้งขิง เปปเปอร์มินต์ และพริกคาเยนน์นั้นมีคุณสมบัติทางธรรมชาติที่ช่วยลดอาการปวดได้ ซึ่งขิงและเปปเปอร์มินต์สามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้ที่เกี่ยวข้องกับอาการไมเกรนได้เป็นอย่างดี แต่ที่สำคัญให้คุณจำไว้ด้วยว่า ขิงเป็นสมุนไพรที่สามารถเจือจางเลือดได้ ดังนั้น ถ้าเกิดว่าคุณเป็นผู้ที่ต้องใช้ยาเจือจางเลือดอยู่แล้ว ให้คุณหลีกเลี่ยงการทานอะไรที่เป็นขิงจะดีกว่า
    • วิธีการทำชาสมุนไพรเพื่อรักษาอาการไมเกรนนั้น ทำได้ด้วยการใส่ผงพริกคาเยนน์ประมาณหยิบมือหนึ่ง และขิงสดขนาด 1 นิ้ว (2.5 ซม.) รวมถึงเปปเปอร์มินต์อบแห้ง 1 ช้อนชา (5 มล.) ลงในถ้วย 2 ถ้วย (500 มล.) ที่มีน้ำต้มเดือดเป็นเวลา 15 นาที
  3. ลองดื่มหรือทานอะไรที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนให้น้อยลง. เมื่อพูดถึงเรื่องอาการไมเกรนกับคาเฟอีนนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จากคาเฟอีนในส่วนนี้มักจะขัดแย้งกันเอง เพราะถ้าดื่มหรือทานมากจนเกินไป มันก็อาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้ แต่ถ้าคุณดื่มหรือทานในปริมาณเล็กน้อยหลังจากที่คุณเริ่มมีอาการไมเกรน นั่นก็จะช่วยทำให้อาการปวดหัวของคุณหายไปได้
    • คุณควรบริโภคคาเฟอีนแค่ในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น โดยคุณอาจจะดื่มโซดาสักแก้ว กาแฟหรือว่าชาสักถ้วย หรือว่าจะทานช็อกโกแลตสักแท่งก็ได้ และที่สำคัญ ให้คุณหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังที่มีคาเฟอีนสูง
    • จำไว้ว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่ออาการไมเกรนของคุณไม่ได้เกิดจากการบริโภคคาเฟอีน
  4. อาการไมเกรนมักจะเกี่ยวข้องกับความตึงเครียดของร่างกาย ซึ่งบางครั้งการนวดให้ตัวเองแบบง่ายๆ แค่พักหนึ่ง ก็สามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและหลอดเลือดของคุณได้ และมันก็เพียงพอที่จะบรรเทาอาการไมเกรนของคุณด้วย [2]
    • ให้ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้างค่อยๆ นวดไปที่ขมับ ด้านข้างลำคอ และด้านหลังของลำคอ โดยให้กดลงไปเบาๆ และนวดวนเป็นวงกลมเล็กๆ
    • เพื่อที่จะทำวิธีนี้ให้ได้ผลมากขึ้น ให้คุณจุ่มนิ้วลงไปในน้ำแช่น้ำแข็ง ก่อนที่คุณจะเริ่มนวด เพราะน้ำแช่น้ำแข็งสามารถทำให้หลอดเลือดของคุณหดตัวลงได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยชะลอการไหลของเลือดที่ไปยังศีรษะของคุณได้ด้วย
  5. รักษาอาการไมเกรนที่ไม่หนักมากด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิกแบบเบาๆ . [3] ตราบใดที่อาการปวดหัวของคุณไม่ได้รุนแรงชนิดที่ว่าคุณไม่สามารถทนได้อีกต่อไป การออกกำลังกายแบบแอโรบิกแบบเบาๆ ก็สามารถช่วยทำให้เลือดของคุณไหลเวียนไปยังพื้นที่อื่นๆ ของร่างกาย และทำให้อาการไมเกรนของคุณหายไปได้
    • การออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ควรค่าแก่การลองหากคุณกำลังมีอาการไมเกรนก็จะมีทั้ง การเดินเร็วหรือการวิ่งเหยาะๆ การปั่นจักรยาน และการว่ายน้ำ
    • ในขณะที่หัวใจของคุณกำลังสูบฉีดเลือด ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายคุณก็จะดีและคงที่มากขึ้น และนั่นก็จะเป็นการห้ามไม่ให้เลือดวิ่งไปเลี้ยงที่ศีรษะของคุณเพียงอย่างเดียว
    • นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังเป็นวิธีดีๆ ที่จะช่วยทำให้คุณผ่อนคลาย และกำจัดความเครียดที่อาจจะก่อให้เกิดอาการไมเกรนได้อีกด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รักษาด้วยการใช้ยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทานยาแก้ปวดที่มีขายตามเคาน์เตอร์ขายยาทั่วไป. [4] ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือเอ็นเสด (NSAID) และยาแก้ปวดสามารถลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ เพราะมันจะช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด
    • ยาในกลุ่มเอ็นเสดก็จะมีทั้ง นาพรอกเซน (Naproxen) และไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ส่วนในกลุ่มยาแก้ปวดก็จะมีทั้ง แอสไพรินและยาพาราเซตามอล
    • การจะทำให้การรักษาด้วยวิธีนี้มีประสิทธิภาพมากที่สุดได้นั้น คุณควรจะทานยาแก้ปวดภายใน 30 นาทีที่คุณมีอาการไมเกรน ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วการที่คุณรอนานกว่านั้นแล้วค่อยทานยาจะยังได้ผลอยู่ก็ตาม แต่นั่นอาจทำให้อาการไมเกรนของคุณอยู่นานขึ้นไปอีก
    • หลีกเลี่ยงการทานยาประเภทนี้มากกว่า 2 ครั้งในสัปดาห์หนึ่ง เพราะการทำแบบนั้น อาจจะทำให้อาการไมเกรนของคุณกลับมาใหม่หลังจากที่ยาหมดฤทธิ์ไปแล้ว [5]
  2. ลองใช้ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนที่มีขายตามเคาน์เตอร์ขายยาทั่วไป. [6] ยาแก้ปวดที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์บางชนิดนั้นมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่ในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งคาเฟอีนจะช่วยทำให้หลอดเลือดของคุณหดตัวลง และทำให้ยาแก้ปวดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • ยาประเภทนี้ก็จะมีอย่างเช่น ยาที่ชื่อว่า Excedrin migraine ซึ่งเป็นยาที่มีส่วนประกอบของพาราเซตามอลหรือแอสไพรินบวกกับคาเฟอีน
    • จากการวิจัยพบว่ายาประเภทนี้ให้ผลเร็วกว่ายาที่ไม่มีคาเฟอีนถึง 20 นาที
    • เช่นเดียวกับยาแก้ปวดชนิดอื่นๆ ที่มีขายตามเคาน์เตอร์ขายยาทั่วไป คุณควรจะทานยาภายใน 30 นาทีที่คุณมีอาการ และหลีกเลี่ยงการใช้ยามากว่า 2 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์
  3. [7] ยาประเภทนี้ทำหน้าที่ช่วยให้หลอดเลือดของคุณหดตัวลง ซึ่งจะเป็นการช่วยจำกัดการไหลของเลือดไปยังศีรษะคุณ ซึ่งงานวิจัยและงานทดลองจากหลายที่ชี้ว่า ผู้ที่มีอาการไมเกรนหลายคนรู้สึกว่าอาการของตัวเองดีขึ้นภายใน 1 ชั่วโมงเมื่อได้ทานยาประเภทนี้เข้าไป และหายสนิทภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
    • หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มทริปแทนมากกว่า 17 ครั้งใน 1 เดือน การทำแบบนั้นอาจจะทำให้อาการไมเกรนของคุณกลับมากำเริบอีก เพราะจะกลายเป็นว่าร่างกายของคุณคุ้นชินกับยาตัวนั้นแทน
    • ยากลุ่มนี้สามารถทำให้เกิดอาการหัวใจวายและ/หรือทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ เพราะยากลุ่มนี้มีหน้าที่ทำให้หลอดเลือดหดตัวลง ฉะนั้น หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด คุณไม่ควรจะใช้ยากลุ่มทริปแทน
    • ทริปแทน คือยาที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าเป็นยารักษาอาการไมเกรนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
  4. ให้คุณปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาไดไฮโดรเออร์โกตามีน (dihydroergotamine) หรือยาเออร์โกตามีน (ergotamine). [8] ยาประเภทนี้ต้องสั่งโดยแพทย์ ซึ่งมันเป็นยาที่จะทำให้หลอดเลือดในสมองคุณหดตัวลง และนอกเหนือจากจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้แล้ว ยาชนิดนี้ยังช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาการตาแพ้แสงที่มักเกี่ยวข้องกับอาการไมเกรนได้อีกด้วย
    • ยาประเภทนี้มักจะใช้ในรูปแบบของยาพ่นจมูกหรือการฉีดยา
    • การฉีดยาอาจจะใช้สำหรับการรักษาแค่เพียงครั้งเดียว แต่ถ้าหากคุณมีอาการปวดหัวไมเกรนเป็นประจำ แพทย์อาจจะสั่งเป็นยาพ่นจมูกให้คุณแทน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

รักษาด้วยการปรับสภาพแวดล้อมรอบตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ส่วนมากอาการไมเกรนมักถูกกระตุ้นด้วยตัวกระตุ้นทางประสาทสัมผัส อย่างเช่น แสงไฟสว่างๆ หรือแสงไฟที่กระพริบ ฉะนั้น ให้คุณหยุดการกระตุ้นส่วนนี้ด้วยการปิดไฟที่เปิดอยู่ และดึงม่านบังแดดลง หรือไม่ก็ย้ายไปอยู่ในห้องมืดๆ ก่อน [9]
    • ให้อยู่ในห้องที่มืดจนกว่าอาการไมเกรนของคุณจะหาย หรืออยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • ให้คุณใส่แว่นกันแดดด้วย ถ้าเกิดว่าคุณต้องทำสิ่งต่างๆ ที่ตัวเองทำอยู่ประจำ และไม่สามารถจะอยู่ในบริเวณที่มีแสงอ่อนๆ หรือไม่มีแสงไฟได้จริงๆ ซึ่งแว่นที่คุณใส่ควรจะเป็นเลนส์ polarized เพราะมันจะป้องกันดวงตาของคุณจากส่วนที่สว่างที่สุดของแสงได้ ถึงแม้ว่าวิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลดีเท่ากับการใช้เวลาอยู่ในห้องมืดๆ สักพักหนึ่ง แต่ว่ามันก็ยังพอช่วยได้บ้าง
  2. พยายามตัดเสียงรบกวนรอบตัวออกไปให้ได้มากที่สุด. เช่นเดียวกับแสงไฟ เสียงถือเป็นตัวกระตุ้นทางประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนได้ ฉะนั้น ให้คุณตัดเสียงรบกวนที่อยู่รอบๆ ตัวออกไปให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่มาจากวิทยุหรือจากทีวี หรือไม่คุณก็อาจจะย้ายไปอยู่ในบริเวณที่เงียบๆ ก็ได้
    • หากคุณไม่สามารถไปแยกตัวออกไปอยู่อีกห้องหนึ่งได้ ให้คุณสวมหูฟังตัดเสียงรบกวน (noise-canceling headphones) เอาไว้ เพื่อที่จะได้ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้
    • สำหรับบางคน ความเงียบสงัดนั้นทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดได้ หากคุณเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ให้คุณเปิดเครื่องทำเสียง white noise (เสียงที่มีความถี่สม่ำเสมอ เช่น เสียงพัดลม) หรือเปิดเครื่องฟอกอากาศเอาก็ได้ เพื่อที่รอบๆ ตัวคุณจะมีเสียงที่ช่วยผ่อนคลายได้ นอกจากนี้ คุณอาจจะลองใช้วิธีเปิดเพลงที่ฟังสบายๆ เอาก็ได้ และให้พยายามหลีกเลี่ยงเพลงที่มีเสียงดังๆ หรือเพลงที่เร้าอารมณ์
  3. ความเครียดและนอนหลับไม่เพียงพอนั้นเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน ฉะนั้น คราวหน้าถ้าเกิดว่าอาการไมเกรนมาเยือนคุณอีก ให้คุณเอนตัวลงนอนและหลับตาลงสักพักหนึ่งก่อน
    • นอนพักผ่อนตรงไหนก็ได้สัก 5-30 นาที เพื่อบรรเทาอาการไมเกรน
    • อย่างไรก็ตาม ให้คุณจำไว้ด้วยว่าบางทีอาการไมเกรนก็อาจจะเกิดจากการที่คุณนอนมากเกินไปก็ได้ และถ้าหากว่านี่เป็นสิ่งหนึ่งที่กระตุ้นให้คุณมีอาการไมเกรน คุณก็ไม่ควรจะนอนให้นานขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว [10]
  4. การฝึกหายใจลึกๆ นั้นช่วยทำให้ร่างกายคุณผ่อนคลาย และจะเป็นสิ่งที่ช่วยคลายอาการตึงเครียดต่างๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดอาการไมเกรนได้ [11]
    • ให้คุณเอนตัวลงนอนแล้ววางหัวไว้บนหมอน และวางหมอนอีกใบไว้ข้างใต้หัวเข่าทั้งสองข้างของคุณ ซึ่งถ้าคุณทำตามวิธีนี้แล้ว ขาของคุณก็ควรจะต้องงอเล็กน้อย
    • วางมือข้างที่ตัวเองถนัดไว้ที่ส่วนบนของหน้าอก และวางมืออีกข้างหนึ่งไว้ตรงบริเวณที่เป็นผนังทรวงอก (rib cage) ของคุณ
    • หายใจเข้าช้าๆ ผ่านทางจมูก จนกว่าท้องของคุณจะดันไปโดนมือข้างที่ไม่ถนัด
    • จากนั้นหายใจออกช้าๆ ด้วยการห่อริมฝีปาก ไปพร้อมๆ กับการกระชับหน้าท้อง
    • วางมือข้างที่ถนัดไว้กับที่ตลอดช่วงเวลาที่คุณฝึกขั้นตอนนี้
    • ให้ฝึกทำประมาณ 5 นาที
  5. [12] การนำผ้าเช็ดตัวเย็นๆ มาประคบไว้บนหัวที่กำลังปวดอยู่นั้น สามารถช่วยทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นหดตัวลง ซึ่งจะช่วยชะลอการไหลของเลือดที่ไปยังศีรษะคุณให้ช้าลงกว่าเดิมได้
    • ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวสะอาดนุ่มๆ ชุบน้ำเย็นแล้วนำไปวางประคบไว้ที่หน้าผากหรือหลังคอ ประคบเอาไว้สัก 10-15 นาที และให้พักช่วงอีก 10-15 นาทีก่อนที่จะประคบใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการไมเกรนจะหายไป
    • จำไว้อย่างหนึ่งว่าบางทีอุณหภูมิที่เย็นก็อาจจะทำให้อาการไมเกรนแย่ขึ้นกว่าเดิมได้ ฉะนั้น หากว่าคุณรู้สึกว่าอาการปวดของคุณเพิ่มขึ้นภายใน 5 นาทีที่คุณใช้วิธีนี้ ให้คุณหยุดทันที และเปลี่ยนไปลองวิธีอื่นแทน
  6. อาบน้ำเย็น ตามด้วยนอนในห้องที่มีอากาศเย็นสบาย. ให้คุณยืนอาบน้ำฝักบัวเย็นๆ และปล่อยให้น้ำฝักบัวไหลจากด้านบนของศีรษะลงมาอย่างน้อยสัก 15 นาที และนวดศีรษะด้วยแชมพู วิธีนี้จะช่วยลดความตึงเครียดของร่างกายคุณได้ เพราะว่าคุณได้ปล่อยความร้อนออกมาทางหนังศีรษะของคุณนั่นเอง
    • ให้คุณบีบน้ำออกจากเส้นผม แต่ว่าแค่ให้พอหมาดๆ อย่าเพิ่งทำให้ผมแห้งสนิท
    • นอนในห้องที่มีอากาศเย็นสบายในขณะที่ผมของคุณยังเปียกหมาดๆ อยู่ และพยายามนอนหลับให้ได้สักพักหนึ่ง คุณอาจจะวางผ้าขนหนูไว้บนหมอนตัวเองด้วยก็ได้ หากคุณกังวลว่าหมอนคุณจะเปียก
  7. [13] อาหารบางอย่างมักจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน ซึ่งสิ่งกระตุ้นที่เกิดกับร่างกายของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป โดยคุณสามารถเช็คได้ว่าอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรนในร่างกายคุณด้วยการจดบันทึกสิ่งที่คุณได้กินก่อนที่จะเริ่มมีอาการปวดหัวไมเกรน และดูว่ามีนิสัยการกินแบบไหนที่อาจจะเป็นตัวกระตุ้นอาการไมเกรนในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งตัวกระตุ้นอาการปวดหัวไมเกรนจากวิถีการกินก็จะมีอย่างเช่น:
    • อาหารที่มีส่วนผสมของแอสปาร์เทมหรือผงชูรส
    • แอลกอฮอล์
    • ช็อกโกแลต
    • ชีส
    • ซาลามี
    • คาเฟอีน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ให้คุณจดบันทึกประจำวันเกี่ยวกับอาการไมเกรนเอาไว้ [14] เมื่อไรที่คุณมีอาการไมเกรน ให้คุณจดบันทึกเอาไว้ว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณเป็นแบบไหน โดยให้เขียนถึงสิ่งกระตุ้นทางประสาทสัมผัสต่างๆ (เช่น แสงที่สว่างจ้า ดนตรีดังๆ กลิ่นแปลกๆ ฯลฯ) สาเหตุของความเครียด นิสัยการกินอาหารและการนอนหลับ และหลังจากที่คุณมีอาการนี้เกิดขึ้นกับตัวเองสักสองสามครั้ง ให้คุณอ่านบันทึกของตัวเอง และดูว่ากิจวัตรอะไรของคุณที่มักจะเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะมีอาการไมเกรน เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจจะเป็น “ตัวกระตุ้น” ให้เกิดไมเกรนก็ได้ และคุณก็ควรจะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้อาการไมเกรนเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าอีก
  • สำหรับอาการไมเกรนที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบทั่วๆ ไป บางทีคุณอาจจะต้องลองใช้วิธีต้านอาการไมเกรนที่คลินิกเฉพาะทางเกี่ยวกับการรักษาอาการเจ็บปวดสามารถทำได้ ซึ่งพวกเขาจะรักษาด้วยการฉีดยาที่บริเวณจุดเจ็บ (trigger point injection) หรือการฉีดยาและ/หรือการฉีดโบท็อกซ์ที่เส้นประสาทต้นคอ
  • ดื่มชาที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายได้
  • ใช้ผ้าขนหนูที่ชุบน้ำเย็นหรือแผ่นเจลประคบเย็นประคบเอาไว้ที่ศีรษะ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,384 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา