ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ นอกจากทำให้เจ้าของบ้านรำคาญใจแล้ว ยังขายขี้หน้าแขกเหรื่อที่มาเยือนด้วย หลายคนเลยสรรหาวิธีกลบกลิ่นหลังทำธุระ แต่ถ้าทำความสะอาดนานๆ ทีหรือผิดวิธี ห้องน้ำจะมีกลิ่นเหม็นหรืออับชื้นได้ จริงๆ แล้วมีหลายวิธีเลยที่ช่วยขจัดกลิ่น ให้ห้องน้ำของคุณหอมสะอาดอยู่เสมอ เช่น กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ในห้องน้ำ เปลี่ยนวิธีทำความสะอาด และปรับเปลี่ยนลักษณะการใช้งานสุขภัณฑ์เล็กน้อย เท่านี้ห้องน้ำก็ไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ขจัดกลิ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าอยากกำจัดกลิ่นหลังทำธุระ แน่นอนว่าอากาศต้องถ่ายเท แค่อากาศไหลเวียนได้สะดวกก็ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปได้เยอะแล้ว ถ้าในห้องน้ำมีพัดลมเพดาน ให้เปิดหลังใช้ห้องน้ำเสร็จ แต่ถ้าไม่มี ก็เปิดหน้าต่างห้องน้ำให้อากาศไหลเวียนเข้ามาแทน [1]
    • อย่าระบายอากาศแค่หลังทำธุระเสร็จ ควรเปิดพัดลมหรือหน้าต่างระบายอากาศหลังอาบน้ำด้วย ความชื้นในอากาศหลังอาบน้ำร้อนจะทำให้เชื้อราสะสมได้ จนเกิดกลิ่นอับชื้นตามมา [2]
    • ต้องทำความสะอาดพัดลมระบายอากาศทุก 6 เดือนด้วย
  2. ใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นแทนการใช้น้ำหอมปรับอากาศ. หลายคนจะซื้อสเปรย์ติดห้องน้ำไว้ฉีดกลบกลิ่นหลังทำธุระเสร็จ แต่บอกเลยว่าไม่ได้ผลเท่ากับ "ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่น" เพราะไม่ได้ฉีดกลิ่นหอมกลบกลิ่นอย่างเดียว
    • ถ้าเป็น air freshener จะใช้กลิ่นหอมกลบกลิ่นเหม็น จริงๆ แล้วกลิ่นเหม็นก็ยังอยู่ พอกลิ่นหอมๆ จางหายไป ห้องน้ำก็กลับมาเหม็นอีก ยิ่งถ้ากลิ่นแรงเป็นพิเศษ บางทีถึงฉีดน้ำหอมแล้วก็ยังโชยมาให้ได้กลิ่น [3]
    • ถ้าเป็น odor eliminator จะแก้ที่ต้นตอของกลิ่น กำจัดกลิ่นเหม็นให้หายไป เพราะฉะนั้นกลิ่นจะจางเร็วมาก และเห็นผลกว่า เพราะงั้นเวลาหาซื้อผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นห้องน้ำ ให้เลือกที่เขียนว่า odor eliminator คือผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่น เดี๋ยวนี้มีให้เลือกเยอะมาก ยังไงก็ทดลองใช้ดูจนเจอผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลและถูกใจที่สุด หรือจะอ่านรีวิวในเน็ตก็ได้ ว่ายี่ห้อไหนดี ใช้กำจัดกลิ่นได้เห็นผลที่สุด [4]
  3. ถ้าห้องน้ำระบายอากาศได้ไม่สะดวก แค่ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นอย่างเดียวอาจไม่พอ ให้ลองหาซื้อ air purifier หรือเครื่องฟอกอากาศแบบเสียบปลั๊กมาเพิ่มการไหลเวียนถ่ายเทของอากาศ และกำจัดแบคทีเรียอันเป็นต้นเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์มาใช้ดู คุณหาซื้อเครื่องฟอกอากาศได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือจะสั่งซื้อจากในเน็ตก็ได้ เครื่องฟอกอากาศมีให้เลือกหลายระดับราคา ตั้งแต่เครื่องเล็กพันกว่าๆ ไปจนถึงเครื่องใหญ่และดีหลายหมื่น ก็ให้เลือกที่คุณภาพดี ราคาย่อมเยา และเล็กกะทัดรัดพอจะใช้ในห้องน้ำได้ [5]
  4. บางทีกลิ่นในห้องน้ำอาจจะไม่ได้มาจากโถสุขภัณฑ์อย่างเดียว อาจมีปัญหาเรื่องเชื้อราและความอับชื้น แบบนี้ต้องหาซื้อสารดูดความชื้นหรือ desiccants มา ก็คือวัตถุแห้งๆ ที่ใช้ดูดซับน้ำและความชื้นโดยเฉพาะ หน้าตาแบบที่เราคุ้นเคยกันดีคือซิลิกาเจลเม็ดใสๆ อยู่ในซองเล็กๆ แบบที่เจอในถุงขนมนั่นเอง
    • คุณใช้สารดูดความชื้นที่เป็นสารสังเคราะห์ อย่างซิลิกาเจลได้ ขอแค่โรยบริเวณที่ไม่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงมาป้วนเปี้ยน เพราะสารดูดความชื้นแบบนี้เป็นพิษ อันตรายถ้าใครเผลอเอาเข้าปาก แนะนำให้เก็บสารดูดความชื้นไว้ในซองพลาสติกเล็กๆ แล้วเจาะรูแทน [6]
    • จริงๆ แล้วต้นไม้นี่แหละตัวดูดความชื้นตามธรรมชาติ อย่างเฟิร์นหรือลิลลี่ก็ช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำได้ ทำให้ห้องน้ำหอมสดชื่น [7]
  5. ดีไม่ดีแบบทำเองจะเห็นผลกว่าผลิตภัณฑ์ที่เขาขายกัน เอาเป็นว่าถ้าผลิตภัณฑ์ปรับอากาศหรือดับกลิ่นแบบสำเร็จรูปไม่ได้ผล ก็ลองผสมใช้เองซะเลย
    • ให้เริ่มจากผสมน้ำ 3 ส่วน กับวอดก้าหรือแอลกอฮอล์ล้างแผล 1 ส่วน และน้ำมันหอมระเหย 10 - 20 หยด เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์ ยูคาลิปตัส หรือส้ม คุณหาซื้อน้ำมันหอมระเหยได้ตามร้านขายวิตามินและผลิตภัณฑ์สุขภาพ แต่ในเน็ตจะสะดวกที่สุด ผสมแล้วให้กรอกใส่ขวดสเปรย์ วางไว้หลังชักโครก แล้วใช้ฉีดพ่นเมื่อจำเป็น [8]
    • ถ้าส่วนผสมด้านบนฉีดพ่นแล้วฉุนแอลกอฮอล์ ให้ลองผสมน้ำ 2 ถ้วยตวง กับน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ช้อนโต๊ะ เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา และน้ำมันหอมระเหย 10 หยดแทน จากนั้นกรอกใส่ขวดสเปรย์ วางไว้หลังชักโครก แล้วใช้ฉีดพ่นเมื่อจำเป็นเหมือนเดิม [9]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำความสะอาดห้องน้ำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางทีก็ต้องทำความสะอาดรอบๆ โถสุขภัณฑ์ด้วย ถึงจะกำจัดกลิ่นเหม็นติดแน่นทนนานได้ โดยผสมเบคกิ้งโซดา น้ำมะนาว (เลมอน) และน้ำส้มสายชู รับรองเห็นผล เพราะมีสรรพคุณลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี
    • ผสมน้ำมะนาวกับเบคกิ้งโซดาในสัดส่วนเท่าๆ กันให้เหนียวข้นเป็น paste ถ้าคั้นน้ำมะนาวสดๆ ได้จะดีมาก ให้ผสม 2 อย่างนี้เข้าด้วยกันจนเหนียวข้นเป็น paste เหมือนแป้งแพนเค้กก่อนเทลงกระทะ [10]
    • ทา paste นี้ให้ทั่วฐานชักโครกและที่รองนั่ง โดยใช้ผ้าเปียกหมาด จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10 - 15 นาที [11]
    • เทน้ำส้มสายชูใส่ขวดสเปรย์ พอครบ 10 - 15 นาทีให้ฉีดพ่นตามที่ทา paste ไว้ ทิ้งไว้ให้ออกฤทธิ์เป็นฟองฟู่สักพัก ค่อยเช็ดออกด้วยผ้าขี้ริ้ว [12]
  2. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นแรงแต่หอม ถ้ามีปัญหาห้องน้ำเหม็น ให้ลองผสมน้ำมันหอมระเหยสัก 2 - 3 หยดในแอลกอฮอล์แบบฉีดพ่น แล้วใช้ทำความสะอาดตามจุดต่างๆ เช่น อ่างล้างมือ หรือในโถสุขภัณฑ์ [13]
  3. ถ้าไม่หมั่นทำความสะอาดถังพักน้ำบ่อยๆ อาจกักเก็บกลิ่นฉี่ไว้ได้ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องล้างถังพักน้ำของชักโครกด้วยตอนล้างห้องน้ำ โดยคุณสามารถล้างถังพักน้ำนี้ได้ด้วยน้ำส้มสายชูกลั่นขาว
    • เปิดถังพักน้ำหลังชักโครก แล้วเทน้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวงลงไป จากนั้นสวมถุงมือยาง [15]
    • ใช้แปรงขัดผนังด้านในของถังพักน้ำให้สะอาด จากนั้นกดชักโครก ต่อมาให้เติมน้ำส้มสายชูลงไปอีก แล้วทำซ้ำตามขั้นตอนอีก 2 - 3 ครั้ง [16]
  4. แค่หมั่นล้างทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำก็ช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้แล้ว แนะนำให้ล้างห้องน้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยล้างทั้งในโถชักโครก ฝาปิด และด้านนอก รวมถึงบริเวณโดยรอบ ถูพื้นห้องน้ำ ล้างอ่างอาบน้ำและฝักบัว รวมถึงอ่างล้างมือ จะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบที่ขายทั่วไป หรือผสมใช้เองจากเบคกิ้งโซดา น้ำมะนาว และน้ำส้มสายชูก็ได้ การล้างห้องน้ำบ่อยๆ จะป้องกันสิ่งสกปรกหมักหมมสะสมจนส่งกลิ่นได้
    • ให้เลือกน้ำยาทำความสะอาดที่คุณภาพดีหน่อยตอนล้างห้องน้ำ โดยเลือกที่เน้นกำจัดกลิ่นโดยเฉพาะ แนะนำให้ศึกษาก่อนว่าอ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ และกระเบื้องในห้องน้ำทำจากวัสดุใดบ้าง เพราะน้ำยาบางตัวจะใช้ได้ดีกับพื้นผิวบางแบบ
  5. ท่ออุดตันก็เป็นอีกสาเหตุยอดนิยมของกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ ถ้าสังเกตว่าน้ำชอบเอ่อย้อนขึ้นมา แสดงว่าท่อตันซะแล้ว แนะนำให้ป้องกันแต่เนิ่นๆ โดยล้างท่อเดือนละ 1 ครั้ง
    • เอาฝาท่อออก แล้วเก็บเศษผม สิ่งสกปรก หรือเศษชิ้นส่วนต่างๆ ที่ติดตามฝาครอบออกไป จะล้างทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชูกลั่นขาวผสมน้ำก็ได้ [17]
    • จะดัดไม้แขวนเสื้อให้ตรง หรือใช้อุปกรณ์สำหรับล้างท่ออย่าง Zip-It โดยเฉพาะก็ได้ และเลือกได้ว่าจะดันอะไรที่อุดตันลงไปจนหลุด หรือเขี่ยออกมาจากท่อแทน อีกวิธีคือใช้ยางปั๊มชักโครกมาปั๊มที่ท่อ 5 - 6 ครั้ง ถ้าไม้แขวนเสื้อแก้ท่อตันไม่ได้ [18]
    • ราดน้ำล้างท่อ ให้ใช้น้ำร้อน โดยเปิดก๊อกให้น้ำไหลนานหลายๆ นาที แบบนี้จะช่วยดันคราบหรือเศษสิ่งสกปรกอุดตันอันเป็นต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้ไหลลงไปได้ [19]
    • ล้างท่อเดือนละครั้งด้วยน้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง ผสมเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง โดยเทราดลงไปในท่อ จะช่วยทำความสะอาด ขจัดเศษสิ่งสกปรก และกำจัดกลิ่นน้ำทิ้งในห้องน้ำได้ [20]
  6. เชื้อราก็เป็นอีกสาเหตุยอดนิยมที่ทำห้องน้ำคุณมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย ต้องหมั่นสำรวจห้องน้ำหาร่องรอยเชื้อรา เวลาทำความสะอาดให้ผสมบอแรกซ์ 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.) กับน้ำส้มสายชูกลั่นขาว ¼ ถ้วยตวง (60 มล.) และน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง (500 มล.) โดยใช้น้ำยาสูตรนี้ขัดบริเวณที่ราขึ้น แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง จากนั้นระบายอากาศให้ถ่ายเท
    • คนส่วนใหญ่จะคิดว่ามองหาเชื้อราได้ง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วอาจซุกซ่อนอยู่ก็ได้ เพราะมองเผินๆ แล้วเข้าใจผิดว่าเป็นฝุ่นหรือคราบสกปรก เช่น จุดด่างดำตามเพดานห้องน้ำ ถ้าทำความสะอาดแล้วรอยดำนั้นยังกลับมา แถมขยายใหญ่ขึ้น เป็นไปได้มากว่านั่นละเชื้อรา
    • ส่องใต้อ่างล้างมือ เชื้อรามักเริ่มขึ้นจากแถวๆ ท่อใต้อ่างล้างมือ โดยเฉพาะถ้าน้ำรั่วซึม
    • อาการที่บอกว่าห้องน้ำมีเชื้อรา ถ้าหาราไม่เจอแต่คุณเองมีอาการต่อไปนี้ แนะนำให้รีบติดต่อช่างหรือบริษัทรับกำจัดเชื้อราโดยเฉพาะมาจัดการกับราในห้องน้ำของคุณ อาการที่ว่าก็เช่น หายใจมีเสียงหวีด ผื่นขึ้น ตาแฉะ ตาแดง คันตา และน้ำมูกไหล [21]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตามพื้นหรือผนังห้องน้ำ ถ้าเห็นสีขาวๆ ระหว่างแผ่นกระเบื้อง นั่นละกาวยาแนว นานๆ ไปก็เป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ เพราะเกิดรูพรุนจนดูดซับกลิ่นเอาไว้ ถ้าห้องน้ำยังส่งกลิ่นทั้งที่ล้างทำความสะอาดดีแล้ว ให้เปลี่ยนกาวยาแนวซะใหม่ โดยเลาะกาวยาแนวเก่าออกซะก่อนด้วยมีด X-acto คุณหาซื้อกาวยาแนวห้องน้ำได้ตามร้านขายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง [22]
  2. บางทีเรื่องเล็กๆ แบบนี้ก็แก้ปัญหาใหญ่อย่างเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำได้ พยายามปิดฝาก่อนกดชักโครก รับรองจะช่วยป้องกันกลิ่นหลังทำธุระ ไม่ให้ลอยฟุ้งไปในอากาศได้ [23]
  3. ถ้ามีถังขยะในห้องน้ำ ก็ต้องเก็บขยะและเปลี่ยนถุงขยะอย่างน้อยๆ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพราะทิ้งไว้ให้ขยะหมักหมมแล้วจะส่งกลิ่นหรือถึงขั้นกลิ่นติดห้องน้ำได้ บอกเลยว่าถ้าหมั่นเก็บขยะ ห้องน้ำจะหอมขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย [24]
  4. อย่างที่เห็นว่าห้องน้ำเป็นห้องที่ค่อนข้างอับชื้น เปียกอยู่ตลอด เพราะงั้นผ้าต่างๆ จะเหม็นอับได้ง่ายมาก ถ้ามีผ้าเช็ดมือในห้องน้ำ ต้องหมั่นซักทำความสะอาดทุกอาทิตย์ เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ [25]
    • ถ้าอยากกำจัดกลิ่นอับชื้น ลองเติมน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1/2 ถ้วยตวงลงไปด้วยตอนซักผ้า [26]
    • ผ้าต้องแห้งสนิทก่อนเอากลับไปแขวนหรือใช้งานในห้องน้ำ [27]
  5. ถ้าล้างห้องน้ำเป็นประจำแถมล้างละเอียดแล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องกลิ่นและเชื้อรา แสดงว่าถึงเวลาปรับปรุงห้องน้ำซะใหม่แล้ว ลองเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นที่ไม่อับชื้นหรือดูดซับกลิ่น ทั้งอ่างอาบน้ำ กระเบื้องห้องน้ำ อ่างล้างมือ และอื่นๆ ถึงจะเปลืองงบหน่อยแต่ก็คุ้มถ้ามีปัญหาเรื่องกลิ่นจริงๆ
    โฆษณา

คำเตือน

  • เวลาทำความสะอาดห้องน้ำ ต้องเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
  • ถ้าได้กลิ่นราอับชื้น อาจจะต้องปรับปรุงห้องน้ำกันยกใหญ่ เพราะบางทีราก็ซ่อนอยู่ในผนังใต้กระเบื้อง ถ้าลองทุกวิธีที่บอกมาแล้วยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แนะนำให้เรียกช่างมาตรวจสภาพบ้านและกำจัดเชื้อราจริงจังจะดีกว่า เชื้อราเป็นพิษได้ บางทีก็ต้องปล่อยเป็นหน้าที่บริษัทรับทำความสะอาดที่เขาเชี่ยวชาญและมีอุปกรณ์พร้อมกว่า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,900 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา