ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

น้ำยาฟอกขาวสามารถช่วยขจัดคราบเปื้อนและสิ่งสกปรกบนรองเท้าสีขาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากคุณทิ้งน้ำยาฟอกขาวบนรองเท้าไว้นานจนเกินไปหรือเจือจางในอัตราส่วนที่ไม่เหมาะสม น้ำยาฟอกขาวอาจก่อให้เกิดคราบเหลืองบนพื้นผิวรองเท้าแทนได้ แม้ว่าการกำจัดคราบเหลือที่หลงเหลือจากการใช้น้ำยาฟอกขาวให้ออกอย่างสะอาดหมดจดอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่คุณสามารถขจัดคราบเหลืองให้หลุดออกหรือจางลงมากที่สุดได้ด้วยวิธีการต่างๆ อย่างการขัดด้วยเกลือและน้ำร้อน การแช่ในสารละลายครีมออฟทาร์ทาร์ หรือการซักด้วยน้ำยาซักผ้าและน้ำส้มสายชู

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ขัดด้วยเกลือและน้ำร้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เตรียมชามใบเล็กที่ทนความร้อนมาใบหนึ่ง จากนั้นเปิดก๊อกน้ำโดยบิดหมุนไปฝั่งน้ำร้อนจนสุดและปล่อยให้น้ำไหลสักพักเพื่อปรับให้น้ำเริ่มร้อนยิ่งขึ้นก่อนเติมลงไปในชามประมาณ 240 มิลลิลิตร [1]
    • น้ำที่ใช้ควรร้อนจัดแต่ไม่ร้อนเกินไปจนถึงจุดเดือด [2]
  2. ใช้ช้อนตวงตวงเกลือให้ได้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะและเติมลงไปในน้ำร้อนที่เตรียมไว้ ใช้แปรงสีฟันสะอาดคนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกลือละลายจนหมด [3]
  3. ใช้แปรงสีฟันขัดสารละลายเกลือบนบริเวณที่เกิดคราบเหลือง. ใช้ผ้าขนหนูปูรองไว้เพื่อป้องกันพื้นผิวจากน้ำร้อนหรือสิ่งสกปรกที่หลุดออกมา จุ่มแปรงสีฟันลงไปในสารละลายเกลือที่เตรียมไว้จนขนแปรงชุ่มน้ำและออกแรงขัดตรงบริเวณที่เกิดคราบเหลือง [4]
    • คุณสามารถจุ่มแปรงสีฟันกลับลงไปในสารละลายเกลือซ้ำๆ เพื่อให้ขนแปรงยังคงชุ่มน้ำและชโลมสารละลายเกลือลงไปบนคราบเหลืองเพิ่มขึ้น [5]
    • คุณอาจต้องออกแรงขัดติดต่อกันนานหลายนาทีก่อนที่คราบเหลืองจะเริ่มจางลง
  4. เมื่อคราบเหลืองเริ่มจางลงเล็กน้อย ให้คุณวางรองเท้าทิ้งไว้บนผ้าขนหนูเพื่อผึ่งลมให้แห้งนานประมาณ 20 นาทีหรือจนกระทั่งรู้สึกแห้งเมื่อสัมผัส [6] จากนั้นจึงเริ่มจุ่มแปรงสีฟันกลับลงไปในสารละลายเกลืออีกครั้งและนำไปขัดตรงบริเวณที่มีคราบต่ออีกสักพัก [7]
  5. หลังจากที่คราบเหลืองเริ่มจางลงมากขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะจางลงอีกแม้ว่าคุณจะยังคงขัดอย่างต่อเนื่องอีกหลายนาที ให้คุณเลิกขัดต่อและนำรองเท้าไปตากให้แห้ง คุณอาจไม่สามารถขจัดคราบเหลืองให้หลุดออกได้อย่างหมดจด แต่วิธีนี้จะช่วยให้คราบเหลืองจางลงไปค่อนข้างมากจนคุณสามารถนำรองเท้าสีขาวคู่ดังกล่าวกลับมาสวมใส่ได้อีกครั้ง [8]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

แช่ในสารละลายครีมออฟทาร์ทาร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เตรียมชาม ถังน้ำ หรือภาชนะอื่นๆ ที่ทนความร้อนและมีขนาดใหญ่พอสำหรับรองรับน้ำและรองเท้าของคุณได้อย่างพอดี จากนั้นเปิดก๊อกน้ำโดยบิดหมุนไปฝั่งน้ำร้อนจนสุดและปล่อยให้น้ำไหลสักพักเพื่อปรับให้น้ำเริ่มร้อนยิ่งขึ้นก่อนใช้ถ้วยตวงตวงน้ำ 950 มิลลิลิตรเติมลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ [9]
    • น้ำที่ใช้ควรร้อนจัดแต่ไม่ร้อนเกินไปจนถึงจุดเดือด [10]
  2. ใช้ถ้วยตวงตวงครีมออฟทาร์ทาร์ให้ได้ปริมาณ ½ ถ้วยและเติมลงไปในน้ำร้อนที่เตรียมไว้ ใช้ช้อนคันใหญ่คนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำและครีมออฟทาร์ทาร์ผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว [11]
    • ครีมออฟทาร์ทาร์ที่หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปมักวางขายในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก ดังนั้นคุณจึงอาจต้องซื้อครีมออฟทาร์ทาร์เป็นจำนวนหลายชิ้นเพื่อให้เพียงพอสำหรับน้ำในปริมาณ 950 มิลลิลิตร
    • คุณสามารถหาซื้อครีมออฟทาร์ทาร์ในบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ได้จากร้านค้าออนไลน์
  3. แช่รองเท้าในสารละลายครีมออฟทาร์ทาร์นาน 30-90 นาที. นำรองเท้าที่เปื้อนคราบเหลืองจุ่มลงไปในสารละลายครีมออฟทาร์ทาร์โดยให้แน่ใจว่าทุกส่วนของรองเท้าจมอยู่ใต้น้ำ จากนั้นแช่ทิ้งไว้และลองเช็คทุกๆ 30 นาทีเพื่อดูว่าคราบเหลืองหลุดออกไปแล้วหรือไม่ [12] หากรองเท้ายังคงไม่สะอาดดี ให้คุณแช่รองเท้าในสารละลายครีมออฟทาร์ทาร์เพิ่มอีก 30 นาทีจนถึง 1 ชั่วโมง
    • คราบเหลืองเพิ่งเกิดขึ้นหรือมีสีค่อนข้างอ่อนอาจเริ่มจางลงอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับคราบเหลืองที่มีสีเข้มหรือถูกทิ้งไว้นาน คุณอาจจำเป็นต้องแช่รองเท้าทิ้งไว้นานถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
  4. เมื่อคราบเหลืองหลุดออกหรือจางลงมากที่สุดแล้ว ให้คุณนำรองเท้าขึ้นมาจากสารละลายครีมออฟทาร์ทาร์และล้างด้วยน้ำเย็นให้สะอาดเพื่อขจัดคราบครีมออฟทาร์ทาร์ที่หลงเหลืออยู่ออกอย่างหมดจด [13]
    • ครีมออฟทาร์ทาร์มีฤทธิ์เป็นกรดที่อาจทำลายพื้นผิวของรองเท้าได้ ดังนั้นคุณจึงควรล้างรองเท้าด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดทุกครั้งเพื่อขจัดสารตกค้างที่เป็นกรดให้สะอาดหมดจด
  5. ใช้ผ้าขนหนูปูรองไว้บนพื้นผิวที่เรียบก่อนวางรองเท้าที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วทับลงไปบนผ้าขนหนู ตากรองเท้าทิ้งไว้หลายชั่วโมงหรือข้ามคืนเพื่อให้แน่ใจว่ารองเท้าแห้งสนิทดีแล้วก่อนนำไปใส่อีกครั้ง
    • คุณยังสามารถทำให้รองเท้าแห้งได้ด้วยการนำรองเท้าเข้าเครื่องอบผ้าที่ตั้งความร้อนไว้ที่ระดับต่ำนาน 30 นาที แต่หากรองเท้ายังคงไม่แห้งสนิทหลังผ่านไป 30 นาที ให้คุณนำรองเท้าใส่กลับเข้าไปในเครื่องอบผ้าอีก 30 นาทีโดยตั้งความร้อนไว้ที่ระดับต่ำเช่นเดิม
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ซักด้วยน้ำยาซักผ้าและน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เชือกรองเท้าอาจพันกันจนยุ่งเหยิงหรือขมวดเป็นปมได้เมื่อนำไปซักทำความสะอาดในเครื่องซักผ้า ดังนั้นคุณจึงควรถอดเชือกรองเท้าแยกออกมาทำความสะอาดต่างหาก [14]
    • หากคุณกังวลว่าคุณอาจหาเชือกรองเท้าไม่เจอเมื่อซักทำความสะอาดในเครื่องซักผ้า ให้คุณนำเชือกรองเท้าทั้งสองเส้นใส่รวมกันในปลอกหมอนมีซิปหรือถุงซักถนอมผ้าไว้เพื่อไม่ให้หายไป [15]
  2. เริ่มจากเช็ดอ่างล้างมือด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดและล้างด้วยน้ำเปล่าเพื่อให้แน่ใจว่าอ่างล้างมือสะอาดหมดจด จากนั้นเปิดทั้งก๊อกน้ำร้อนและก๊อกน้ำเย็นพร้อมๆ กันก่อนปรับระดับความร้อนและความเย็นตามความเหมาะสมเพื่อให้ได้น้ำที่อุ่นตามต้องการ ปิดด้วยจุกปิดท่อระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำไหลลงในท่อน้ำทิ้งและเปิดน้ำให้สูงขึ้นมาประมาณ ¾ ของอ่างล้างมือ [16]
  3. เติมน้ำยาซักผ้า ½ ช้อนโต๊ะ (7.4 มิลลิลิตร) ลงในน้ำ. ใช้ช้อนตวงตวงน้ำยาซักผ้าให้ได้ปริมาณ ½ ช้อนโต๊ะและเติมลงไปในน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ ใช้มือหรือช้อนคนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำยาซักผ้าละลายจนเกิดฟองสบู่ในน้ำ [17]
    • คุณยังสามารถผสมน้ำยาซักผ้าได้โดยเทน้ำยาซักผ้าลงไปพร้อมเปิดน้ำให้ไหลผ่านในขณะที่คุณกำลังเติมน้ำอุ่นใส่อ่างล้างมือ
  4. จุ่มรองเท้าลงไปในอ่างล้างมือและขัดด้วยแปรงสีฟัน. แช่รองเท้าไว้ในน้ำที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ในระหว่างการขัดทำความสะอาด จุ่มแปรงสีฟันสะอาดลงไปในน้ำสบู่ให้ชุ่มน้ำและนำไปขัดตรงบริเวณที่เกิดคราบเหลืองบนรองเท้าแต่ละข้างอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งคราบเหลืองเริ่มจางลง [18]
    • ในระหว่างที่กำลังขัดทำความสะอาดรองเท้าข้างหนึ่ง ให้คุณแช่รองเท้าอีกข้างหนึ่งทิ้งไว้ในน้ำสบู่
  5. เปิดใช้งานเครื่องซักผ้าโดยตั้งโปรแกรมซักแบบถนอมผ้าและรอให้น้ำไหลเข้าถังปั่น. หลังจากที่คราบเหลืองเริ่มจางลงแล้ว ให้คุณนำรองเท้าขึ้นจากน้ำสบู่และใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า จากนั้นตั้งค่าการซักด้วยน้ำอุ่นและความเร็วรอบปั่นต่ำก่อนกดปุ่มเริ่มต้นเพื่อเริ่มการซัก [19] ปล่อยให้น้ำไหลเข้าเครื่องซักผ้าสักพักก่อนที่จะเติมน้ำส้มสายชู
    • คุณไม่จำเป็นต้องล้างคราบฟองสบู่ออกก่อนนำรองเท้าไปซักในเครื่องซักผ้า
  6. เติมน้ำส้มสายชู ½ ถ้วย (120 มิลลิลิตร) ลงไปในถังซักผ้า. เมื่อเครื่องซักผ้าเริ่มทำงานและเติมน้ำจนเต็มถังปั่นแล้ว ให้คุณเปิดฝาเครื่องเล็กน้อยและเทน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยลงไปในน้ำ จากนั้นจึงปิดฝาเครื่องแล้วปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำการซักตามปกติจนเสร็จสมบูรณ์ [20]
    • การเติมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำที่เคลื่อนที่ไปมาจะช่วยเพิ่มแรงในการสลายคราบเหลืองให้หลุดออกง่ายยิ่งขึ้นและทำให้รองเท้าของคุณกลับมาดูขาวสดใสเช่นเดิม
    • น้ำส้มสายชูยังมีประสิทธิภาพในการขจัดกลิ่นเหม็นบนรองเท้าได้ดีอีกด้วย [21]
  7. หยิบรองเท้าออกจากเครื่องซักผ้าและตากให้แห้งสนิท. เมื่อเครื่องซักผ้าสิ้นสุดการซักลงแล้ว ให้คุณหยิบรองเท้าออกจากเครื่องซักผ้าก่อนนำไปผึ่งลมให้แห้งโดยวางไว้บนผ้าขนหนูหรือบนราวตากผ้า หรือจะนำรองเท้าเข้าเครื่องอบผ้าที่ตั้งความร้อนไว้ที่ระดับต่ำนาน 30 นาทีก็ได้เช่นกัน
    • หากรองเท้ายังคงไม่แห้งสนิทหลังผ่านไป 30 นาที ให้คุณนำรองเท้าใส่กลับเข้าไปในเครื่องอบผ้าอีก 30 นาทีโดยตั้งความร้อนไว้ที่ระดับต่ำเช่นเดิม
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากต้องการทำความสะอาดรองเท้าสีขาวด้วยน้ำยาฟอกขาว คุณควรเจือจางน้ำยาฟอกขาวกับน้ำเปล่าเสียก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบเหลืองบนรองเท้าของคุณได้ โดยคุณสามารถเจือจางน้ำยาฟอกขาวได้ง่ายๆ โดยผสมน้ำยาฟอกขาว ¼ ถ้วย (60 มิลลิลิตร) ต่อน้ำเปล่า 1 แกลลอน (4 ลิตร) [22]
  • หากคราบเหลืองยังคงไม่หลุดออกหลังการทำความสะอาดด้วยเกลือ ครีมออฟทาร์ทาร์ หรือน้ำยาซักผ้าและน้ำส้มสายชูตามขั้นตอนด้านบน คุณอาจต้องนำรองเท้าของคุณเข้ารับบริการทำความสะอาดจากร้านซักแห้งแทน เนื่องจากร้านซักแห้งจะมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะที่อาจช่วยให้คราบเหลืองบนรองเท้าของคุณจางลงได้ [23]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

ขัดด้วยเกลือและน้ำร้อน

  • เกลือ
  • น้ำร้อน
  • ชามใบเล็ก
  • แปรงสีฟันสะอาด

แช่ในสารละลายครีมออฟทาร์ทาร์

  • ครีมออฟทาร์ทาร์
  • น้ำร้อน
  • ภาชนะทนความร้อนขนาดใหญ่

ซักด้วยน้ำยาซักผ้าและน้ำส้มสายชู

  • น้ำยาซักผ้า
  • น้ำส้มสายชู
  • อ่างล้างมือ
  • น้ำเปล่า
  • แปรงสีฟันสะอาด
  • เครื่องซักผ้า

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,253 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา