ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การขอผู้ชายเป็นแฟนอาจเป็นเรื่องน่ากลัว แต่มันก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเป็นแบบนั้นสักหน่อย ขอแค่คุณมีชุดความคิดที่ถูกต้อง คุณก็สามารถพูดคุยเรื่องอนาคตความสัมพันธ์กับพ่อหนุ่มคนนั้นแบบจริงจังโดยไม่ต้องเครียดได้แล้ว

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทบทวนว่าตัวเองพร้อมหรือยัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การตัดสินใจที่จะผูกมัดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่ว่าคุณจะพร้อมที่ผูกมัดหรือไม่ก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งแต่ละความสัมพันธ์ก็ไม่เหมือนกัน และคุณก็อาจจะคาดหวังบางอย่างจากความสัมพันธ์อยู่แล้ว [1] ลองถามตัวเองว่า :
    • ฉันรู้สึกอย่างไรกับเขา เวลาอยู่ด้วยกันฉันตื่นเต้นหรือเปล่า ฉันคิดถึงเขาไหมเวลาที่เขาไม่อยู่
    • ตอนนี้ฉันรับมือกับการแบ่งเวลาให้กับความสัมพันธ์ที่จริงจังได้ไหม ฉันอยากได้ความสัมพันธ์แบบไหน [2]
    • เราเคยทะเลาะกันมาก่อนไหม ถ้าเคย เรารับมือกับมันได้ดีแค่ไหน [3]
    • เขาให้เกียรติฉันหรือเปล่า มีสัญญาณเตือนที่ฉันกังวลบ้างไหม มีอะไรในตัวเขาที่ฉันไม่แน่ใจหรือเปล่า ฉันไว้ใจเขาไหม [4]
    • ฉันรู้สึกอย่างไรกับการมีคู่ครองคนเดียว ฉันอยากจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับคนๆ เดียวหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันยินดีที่จะคบกับผู้ชายคนนี้เพียงคนเดียวหรือไม่ ถ้าไม่ ทั้งสองฝ่ายเปิดใจให้กับความสัมพันธ์แบบมีคนรักหลายคนหรือเปล่า
    • ฉันจะขอเขาเป็นแฟนเพราะเขาทำให้ฉันมีความสุข หรือเพราะคนอื่นกดดันให้ฉันมีแฟนกันแน่
  2. การขอผู้ชายเป็นแฟนเร็วเกินไปอาจทำให้เขากลัวได้ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน แต่ถ้ารอนานเกินไปมันก็อาจจะสร้างความสับสนและทำร้ายจิตใจกันได้ เนื่องจากว่าแต่ละความสัมพันธ์นั้นไม่เหมือนกันเลย จึงไม่สามารถระบุเวลาได้ตายตัวว่าคุณควรรอนานแค่ไหนถึงจะขอเขาเป็นแฟนได้ เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง ถ้ารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้ว มันก็คงถึงเวลาแล้วจริงๆ
    • ถ้าคุณเพิ่งเจอผู้ชายคนนี้ คุณก็อาจจะ ไปเดตกันสัก 2-3 ครั้ง ก่อนขอเขาเป็นแฟน เพราะคุณอาจจะไม่ได้อยากผูกมัดกับคนที่คุณเพิ่งเจอ
    • หลายคนขออีกฝ่ายเป็นแฟนจริงจังหรือคบกันแค่สองคนหลังจากเดตกันได้ประมาณ 6 ครั้งหรือ 1 เดือน [5]
    • บางคนรอจนกระทั่งเดตไปแล้ว 3 เดือนค่อยคุยกัน
    • ถ้าคุณคบกันทางไกล คุณอาจจะเริ่มคุยเรื่องนี้กันตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะมันจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าต้องทำตัวอย่างไรเวลาที่อยู่ไกลกัน [6]
  3. คุณควรมีอะไรที่บอกคุณได้บ้างว่าเขารู้สึกอย่างไรกับคุณ ซึ่งวิธีเดียวที่จะมั่นใจว่าเขารู้สึกกับคุณอย่างไรแน่ๆ ก็คือถามเขา แต่ทั้งนี้คุณก็สามารถสังเกตสัญญาณที่อาจจะบ่งบอกถึงความรู้สึกของเขาได้เช่นเดียวกัน
    • ถ้าเขาพูดถึงแผนการในอนาคต ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะตั้งใจจะคบกับคุณสักพัก [7]
    • ถ้าเขาโม้เรื่องคุณให้คนอื่นฟังโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพื่อนๆ ของเขา ก็อาจจะบ่งบอกว่าเขาภูมิใจที่ได้คบกับคุณ [8]
    • ถ้าเขาส่งข้อความว่าคุณเป็นอย่างไรบ้างตลอดทั้งวัน ก็อาจจะแปลว่าเขาคิดถึงคุณบ่อยๆ [9]
    • ถ้าคุณเจอกันสัปดาห์ละหลายครั้งและใช้เวลาร่วมกันในวันหยุด ก็อาจเป็นสัญญาณว่าเขาเริ่มลงทุนกับคุณมากขึ้น [10]
  4. แม้ว่าคุณจะหวังให้เขาตกลงเป็นแฟนกับคุณ แต่ก็นึกไว้ด้วยว่าเขาอาจจะปฏิเสธก็ได้ เขาอาจจะไม่พร้อมที่จะคบกับคุณจริงจังหรือไม่เขาก็อาจจะไม่ชอบคำแสดงสถานะหรือการใช้คำมาแปะป้ายเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ ลองคิดดูว่าคุณจะตอบรับคำปฏิเสธอย่างไร
    • ถ้าคุณต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจังกับใครสักคนที่คุณพร้อมจะผูกมัดกับคุณ คุณก็อาจจะต้องแยกทางกับเขาถ้าเขาปฏิเสธ วิธีนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้คุณได้เจอคนที่ต้องการความสัมพันธ์แบบจริงจังเหมือนกัน
    • ถ้าคุณพอใจกับความสัมพันธ์ คุณก็อาจจะตัดสินใจรักษาสถานะในปัจจุบันไว้ก่อนจนกว่าเขาจะพร้อมเป็นแฟนกับคุณ
    • ถ้าคุณมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งให้กับผู้ชายคนนี้จริงๆ คุณก็อาจจะต้องตัดสินใจว่า หลังจากนี้คุณยังอยากใช้เวลาร่วมกับเขาอยู่ไหม คุณอาจจะตัดสินใจเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ หรือคุณอาจจะตัดสินใจตัดขาดการติดต่อจนกว่าคุณจะลืมเขาได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันจะง่ายกว่าถ้าคุณรู้ว่าตัวเองจะถามเขาเมื่อไหร่ คุณสามารถซ้อมพูดคุยได้ล่วงหน้า หรือรู้ว่าเวลาไหนที่เหมาะจะเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่มีเวลาเหมาะสมที่ตายตัวว่าเมื่อไหร่ที่ควรขอผู้ชายเป็นแฟน เพราะฉะนั้นให้ประเมินสถานการณ์ส่วนตัวอย่างรอบคอบ
    • บางคนวางแผนเดตพิเศษและไม่พูดเรื่องนี้จนกว่าจะถึงตอนท้าย แต่บางคนก็รู้สึกว่าการพูดคุยเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเวลาที่เขาสองคนใช้เวลาร่วมกันตามลำพังมากกว่า แต่ไม่ว่าจะแบบไหน คุณก็ควรเลือกวันพิเศษไว้ล่วงหน้า
    • อย่าขอเขาเป็นแฟนตอนที่เขากำลังเครียด ไม่พอใจ หรือยุ่งอยู่ เขาอาจจะอึ้งกับคำถามของคุณ และมันก็อาจจะมีผลกับคำตอบของเขาก็ได้ [11]
    • ถ้าคุณรู้สึกประหม่า วิตกกังวล หรือกระวนกระวาย คุณก็สามารถซ้อมสิ่งที่คุณจะพูดล่วงหน้าได้ ลองเริ่มบทสนทนาและถามคำถามหน้ากระจก [12]
  2. คุณอาจจะอยากส่งข้อความหรือทักแชตไปถามเขามากกว่า แต่คำถามแบบนี้ถามต่อหน้าจะดีที่สุด เพราะการคุยแบบต่อหน้าทำให้คุณได้สำรวจทางเลือกต่างๆ ของความสัมพันธ์ และถ้าเขามีคำถามหรือความกังวลอะไร คุณก็สามารถจัดการเรื่องนี้ด้วยกันได้ [13]
    • ถ้าคุณคบกันทางไกล การเจอกันแบบต่อหน้าก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าคุณจะคุยกันเรื่องนี้ตอนที่มาเจอกัน คุณอาจจะรอจนกว่าจะแยกกันค่อยถาม เผื่อว่าคุณได้รับคำตอบที่ไม่ตรงใจกลับมา แต่ถ้าคุณคุยกันแบบต่อหน้าไม่ได้จริงๆ การโทรหาเขาก็เป็นทางเลือกที่ดีรองลงมา
  3. ไม่มีกฎตายตัวว่าคุณควรจะคุยเรื่องความสัมพันธ์กันที่ไหน แต่มันก็ควรเป็นที่ที่คุณทั้งคู่สามารถแสดงความรู้สึกและพูดคุยเรื่องอนาคตด้วยกันได้ ลองคิดดูว่าที่ไหนที่เหมาะกับคุณและเขา
    • คุณอาจจะคุยเรื่องนี้กันตอนที่คุณสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง คุณอาจจะเกริ่นเข้าคำถามระหว่างที่เดินเล่นด้วยกันบนชายหาด ที่สวนสาธารณะ หรือในบ้านใครสักคนก็ได้
    • ถ้ามีสถานที่ที่พิเศษสำหรับคุณสองคน เช่น ที่ที่คุณไปเดตกันครั้งแรกหรืออนุสาวรีย์โปรดของคุณ คุณก็อาจจะเลือกคุยเรื่องนี้ที่นั่นเพื่อให้มันน่าจดจำยิ่งขึ้น
    • อย่าถามเขาตอนที่เขากำลังสนใจอย่างอื่นอยู่ อย่าถามตอนเขาดูหนัง ตอนที่คุณสองคนออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือตอนที่เขาทำงานอยู่
    • ถ้าคุณถามเขาตอนที่คุณอยู่ในรถด้วยกันหรือกินข้าวด้วยกันในร้านอาหาร เขาอาจจะรู้สึกเหมือนติดกับ เพราะฉะนั้นให้คุยกันเรื่องนี้ในสถานที่ที่คุณทั้งคู่รู้สึกสบายใจ [14]
  4. ระหว่างที่คุณสองคนใช้เวลาด้วยกันในวันที่คุณวางแผนเอาไว้ คุณควรจะสงบสติอารมณ์ให้ผ่อนคลาย รอจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมค่อยเกริ่นเรื่อง รอจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่คุณรู้สึกว่ามัน “ใช่” หรือ “พิเศษ” แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าแบบไหนที่เรียกว่าใช่หรือพิเศษ ก็มีแนวทางพื้นฐานที่คุณสามารถเก็บไปพิจารณาได้
    • ถ้าเขาชมคุณ คุณก็อาจจะชมเขากลับ เริ่มบทสนทนาว่าคุณชอบอะไรในตัวกันและกัน วิธีนี้เป็นการพูดเข้าเรื่องความสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติ
    • ถ้ามันมีช่วงที่ต่างคนต่างเงียบ คุณก็อาจจะเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมา บอกว่าตอนนี้คุณมีความสุขแค่ไหน และดูว่าจะมีการคุยเรื่องนี้ผุดขึ้นมาหรือเปล่า
    • พอถึงช่วงท้ายของการเดตหรือก่อนแยกย้ายหลังจากใช้เวลาร่วมกัน คุณก็อาจจะพูดว่า “ก่อนที่คุณจะกลับ ฉันขอคุยอะไรกับคุณหน่อยสิ”
  5. ถ้าการพยายามทำให้คุณได้เรียกเขาว่า “แฟน” สักทีไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญมากขนาดนั้น คุณก็อาจจะรอเพื่อดูว่าเขาจะเป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้ก่อนหรือเปล่า วิธีนี้ยังช่วยให้คุณรู้สึกได้ว่า เขาสบายใจกับการใช้คำแสดงสถานะหรือการใช้คำมาแปะป้ายความสัมพันธ์หรือเปล่า และมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้ถ้าคุณเองก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง หรือถ้าคุณคิดว่าเขาเองยังไม่แน่ใจเรื่องความสัมพันธ์
    • แต่ก็อย่ารอเขาเป็นฝ่ายถามก่อนไปตลอดกาล กำหนดวันที่เอาไว้ก่อนที่คุณจะถามเขา เช่น คุณอาจจะให้เวลาเขา 1 เดือนก่อนเป็นฝ่ายถามเขาเอง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ถามคำถาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกผู้ชายว่าคุณชอบอะไรในตัวเขา คำเยินยอจะทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและทำให้คุณถามเกริ่นเรื่องความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้นด้วย คำชมเกี่ยวกับอารมณ์ขัน ความฉลาด หรือความใจดีเป็นวิธีที่ดีในการส่งสัญญาณว่า คุณคิดอย่างไรกับเขา [15]
    • คุณอาจจะพูดว่า “คุณรู้ไหม คุณตลกมากเลย ฉันไม่เคยเจอผู้ชายแบบคุณมาก่อน”
    • อีกหนึ่งคำชมที่ดีก็คือ “คุณเป็นคนเอาใจใส่ ฉันประทับใจในสิ่งที่คุณทำมากๆ”
    • ถ้าเขายิ้ม พูดขอบคุณ หรือชมคุณกลับ ก็อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับคุณ
  2. เมื่อคุณเริ่มเกริ่นในช่วงที่บรรยากาศเป็นใจแล้ว คุณก็อาจจะเริ่มอธิบายความรู้สึกของคุณได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณได้รับการตอบสนองที่ดีกลับมาหลังจากกล่าวชมเขา คุณก็อาจจะอยากเจาะลึกเข้าไปในความรู้สึกของคุณ อธิบายว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับเขา คุณอาจจะอธิบายว่าที่ผ่านมาคุณมีความสุขเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน หรือว่าคุณเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้กับเขา
    • คุณอาจจะพูดว่า “ที่ผ่านมาฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับคุณ คุณไม่เหมือนใครเลยจริงๆ และฉันก็คิดเรื่องความสัมพันธ์ของเรามาพักใหญ่แล้ว”
    • ในจุดนี้คุณไม่ควรบอกไปว่าคุณรักเขา เพราะเขาอาจจะกลัวหรือกังวลว่าความสัมพันธ์มันจะพัฒนาเร็วเกินไป แต่คุณอาจจะบอกว่าคุณ “เริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้เขา” หรือว่าคุณ “ชอบ” เขาจริงๆ
  3. การถามเขาออกไปตรงๆ ว่า เขาพร้อมจะเป็นแฟนกับคุณหรือเปล่านั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งคุณก็สามารถเกริ่นเข้าคำถามนี้ได้หลายวิธีด้วยกันแล้วแต่สถานการณ์
    • คุณอาจจะถามเขาตรงๆ ด้วยการพูดว่า “คุณอยากทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราว คุณอยากเป็นแฟนกับฉันไหม”
    • ถ้าคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับสถานะของความสัมพันธ์ คุณก็อาจจะถามออกไปว่า “คุณว่าความสัมพันธ์ของเราจะไปทางไหนต่อ”
    • ถ้าคนใดคนหนึ่งเดตกับคนหลายคน คุณก็อาจจะถามว่า “คุณอยากจะคบฉันแค่คนเดียวไหม”
    • ถ้าคุณอยากจะเข้าใจว่าเขามองคุณอย่างไร คุณก็อาจจะพูดออกไปว่า “ ฉันอยากรู้ว่าจะต้องบอกคนอื่นยังไงเวลาที่มีคนถามว่าตกลงเราเป็นอะไรกัน คุณจะพูดว่าคุณเป็นแฟนกับฉันหรือเปล่า”
  4. คุณสองคนอาจจะมีความคิดเรื่องความสัมพันธ์ที่มั่นคงไม่เหมือนกันก็ได้ เขาอาจจะพร้อมคบกับคุณคนเดียวแต่อาจจะยังไม่พร้อมไปเจอครอบครัวของคุณ เขาอาจจะอยากมีเซ็กส์แต่คุณอยากรอก่อน เวลาที่คุยกัน คุณสองคนควรพูดออกมาให้ชัดเจนเลยว่า คุณคาดหวังอะไรจากการคบกัน [16]
    • คุณอาจจะเข้าเรื่องด้วยการถามเขาว่า “การเป็นแฟนหมายถึงอะไรในความคิดของคุณ”
    • ตอบคำถามอย่างซื่อสัตย์ถ้าเขาถามว่า คุณคาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์ เช่น คุณอาจจะพูดว่า "ฉันคาดหวังว่าผู้ชายจะรักเดียวใจเดียวและซื่อสัตย์กับฉัน ฉันยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานหรอก แต่ฉันก็อยากสำรวจความเป็นไปได้ของความสัมพันธ์ที่จริงจังกว่านี้"
  5. เขาอาจจะรู้สึกกดดันหรืออึดอัดกับคำถาม ถ้าเขาดูกังวล ไม่สบายใจ หรือลังเล คุณก็อาจจะให้เวลาเขาสักวันสองวันเพื่อทบทวนคำตอบ ถึงมันจะดูเหมือนว่าเขาพยายามที่จะไม่ผูกมัด แต่เขาก็อาจจะแค่ต้องการเวลาคิดทบทวนว่าเขาพร้อมหรือยังเท่านั้นเอง [17]
    • คุณอาจจะพูดว่า “ถ้าคุณขอเวลาคิดดูก่อน ก็ตามสบายเลยนะ ค่อยๆ คิดก่อนตัดสินใจ”
    • ถ้าเขาขอพื้นที่ส่วนตัว ก็ให้พื้นที่กับเขา คุณอาจจะพูดว่า “คุณคิดว่าคุณต้องใช้เวลาคิดเรื่องนี้นานเท่าไหร่” และพยายามอย่าถามเรื่องนี้อีกจนกว่าจะเลยเวลานั้นไปแล้ว
    • ถ้าเขาไม่ได้กำหนดช่วงเวลามาให้ คุณก็อาจจะถามเขาอีกครั้งหลังจากผ่านไปแล้ว 2-3 วัน ถามเขาว่า “ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ของเราแล้วหรือยัง คุณตัดสินใจได้แล้วหรือยังว่าเรายืนอยู่จุดไหน”
    • อย่าส่งข้อความ โทรหา หรือทักแชตเพื่อคุยเรื่องนี้อย่างบ้าคลั่ง ถ้าเขาไม่ได้ตอบกลับมาแบบตรงไปตรงมาในทันที คุณก็อาจจะส่งข้อความหาเขาหลังจากถามคำถามไปแล้ว หรือถามอีกครั้งหลังจากผ่านไปแล้ววันสองวัน ให้พื้นที่กับเขาถ้าเขาต้องใช้พื้นที่ในการตัดสินใจ
  6. ถ้าเขาบอกว่าเขาไม่อยากเป็นแฟนกับคุณ พยายามคิดบวกเข้าไว้ พยายามยิ้มออกมาและบอกเขาว่าคุณเข้าใจ เขาอาจจะพอใจกับการมีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดต่อไปหรือเขาอาจจะจบทุกอย่างตรงนี้ ทบทวนความรู้สึกของตัวเองก่อนตัดสินใจ
    • ถ้าเขาอยากจะจบความสัมพันธ์ตรงนี้ ให้เคารพสิ่งที่เขาเลือก ขอบคุณเขาสำหรับเวลาที่ผ่านมาร่วมกัน แต่ก็บอกเขาด้วยว่าคุณเข้าใจ คุณอาจจะพูดว่า “ฉันเสียใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่ที่ผ่านมาอยู่กับคุณแล้วสนุกมากเลย ฉันขอให้คุณโชคดีนะ”
    • ถ้าเขาอยากมีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดต่อไปแต่คุณอยากยุติความสัมพันธ์ตรงนี้ คุณก็อาจจะพูดว่า “ฉันว่าถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ควรมาเจอกันแล้วดีกว่า” ถ้าเขาถามว่าทำไม ก็แค่พูดออกไปว่า “เพราะดูเหมือนว่าเราไม่ได้ต้องการสิ่งเดียวกัน”
    • เขาอาจจะบอกว่าเขายังอยากเป็นเพื่อนกับคุณอยู่ อย่าตอบตกลงยกเว้นว่าคุณจะเต็มใจเป็นแค่เพื่อนกับเขาจริงๆ ถ้าคุณรู้สึกว่ามันยาก ก็บอกไปตรงๆ ว่า “ฉันว่ามันไม่น่าจะโอเคสำหรับฉันหรอก คุณเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยนะ แต่ฉันคิดว่าฉันต้องการพื้นที่ส่วนตัว”
    • ผู้ชายบางคนอาจจะ “เท” คุณหรือเลิกติดต่อกับคุณ และเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะรู้สึกไม่โอเค แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ชอบคุณเสมอไป เขาอาจจะแค่รู้สึกกระอักกระอ่วนกับสถานการณ์นี้ก็ได้ [18]
    โฆษณา

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

' ถ้าคุณอยากขอผู้ชายเป็นแฟน ให้ทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อให้รู้ว่า เขารู้สึกอย่างไร :

  • ตรงไปตรงมา มันอาจจะฟังดูน่ากลัว แต่วิธีที่ดีที่สุดในการขอผู้ชายเป็นแฟนก็คือ การพูดออกมาว่าคุณรู้สึกอย่างไร และคุณอาจจะถามคำถาม เช่น "คุณวางแผนเรื่องของเราไว้ยังไง" หรือ "คุณคิดว่าความสัมพันธ์ของเราจะไปทางไหน"
  • ถามเขาถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้า ในการจะเข้าเรื่องเพื่อขอผู้ชายเป็นแฟนนั้น ให้ลองถามเขาก่อนว่า กับแฟนคนแรกเขาใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเขากับคนรักจะตกลงคบกัน วิธีนี้จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่า เขาใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะเริ่มชอบใครสักคน
  • สังเกตปฏิกิริยาของเขา เวลาที่คุณชวนใครสักคนไปเดต จำไว้ว่าการไม่ตอบคือคำตอบในตัวเอง ถ้าเขาพูดประมาณว่า "อ๋อ คือผมพยายามทบทวนตัวเองอยู่น่ะ" ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะไม่ได้อยากไปเดตกับคุณ แต่ก็ไม่มั่นใจพอที่จะพูดออกมาตรงๆ

เคล็ดลับ

  • แต่ละความสัมพันธ์ดำเนินไปตามเงื่อนไขและช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ไม่ต้องรู้สึกกดดันหรืออับอายที่ความสัมพันธ์ของคุณไม่ได้ก้าวหน้าเร็วเท่ากับความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ
  • ถ้าคุณเพิ่งเจอคนที่คุณชอบ อย่ารีบร้อน ทำความรู้จักกับเขาและอาจจะลองใช้เวลาร่วมกันก่อน
  • บอกความคาดหวังที่มีต่อความสัมพันธ์อย่างชัดเจน จะได้ไม่มีใครเจ็บปวด
  • หลังจากที่คบกันได้สักพัก ให้เว้นระยะก่อนเข้าสู่ความสัมพันธ์ขั้นถัดไป แม้ว่าแต่ละความสัมพันธ์จะดำเนินไปตามความเร็วของตัวเอง แต่เขาก็อาจจะยังไม่พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปที่จริงจังมากขึ้น เช่น ไปพบพ่อแม่ของคุณหรือย้ายไปอยู่กับคุณก็ได้
โฆษณา

คำเตือน

  • เป็นเรื่องปกติที่คุณจะเสียใจ ไม่พอใจ หรือหดหู่หลังจากถูกปฏิเสธ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองด้วยการทำกิจกรรมที่คุณชอบ และใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆ
  • อย่าไประรานหรือก่อกวนผู้ชายเพื่อให้เขามาเป็นแฟนกับคุณ ถ้าเขาไม่สนใจ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือก้าวเดินต่อไป
  • อย่าโกรธถ้าเขาไม่อยากเป็นแฟนกับคุณ เพราะอาจจะมีเหตุผลมากมายที่ทำให้เขาต้องปฏิเสธ เขาอาจจะยังไม่อยู่ในจุดที่พร้อมจะมีความสัมพันธ์ หรือคุณสองคนอาจจะไม่เหมาะสมกันก็ได้
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,495 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา