ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอยากขอพรจากพระเจ้า แต่ไม่รู้ว่าจะขออย่างไรดี แม้ว่าพระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของคุณ แต่พระองค์ก็อาจจะไม่ได้ให้ในสิ่งที่คุณต้องการเสมอไป คุณต้องสรรเสริญพระเจ้าและขออภัยต่อบาปก่อนที่คุณจะขอพรจากพระองค์ ขอให้พระเจ้าทรงกระทำตามประสงค์ของพระองค์ นอกจากนี้เวลาขอพรจากพระเจ้า คุณต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาและเจาะจงว่าคุณต้องการอะไร อดทนและจงเชื่อว่าพระเจ้าจะประทานพรให้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

.ใกล้ชิดสนิทพระเจ้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของคุณเสมอไม่ว่าคุณจะติดตามพระองค์หรือไม่ก็ตาม แต่พระองค์มักจะตอบผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพระองค์มากกว่า ถ้าคุณยังไม่ได้เริ่มอ่านคำตรัสของพระเจ้าและไม่เคยติดตามพระเยซู คุณควรเริ่มต้นขั้นตอนนี้ก่อนขอพรจากพระเจ้า เรียนรู้ที่จะรับฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่พระองค์ขอจากคุณ [1]
    • ที่กล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าจะไม่ประทานสิ่งที่คุณขอหากคุณไม่ใช่สาวกของพระองค์ แต่หมายความว่าคุณจะสามารถสื่อสารกับพระองค์ได้ดีกว่าหากคุณใกล้ชิดสนิทพระองค์
    • ลองคิดถึงความแตกต่างระหว่างคนแปลกหน้ากับเพื่อนสนิท ระหว่างเพื่อนกับคนแปลกหน้าตามถนนมาขอเงินคุณ คุณย่อมมีแนวโน้มที่จะให้เงินเพื่อนมากกว่า แม้จะไม่ใช่การเปรียบเปรยที่ถูกต้องนัก แต่ก็พอเข้าใจ
  2. เมื่อคุณกล่าวอธิษฐานกับพระเจ้า อย่าเข้าเรื่องขอพรทันที คุณควรกล่าวสรรเสริญพระองค์และขอบคุณสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำ สรรเสริญความรักและอานุภาพของพระองค์ ขอบคุณพระองค์ที่คอยนำทางและอำนวยพรแก่คุณ การเริ่มต้นอย่างนี้จะทำให้พระเจ้ารู้ว่า พระองค์ไม่ใช่แค่คนที่คุณจะมาขอพรด้วยอย่างเดียว [2]
    • สรรเสริญและขอบคุณพระองค์อย่างจริงใจ ไม่ใช่แค่ประจบสอพลอเพื่อให้ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ คุณต้องหมายความตามที่คุณอธิษฐานจริงๆ
    • เริ่มจากการกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ตื้นตันใจมากที่พระองค์ทรงดูแลและมอบสิ่งต่างๆ ให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ซาบซึ้งที่พระองค์ทรงมีอานุภาพยิ่งและไม่เคยทอดทิ้งข้าพระองค์”
  3. หลังจากที่คุณสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้าแล้ว คุณต้องแน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพระเจ้าดำเนินไปได้ด้วยดี ถ้าคุณยังคงกระทำบาปหรือเพิ่งทำบาปเมื่อไม่นานมานี้ เท่ากับว่าคุณแยกทางกับพระเจ้า คุณต้องสารภาพและหันหลังให้บาปเหล่านั้น วิธีนี้จะช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่แตกหักกับพระเจ้าให้คืนกลับมา [3]
    • เหตุผลว่าทำไมขั้นตอนนี้จึงสำคัญมากก็เพราะว่า การทำบาปคือการทำสิ่งที่ขัดต่อพระประสงค์ที่พระองค์อยากให้คุณทำ เมื่อคุณทำบาปก็เท่ากับว่าคุณแยกทางกับพระเจ้า
    • ในการสารภาพและสำนึกบาปนั้นก็แค่ทูลพระเจ้าว่า คุณรู้ว่าคุณได้กระทำบาป คุณเสียใจ และคุณอยากเปลี่ยนแปลง
    • อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์เสียใจที่หยาบคายใส่เพื่อนบ้าน ข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ก็รักเขาเหมือนกัน และข้าพระองค์ควรปฏิบัติต่อเขาอย่างที่พระองค์ต้องการ ข้าพระองค์จะพยายามอดทนและมีเมตตากับเขาให้มากกว่านี้”
  4. ขอให้พระเจ้าอภัย . การขอให้พระเจ้าอภัยคุณจากบาปเหล่านั้นมาคู่กับการสารภาพและสำนึกบาป การทูลขอการอภัยเป็นขั้นตอนที่ต้องทำหลังจากสารภาพบาป เมื่อพระเจ้าทรงอภัยให้คุณแล้ว เส้นทางการสื่อสารระหว่างคุณกับพระเจ้าก็จะเปิดกว้างยิ่งขึ้น [4]
    • การอธิษฐานเพื่อขอให้พระเจ้าอภัยให้คุณนั้นไม่มีบทสวดที่ตายตัว ทูลพระเจ้าว่าคุณเสียใจและอยากให้พระองค์อภัยที่คุณกระทำผิดต่อพระองค์
    • อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์เสียใจที่โกหกว่าเมื่อคืนนี้ทำอะไร ข้าพระองค์ไม่ควรทำแบบนั้นเลย ได้โปรดอภัยให้ความไม่ซื่อสัตย์ของข้าพระองค์ด้วย”
  5. ถ้าคุณโกรธหรือทำร้ายใคร คุณก็จะอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ได้ยาก หาเวลาทบทวนความสัมพันธ์ที่ไม่เข้ารูปเข้ารอยสักนิดและพยายามแก้ไขความสัมพันธ์เหล่านั้นก่อน การแก้ไขปัญหาระหว่างคุณกับคนอื่นจะยิ่งช่วยเปิดทางในการขอพรจากพระเจ้า [5]
    • แค่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างเดียวนั้นไม่พอหากคุณไม่ได้พยายามที่จะแก้ไข ติดต่อหาคนๆ นั้นและพยายามประนีประนอมก่อนเข้าหาพระเจ้า
    • ขอโทษหรือให้อภัยเขา แล้วแต่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณสองคน
  6. หากคุณมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า คุณก็อาจจะมีสิ่งชั่วร้ายที่คอยขัดขวางไม่ให้คุณเข้าถึงพระเจ้า อธิษฐานให้พระเจ้าปัดเป่าวิญญาณที่คอยขัดขวางให้คุณเหินห่างจากพระองค์ ความขัดแย้งทางจิตวิญญาณจะทำให้คุณไม่สามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้ [6]
    • การค้นหาว่าความขัดแย้งทางจิตวิญญาณที่ว่านั้นคืออะไร ส่งผลอย่างไรต่อชีวิตการอธิษฐานและการมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าถือเป็นการสละเวลาที่คุ้มค่า
    • อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รู้สึกได้ว่ามีสิ่งชั่วร้ายอยู่รอบตัว ในนามของพระเยซู ได้โปรดปัดเป่าดวงวิญญาณเหล่านั้นไม่ให้มากล้ำกรายระหว่างเรา บอกพวกมันว่าพวกมันควบคุมข้าพระองค์ไม่ได้”
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ขอในสิ่งที่คุณต้องการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกความรู้สึกของคุณกับพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์. พระเจ้าทรงรู้ทุกอย่างที่คุณคิดและรู้สึก เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณต้องปิดบัง ขณะที่คุณขอพรจากพระเจ้า ให้พูดทุกอย่างที่คุณคิดและรู้สึกอย่างซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์จะช่วยเปิดพระกรรณของพระเจ้าให้ได้ยินคำอธิษฐานของคุณ
  2. บอกพระเจ้าว่าคุณต้องการหรือมีความจำเป็นเรื่องอะไร และขอให้พระองค์มอบสิ่งนั้นให้คุณ คุณต้องระบุสิ่งที่คุณต้องการให้ชัดเจน แม้ว่าพระเจ้าจะรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการหรือมีความจำเป็นอะไร พระองค์ก็อยากให้คุณขอพระองค์เอง พระเจ้าตอบรับคำอธิษฐานที่คลุมเครือได้ แต่การร้องขออย่างชัดเจนจะทำให้ความผูกพันระหว่างคุณกับพระองค์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น [7]
    • แต่การร้องขออย่างเจาะจงก็ไม่ได้รับประกันว่า พระเจ้าจะทรงตอบรับคำขอของคุณในแบบที่คุณอยากให้พระองค์กระทำ เพราะพระองค์อาจเตรียมแผนการอื่นไว้ให้คุณ
    • กล่าวแก่พระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าเดือนนี้เพราะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ได้โปรดให้ข้าพระองค์ได้ทำงานล่วงเวลาเพื่อให้มีเงินไปจ่ายค่าเช่าด้วยเถิด”
    • จำไว้ว่าพระเจ้าจะไม่ให้สิ่งที่ขัดกับพระประสงค์ของพระองค์ ลองถามตัวเองและตรวจสอบในคัมภีร์ไบเบิลว่า สิ่งที่คุณขอนั้นขัดกับพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่
  3. ขอให้พระเจ้าทรงกระทำในแบบที่พระองค์ต้องการ. แม้ว่าคุณจะอยากขออะไรต่อมิอะไรจากพระเจ้า แต่สิ่งที่คุณควรอธิษฐานอีกข้อหนึ่งก็คือ ขอให้พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ต้องการในชีวิตของคุณ ขอให้พระองค์ขับเคลื่อนและใช้คุณอย่างที่พระองค์ต้องการ ไม่ใช่แค่ในแบบที่คุณต้องการเพียงอย่างเดียว ขอให้พระองค์ช่วยให้คุณต้องการในสิ่งที่พระองค์ประสงค์ให้คุณ [8]
    • การอธิษฐานแบบนี้มีประโยชน์หลายประการ เพราะแม้ว่าคุณจะรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการอะไร แต่พระเจ้าก็อาจเตรียมสิ่งอื่นไว้มากมายเกินกว่าที่คุณจะคิดได้ ถ้าคุณขอแต่สิ่งที่คุณต้องการ คุณก็อาจจะพลาดพรที่ยิ่งใหญ่กว่าจากพระเจ้า
    • ทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อยากเริ่มงานใหม่เดือนนี้เหลือเกิน แต่ข้าพระองค์ก็รู้ว่าพระองค์อาจจะมีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเตรียมไว้ให้ในช่วงนี้ ข้าพระองค์อธิษฐานให้ข้าพระองค์เห็นแผนการนั้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่ข้าพระองค์ต้องการก็ตาม”
  4. ถ้าคุณขอพรจากพระเจ้า คุณก็คงอยากให้พระองค์ทรงกระทำให้คุณโดยเร็ว การที่คุณซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าคือการที่คุณบอกพระองค์ว่า คุณอยากให้พระองค์ทรงกระทำโดยเร็ว พระองค์ทรงกระทำตามเวลาของพระองค์ เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วอย่างที่คุณต้องการ แต่การขอให้พระองค์ทรงเร่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเท่ากับว่าคุณบอกกับพระองค์อย่างซื่อสัตย์ว่าคุณต้องการอะไร [9]
  5. คัมภีร์ไบเบิลสอนว่านามของพระเยซูทรงยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่คุณอธิษฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่คุณขอพรจากพระองค์ ให้ปิดท้ายด้วยการพูดว่า “ข้าพระองค์ขออธิษฐานในนามของพระเยซู” วิธีนี้เป็นการยอมรับว่าพระเจ้าทรงกระทำผ่านพระเยซูและพระเยซูทรงยิ่งใหญ่ [10]
    • วิธีนี้ไม่ได้เป็นการพูดคำวิเศษ และไม่ควรใช้เพื่อเป็นการหาผลประโยชน์จากคำอวยพรของพระเจ้า แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่า คุณยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระเจ้าผ่านพระเยซู
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รอพระเจ้าตอบกลับคำอธิษฐาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จำไว้ว่าพระเจ้าทรงกระทำตามเส้นเวลาที่ต่างจากคุณ ถ้าพระองค์ไม่ได้ตอบรับรวดเร็วอย่างที่คุณหวัง อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวพระเจ้า รอจนกว่าจะถึงเวลาของพระองค์และจำไว้ว่า พระองค์อาจมีเหตุผลที่ไม่ตอบกลับรวดเร็วอย่างที่คุณต้องการ
  2. ระหว่างที่คุณรอให้พระเจ้าตอบกลับคำอธิษฐานของคุณ คุณต้องเคารพพระองค์และสรรเสริญพระองค์ต่อไป คุณต้องซาบซึ้งและบูชาพระองค์แม้ว่าคุณจะยังไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ ถ้าคุณสรรเสริญพระเจ้าต่อเมื่อพระเจ้ากระทำตามที่คุณต้องการ มันก็อาจจะไม่ใช่การสรรเสริญที่แท้จริง [11]
  3. เชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์. ถ้าคุณไม่เชื่อว่าพระเจ้าทรงมีอำนาจที่จะกระทำ คำอธิษฐานของคุณก็จะเสื่อมพลัง คุณต้องเชื่อว่าพระเจ้าได้ยินคุณและจะทรงกระทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ถ้าคำขอของคุณตรงกับแผนการของพระองค์ พระองค์ก็จะให้ตามที่คุณขอ แต่จำไว้ว่าพระองค์อาจจะไม่ได้ตอบรับในแบบที่คุณอยากให้พระองค์กระทำเสมอไป [12]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 45,200 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา