ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกแม้จะเป็นกระบวนการที่ยาวนาน แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างแน่นอน เมื่อคุณกลายเป็นคริสตชนคาทอลิกแล้ว คุณก็จะได้เข้าสู่โลกกว้างและดำเนินชีวิตตามคำสอนของคริสตจักร บทความนี้จะเล่าให้คุณฟังว่า การจะเป็นคริสตชนคาทอลิกนั้นต้องทำอะไรบ้าง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ค้นหาตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเป็นคริสตชนคาทอลิกจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณไปตลอดกาล ไม่เหมือนกับการตัดสินใจว่าจะเป็นฮิปสเตอร์หรือบริจาคร่างกายให้โรงพยาบาลดีหรือเปล่า แต่คริสตจักรคาทอลิกจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ จึงไม่ใช่สิ่งที่คุณจะทำแบบครึ่งๆ กลางๆ ได้ แน่นอนว่ามีการประดับประดาดวงไฟส่องสว่างมากมายในช่วงคริสต์มาส แต่สิ่งนั้นก็ไม่สามารถเป็นรากฐานของศรัทธาให้คุณได้ (แม้ว่าโดยแก่นแท้ของมันแล้วจะถือว่าใช่ก็เถอะ) [1]
    • คุณคุ้นเคยกับหลักคำสอนของคริสตจักรคาทอลิกถึงขั้นที่สามารถพูดได้ว่า คุณรู้ว่าคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือใช่ก็เยี่ยมเลย! อ่านหลักคำสอนต่อไป แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจ ให้หาเพื่อนหรือสมาชิกคณะนักบวชเพื่อสอบถามข้อมูล และแน่นอนว่ามีอินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถค้นหาข้อมูลได้เสมอ!
    • คุณเชื่อว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นพระเมสสิยาห์โดยแท้จริงหรือไม่ คุณศรัทธาในตรีเอกภาพที่ศักดิ์สิทธิ์อันประกอบด้วยพระบิดา พระบุตร และพระจิตหรือไม่ แล้วพระนางมารีย์พรหมจารีกับการแปรสารล่ะ เชื่อเหรอ ดีเลย! ไปต่อได้
  2. หนังสือคำสอน (คุณน่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าพระคัมภีร์ไบเบิลคืออะไร) โดยพื้นฐานแล้วก็คือ ชุดหลักคำสอนสำหรับคริสตชนคาทอลิกที่อยู่ในรูปแบบของปุจฉาวิสัชนา ว่าไปแล้วก็อาจจะเป็นแหล่งข้อมูลที่คุณต้องใช้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรคาทอลิกเลยก็ว่าได้! [2]
    • ถ้าคุณไม่ค่อยมีเวลา ให้อ่านหนังสือปฐมกาลและหนังสือพระวรสาร แล้วคุณจะเข้าใจตำนานการสร้างโลกและเรื่องราวของพระเยซู ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อคุณได้มีโอกาสพูดคุยกับบาทหลวงเพื่อแสดงความสนใจ ท่านก็จะทราบว่าคุณทำการบ้านมาแล้ว
  3. ถ้าคุณไม่เคยเกี่ยวข้องกับคริสตจักรคาทอลิกเลย คุณก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการตามที่กล่าวไว้ในบทความนี้ ได้แก่ เข้าเรียนคริสตศาสนธรรมในพิธีรับผู้ใหญ่เข้าเป็นคริสตชนคาทอลิก (RCIA) และจุ่มตัวลงในน้ำให้มิดในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ (ศีลล้างบาป ศีลกำลัง และอื่นๆ) แต่ถ้าคุณเคยรับศีลล้างบาปมาแล้วแต่ไม่เคยรับศีลอื่นๆ หรือมีความผูกพันกับคริสตจักรมาก่อนหน้านี้แล้ว กระบวนการของคุณก็อาจจะต่างออกไปเล็กน้อย [3]
    • ถ้าคุณเคยรับศีลล้างบาปมาแล้วแต่ว่าไม่ได้รับศีลอื่นต่อ คุณก็อาจจะไม่ต้องเข้าเรียนคริสตศาสนธรรมใน RCIA ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการศึกษาและความปรารถนาของคุณ คนที่ผ่านการรับศีลล้างบาปมาแล้วส่วนใหญ่จะมีช่วงเวลาติดตามตรวจตราและไตร่ตรองสั้นกว่ามาก และสามารถไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

หาโบสถ์ที่ใช่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก แค่ดูสมุดหน้าเหลืองในหัวข้อ "โบสถ์" หรือสำรวจรอบๆ ละแวกบ้าน ลักษณะของโบสถ์จะเป็นอาคารใหญ่ๆ สวยงามที่มีรูปเครื่องหมายบวกอยู่ข้างบน เห็นหรือยัง หรือไม่ก็ค้นหาโบสถ์และตารางพิธีมิซซาในอินเทอร์เน็ต หรือไม่ก็ใช้ GPS ค้นหาว่ามีโบสถ์โรมันคาทอลิกอยู่ในพื้นที่บ้างไหม [4]
    • แน่นอนว่าการหาโบสถ์ได้หนึ่งที่ก็ถือว่าดีแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น หาสัก 4 ที่จะดีกว่า ให้มองว่าการหาโบสถ์ก็เหมือนการเลือกมหาวิทยาลัย ทุกที่ให้การศึกษาแก่คุณ แต่ว่าแต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน โบสถ์หนึ่งอาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่อยากเข้าไปเลย แต่อีกโบสถ์นึงอาจให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านก็ได้ ถ้าคุณยังไม่เจอโบสถ์ที่ใช่สำหรับคุณ ให้หาต่อไปเรื่อยๆ
  2. คุณคงไม่ซื้อรถโดยที่ไม่ลองขับดูก่อนใช่ไหม การไปโบสถ์ไม่ใช่สิทธิพิเศษสำหรับชนชั้นสูงในสมาคมคาทอลิก เพราะฉะนั้นลองไปเลย! โบสถ์ยินดีต้อนรับทุกคนและถ้าคุณเลือกที่จะไปจริงๆ ก็จะไม่มีใครถามอะไร ไปกับเพื่อนที่เป็นคริสตังที่สามารถอธิบายได้ว่าเมื่อไหร่ต้องทำอะไรและทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร แม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าร่วมพิธีศีลมหาสนิท แต่คุณจะได้ทำอย่างอื่นครบทุกอย่าง และแน่นอนว่าจะไม่มีใครสังเกต (หรือสนใจ) ว่าคุณไม่ไปรับศีลมหาสนิท! เพราะโบสถ์ยินดีต้อนรับทุกคน [5]
    • อย่าให้พิธีมิซซาหรือโบสถ์ใดโบสถ์หนึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของคุณ โบสถ์ส่วนใหญ่จะมีพิธีการที่แตกต่างกันไปพอสมควร โบสถ์หลายแห่งมักจะมี "พิธีมิซซาสำหรับวัยรุ่น" หรือ "พิธีมิซซากีตาร์" รวมถึงพิธีมิซซาในภาษาต่างๆ ที่สอดรับกับชนกลุ่มน้อยในท้องถิ่น นอกจากนี้ความสนุกของการฟังเทศน์ยังอาจขึ้นอยู่กับบาทหลวงที่เป็นคนประกอบพิธีมิซซานั้นๆ ด้วย เพราะฉะนั้นลองดูหลายๆ ที่! มีโบสถ์มากมายให้คุณเลือก
  3. ถึงคุณจะไม่ได้เป็นคริสตชนคาทอลิกมาอย่างยาวนานก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะภาวนาไม่ได้ และมันไม่ได้แปลว่าพระเจ้าไม่ได้ยินคุณ อย่างแน่นอน ! หาเวลาในแต่ละวันเพื่อภาวนาและดูว่าคุณรู้สึกอย่างไร ถ้าการภาวนาทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายหรือได้เชื่อมโยงกับตัวเองในระดับที่ลึกขึ้น ก็เท่ากับเป็นว่าสัญญาณที่ดี [6]
    • คุณไม่จำเป็นต้องหาคำตอบขณะที่ภาวนา แค่คุยกับใครสักคนที่อยู่ข้างบน (รวมถึงนักบุญด้วยนะ!) นิดหน่อย [7] ) เพื่อแสดงความซาบซึ้ง ขอความช่วยเหลือ หรือแค่เพื่อผ่อนคลายและซึมซับช่วงเวลานั้น การภาวนาสามารถทำที่ไหน เมื่อไหร่ ในสถานที่ใดและในรูปแบบของความคิด คำพูด การร้องเพลง หรือการกระทำก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เข้าร่วมโบสถ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แจ้งความประสงค์ที่จะเปลี่ยนศาสนา เท่านี้คุณก็เข้าสู่กระบวนการแล้ว! โบสถ์จะมีชั้นเรียนกลุ่มที่เรียกว่า RCIA ( พิธีรับผู้ใหญ่เข้าเป็นคริสตชนคาทอลิก ) สำหรับทุกคนที่ประสงค์จะเปลี่ยนศาสนาภายในช่วงเวลาที่กำหนด ทำให้คุณรู้กรอบสังคมเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับการเป็นคริสตชน แต่ก่อนเริ่มคุณจะต้องผ่านช่วงเวลา "ก่อนการเป็นคริสตชนสำรอง" ซึ่งหลักๆ ก็คือการพูดคุยกับบาทหลวง ตรึกตรอง และเข้าร่วมพิธีมิซซาเป็นประจำ ซึ่งไม่น่ากลัวเลย! [8]
    • บางครั้งการทำงานของโบสถ์ก็คล้ายกับโรงเรียนในแง่ที่ว่า คุณจะได้รับอนุญาตให้ไปโบสถ์ที่กำหนดตามพื้นที่เท่านั้น ถ้าคุณต้องไปโบสถ์แห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปและเป็นกฎของสังฆมณฑล คุณก็แค่ขอจดหมายจากเขตวัดเพื่ออนุญาตให้คุณเข้าร่วมโบสถ์ที่คุณต้องการได้
  2. ท่านจะถามว่าทำไมคุณถึงอยากเป็นคริสตชนคาทอลิก และโดยทั่วไปก็จะเป็นการพูดคุยเพื่อให้แน่ใจว่า คุณมีความปรารถนาอย่างแท้จริงและทราบเงื่อนไขของการเป็นคริสตัง ถ้าทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะไปต่อ คุณก็จะได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการ RCIA [9]
    • ในพิธีมิซซา คุณ (และคนอื่นๆ ที่เรียน "ช่วง" เดียวกัน) จะต้องประกาศเจตนารมย์ในพิธีต้อนรับผู้สมัครเรียนคำสอน ไม่ต้องห่วง คุณไม่ต้องพูดต่อหน้าคนเยอะๆ หรอก คุณผ่านช่วงเวลาก่อนการเป็นคริสตชนสำรองและได้เข้าสู่การเป็นคริสตชนสำรองแล้ว!
  3. คุณจะได้เรียนรู้ความเป็นมาของคริสตจักร ความเชื่อและคุณค่าของคริสตจักรคาทอลิก และลำดับขั้นตอนประกอบพิธีมิซซาที่ถูกต้อง ในขั้นตอนนี้หลายแห่งจะให้คุณเข้าร่วมพิธีมิซซาแค่บางส่วนเท่านั้น โดยจะให้ออกจากพิธีมิซซาก่อนพิธีศีลมหาสนิท เพราะคุณอาจจะไม่ได้รับศีลมหาสนิทจนกว่าคุณจะได้เป็นคริสตชน [10]
    • แต่คุณจะได้เข้าร่วมในแบบอื่นๆ อีกมากมาย! คุณจะได้รับการเจิม เข้าร่วมภาวนา และมีส่วนร่วมกับชุมชนในภาพรวม ยังไม่รวมว่าชั้นเรียนของคุณก็จะสนิทสนมกันมากขึ้นและทำสิ่งต่างๆ ตามตารางเวลาของตัวเอง
  4. ชั้นเรียน RCIA ส่วนใหญ่จะเป็นเปิดสอนตามรอบปฏิทินพิธีกรรม ซึ่งจะทำให้คุณผ่านงานสมโภช การถือศีลอด และวันหยุดเทศกาลทั้งหมด ในระหว่างที่เรียนคำสอนคุณจะมีพี่เลี้ยง หรือถ้าคุณเล็งใครไว้อยู่แล้ว คุณก็สามารถเลือกให้เขามาเป็นพี่เลี้ยงของคุณได้ พี่เลี้ยงมีหน้าที่ช่วยเหลือและตอบคำถามของคุณทุกข้อ
    • ในระหว่างนี้คุณอาจจะต้องชี้แจ้งสถานะสมรส ถ้าคุณหย่าแต่ยังไม่ได้ผ่านการลบล้างการแต่งงาน คุณจะต้องเข้ารับก่อนเป็นคริสตัง ถ้าคุณแต่งงานแล้วแต่ไม่ได้ผ่านการทำพิธีโดยโบสถ์คาทอลิก คุณอาจจะต้อง "แต่งงานอีกครั้ง" (หรือให้การแต่งงานของคุณ "ผ่านพิธีสมรส") ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่าแค่เพียงนัดหมายก็ทำได้แล้ว
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

เข้าสู่การเป็นคริสตชน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์. เมื่อใกล้สิ้นสุดรอบปฏิทินพิธีกรรมแล้ว คุณจะได้เป็น "ผู้ได้รับเลือกสรร" ช่วงเวลาแห่งการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์อยู่ในช่วงเทศกาลมหาพรต 40 วัน เป็นช่วงเวลาไตร่ตรองชีวิตและมีพิธีการพิจารณาความตั้งใจ
    • หลังจากนั้นผู้ได้รับเลือกสรรจะได้รับศีลล้างบาป ศีลกำลัง และศีลมหาสนิทในคืนวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ เย่!
  2. หลังจากคืนวันเสาร์อันศักดิ์สิทธิ์ (ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและสวยงามมาก) ตอนนี้คุณก็จะได้เป็นสมาชิกที่น่าภาคภูมิใจและมีคุณค่าของคริสตจักรคาทอลิกแล้ว ทั้งหมดนี้มาจากความอุตสาหะและการเล่าเรียนของคุณ และตอนนี้คุณก็พร้อมแล้ว ยินดีต้อนรับ!
    • ถ้าคุณสงสัย ในพิธีศักดิ์สิทธิ์คุณไม่ต้องทำอะไร เลย สิ่งที่คุณต้องนำไปด้วยมีแค่รอยยิ้มบนใบหน้าและความตั้งใจดีในหัวใจเท่านั้น ไม่ต้องการสอบท่อง สอบปฏิบัติ หรือสอบไล่ใดๆ ทั้งสิ้น โบสถ์ปลื้มใจที่คุณอยู่ตรงนี้ บาทหลวงจะทำหน้าที่ทั้งหมดเอง!
    • อย่าลืมเข้าร่วมพิธีมิซซาเป็นประจำ และไปสารภาพบาปอยู่เสมอจนเป็นนิสัย
  3. สงสัยว่ายังมีอะไรอีกใช่ไหม โดยหลักการแล้วมันคือกระบวนการใกล้ชิดกับพระเจ้า และศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อของคริสตจักรคาทอลิกอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาทั้งชีวิต แต่ถ้าในทางปฏิบัติแล้วก็คือหลังจากผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์แล้วยังต้องเรียนคำสอนต่อเนื่องอีก 7 สัปดาห์ [11]
    • บางโบสถ์อาจจะ "สอน" (เป็นเหมือนการให้แนวทางเมื่อจำเป็นมากกว่า) คุณต่อไปอีกไม่เกิน 1 ปี คุณยังคงเป็นสมาชิกใหม่และสามารถถามคำถามที่อยากรู้ได้ทั้งหมด! จริงๆ แล้วพวกเขาก็แค่คอยช่วยเหลือคุณนั่นแหละ หลังจากนั้นคุณก็จะได้ออกจากรังของแม่นกและบินไปสู่สรวงสวรรค์!
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • โดยทั่วไปโบสถ์คาทอลิกจะมีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในชุมชนมากมาย เช่น การบริจาคอาหารให้คนไร้บ้านและการเยี่ยมเยือนบ้านพักคนชราหรือบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานสังคมมากมายในคริสตจักร และเป็นช่องทางที่คุณจะได้พบปะพี่น้องคริสตชนคาทอลิกระหว่างการบำเพ็ญประโยชน์ที่มีคุณค่าให้แก่ชุมชน
  • ถ้าคุณไม่คุ้นเคยหรือไม่เข้าใจส่วนไหนของพิธีมิซซาหรือประเพณีคาทอลิก ให้สอบถามบาทหลวงหรืออ่านหนังสือคำสอน
  • ถ้าคุณเคยรับศีลล้างบาปที่มีการกล่าวถึงพระตรีเอกภาพ "เดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต" เท่ากับว่าพิธีล้างบาปของคุณสมบูรณ์และคุณไม่ต้องเข้ารับศีลล้างบาปอีก แต่ถ้าคุณยังไม่เคยรับศีลล้างบาปหรือเข้าพิธีล้างบาปที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงพระตรีเอกภาพ คุณจำเป็นต้องรีบศีลล้างบาปในคริสตจักรคาทอลิก
  • พิธีมิซซาหลายที่จะมีลำดับพิธีที่ต้องกล่าวตอบ และมีช่วงเวลาที่ต้องนั่ง ยืน หรือคุกเข่าด้านหน้าหรือด้านหลัง
  • ภาวนาทุกคืนและทุกเช้า เพื่อให้พระเจ้ารู้สึกอบอุ่นและเป็นที่ต้อนรับ!
  • คริสตจักรคาทอลิกมักถูกเชื่อมโยงกับความบกพร่องและกฎที่เคร่งครัด แต่หลังจากเข้าร่วมพิธีมิซซาสัก 2-3 ครั้งและมีเพื่อนเป็นชาวคริสตังสัก 2-3 คน คุณจะรู้ว่ามันเป็นคำอธิบายที่ไม่ยุติธรรมเลย
  • แม้ว่าคุณจะแค่อยากถามคำถามแต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองอยากเป็นคริสตังหรือเปล่า คุณก็สามารถถามคำถามกับบาทหลวง สังฆานุกร หรือเจ้าหน้าที่ของเขตวัดได้ พวกท่านอาจจะยินดีนัดหมายเวลาเพื่อพูดคุยกับคุณเลยก็ได้
  • หนังสือคำสอนเพื่อชีวิตเป็นบทนำที่ปูพื้นฐานสู่หลักคำสอนและการภาวนาของคริสตจักรที่ดีมาก และยังอ่านค่อนข้างง่ายอีกด้วย ถ้าคุณอ่านภาษาอังกฤษได้ หนังสือ Catholicism for Dummies ก็มีประโยชน์เช่นเดียวกัน
  • RCIA ไม่ได้มีไว้เพื่อสอนทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับศรัทธาแบบคาทอลิก การสอนจะครอบคลุมแค่ส่วนที่เป็นยอดภูเขาน้ำแข็งและหวังว่าจะช่วยจุดความกระหายที่อยากจะเรียนรู้เพิ่มเติม เส้นทางแห่งศรัทธาเป็นกระบวนการต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การสำเร็จการศึกษาใน RCIA ไม่ได้แปลว่าคุณเรียนรู้ศรัทธาใหม่ครบถ้วนแล้ว
โฆษณา

คำเตือน

  • เหนือสิ่งอื่นใดคืออย่าเปลี่ยนศาสนาเพื่อคนอื่น เปลี่ยนก็ต่อเมื่อคุณเชื่อในสิ่งนั้นอย่างแท้จริงเท่านั้น
  • คริสตจักรคาทอลิกเป็นสถาบันที่ดำรงอยู่มาเป็นพันปี จึงมีพิธีและขนบธรรมเนียมต่างๆ มากมาย ถ้าคุณยังไม่แน่ใจจริงๆ ว่าคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรคาทอลิก ให้ชะลอขั้นตอนท้ายๆ ไว้จนกว่าคุณจะเชื่อมั่นจริงๆ ในท้องตลาดมีหนังสือเกี่ยวกับเส้นทางการเปลี่ยนศาสนามากมาย การซื้อหนังสือเหล่านี้มาอ่านก็อาจจะช่วยคุณได้บ้าง
  • มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสตจักรมากมายที่อาจทำให้คุณหันหน้าหนีโดยไม่พิจารณาให้ดีเสียก่อน หาเพื่อนชาวคริสตังที่มีความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาหรือเธออาจจะสามารถให้คำตอบกับคุณได้ หรือไม่ก็เข้าไปที่เว็บไซต์ เช่น http:/www.kamsonbkk.com/ (Catechetical Center of Bangkok) ที่มีบทความและกระดานสนทนาสำหรับถามคำถาม
  • คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้รับศีลมหาสนิทจนกว่าคุณจะได้เป็นคริสตชนคาทอลิก แม้จะไม่มีบทลงโทษใดๆ แต่คริสตจักรก็ขอให้คุณเคารพขนบธรรมเนียม ชาวคริสตังเชื่อว่าศีลมหาสนิทคือพระกายและพระโลหิตของพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ ไม่ได้เป็นแค่ขนมปังกับไวน์อีกต่อไป อย่าลืมที่เปาโลกล่าวว่า "เหตุฉะนั้น ผู้ใดก็ตามที่จะกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร จะมีความผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าคนที่กินและดื่มอย่างไม่สมควร ก็กินและดื่มเพื่อนำพระอาชญามาสู่ตนเอง โดยไม่ได้พินิจดูพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า" (1 โครินธ์ 11:27,29) พูดสั้นๆ ก็คือคุณได้กระทำบาปร้ายแรง (แย่มากๆ) ถ้าทำได้คุณต้องงดเว้นการกระทำที่เป็นบาปหลักในระหว่างรอเป็นคริสตัง [12]
    • แทนที่จะรับศีลมหาสนิท คนที่ยังไม่ได้ผ่านการรับศีลมหาสนิทครั้งแรกอาจจะเข้าแถวกับคนที่จะไปรับศีลมหาสนิท แต่เมื่อถึงแท่นบูชาแล้วให้เอาแขนทำเป็นรูปกากบาทที่หน้าอกโดยแนบฝ่ามือเข้าหาไหล่ วิธีนี้เป็นการบอกให้บาทหลวงรู้ว่าคุณต้องการเปลี่ยนไปรับพร (ผู้ที่ไม่ใช่บาทหลวงไม่มีอำนาจที่จะให้พรในพิธีศีลมหาสนิท ในกรณีนี้ถ้าคุณไม่สามารถเข้าร่วมพิธีศีลมหาสนิทได้ คุณควรนั่งอยู่กับที่ ไม่มีใครว่าอะไรและคนอื่นก็จะไม่สับสนด้วย)
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,010 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา