ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มีทฤษฎีมากมายที่อธิบายว่าทำไมเราถึงฝัน เราฝันได้อย่างไร และความฝันของเรามีความหมายอะไรบ้าง หลายคนเชื่อว่าความฝันจะทำให้เราเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตและความรู้สึกของเรา แต่ปัญหาก็คือการจำความฝันนั้นค่อนข้างยาก คุณจะสามารถจำความฝันได้มากขึ้นด้วยความพยายามตื่นตัวที่จะจำความฝันและจะระลึกถึงรายละเอียดในความฝันได้มากขึ้นอีกด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ก่อนที่คุณจะเข้านอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความฝันจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายของเราได้หลับอยู่ในช่วง REM ซึ่งย่อมาจาก Rapid Eye Movement (การเคลื่อนไหวของดวงตาอย่างรวดเร็ว) ซึ่งตอนนั้น ร่างกายของเรากำลังพักผ่อนอยู่ แต่ความคิดนั้นกลับตื่นตัวเพราะความฝัน ถ้าคุณนอนหลับไม่เพียงพอในตอนกลางคืน หรือการนอนของคุณถูกรบกวนหลายครั้ง คุณก็จะเข้าสู่ช่วง REM ได้น้อยและทำให้ฝันน้อยลง ให้ลองเข้านอนเวลาเดียวกันในทุกๆ คืน และตื่นนอนเวลาเดียวกันในทุกๆ เช้าเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้นอนพักผ่อนอย่างถูกต้อง
    • คนส่วนใหญ่ต้องการเวลานอนประมาณ 7-9 ชั่วโมงทุกคืนเพื่อจะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ผู้ที่นอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงจะจำความฝันได้ยากกว่า เพราะว่าความฝันที่ยาวและแจ่มชัดกว่าจะเกิดขึ้นหลังจากนั้นในหนึ่งรอบการนอน (The Sleeping Cycle)
    • สร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการนอนหลับพักผ่อน กำจัดเสียงดังและสิ่งรบกวนต่างๆ ที่จะทำให้คุณหลับไม่ลึก สวมที่อุดหูถ้าจำเป็น และขอให้แน่ใจว่าคุณมีม่านขนาดใหญ่ที่กันแสงจากภายนอกไม่ให้เข้ามา
  2. เตรียมสมุด ดินสอ หรือปากกาไว้ใกล้ๆ เตียงเพื่อให้เอื้อมหยิบได้ง่ายๆ. จะดีที่สุดถ้าคุณมีแค่กระดาษเปล่าที่ไม่มีลวดลายอะไรหรือมีสิ่งอะไรที่ทำให้ไขว้เขว ใช้สมุดนี้ในการบันทึกความฝันเท่านั้น ก่อนที่คุณจะนอน ขอให้แน่ใจว่าได้กางหน้าเปล่าของสมุดไว้แล้วซึ่งคุณจะสามารถเขียนลงไปได้ทันทีโดยที่คุณไม่ต้องหากระดาษเปล่าตอนที่คุณตื่นขึ้นมา
    • วางปากกาไว้ในจุดๆ เดิมเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องหามันใหม่ตอนตื่นนอน
    • อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการบันทึกความฝันก็คือการใช้เทปบันทึก โดยวางเทปบันทึกไว้ใกล้เตียงหรือใต้หมอน เพื่อที่คุณจะได้พูดเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในความฝัน
  3. ถ้าคุณจะต้องลุกออกจากเตียงเพื่อไปปิดมัน เป็นไปได้ที่คุณอาจจะลืมว่าคุณฝันอะไร ตั้งนาฬิกาปลุกให้ปลุกหลังจากที่คุณหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว อย่าใช้นาฬิกาปลุกที่เป็นวิทยุ เพราะเสียงโฆษณาและเสียงคุยกันในตอนเช้าจะเป็นการรบกวน
    • ถ้าคุณตื่นนอนโดยไม่ใช้นาฬิกาปลุก คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการปิดนาฬิกาปลุก
    • ถ้าเป็นไปได้ ลองใช้วิธีเบาๆ ในการปลุกให้ตื่น ลองขอให้ใครบางคนปลุกคุณเบาๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรกับคุณ หรือจะติดตั้งเครื่องตั้งเวลา (Timer) เพื่อควบคุมการเปิดไฟในห้อง มีหลายคนที่พบว่าพวกเขาสามารถนึกถึงความฝันได้ดีกว่าถ้าไม่ใช้นาฬิกาปลุก
    • แปะโพสต์อิทบนนาฬิกาปลุก โดยเขียนไว้ว่า "ฝันเรื่องอะไร?" หรืออะไรคล้ายๆ กัน โดยเขียนตัวใหญ่ ดังนั้นมันจะเป็นสิ่งแรกที่คุณเห็นเมื่อคุณลืมตาขึ้นมา (และปิดนาฬิกาปลุก)

  4. อย่าทานอาหาร ดื่มแอลกอฮอล์ หรือทานยาทันทีก่อนที่จะเข้านอน. สารเคมีในสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อความสามารถของสมองที่จะจดจำความฝัน พยายามไม่รับประทานอะไรอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อที่ไม่ให้อะไรมารบกวนความจำและแผนการนอนของคุณ
  5. คุณรู้สึกว่าในสมองของคุณมักมีเรื่องที่ทำให้สับสนก่อนเข้านอนเป็นประจำหรือไม่? การมีความคิดเครียดๆ ในหัวของคุณอาจจะทำให้การจำความฝันนั้นยากขึ้นเพราะมันต้องใช้สมาธิอย่างสูง ก่อนที่คุณจะเข้านอน ผ่อนคลายความคิดของตนเองและความคิดเรื่องหนักๆ จากนั้นก็จะเคลิ้มหลับไปอย่างสงบ
    • หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์หรือแล็ปท็อปบนเตียงขณะที่กำลังจะนอน การเขียนอีเมลและนั่งเช็คข้อความก่อนนอนไม่ได้ทำให้ความคิดปลอดโปร่งทั้งๆ ที่เป็นเวลาที่ควรจะปล่อยให้ความคิดปลอดโปร่ง
    • ลองทำสมาธิหรือใช้วิธีคลาสสิกอย่างการนับแกะเพื่อทำให้ความคิดปลอดโปร่ง
  6. คุณมีโอกาสจะจำความฝันได้ดีขึ้นถ้าคุณอยากที่จะจำมันจริงๆ ให้ลองคิดว่าคุณอยากจะจำ บอกตัวเองว่าคุณกำลังจะจำความฝัน และทำตามขั้นตอนต่อไปอย่างมีสติเพื่อให้ความปรารถนาที่จะจำความฝันได้เป็นจริง [1]
  7. ลองคิดถึงปัญหาเรื่องใหญ่หรือความกังวลก่อนที่คุณจะหลับ. ลองคิดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่มีการแก้ปัญหาหรือยังไม่มีบทสรุป แค่นึกถึงปัญหาที่เข้ามา การทำเช่นนี้จะทำให้ความฝันที่จำได้นั้นแจ่มชัดขึ้น และความฝันอาจจะให้ความคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญหาใกล้ตัวอีกด้วย [2]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เช้าวันต่อมา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตั้งมั่นระลึกความฝันทันทีเมื่อคุณตื่นขึ้นมา. โดยปกติแล้ว คุณจะจำได้แค่ความฝันท้ายสุดก่อนที่คุณจะตื่นเท่านั้น อย่าขยับตัวหรือทำอะไรอย่างอื่น ให้อยู่ในท่าเดิมขณะที่ตื่นขึ้นมาและพยายามจำความฝันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่คุณจะคิดถึงเรื่องอื่น เริ่มต้นคิดถึงความฝันตั้งแต่ต้นจนจบ
    • ขณะที่คุณกำลังจำอยู่ ให้เพ่งสายตาไปที่สิ่งของสิ่งแรกที่คุณเห็นเมื่อลืมตาขึ้นมา มองที่ของสิ่งนั้น เพ่งสายตาไปที่มัน บ่อยทีเดียวที่สิ่งของนั้นจะทำให้ความฝันอันเลือนลางสามารถเป็นจุดเล็กๆ อยู่ในความทรงจำซึ่งจะง่ายต่อการนึกถึงรายละเอียด สิ่งของเช่น ลูกบิดประตู หลอดไฟ หรือตะปูที่อยู่บนผนัง จะช่วยให้คุณเริ่มสร้างความทรงจำถึงสิ่งที่คุณฝันถึงขณะหลับ

  2. จดความฝันลงไปในสมุดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เริ่มต้นจากการร่างคร่าวๆ ซึ่งอาจจะเป็นสถานที่ที่อยู่ในฝัน โครงเรื่องของความฝัน ตัวละคร อารมณ์ทั้งหมดที่อยู่ในความฝัน (เช่น คุณรู้สึกกลัวหรือมีความสุขเมื่ออยู่ในความฝัน?) และภาพที่สะดุดตาอื่นๆ ที่คุณสามารถจำได้
    • ถ้าคุณสามารถจำบทสนทนาได้ คุณอาจจะเริ่มเขียนมันเป็นลำดับแรก เพราะว่าคำพูดในความฝันนั้นจะถูกลืมไปได้ง่ายมาก บันทึกทุกอย่างที่สามารถทำได้ แม้ว่าคุณจะจำได้เพียงภาพเพียงภาพเดียวเท่านั้น เมื่อคุณเขียนเรื่องราวคร่าวๆ ของความฝันของคุณแล้ว รายละเอียดอื่นๆ ในความฝันอาจจะตามมาเอง
    • ถ้าคุณจำอะไรไม่ได้เลย ให้เขียนสิ่งที่คุณคิดเป็นลำดับแรกเมื่อคุณตื่นขึ้นมา มันอาจจะเกี่ยวข้องกับความฝันของคุณก็ได้ในทางใดทางหนึ่ง และมันอาจจะกระตุ้นให้เกิดการจำความฝันได้ ให้เขียนความรู้สึกตอนที่คุณตื่นมาด้วย เพราะอารมณ์ความรู้สึกในความฝันโดยปกติแล้วจะหลงเหลืออยู่ อย่างน้อยก็จะเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อคุณตื่นขึ้นมา ถ้าคุณรู้สึกเป็นกังวลหรือมีความสุขสุดๆ ให้ลองถามตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น

  3. จำความฝันได้มากขึ้นด้วยการตื่นนอนบ่อยๆ ตอนกลางคืน. โดยปกติแล้ว เราจะมีรอบ REM หลายช่วงในหนึ่งคืน และช่วง REM ก็จะนานขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนเช้า ถ้าคุณบันทึกแค่ความฝันท้ายสุดก่อนที่คุณจะตื่นนอนในตอนเช้า มันมีความฝันอื่นอีกที่คุณจำไม่ได้ เมื่อคุณตื่นนอนขึ้นมากลางดึก การนอนหลับต่อนั้นเป็นสิ่งที่น่าเย้ายวนใจ แต่คุณอาจจะใช้โอกาสนี้ในการจำความฝันของคุณก่อนที่จะหลับต่อ ซึ่งมีแนวโน้มว่ามันจะเป็นสิ่งที่คุณจะจำไม่ได้ในตอนเช้า
    • เนื่องจากโดยปกติแล้วคุณจะจำได้แค่ความฝันท้ายสุดก่อนตื่นนอนเท่านั้น คุณสามารถจำความฝันได้มากขึ้นโดยการตื่นนอนหลายครั้งระหว่างคืน เราจะเข้าสู่รอบการนอนประมาณทุกๆ 90 นาที มันอาจจะมีประโยชน์มากก็ได้ถ้าคุณตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อปลุกคุณเมื่อครบรอบ 90 นาทีในหลายๆ ครั้ง (เช่น 4.5, 6, หรือ 7.5 ชั่วโมง) หลังจากที่คุณเข้านอน โดยปกติแล้วความฝันในช่วงครึ่งหลังของคืนนั้นจะยาวนานกว่าความฝันที่เกิดขึ้นหลังจากเข้านอน ดังนั้นคุณอาจจะหลับจนเวลาผ่านไปแล้ว 4.5 ชั่วโมงและตื่นขึ้นมา
    • วิธีนี้แนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอและผู้ที่หลับง่าย ไม่เช่นนั้น คุณควรที่จะข้ามวิธีนี้ไป
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

สำหรับช่วงเวลาอื่นๆ ในวันนั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บ่อยครั้งที่สิ่งที่คุณเห็นหรือได้ยินภายหลังในวันนั้นจะกระตุ้นความทรงจำเกี่ยวกับความฝันเมื่อคืน จดสิ่งที่จำได้ลงในสมุดทันที และลองคิดว่าสิ่งที่เพิ่งนึกออกนั้นมันความเกี่ยวข้องหรือเข้ากันกับความฝันส่วนอื่นหรือไม่ นี่จะช่วยให้คุณระลึกถึงความฝันได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
  2. บางครั้งความทรงจำสามารถถูกเคาะออกมาเมื่อคุณลองอยู่ในตำแหน่งการนอนที่เหมือนกันกับขณะที่ฝัน ลองหนุนหมอนโดยให้ศีรษะอยู่ที่ตำแหน่งเดิม จัดตำแหน่งร่างกายในท่านอนเดิม และหลับตา หากความทรงจำเกี่ยวกับความฝันปรากฏขึ้นมา ให้ลองนึกให้ถี่ถ้วนดีก่อนที่จะลุกขึ้นมาจดไว้
    • ลองลืมตาและมองไปที่สิ่งของที่คุณเห็นเป็นลำดับแรกเมื่อตื่นขึ้นมา
    • ลองสร้างบรรยากาศเดิมในห้อง ปิดม่าน ปิดไฟ และกำจัดเสียงดังรบกวน
  3. การจำความฝันได้ต้องใช้ความพยายามและการฝึกฝน ยิ่งคุณมีสติกับการจำความฝันมาก คุณก็จะยิ่งจำมันได้มากขึ้น ทำให้การจำความฝันของคุณเป็นนิสัยและบันทึกมันไว้เป็นสิ่งแรกเมื่อตื่นขึ้นมา กระบวนการนี้จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
  4. ท้ายที่สุดแล้ว คุณจะรู้ว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ช่วยให้คุณจำความฝันได้ ลองสังเกตแบบแผนบางอย่าง เช่น เวลาที่คุณเข้านอนและตื่นนอนในตอนเช้า อุณหภูมิในห้อง อาหารที่ทานเป็นอาหารเย็น ลองคิดว่าตัวแปรเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความสามารถในการจำความฝันของคุณหรือไม่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • บันทึกความฝันอย่างแม่นยำโดยไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะหาเหตุผลจากเหตุการณ์ในความฝัน ตัวอย่างเช่น ถ้าความฝันของคุณเริ่มต้นจากในบ้าน จากนั้นคุณก็พบว่าตัวเองอยู่ในป่า หลีกเลี่ยงที่จะทึกทักเอาว่าคุณได้เดินออกจากบ้านไป ความฝันที่ผิดแปลกไปจากการประสบการณ์การใช้ชีวิตในแต่ละวันอาจจะสูญหายได้ถ้าพยายามใช้เหตุผลอธิบายมัน
  • เมื่อบันทึกความฝัน โปรดจำไว้ว่าบันทึกนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว อย่าพยายามเขียนเพื่อให้คนอื่นๆ เข้าใจเพราะว่าคุณจะพบว่าคุณอาจจะเปลี่ยนบางสิ่งเพื่อให้คนอื่นๆ เข้าใจได้ง่าย เขียนสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันเกิดขึ้นในฝันจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่มีเหตุผล
  • ถ้าคุณฝันอย่างเดิมในวันถัดไปหรืออาทิตย์ถัดไป ให้จดลงไปด้วย ความฝันที่เกิดขึ้นซ้ำๆ คือความฝันที่เราควรจะสนใจเพราะมันอาจจะมีความหมายพิเศษแฝงอยู่
  • เพลงบางเพลงจะทำให้ความฝันติดอยู่ในหัวของคุณนานขึ้นนิดหน่อย ลองฟังเพลงบางเพลงก่อนที่คุณจะเข้านอน แล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง!
  • หลังจากที่คุณจำความฝันส่วนใหญ่ได้แล้ว พยายามจัดเรียงลำดับของมันให้ถูกต้อง นี่อาจจะช่วยได้เพราะจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นในการจำสิ่งที่คุณรู้ว่ามันเกิดก่อน และรีบบันทึกมันลงไปก่อน
  • ทานวิตามิน B6 ก่อนเข้านอน มันอาจจะช่วยทำให้ความฝันของคุณแจ่มชัดขึ้น
  • ถ้าคุณมีคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์โทรศัพท์มือถือใกล้ๆ ลองเข้าไปในเว็บไซต์ที่ผู้คนเข้าไปเผยแพร่ความฝันของพวกเขา และลองบันทึกความฝันของคุณที่นั่น
  • ถ้าคุณชอบความฝันนั้นมากๆ ให้บันทึกลงไปในสมุดและเล่าความฝันนั้นทั้งหมด
  • ถ้าคุณฝันอะไรบางอย่างซึ่งเป็นความฝันที่คุณไม่ชอบ และคุณก็ฝันแบบนี้ซ้ำๆ หลายครั้ง คุณอาจจะลองไปพบนักบำบัดหรือนักจิตวิทยา
  • อาหารบางอย่าง เช่น อัลมอนด์และเชอร์รี่ จะช่วยทำให้ความฝันแจ่มชัดขึ้น ยิ่งความฝันแจ่มชัดมาก ก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณจะนึกถึงมันได้มากขึ้น [3]
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณมีปัญหาด้านการนอนหรือนอนไม่เพียงพอ อย่าพยายามบันทึกความฝันในกลางดึก ให้หลับให้สนิท
  • ระมัดระวังเกี่ยวกับการตีความความฝัน การตีความจากความฝันนั้นไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งสรุปเอาเอง และอย่าให้ความสำคัญกับความฝันมากนัก เช่น ความฝันเกี่ยวกับความตายไม่ได้หมายความว่าจะมีใครบางคนตายหรือจะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้น
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • สิ่งของที่ใช้บันทึกข้อมูล
  • สิ่งที่ช่วยปลุกให้ตื่น (เป็นวิธีเบาๆ จะดีกว่า)
  • เทปบันทึกเสียง (ไม่จำเป็น)


ข้อมูลอ้างอิง

  1. Dreams and Nightmares: The Origin and Meaning of Dreams, By Ernest Hartmann, p142, ISBN 0738203599
  2. Dreams and Nightmares: The Origin and Meaning of Dreams, By Ernest Hartmann, p142, ISBN 0738203599
  3. Food For Vivid Dreams http://amycope.com/foods-for-vivid-dreams/

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,114 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา