ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การถามผู้หญิงว่าท้องหรือเปล่าอาจเป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเธอคนนั้นไม่ได้ท้อง บางทีคุณอาจจะแค่สงสัยใคร่รู้ หรือคุณอาจกำลังอยู่บนรถและคิดว่าจะลุกให้เขานั่งดีไหม ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม มันมีอาการทั่วไปที่บ่งชี้ว่าตั้งครรภ์ที่จะช่วยให้คุณรู้ได้ว่าคนคนนั้นท้องหรือเปล่าก่อนจะถาม จะได้เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั้น แต่จริงๆ แล้ว ไม่ควรสรุปไปเองว่าใครท้องจะดีกว่า ควรหลีกเลี่ยงการถามตรงๆ และรอจนกว่าเขาจะบอกเอง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

วิธีสังเกตว่าใครตั้งครรภ์หรือไม่ในระยะแรก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อตั้งครรภ์ระยะแรก ผู้หญิงหลายคนจะเริ่มใส่เสื้อผ้าหลวมๆ หรือชุดที่ดูจะซ่อนท้องที่นูนขึ้นได้ พอท้องโตขึ้นเรื่อยๆ หลายคนก็อาจจะต้องซื้อกางเกงสำหรับคนท้องหรือเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ขึ้น ถ้าคุณสังเกตได้ว่าเขาแต่งตัวแตกต่างไปจากเดิมหรือเลือกซื้อเสื้อผ้าไซส์ใหญ่ๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเขากำลังตั้งครรภ์ [1]
  2. คนท้องหลายคนจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความอยากอาหารและประเภทอาหารที่อยากกิน ดังนั้น การคอยฟังเวลาเขาพูดหรือบ่นเรื่องของกินจะช่วยให้ตัดสินได้ว่าเขาท้องหรือเปล่า [2]
    • อาการอยากอาหาร: ไม่ใช่ว่าคนท้องทุกคนจะมีอาการนี้ แต่บางคนก็รู้สึกอยากกินของแปลกๆ ปนกัน (เช่น แตงกวาดองกับไอศกรีม) หรือไม่ก็อยากกินอยู่แค่อย่างเดียว (อย่างของเปรี้ยวๆ หรืออาหารจีน) ลองสังเกตดูว่าเธอบ่นว่าอยากกินอะไร
    • อาการรังเกียจอาหาร: คนท้องหลายคนจะมีปัญหากับอาหารบางอย่างแบบฉับพลันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าคุณรู้ว่าเขาชอบกินซูชิ แล้วจู่ๆ กลายเป็นว่าแค่คิดถึงปลาก็คลื่นไส้แล้ว เขาอาจจะท้องก็ได้
    • การดื่มน้ำ: การดื่มน้ำนั้นสำคัญสำหรับการส่งสารอาหารที่จำเป็นให้แก่ทารกในครรภ์ คนท้องส่วนใหญ่จึงคอยระวังเรื่องการดื่มน้ำให้เพียงพอ หญิงมีครรภ์อาจจะแสดงอาการกังวลว่าดื่มน้ำเพียงพอไหม และ/หรือเริ่มพกขวดน้ำติดตัว
  3. นอกจากความเปลี่ยนแปลงด้านอาหารการกินแล้ว คนท้องหลายคนยังต้องเจออาการคลื่นไส้หรือที่เรียกว่า “แพ้ท้อง” ในช่วงเดือนแรกๆ ของการตั้งครรภ์ด้วย นี่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องอาหาร เช่น เธออาจจะกินแค่แครกเกอร์ แต่มันก็อาจจะไม่เกี่ยวกับอาหารก็ได้ หลายคนจะรู้สึกแพ้ท้องได้ตลอดวัน ไม่ใช่แค่ช่วงเช้าเหมือนชื่อ “morning sickness” ลองสังเกตดูว่าเธอมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนบ้างหรือเปล่า ความแตกต่างของอาการแพ้ท้องกับโรคอาหารไม่ย่อยหรือไข้หวัดก็คือ การแพ้ท้องจะรุนแรงและกินเวลานานกว่าไข้หวัดทั่วไปซึ่งจะเป็นแค่ไม่กี่วัน [3]
  4. คอยฟังเวลาเธอบ่นเรื่องปวดเมื่อยหรือไม่สบายตัว. การตั้งครรภ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆ รูปแบบ และนำไปสู่อาการปวดเมื่อยทั่วร่างกายได้ ถ้าคุณได้ยินเขาบ่นเรื่องปวดหลังส่วนล่าง ปวดหัว หรือวิงเวียนขึ้นมา มันอาจจะเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ก็ได้ [4] ถ้าเขาบ่นว่าเจ็บหรือปวดตรงไหน ให้ลองถามเขาว่าเป็นอะไรมาหรือเล่นกีฬาหนักไปหรือเปล่า และรอฟังคำตอบดู ตัวอย่างเช่น
    • “ตายจริง ปวดหลังมานานหรือยังน่ะ”
    • “เห็นเมื่อกี้บ่นว่าช่วงนี้เวียนหัวบ่อย เธอเป็นมานานหรือยัง”
  5. นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางกายแล้ว คนท้องหลายคนก็มีการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมหรือกิจวัตรด้วย ลองสังเกตคนที่คุณสงสัยว่าท้องดูว่าเขามีพฤติกรรมต่อไปนี้บ้างหรือไม่
    • การเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติอาจบ่งชี้ว่ากำลังตั้งครรภ์ เพราะการเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมนและแรงกดจากทารกในครรภ์ต่ออวัยวะอื่นๆ อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ปัสสาวะมากขึ้น และอาเจียน [5]
    • การที่อารมณ์แปรปรวนเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้อง เพราะระดับฮอร์โมนที่ขึ้นๆ ลงๆ อาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและอารมณ์ต่างๆ รุนแรงขึ้น (เช่น ร่าเริงสุดๆ แล้วอยู่ๆ ก็ร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่มีเหตุผล) [6]
  6. การบ่นว่าเหนื่อยเป็นอะไรที่ปกติมากๆ สำหรับคนท้อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก ถ้าคุณสังเกตเห็นพฤติกรรมต่อไปนี้ อาจเป็นไปได้ว่าคนคนนั้นกำลังท้อง [7]
    • เขาดูเหนื่อยเกินกว่าจะทำกิจวัตรประจำวันอย่างเห็นได้ชัด
    • เขาบ่นเรื่องเหนื่อยหรือหมดแรงบ่อยๆ
    • เขางีบหลับบ่อยหรือในเวลาที่ไม่ควร (เช่น ตอนทำงานหรือเรียนอยู่)
  7. วิธีใช้เล่ห์เหลี่ยมให้รู้ว่าคนนี้ท้องหรือเปล่าก็คือถามถึงแผนที่วางไว้ การตั้งครรภ์ปกติจะกินเวลาเก้าเดือน ดังนั้นการถามถึงแผนชีวิตที่ตรงกับช่วงนั้นอาจช่วยให้คุณรู้ได้ว่าเธอกำลังท้องอยู่หรือเปล่า ถ้าเธอท้อง เธอก็จะอยู่ในช่วงไตรมาสที่สามและไม่สะดวกเดินทางท่องเที่ยว ลองถามดูว่าอยากจะไปทริปในอีกสักสองสามเดือนไหม หรืออาจจะถามถึงแผนการช่วงซัมเมอร์ก็ได้ เผื่อเขาหลุดปากมาว่าจะแต่งห้องให้ลูก
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

วิธีสังเกตการตั้งครรภ์ในระยะหลัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ร่างกายผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงที่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะส่วนท้อง ขณะที่ทารกในครรภ์โตขึ้นเรื่อยๆ ท้องจะต้องขยายขนาดเพื่อรองรับตัวเด็ก บางทีก็ยากที่จะแยกความแตกต่างจากไขมันหน้าท้อง แต่การตั้งครรภ์จะมีลักษณะเด่นบางอย่างอยู่ ถ้าส่วนท้องอ้วนขึ้นแบบเป็นก้อนนูนเห็นได้ชัด แต่ส่วนอื่นๆ ในร่างกายไม่ได้ใหญ่ขึ้น นั่นอาจหมายถึงการตั้งครรภ์ ถ้าคุณเผลอไปชนเธอเข้า รู้ไว้ว่าท้องของคนตั้งครรภ์จะแน่นแข็งกว่าท้องที่มีแต่ไขมัน [8]
  2. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่มักจะเกิดก็คือเต้านมขยายขนาดขึ้น เพราะเนื้อเยื่อเต้านมจะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนได้ง่ายมาก ถ้าคุณไม่รู้จักคนนั้นมาก่อน วิธีนี้อาจจะไม่ช่วยเพราะคุณย่อมไม่รู้ขนาดหน้าอกก่อนท้องของเขาและเอามาเทียบกับปัจจุบันไม่ได้ แต่คนท้องแก่บางคนก็จะมีหน้าอกใหญ่แบบไม่สมส่วนกับร่างกายอยู่แล้ว เพราะมีน้ำนมในเต้านั่นเอง [9]
  3. ข้อเท้าบวมเป็นอาการที่ปกติมากสำหรับคนท้อง โดยเฉพาะถ้าท้องได้ราวๆ ห้าเดือน เพราะเมื่อตั้งครรภ์ร่างกายจะเก็บกักน้ำไว้มากขึ้น พร้อมทั้งผลิตเลือดและของเหลวมากขึ้นด้วย [10] เธออาจจะใส่รองเท้าที่สวมสบายๆ และช่วยประคองเท้า หรือรองเท้าแตะเพื่อช่วยลดอาการปวดเท้าเวลายืนหรือเดินขณะที่เท้าและข้อเท้าบวม
  4. เมื่อร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงและขยายใหญ่ขึ้น คนท้องหลายคนจะมีลักษณะการเคลื่อนที่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมด้วย ลองสังเกตอาการต่อไปนี้
    • การเดินเตาะแตะหรือมีท่าเดินเปลี่ยนไปเป็นเรื่องปกติ เพราะท้องที่ใหญ่ขึ้นและเท้าที่บวมขึ้นนั้นจะทำให้คนท้องเสียการทรงตัวไปบ้าง
    • คนท้องหลายคนมักจะเอามืออุ้มท้องหรือจับท้องไว้ตลอดเวลาเดิน มันทั้งช่วยในเรื่องการทรงตัวและเป็นความผูกพันระหว่างแม่ลูกด้วย [11]
  5. นอกจากความเปลี่ยนแปลงเรื่องการเดินแล้ว คนท้องหลายคนยังมีอาการหายใจลำบากในช่วงไตรมาสที่สองและสามของการตั้งครรภ์ด้วย มันเกิดจากการที่ทารกในครรภ์ต้องการออกซิเจนมากขึ้น และการที่มดลูกขยายตัวจนไปเพิ่มแรงกดดันที่ปอดและกะบังลม [12] การหายใจลำบากทั้งที่ไม่ได้ออกแรงอะไรมากนั้นเป็นเรื่องปกติ และถ้ามีอาการอื่นๆ ของคนท้องร่วมด้วยก็อาจสรุปได้ว่าตั้งครรภ์
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะแสดงอาการบ่งชี้หลายอย่างตามที่กล่าวมา การเลี่ยงที่จะไม่ถามตรงๆ ว่าท้องหรือเปล่าก็ยังเป็นการดีที่สุด เพราะอาการต่างๆ เหล่านั้นอาจเกิดจากปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์ก็ได้ การถามใครว่าท้องหรือเปล่าทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ท้องอาจทำให้เสียความรู้สึกและไม่สบายใจได้


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,280 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา