ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คนที่ต้องนั่งทำงานหรือนั่งที่บ้านเป็นเวลานานมักจะมีปัญหากล้ามเนื้อแฮมสตริงหรือกล้ามเนื้อขาด้านหลังรู้สึกตึงขึ้น เพราะกล้ามเนื้อนั้นต้องอยู่ในท่าที่หดเกร็งโดยไม่ขยับเขยื้อนนาน นอกจากนี้ นักวิ่ง นักฟุตบอล และนักกีฬาประเภทอื่นก็ได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริงเป็นประจำ เพราะจากทั้งการฝึกหนักเกินไป การขาดน้ำ ความไม่สมดุลและไม่ยืดหยุ่นของพละกำลัง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักกีฬาหรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ถ้ากล้ามเนื้อแฮมสตริงตึงก็ทำให้เสี่ยงที่จะบาดเจ็บหรือปวดหลังได้ ทำการยืดเหยียดแฮมสตริงอย่างต่อเนื่องเป็นกิจวัตรและปรับการออกกำลังกายเพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้แฮมสตริงฉีกขาด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เพิ่มความยืดหยุ่นด้วยการยืดเหยียด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สองวิธีหลักที่ป้องกันอาการบาดเจ็บแฮมสตริงคือเพิ่มความยืดหยุ่นด้วยการยืดเหยียด และทำให้กล้ามเนื้อทุกกลุ่มมีความแข็งแรงได้สมดุลผ่านทางการฝึก [1] มีวิธียืดเหยียดแฮมสตริงที่ได้ผลหลายท่าที่คุณสามารถฝึกได้ ทั้งการยืดเหยียดแบบอยู่กับที่หรือมีการเคลื่อนไหว
  2. การยืดเหยียดแฮมสตริงแบบอยู่กับที่นั้นได้ผลกับการปลดปล่อยความตึงเครียดและเพิ่มความยืดหยุ่น พวกมันเป็นท่ายืดเหยียดที่ทำตามได้ง่ายที่สุด ทั้งยังปลอดภัยกว่าและไม่น่าทำให้บาดเจ็บได้เท่าการยืดเหยียดแบบเคลื่อนไหว [2] มีท่ายืดเหยียดแบบอยู่กับที่พื้นฐานหลายท่าให้เรียนรู้
    • ทำท่ายืดเหยียดแฮมสตริงแบบยืนก็แค่ยืนหันหน้าชนเก้าอี้แล้วยกขาข้างหนึ่งให้เท้าขึ้นมาวางอยู่บนเบาะเก้าอี้ จากนั้นให้งอสะโพกไปข้างหน้า โดยที่หน้าอกกับหลังยังเหยียดตรง จนกระทั่งคุณรู้สึกตึงที่แฮมสตริง
    • สำหรับท่ายืดเหยียดแฮมสตริงแบบนั่งนั้น ให้นั่งโดยที่หัวเข่าของขาขวางอและส้นเท้าขวากดแนบกับด้านในของต้นขาซ้าย ยืดขาซ้ายไปข้างหน้าให้ราบกับพื้น แล้วค่อยๆ โน้มตัวลงไปยังขาข้างซ้าย [3]
    • จำไว้ว่าให้สลับขาหลังจากยืดเหยียดแต่ละครั้งและทำซ้ำด้านตรงข้าม
  3. การยืดเหยียดแบบเคลื่อนไหวนั้นจะเน้นการขยับตัวที่เข้มข้นกว่าการยืดเหยียดแบบอยู่กับที่ เพราะคุณมีการขยับร่างกายในระหว่างยืดเหยียดด้วย คุณควรทำการยืดเหยียดแบบเคลื่อนไหวหลังจากทำท่ายืดเหยียดแบบอยู่กับที่เสร็จ [4] ท่ายืดเหยียดแบบเคลื่อนไหวอย่างง่ายได้แก่:
    • แตะนิ้วเท้าขาเหยียดตรง จะทำท่านี้ให้ยืนตัวตรง ยื่นแขนออกไปข้างหน้าแล้วเหวี่ยงขาข้างหนึ่งขึ้นไปหามือ แล้วเหวี่ยงกลับไปข้างหลัง ทำการเหวี่ยงขาข้างละสิบถึงสิบห้าครั้ง [5]
    • ยืดเหยียดเหมือนนกขาเดียว เริ่มโดยการยืนตัวตรง จากนั้นยกขาข้างหนึ่งเหยียดตรงไปทางข้างหลังในขณะที่คุณโน้มไปข้างหน้าตรงสะโพกและพยายามแตะนิ้วเท้าข้างที่ยืนบนพื้น ทำท่านี้ค้างไว้สักสองสามวินาทีแล้วค่อยคลายกลับ [6]
    • คุณควรหยุดถ้ารู้สึกปวดเวลาทำการยืดเหยียด
  4. วิธีหนึ่งที่จะรวมการยืดเหยียดเป็นกิจวัตรประจำเข้าไปในตารางเวลาของคุณคือการลองไปเล่นโยคะหรือพิลาทิส มองหาคลาสใกล้คุณและลองดู การทำกิจกรรมทั้งคู่นี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อทุกกลุ่ม [7]
  5. การยืดเหยียดแฮมสตริงไม่เพียงแต่จะพัฒนาความยืดหยุ่นของแฮมสตริง แต่ยังลดโอกาสของการบาดเจ็บหลังและปวดหลังด้วย กล้ามเนื้อแฮมสตริงนั้นเชื่อมต่อกับหลังส่วนล่าง และการตึงไม่ยืดหยุ่นอย่างมากจะทำให้ปวดหลังได้ [8]
    • ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่นักกีฬาและไม่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะมีอาการบาดเจ็บแฮมสตริงก็ตาม การไม่ทำยืดเหยียดให้กล้ามเนื้อส่วนนี้จะทำให้เกิดปวดหลังหรือบาดเจ็บเรื้อรังได้
    • การยืดเหยียดแฮมสตริงจะช่วยบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง [9]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ทำให้กล้ามเนื้อต่างๆ มีความสมดุล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช่นเดียวกับการเพิ่มความยืดหยุ่น มันสำคัญที่จะต้องมีความแข็งแกร่งที่สมดุลกันระหว่างกล้ามเนื้อที่ต่างกลุ่มกัน นั่นหมายถึงไม่ใช่ออกกำลังอย่างหนักแต่กับแฮมสตริง และละเลยกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆ มัน ความไม่สมดุลเช่นนี้แหละที่เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาแฮมสตริง [10]
  2. ควอดิเซ็บคือกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า มันจะอยู่ตรงกันข้ามกับแฮมสตริงที่เป็นกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง ความไม่สมดุลกันระหว่างกล้ามเนื้อสองกลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการบาดเจ็บแฮมสตริง [11] เวลายืดเหยียดแฮมสตริง ก็ต้องอย่ามองข้ามกล้ามเนื้อควอดด้วย
    • วางมือขวาทาบกับผนัง ใช้มือซ้ายจับเท้าซ้ายในระหว่างงอเข่า จัดวางเข่าให้ตรงแล้วเอียงกระดูกเชิงกรานไปข้างหน้าในขณะที่คุณดึงเท้าซ้ายขึ้นไปทางข้างหลังคุณ
    • ทำค้างไว้สัก 30 วินาที ทำซ้ำสองครั้งกับเท้าแต่ละข้าง
  3. ทำการฝึกความแข็งแกร่งของแฮมสตริงกับควอดเท่าเทียมกัน. ท่าบริหารหลังขาเป็นวิธีปกติสำหรับการสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อควอด แต่สำคัญที่จะต้องทำให้แฮมสตริงได้สมดุลเช่นกัน จึงต้องทำท่าบริหารต้นขาหน้า (นั่งแล้วยกขาขึ้นในท่าเหยียดตรง) และท่าบริหารต้นขาหลัง (นั่งแล้วดึงขาให้งอไปทางข้างหลัง) ในจำนวนครั้งและการทำซ้ำที่เท่ากัน
    • ถ้าคุณทำท่าสควอท ให้ทำช้าลงและลดการโน้มตัวไปข้างหน้าลงจะช่วยทำให้คุณรักษาสมดุลระหว่างควอดกับแฮมสตริงได้ดีขึ้น [12]
  4. ลองขอคำปรึกษาจากครูฝึกหรือนักกายภาพบำบัดดู. ถ้าคุณมีความแข็งแกร่งที่ไม่สมดุลอย่างเห็นได้ชัด หรือต้องการจะได้แผนการฝึกที่เหมาะสมเฉพาะตัวกว่านี้ มันเป็นความคิดที่ดีถ้าจะขอคำแนะนำจากมืออาชีพ [13] มันยิ่งจำเป็นถ้าคุณออกกำลังด้วยการยกเวทซึ่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บสูงกว่า
    • ถ้าคุณเล่นกล้าม ให้แน่ใจว่าได้ให้กล้ามเนื้อมีเวลาพักและซ่อมแซมตัวเองในระหว่างการไปเล่นแต่ละครั้ง
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

อบอุ่นร่างกายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อบอุ่นร่างกายก่อนจะเริ่มกิจกรรมเชิงกีฬาไม่ว่าแบบใด. ก่อนจะทำกิจกรรมเชิงกีฬาจริงจังใดๆ คุณต้องอบอุ่นร่างกายก่อนเสมอ การอบอุ่นร่างกายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายและเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ มันจำเป็นต้องถูกกระตุ้นและเคลื่อนไหว
    • การกระโดดตบกับวิ่งจ๊อกกิ้งเป็นการอบอุ่นร่างกายที่ดี
    • ถ้าคุณออกกำลังกายในที่ซึ่งอากาศหนาวคุณควรเพิ่มเวลาสำหรับอบอุ่นร่างกายให้นานขึ้น [14]
  2. คุณควรอุทิศเวลาสักหลายนาทีให้กับการยืดเหยียดก่อนจะไปวิ่ง เล่นกีฬา ว่ายน้ำ หรือออกกำลังบนเครื่องอุปกรณ์ เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงเกิดบาดเจ็บที่แฮมสตริง มันยิ่งสำคัญถ้าคุณเคยเกิดบาดเจ็บที่แฮมสตริงมาแล้วในอดีต หลังจากการออกกำลังอบอุ่นร่างกายเบื้องต้นแล้ว ให้ทำการยืดเหยียดแฮมสตริงทั้งแบบอยู่กับที่และแบบเคลื่อนไหว
    • กล้ามเนื้อที่ผ่านการอบอุ่นและยืดเหยียดมาแล้วจะมีโอกาสฉีกในระหว่างออกกำลังกายได้น้อยลง [15]
    • การยืดเหยียดอบอุ่นร่างกายที่ดีได้แก่การนอนหงายงอเข่า ประสานมือหลังเข่าข้างหนึ่งแล้วยกมันขึ้นมาจรดหน้าอก
    • ทำค้างไว้ราวสิบห้าวินาทีโดยให้ศีรษะ แผ่นหลังและก้นยังอยู่ติดพื้น
    • ปล่อยแล้วสลับข้าง
  3. หลังจากออกกำลังกายเสร็จ คุณควรทำการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและยืดเหยียด ให้ออกกำลังแบบแอโรบิคเบาๆ เช่นวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่กับที่ แล้วค่อยยืดเหยียดแฮมสตริง อย่ารอจนตะคริวขึ้นถึงค่อยทำการยืดเหยียดซ้ำแบบเดิมกับตอนก่อนจะออกกำลังกาย หลังออกกำลังกายนั้นกล้ามเนื้อจะยืดหยุ่นและมันจะลดอาการบาดเจ็บกับการเป็นตะคริว
    • การยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อที่ดีคือให้นั่งหลังตรงแล้วเหยียดขาไปข้างหน้า
    • ก้มลงและใช้มือทั้งสองข้างแตะนิ้วเท้า ค้างไว้สิบวินาที ปล่อยแล้วทำซ้ำ
    • คุณอาจพบว่าทำท่านี้ได้ง่ายขึ้นเมื่อนั่งบนบล็อกโยคะหรือหมอนอิง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

รักษาสุขภาพของมันให้ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนที่มีน้ำหนักเกินจะมีแรงตึงเกิดขึ้นตรงกล้ามเนื้อกับข้อต่อของขาเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเสี่ยงที่จะบาดเจ็บระหว่างออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันสูงขึ้นได้ ปรึกษาแพทย์ถึงการรวมอาหารกับการออกกำลังกายเข้าด้วยกันอย่างปลอดภัยเพื่อลดน้ำหนักตัวคุณลงมา [16]
  2. การขาดน้ำทำให้กล้ามเนื้อเป็นตะคริว ซึ่งเพิ่มโอกาสทำให้บาดเจ็บ [17] ดื่มน้ำเยอะๆ โดยตั้งเป้าแปดแก้วต่อวัน นี่เป็นส่วนสำคัญของการทำให้มีสุขภาพดี แต่ยิ่งสำคัญขึ้นไปอีกที่จะต้องไม่ให้ขาดน้ำเวลาออกกำลังกายเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดตะคริว [18]
    • ดื่มน้ำ 0.4 ถึง 0.6 ลิตร (15 ถึง 20 ออนซ์) ก่อนออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง
    • ดื่มน้ำ 0.2 ถึง 0.3 ลิตร (8 ถึง 10 ออนซ์) ก่อนจะเริ่มออกกำลังกาย 10 นาที
    • ดื่มน้ำ 0.2 ลิตร (8 ออนซ์) ทุกๆ 15 นาทีที่ออกกำลังกาย
    • เพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มระหว่างการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงหรือในสภาพอากาศร้อน ดื่มน้ำอย่างน้อย 0.5 ลิตร (16 ออนซ์) หลังออกกำลังกาย [19]
  3. เช่นเดียวกับการดื่มน้ำให้เพียงพอ คุณจำต้องเติมสารอาหารกับแร่ธาตุที่จำเป็นทั้งหมดให้กล้ามเนื้อด้วยเพื่อคงความแข็งแรง การทานอาหารที่สมดุลจะช่วยคุณทำเช่นนั้นได้
    • แพทย์บางท่านแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยป้องกันกล้ามเนื้อฉีกขาด [20]
    • ให้แน่ใจว่าได้ทานคาร์โบไฮเดรตเพียงพอ ถ้ากล้ามเนื้อไม่ได้รับพลังงานเพียงพอก็อาจเป็นตะคริวขึ้นได้ [21]
  4. การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายมีหุ่นดี และเพิ่มความแข็งแกร่งกับความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ แค่เดินไปมารอบที่ทำงาน บ้าน หรือกลางแจ้งก็ทำให้แฮมสตริงยืดหยุ่นได้กว่าที่คุณจะอยู่นิ่งๆ เป็นเวลานานๆ
    • การพักเดินสั้นๆ แค่ 5 นาทีในทุกชั่วโมงก่อนเพิ่มประโยชน์ให้กับสุขภาพของเราแล้ว [22]
    โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • น้ำ
  • การออกกำลังอบอุ่นร่างกาย
  • ลดน้ำหนัก
  • นั่งช่วงระยะสั้นๆ
  • ยืดเหยียดแฮมสตริง
  • ฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อแฮมสตริงกับควอดให้สมดุลกัน

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,533 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา