ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
เมื่อคุณไปเที่ยวในที่สูงๆ เช่น พื้นที่รอบภูเขา คุณอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ เช่น ความเย็น ความชื้นต่ำ รังสียูวีจากดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้น ความกดอากาศต่ำ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด อาการป่วยเพราะความสูงเป็นอาการที่ร่างกายตอบสนองต่อความกดอากาศและปริมาณออกซิเจนต่ำ ซึ่งโดยปกติมักเกิดที่ความสูงเกิน 2500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าคุณมีแผนที่จะไปเที่ยวตามที่สูงมากๆ ควรทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ เพื่อป้องกันอาการป่วยที่อาจเกิดขึ้นเพราะความสูง
ขั้นตอน
-
ขึ้นที่สูงช้าๆ. เมื่อคุณไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่อยู่สูง คุณควรขึ้นช้าๆ โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะใช้เวลา 3-5 วันบนความสูงเกิน 2500 เมตร ในการปรับให้คุ้นชินกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะขึ้นที่สูงกว่านี้ คุณควรซื้อเครื่องวัดความสูงหรือนาฬิกาข้อมือที่สามารถวัดความสูงได้เพื่อช่วยในเรื่องนี้ โดยเฉพาะถ้าคุณไปเที่ยวในที่ที่ไม่มีป้ายบอกความสูง จะได้รู้ว่าคุณอยู่ที่ความสูงเท่าไหร่แล้ว คุณสามารถซื้อเครื่องมือวัดความสูงเหล่านี้ได้ทางอินเทอร์เน็ตหรือจากร้านขายอุปกรณ์ปีนเขา
- มีพฤติกรรมบางอย่างที่คุณควรเลี่ยง ห้ามขึ้นที่สูงเกิน 2700 เมตรภายในหนึ่งวัน ห้ามนอนบนที่ความสูงเกิน 300-600 เมตรจากความสูงที่คุณนอนคืนก่อน คุณควรเผื่อเวลา 1 วันสำหรับปรับร่างกายให้เข้ากับสภาพอากาศสำหรับความสูงทุกๆ 1000 เมตร [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ต้องพักผ่อน. อีกหนึ่งวิธีการสู้กับอาการป่วยเพราะความสูงคือการได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ การท่องเที่ยวภายในและภายนอกประเทศสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนปกติของเราได้และอาจทำให้คุณเหนื่อยล้าและขาดน้ำ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการป่วยเนื่องจากความสูงฉับพลัน ก่อนเริ่มขึ้นที่สูง คุณควรเผื่อวันสำหรับการหยุดพัก 1-2 วัน เพื่อให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมและรูปแบบการนอนแบบใหม่ โดยเฉพาะเวลาที่คุณไปเที่ยวต่างประเทศ
- นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 3-5 ของการปรับตัวให้ชินกับความสูงระดับใหม่ คุณควรใช้เวลา 1-2 วันแรกพักผ่อนก่อนทำการสำรวจพื้นที่
-
กินยาป้องกัน. ก่อนออกเดินทางขึ้นที่สูง ควรกินยาบางอย่างเพื่อช่วยป้องกันอาการ คุณต้องนัดพบแพทย์เพื่อให้แพทย์จ่ายยากินป้องกันก่อนการไปเที่ยว บอกประวัติการรักษาทางการแพทย์ของคุณและอธิบายให้แพทย์ฟังว่าคุณจะไปขึ้นที่สูงถึง 2400-2700 เมตร ถ้าคุณไม่แพ้ยา แพทย์อาจจ่ายยาอะเซตาโซลาไมด์ให้คุณด้วย
- ตัวยานี้ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาในการป้องกันและรักษาอาการป่วยเพราะการขึ้นที่สูงฉับพลัน ยาอะเซตาโซลาไมด์เป็นยาขับปัสสาวะประเภทหนึ่ง ซึ่งเร่งกระบวนการขับปัสสาวะและกระตุ้นกระบวนการหายใจ ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจนเข้าร่างกายเพิ่มขึ้น
- กินยาปริมาน 125 มิลลิกรัมตามที่แพทย์สั่ง วันละ 2 ครั้ง โดยเริ่มกินหนึ่งวันก่อนการเดินทางและกินติดต่อกัน 2 วันเมื่ออยู่บนที่สูงแล้ว [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Ellsworth A.J., Meyer E.F., Larson E. B. Acetazolamide or dexamethasone use versus placebo to prevent acute mountain sickness on Mount Rainier. Western Journal of Medicine. 1991 Mar; 154(3): 289–293.
-
กินยาเดกซาเมทาโซน. ถ้าแพทย์ไม่แนะนำให้กินยาอะเซตาโซลาไมด์หรือคุณแพ้ยาตัวนี้ ก็ยังมียาตัวอื่นอีก คุณอาจจะกินยาที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาอย่างยาเดกซาเมทาโซน ซึ่งเป็นยาสเตียรอยด์ชนิดหนึ่ง ผลการศึกษารายงายว่ายาตัวนี้สามารถลดความรุนแรงและลดการเกิดโรคที่เกิดจากการขึ้นที่สูงฉับพลันได้
- กินยานี้ตามแพทย์สั่ง โดยปกติแล้วมักจะต้องกินปริมาณ 4 มิลลิกรัมทุก 6-12 ชั่วโมง โดยเริ่มกินวันก่อนเดินทางและกินต่อไปจนกว่าคุณจะปรับตัวกับความสูงสูงสุดที่คุณขึ้นไป
- การกินยาไอบูโปรเฟน 600 มิลลิกรัม ทุก 8 ชั่วโมงก็สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคจากการขึ้นที่สูงฉับพลันได้
- มีการศึกษาพบว่าแป๊ะก๊วยสามารถรักษาและป้องกันอาการป่วยจากความสูงได้ แต่ผลการศึกษานั้นออกมาแตกต่างกัน จึงไม่แนะนำให้ใช้ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
-
ตรวจเซลล์เม็ดเลือดแดง. ก่อนออกเดินทาง คุณควรตรวจเซลล์เม็ดเลือดแดง คุณต้องนัดพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดังกล่าวก่อนเดินทาง ถ้าพบว่าคุณเป็นโรคโลหิตจางหรือเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ แพทย์อาจนำให้ดูแลอาการเหล่านี้ก่อนเดินทาง การตรวจนี้สำคัญเพราะเซลล์เม็ดเลือดแดงทำหน้าที่พาออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังจำเป็นต่อการดำรงชีวิตด้วย
- เหตุผลที่ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำนั้นมีมากมาย เหตุผลที่พบได้บ่อยคือการขาดธาตุเหล็ก การขาดวิตามินบีก็สามารถทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำได้เช่นกัน ถ้าเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ แพทย์อาจแนะนำให้กินอาหารเสริมธาตุเหล็กหรือวิตามินบี เพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดแดงมีค่าปกติ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
-
ซื้อใบโคคา. ถ้าคุณไปปีนเขาแถบอเมริกากลางหรืออเมริกาใต้ คุณอาจซื้อใบโคคามาจากที่นั่น แม้ว่าใบโคคาจะเป็นสารต้องห้ามในประเทศอเมริกา แต่คนในประเทศแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ก็ใช้ใบโคคาป้องกันอาการป่วยจากที่สูง ถ้าคุณไปประเทศแถบนั้น อาจจะซื้อมาเคี้ยวหรือต้มทำเป็นชาดื่ม เพื่อป้องกันอาการดังกล่าว
- คุณต้องรู้ว่าชาจากใบโคคาเพียงแค่หนึ่งแก้วสามารถทำให้ผลตรวจยาโคเคนในร่างกายเป็นผลบวกได้ ใบโคคาเป็นสารกระตุ้นและผลการศึกษาเผยว่าใบโคคาทำให้สารชีวเคมีเปลี่ยน ซึ่งช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายเมื่ออยู่บนที่สูง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Casikar V. et al. Does Chewing Coca Leaves Influence Physiology at High Altitude? Indian Journal of Clinical Biochemistry. 2010 Jul; 25(3): 311–314.
-
ดื่มน้ำมากๆ. การขาดน้ำจะไปลดความสามารถในการปรับตัวของร่างกายเมื่อเจอกับความสูงใหม่ ต้องดื่มน้ำ 2-3 ลิตรต่อวัน เริ่ม 1 วันก่อนเดินทาง สำรองน้ำไว้อีก 1 ลิตรระหว่างการเดินขึ้นที่สูงและอย่าลืมเผื่อน้ำไว้สำหรับขาลงด้วย
- ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และควรหลีกเลี่ยงการดื่ม 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้อัตราการหายใจลดต่ำลงและทำให้ร่างกายขาดน้ำ
- คุณควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง โซดา คาเฟอีนสามารถทำให้กล้ามเนื้อขาดน้ำได้ด้วย [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
กินอย่างเหมาะสม. มีอาหารหลายประเภทที่คุณควรกินเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางและเพื่อป้องกันอาการป่วยเพราะที่สูง ผลการศึกษาชี้ว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงสามารถบรรเทาอาการของโรคจากการขึ้นที่สูงฉับพลันได้ รวมถึงพัฒนาอารมณ์และสมรรถภาพร่างกาย [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Poos MI, Costello R, Carlson-Newberry SJ. Committee on Military Nutrition Research: Activity Report: National Academies Press (US). December 1, 1994 through May 31, 1999. ผลการศึกษาอื่นๆ เปิดเผยว่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดสามารถเพิ่มขึ้นจากคาร์โบไฮเดรตในระหว่างการทดลองที่จำลองระดับความสูงได้เช่นกัน [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Lawless NP. et al. Improvement in hypoxemia at 4600 meters of simulated altitude with carbohydrate ingestion. Aviation, Space, and Environmental medicine journal. 1999 Sep;70(9):874-8. มีความเชื่อว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตช่วยสร้างความสมดุลของพลังงานในร่างกาย คุณควรกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงก่อนและระหว่างช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวให้คุ้นเคยกับสภาพอากาศโดยรอบ
- อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงได้แก่ พาสต้า ขนมปัง ผลไม้และอาหารที่มีมันฝรั่งเป็นส่วนประกอบ
- นอกจากนี้ ก็ไม่ควรกินเกลือมากไป เกลือปริมาณมากเกินไปจะทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายขาดน้ำ ต้องเลือกซื้ออาหารตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีฉลากบอกว่าเกลือต่ำหรือไม่มีเกลือเป็นส่วนประกอบ
- ความอดทนและสมรรถภาพของร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการปีนเขา อย่างไรก็ตาม มีผลการศึกษาระบุว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสมรรถภาพร่างกายจะป้องกันโรคจากการขึ้นที่สูงได้ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Honigman B. et al. Sea-level physical activity and acute mountain sickness at moderate altitude. Western Journal Medicine. 1995 Aug;163(2):117-21.
โฆษณา
-
เรียนรู้ลักษณะอาการที่แตกต่างกัน. อาการป่วยที่เกิดจากการขึ้นที่สูงมี 3 แบบได้แก่ โรคจากการขึ้นที่สูงฉับพลัน อาการจากภาวะสมองบวมน้ำ (HACE) และอาการจากภาวะปอดบวมน้ำ (HAPE)
- อาการป่วยจากการขึ้นที่สูงฉับพลันเกิดจากความกดอากาศและออกซิเจนลดลง
- อาการจากภาวะสมองบวมน้ำ (HACE) เป็นอาการรุนแรงที่ต่อเนื่องมาจากอาการป่วยจากการขึ้นที่สูงฉับพลัน ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อสมองบวมและฉีกขาด
- อาการจากภาวะปอดบวมน้ำ (HAPE) สามารถเกิดร่วมกับอาการจากภาวะสมองบวมน้ำได้ อาจเกิดขึ้นหลังจากมีอาการป่วยจากการขึ้นที่สูงฉับพลัน หรือเกิดภายใน 1-4 วันหลังจากการขึ้นที่สูงเกิน 2400 เมตร อาการนี้เกิดจากปวดบวม เนื่องจากความดันสูงและหลอดเลือดในปอดหดตัว ทำให้ของเหลวรั่วเข้าไปในปอดจนปอดบวม [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
-
รู้อาการป่วยจากการขึ้นที่สูงฉับพลัน. การป่วยจากการขึ้นที่สูงฉับพลันเป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในหลายที่บนโลก นักท่องเที่ยวกว่า 25% ที่ขึ้นไปบนที่สูงกว่า 2400 เมตรในรัฐโคโลราโด 50% ของนักท่องเที่ยวในเทือกเขาหิมาลัย และอีก 85% ของนักท่องเที่ยวแถบยอดเขาเอฟเวอเรสต์ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ อาการป่วยของโรคจากการขึ้นที่สูงมีมากมาย
- อาการได้แก่ ปวดหัวภายใน 2-12 ชั่วโมงของการอยู่บนความสูงใหม่ มีปัญหากับการนอนหลับหรือหลับไม่สนิท วิงเวียน เหนื่อยล้า หน้ามืดมึนหัว อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น หายใจถี่ขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว คลื่นไส้ อาเจียน [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
-
สังเกตอาการภาวะสมองบวม. เนื่องจากอาการสมองบวมเป็นอาการรุนแรงที่สืบเนื่องมาจากอาการป่วยบนที่สูง คุณจะต้องมีอาการข้างต้นก่อน เมื่ออาการหนักขึ้น คุณจึงเริ่มมีอาการอื่นตามมา เช่น อาการเซ ไม่สามารถเดินตรงได้ หรือมีความเป็นไปได้ที่จะเดินไม่มั่นคงเมื่อต้องเดินหรือเดินเป็นเส้นตรง สภาพจิตใจอาจเปลี่ยนไป ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของความง่วง ความสับสน เวลาพูด จดจำ เคลื่อนไหว ความคิดและระยะเวลาจดจ่อกับบางสิ่งจะเปลี่ยนแปลงไป
- คุณอาจหมดสติหรือเข้าขั้นโคม่า
- อาการภาวะสมองบวมน้ำไม่ค่อยเกิดขึ้น ต่างกับอาการป่วยจากที่สูง อาการภาวะสมองบวมเกิดกับผู้คนเพียงร้อยละ 1-4 เท่านั้น [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
-
ระวังอาการปอดบวมน้ำ. เนื่องจากอาการนี้อาจพัฒนามาจากภาวะสมองบวมน้ำ คุณอาจมีอาการของโรคจากการขึ้นที่สูงและภาวะสมองบวมน้ำไปพร้อมกัน หรือบางที่ภาวะนี้อาจจะเกิดขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตาม คุณควรระวังอาการเฉพาะที่เกิดจากภาวะปอดบวมน้ำอย่างเดียวด้วย เช่น อาการหายใจลำบาก ซึ่งเป็นการหายใจนิ่งสั้น คุณอาจรู้สึกแน่นแสบหน้าอก หายใจออกจากปอดฟืดฟาด อัตราการหายใจและการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น อ่อนแอและไอ
- อาจมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่สังเกตได้ เช่น อาการเขียวคล้ำ ซึ่งบริเวณปากและนิ้วจะมีสีน้ำเงินหรือสีเข้มขึ้น
- อาการภาวะปอดบวมน้ำนั้นเหมือนกับภาวะสมองบวมน้ำตรงที่พบได้ไม่บ่อย เกิดขึ้นเพียง 1-4% [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
-
ดูแลอาการ. แม้ว่าคุณจะพยายามป้องกันอาการโรคจากที่สูงแล้ว มันก็ยังเกิดขึ้นได้อยู่ดี ถ้าอาการป่วยเกิดขึ้น คุณต้องเฝ้าระวังอาการไม่ได้เป็นหนัก หากคุณมีอาการจากที่สูงฉับพลัน ให้รอดูอาการ 12 ชั่วโมง รีบลงจากที่สูงทันทีอย่างน้อย300 เมตร ถ้าอาการไม่ลุกลามภายใน 12 ชั่วโมงหรือรีบลงมาเร็วกว่านั้น หากมีอาการรุนแรง ถ้าคุณไม่สามารถลงมาได้ ถ้าสามารถรักษาโดยใช้ออกซิเจนได้ จะช่วยประคองอาการได้ 2-3 ชั่วโมง ในจุดนี้ คุณต้องติดตามประเมินอาการ เพื่อสังเกตการพัฒนาของอาการ
- ถ้าคุณมีสัญญาณหรืออาการของภาวะสมองบวมน้ำหรือปอดบวมน้ำ ให้ลงจากที่สูงทันที โดยใช้แรงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้อาการทรุดหนัก คุณต้องประเมินอาการเป็นระยะ
- ถ้าลงมาจากที่สูงไม่ได้เพราะสภาพอากาศหรือปัจจัยอื่นๆ ให้ออกซิเจนเพื่อเพิ่มความเข้มข้นออกซิเจน ใส่หน้ากากและใส่ท่อจากหน้ากากลงในถังออกซิเจน ปล่อยออกซิเจนออกมา คุณอาจจะเข้าไปอยู่ในห้องปรับอากาศเคลื่อนที่ได้ด้วย ถ้ามีอุปกรณ์เหล่านี้พร้อม การลงจากที่สูงอาจจะไม่จำเป็น ในกรณีที่อาการไม่รุนแรงและการรักษาได้ผลกับคุณ อุปกรณ์เหล่านี้มีน้ำหนักเบา หน่วยกู้ชีพหรือสถานีกู้ภัยมักจะพกพาติดตัวเสมอ หากมีวิทยุหรือโทรศัพท์ ให้รายงานสถานการณ์ต่อหน่วยกู้ชีพ ระบุตำแหน่งของคุณและรอรับการช่วยเหลือที่จะมาถึง [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
-
กินยาฉุกเฉิน. มียาบางตัวที่แพทย์อาจสั่งจ่ายแก่คุณสำหรับเวลาฉุกเฉิน สำหรับการรักษาโรคจากการขึ้นที่สูงฉับพลัน คุณอาจได้ยาอะเซตาโซลาไมด์หรือยาเดกซาเมทาโซน สำหรับภาวะสมองบวมน้ำ อาจได้ยาเดกซาเมทาโซน รีบกินยาทันทีแล้วตามด้วยน้ำเปล่า
- แพทย์อาจจ่ายยาฉุกเฉินสำหรับภาวะปอดบวมน้ำให้ด้วย ซึ่งเป็นยาที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อกินป้องกันรวมถึงรักษาอาการปอดบวมน้ำ ผลการศึกษาจำนวนหนึ่งระบุว่ายาบางตัวช่วยลดการเกิดภาวะปอดบวมน้ำได้ ถ้ากินภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ยาดังกล่าวได้แก่ ไนเฟดิปีน (Procardia) ซาลเมเทอรอล (Serevent) ฟอสโฟไดเอสเทอเรส-5 อินฮิบิเตอร์ (tadalafil, Cialis) และซิลเดนาฟิล (Viagra). [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
โฆษณา
คำเตือน
- ถ้าคุณรู้สึกมีอาการของโรคจากที่สูง ห้ามขึ้นไปมากกว่านี้ ที่สำคัญคือห้ามนอน
- ต้องลงมาจากที่สูงหากอาการเพิ่มขึ้น หรืออาการไม่หายไปในขณะที่พัก
- ถ้าคุณมีอาการป่วย อาจะทำให้อาการของโรคจากที่สูงเป็นหนักกว่าเก่า คุณอาจจะต้องออกกำลังเพื่อเตรียมพร้อมร่างกายก่อนการเดินทาง โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพคอยดูแลความปลอดภัย อาการป่วยที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ภาวะความดันหลอดเลือดแดงปอดสูง โรคเบาหวาน และโรคโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงรูปเคียว คุณมีความเสี่ยงที่จะป่วย หากคุณกำลังได้รับการรักษาโดยใช้ยาแก้ปวดชนิดเสพติดอยู่ ซึ่งจะทำให้อัตราการหายใจลดต่ำลง
- หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรนอนบนความสูงเกิน 3600 เมตร
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ Hackett P, Shlim D. Altitude Illness. Chapter 2 Pre-travel consultation. CDC. Aug 1st, 2013. http://wwwnc.cdc.gov/travel/yellowbook/2014/chapter-2-the-pre-travel-consultation/altitude-illness
- ↑ Hackett P, Shlim D. Altitude Illness. Chapter 2 Pre-travel consultation. CDC. Aug 1st, 2013. http://wwwnc.cdc.gov/travel/yellowbook/2014/chapter-2-the-pre-travel-consultation/altitude-illness
- ↑ Ellsworth A.J., Meyer E.F., Larson E. B. Acetazolamide or dexamethasone use versus placebo to prevent acute mountain sickness on Mount Rainier. Western Journal of Medicine. 1991 Mar; 154(3): 289–293.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
- ↑ Casikar V. et al. Does Chewing Coca Leaves Influence Physiology at High Altitude? Indian Journal of Clinical Biochemistry. 2010 Jul; 25(3): 311–314.
- ↑ http://www.mayo.edu/research/documents/preparing-for-safe-travelpdf/doc-10026905
- ↑ Poos MI, Costello R, Carlson-Newberry SJ. Committee on Military Nutrition Research: Activity Report: National Academies Press (US). December 1, 1994 through May 31, 1999.
- ↑ Lawless NP. et al. Improvement in hypoxemia at 4600 meters of simulated altitude with carbohydrate ingestion. Aviation, Space, and Environmental medicine journal. 1999 Sep;70(9):874-8.
- ↑ http://www.theuiaa.org/faq-mountaineering.html
- ↑ Honigman B. et al. Sea-level physical activity and acute mountain sickness at moderate altitude. Western Journal Medicine. 1995 Aug;163(2):117-21.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
- ↑ Fiore D, Hall S. Altitude Illness: Risk Factors, Prevention, Presentation, and Treatment. American Family Physician journal. 2010 Nov 1;82(9):1103-1110.
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,789 ครั้ง
โฆษณา