ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การต้องอยู่ร่วมกับคนประเภท ‘จอมบงการ’ นั้น นับเป็นเรื่องเครียดและยากลำบาก ซึ่งหากจะต้องรับมือกับเพื่อนที่เอาแต่ควบคุม หัวหน้าที่นิสัยแบบป้าระเบียบ หรือญาติพี่น้องที่ชอบชี้นิ้วสั่ง โดยที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น คุณควรหาวิธีรับมือเอาไว้บ้าง จะได้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวในภายหลัง อันที่จริงแล้ว การรับมือกับคนประเภทดังกล่าว คุณแค่ต้องการเทคนิคบางอย่างในข่มใจ และเข้าใจพฤติกรรมของพวกเขา รวมถึงรู้จักหลีกเลี่ยงเมื่อจำเป็น ซึ่งหากคุณเริ่มอยากเรียนรู้แล้วล่ะก็ มาเริ่มจากขั้นตอนแรกกันก่อน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ทำความเข้าใจจอมบงการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนที่เป็นแบบนี้มักถูกผลักดันให้ควบคุมผลลัพธ์และคนรอบข้าง เพราะพวกเขารู้สึกกลัวว่าตัวเองจะสูญเสียการควบคุมไป พวกเขามักกลัวความล้มเหลวของตัวเอง และกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างหากก้าวพลาด หากมองลึกลงไปแล้ว พวกเขาแค่กังวลในขีดจำกัดของตัวเอง (โดยไม่รู้ตัว) กลัวการถูกดูหมิ่น และขาดความไว้ใจในตัวผู้อื่นเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาคาดหวังให้ทำ
    • พวกจอมบงการมักจะเชื่อว่าไม่มีใครเก่งเกินตนเอง ซึ่งในยุคที่สังคมมีกฎเกณฑ์มากมาย ให้เราคอยปฏิบัติตามอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่บางอย่างเราก็จำเป็นต้องปฏิบัติตาม แม้ว่าไม่ค่อยจะเข้าใจเหตุผลสักเท่าไร พวกจอมบงการจึงมักอาศัยช่องโหว่ดังกล่าว เข้ามาสวมบทผู้ชี้นำสังคม ทั้งๆ ที่พวกเขาเองก็มักจะไม่ได้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสักเท่าไร ทั้งในแง่คุณวุฒิและวุฒิภาวะทางอารมณ์
    • โดยเนื้อแท้แล้ว พวกจอมบงการจะขาดความไว้ใจผู้อื่น ชอบวิพากษ์วิจารณ์ ชอบข่มผู้อื่น และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นคนบ้าอำนาจ ซึ่งทำให้พวกเขาเชื่ออยู่ลึกๆว่า ตนเองมีสิทธิในการครอบครองสิ่งต่างๆ มากกว่าผู้อื่น และไม่จำเป็นต้องเคารพใคร
  2. สังเกตดูว่าจอมบงการคนนั้น ต้องได้รับการรักษาหรือไม่. บางครั้งจอมบงการที่คุณรู้จัก อาจเป็นแค่คนประเภทชอบควบคุม แต่บ่อยครั้ง ที่อาการของพวกเขาหนักมาก จนถึงขั้นเป็นโรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder) หรือโรคต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) ซึ่งเป็นผลมาจากวัยเด็กที่ถูกกระทบต่ออารมณ์ โดยมักมีปัญหาที่พวกเขารู้สึกว่าถูกกระทำโดยไร้เหตุผล และควบคุมไม่ได้ ซึ่งในกรณีนี้ ควรต้องได้รับการบำบัดรักษาทางจิตอย่างถูกวิธี
    • หากคุณสงสัยว่าใครกำลังเป็นโรคดังกล่าว จำเป็นต้องพาเขาไปให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่ต้องระวังไว้ว่า การจะบอกพวกเขาถึงเรื่องดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกเขาจะไม่มีวันยอมรับว่าตัวเองมีปัญหาเด็ดขาด นอกเสียจากว่าพวกเขาจะสำนึกได้ด้วยตนเอง แต่โดยทั่วไปแล้ว พวกเขามักโทษคนอื่นมากกว่า
    • นอกจากนี้ คุณควรทำใจไว้ด้วย ในกรณีที่คุณเป็นเพียงคนที่อยู่ในสถานะด้อยกว่า หากคนที่มีอาการดังกล่าว เป็นเจ้านาย หรือเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณ จะทำให้คุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
  3. พวกจอมบงการมักมีท่าทีเหมือนผู้ปกครองของคุณ โดยอาจใช้คำในลักษณะเผด็จการ เช่น “ลงมือเดี๋ยวนี้!” “ทำตามที่สั่งก็พอ!” หรือ “อดทนหน่อยน่า!” โดยไม่สนใจว่าคำพูดเหล่านั้น จะทำให้คนฟังรู้สึกอย่างไร ซึ่งหากคุณรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็ก ที่ต้องคอยออดอ้อนเอาใจพวกเขา หรือทำให้พวกเขาพอใจตลอดเวลา พนันได้เลยว่า พวกเขาย่อมปฏิบัติต่อคุณอย่างเผด็จการ และคอยบงการทุกเรื่อง แต่มักจะมองข้ามพรสวรรค์ สิทธิ และความรู้สึกของคุณ เนื่องจากคนจำพวกนี้มักจะรู้สึกดี ก็ต่อเมื่อได้แสดงอำนาจเหนือคนอื่นเท่านั้น
    • แม้ว่าพวกเขาจะมีสถานะเหนือกว่าโดยชอบธรรม เช่น เป็นพอแม่ เป็นครู หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล แต่พฤติกรรมของจอมบงการ จะแตกต่างจากผู้มีอำนาจในตำแหน่งเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น วางท่าทางไม่ให้เกียรติ พูดจาห้วนๆ ชอบชี้นิ้วสั่ง ฯลฯ แทนที่จะประนีประนอม หรือรับฟังเหตุผลบ้าง ผู้ที่มีอำนาจด้านบวกอันเป็นที่รักของทุกคน จะต้องเป็นผู้นำที่ดีและใส่ใจผู้คนที่ด้อยสถานะกว่า รวมถึงให้ความวางใจและคอยชี้แนะด้วยความห่วงใย
  4. โดยจะมีบุคลิกภาพแบบ “จ้องจับผิด” เช่นพูดว่า “ถ้าทำพลาดขึ้นมา เธอแย่แน่ๆ” ซึ่งอาจจะพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูนุ่มนวล แต่มันเต็มไปด้วยความคาดหวังว่า คุณต้องซาบซึ้งในคำเตือนของพวกเขา พวกเขามักอ้างเหตุผลต่างๆ นานา มาหว่านล้อมให้คุณทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง “เพื่อตัวคุณเอง” โดยที่คุณไม่ได้เป็นฝ่ายเลือกเลย แถมยังต้องขอบคุณพวกเขาอีกต่างหาก คนประเภทนี้เราเรียกว่า ‘เผด็จการหวานซ่อนเปรี้ยว’
    • จอมบงการส่วนใหญ่ มักขาดความเห็นใจผู้อื่น และขาดความตระหนักรู้ ถึงผลเสียที่ตนเองมีต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นภาวะบกพร่องทางอารมณ์ อันเนื่องมาจากความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต แต่พวกเขามักแสดงออกด้วยการวางท่าทีให้ดูมีอำนาจ และยังเป็นคนที่ขาดความสุขในชีวิต อมทุกข์มาก แต่กลับแสดงออกด้วยท่าทีทะนงตน
  5. คุณควรเข้าใจว่า ตนเองไม่ได้ด้อยกว่าคนที่คอยบงการคุณ ถึงแม้พวกเขาพยายามจะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นก็ตาม เรื่องนี้มีผลมากต่อคุณภาพชีวิตของคุณ เพราะจอมบงการที่อยู่รอบข้างคุณ มักจะพยายามกดคุณให้ต่ำลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น คุณต้องตระหนักว่า มันเป็นเพียงแค่ปัญหาของพวกเขา อย่าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายคุณได้สำเร็จ
    • จำเอาไว้ว่า คุณเป็นคนที่มีเหตุผลและรู้ดีถึงข้อจำกัดของแต่ละคน อย่าปล่อยให้พวกจอมบงการมาทำให้คุณรู้สึกผิด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ตอบโต้อย่างสร้างสรรค์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นี่อาจเป็นเรื่องยากสักหน่อย แต่คุณสามารถฝึกฝนได้แน่นอน และคนที่เป็นเป้าหมายในการฝึกที่ดีที่สุด ก็คือพวกจอมบงการทั้งหลายนั่นเอง คุณต้องแสดงให้พวกเขาเห็นแต่แรกว่า คุณจะไม่ทนกับการบงการของพวกเขา เพราะยิ่งปล่อยไว้นานวัน พวกเขาจะเหมาเอาเองว่ามีสิทธิบงการคุณได้ เหมือนที่พวกเขาทำกับคนอื่น
    • การประกาศจุดยืนแก่พวกเขา อาจทำในเวลาที่อยู่กันสองคน ไม่ควรฉีกหน้าเขาหรือเธอต่อหน้าธารกำนัล
    • พยายามอธิบายว่า นิสัยชอบบงการของพวกเขา ส่งผลแง่ลบต่อคุณอย่างไร อย่าเพิ่งไปชี้หน้าด่าพวกเขาว่าเป็นจอมบงการ ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้สึกว่า หัวหน้าของคุณมองข้ามพรสวรรค์ของคุณมานานแล้ว ก็อาจลองพูดในทำนองว่า คุณทำงานในสายนี้มานานมากแล้ว แต่ทุกครั้งที่คุณส่งงานไป กลับถูกแก้หรือตีกลับคืนตลอด ซึ่งทำให้คุณรู้สึกแย่และไร้ค่า จึงอยากให้หัวหน้าปฏิบัติกับคุณอย่างให้เกียรติมากกว่านี้ เป็นต้น
  2. คุณจำเป็นต้องรักษาท่าทีเอาไว้ก่อน ถึงแม้จะอยากตะโกนใส่หน้าจอมบงการก็ตาม เพราะการระเบิดความโกรธ มักนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดี คุณอาจรอให้พวกเขาหายเหนื่อย หรือเสร็จจากธุระอันยุ่งเหยิงก่อน เพราะหากคุณมีทีท่าแบบชวนหาเรื่อง พวกเขามักจะยิ่งตอบโต้รุนแรง ดังนั้น หายใจเข้าลึกก่อนไปเจรจากับพวกเขา และพยายามใช้น้ำเสียงแบบปกติ
    • ในทางกลับกัน หากคุณแสดงท่าทีฉุนเฉียว ก็จะเข้าทางพวกเขาอีกเหมือนกัน
    • การแสดงอารมณ์ด้านลบให้พวกเขาเห็น จะยิ่งทำให้จอมบงการรู้จุดอ่อนของคุณ และมักจะคอยจ้องหาเรื่องคุณมากขึ้นกว่าเดิม ในโอกาสต่อไป
  3. ถึงแม้ว่าการเจรจาหรือหาทางออกร่วมกันจะเป็นเรื่องดี แต่ในบางกรณี การหลีกเลี่ยงพวกเขากลับเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าจอมบงการคนนั้นเป็นใคร หรืออยู่ในสถานะใด:
    • หากเป็นคนในครอบครัวคุณเอง ก็ควรจะหลีกเลี่ยงมากหน่อย เพราะไม่ว่าคุณจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ หรือพยายามเอาใจเพียงใด พวกเขาจะไม่มีวันพึงพอใจเลย แต่หากคุณคิดจะงัดข้อกับพวกเขาล่ะก็ อย่าเสียเวลาเลยดีกว่า เพราะต่อให้คุณชนะ พวกเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยน นอกจากจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ดังนั้น ขอเพียงแค่คุณคอยย้ำกับตัวเองว่า มันเป็นปัญหาของพวกเขา พวกเขาต้องแก้เอง ไม่ใช่ภาระที่คุณต้องมาแบกรับ
    • หากเป็นความสัมพันธ์ชายหญิง คุณควรจะยื่นคำขาดไปว่า หากเขาหรือเธอไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คุณก็พร้อมที่จะแยกทางและไปเริ่มชีวิตใหม่ จำไว้ว่า จอมบงการที่ใช้ความรุนแรง จะต้องได้รับการบำบัดในระยะยาวอย่างต่อเนื่องเท่านั้น จึงจะสามารถเปลี่ยนตัวเองได้
    • หากคุณเป็นวัยรุ่นที่มีผู้ปกครองจอมบงการ พยายามเชื่อฟังตามความเหมาะสม และหากิจกรรมสร้างสรรค์นอกบ้านทำอยู่เสมอ คุณอาจจะไปเล่นกีฬา หรือติวหนังสือกับเพื่อนๆ รวมถึงเข้าร่วมกลุ่มอาสาต่างๆ โดยคุณสามารถใช้กิจกรรมเหล่านั้นเป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกเขาได้ และออกไปใช้เวลากับคนที่เห็นคุณค่าในตัวคุณแทน
  4. พวกเขามักรับมือกับความกดดันไม่ค่อยได้ จึงมักไปลงที่คนรอบข้างเสมอ การที่พวกเขาเอาแต่คิดเข้าข้างตัวเอง จึงมักทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน ซึ่งก่อให้เกิดความเครียดและระเบิดออกมาได้ง่ายๆ หากคุณสังเกตว่าพวกเขากำลังจะถึงจุดเดือด ขอให้รักษาที่มั่นเอาไว้ เพราะพวกเขาอาจจะมาระรานคุณมากกว่าเดิม
    • หมั่นสังเกตเวลาที่พวกเขากำลังมีแนวโน้มจะอารมณ์รั่ว และพยายามแบ่งเบาภาระเท่าที่คุณพอช่วยได้ เช่น หากคุณสังเกตเห็นว่า แฟนของคุณมักจะเข้าสู่โหมดพร้อมระเบิดและเริ่มบงการมากขึ้น ตอนที่เขาหรือเธอกำลังกดดัน หากวันไหนคุณเห็นแฟนหอบงานกลับมาทำที่บ้าน หรือบ่นเรื่องงาน คุณก็ควรจะเปรยถึงด้านบวกของแฟน เพื่อเป็นการแสดงความเชื่อมั่นและยกย่องในตัวเขาหรือเธอ เพื่อลดความกดดันจากสถานการณ์ดังกล่าวลงนั่นเอง
  5. นี่อาจเป็นเรื่องยาก หรือเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่มันจะส่งผลดีต่อ ตัวคุณเอง โดยเฉพาะในกรณีที่คุณจำใจต้องอยู่ร่วมกับจอมบงการ เช่น คุณอาจบอกตัวเองว่า "ถึงหัวหน้าจะบ้าอำนาจและชอบจิกหัวใช้ แต่ถ้าไม่มีเขา เราก็อาจจะกินแกลบ และจะว่าไปแล้ว เวลาที่หัวหน้าไม่เครียด ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวสักเท่าไร" พยายามหลีกเลี่ยงด้านลบ และมองหาด้านบวกควบคู่กันไป ก็จะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว
    • การพยายามหาส่วนดี อาจยากอยู่สักหน่อย แต่สักพักคุณจะเข้าใจว่า จอมบงการก็มีหัวใจ และการที่คุณหมั่นรดน้ำในหัวใจของพวกเขาบ่อยๆ จะทำให้พวกเขาจ้องเล่นงานคุณน้อยลง หรือเลิกเห็นคุณเป็นภัยคุกคามเสียที
  6. จะช่วยให้พวกเขารู้สึกดี และอยากทำเหมือนเดิมอีก โดยเฉพาะหากพวกเขาเริ่มวางใจคุณแล้ว เช่น หากพวกเขาวางใจให้คุณรับผิดชอบงานใหญ่ คุณควรจะแสดงท่าทีชื่นชมในการตัดสินใจนั้น ก่อนจะตกปากรับงานนั้นไว้ด้วยความยินดี
    • ตัวอย่างเช่น "ขอบคุณมากนะคะ ที่วางใจหนู" ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้สึกดี และผ่อนคลายท่าทีลงชั่วคราว
  7. หากคุณเป็นคนประเภทชอบคิดแก้ปัญหา หรือมีไอเดียสร้างสรรค์อยู่เนืองๆ การทำงานให้กับจอมบงการ จะทำให้คุณรู้สึกทรมานมาก เพราะพวกเขามักจะทำเป็นขอ หรือรับฟังความเห็นจากผู้อื่น แต่สุดท้ายก็มักปฏิเสธ และทำในแบบที่ตัวเองต้องการเท่านั้น หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว เรามีคำแนะนำดังนี้:
    • ปลงเสียเถอะ พยายามเล่นตามน้ำไป โดยคุณอาจจะนำเสนองานตามปกติ ถึงแม้จะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้วก็ตาม พยายามเสียสละหรือทำใจดีสู้เสือ เพื่อรักษาบรรยากาศในที่ทำงานเอาไว้
    • จี้จุดให้พวกเขารู้. อาจดูเป็นการกระทำที่เสี่ยงมากหน่อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับบริบทและผู้ร่วมเหตุการณ์ด้วย เช่น หากคุณร่วมประชุมกับจอมบงการ โดยมีทีมหรือเพื่อนร่วมงานของคุณด้วย และทุกคนต่างเริ่มเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของจอมบงการ คุณอาจจะพูดในทำนองว่า "หากครั้งนี้งานไม่ผ่านอีก ผมก็คงไม่รู้จะแก้ยังไงแล้ว เพราะผมกับลูกทีมบันทึกข้อผิดพลาดในครั้งก่อนๆ ที่หัวหน้าเคยวิจารณ์เอาไว้ และได้ทำการแก้ไขมาในครั้งนี้จนหมดแล้ว"
    • จากบริบทตัวอย่างดังกล่าว เราจึงขอแนะนำให้คุณบันทึกทุกสิ่งที่จอมบงการเคยพูดเอาไว้ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการตอบโต้กับพวกเขา เพราะคนประเภทนี้มักจะไม่รักษาคำพูด หรือสัญญาที่ตัวเองให้ไว้ เรียกว่า กลับลำได้เสมอ แถได้ตลอดเวลา
    • หยุดนำเสนอผลงานใดๆ หากคุณมั่นใจแล้วว่า หัวหน้าของคุณเป็นคนประเภทจอมบงการ และเออออห่อหมกกับเขาหรือเธอไปวันๆก็พอ เชื่อเถอะว่า เพื่อนร่วมงานของคุณก็มักจะทำแบบเดียวกันนี้ เช่น กล่าวยกยอและประจบประแจง เพราะต้องการรักษางานของตัวเองไว้ แต่เราอยากแนะนำเพิ่มเติม ให้คุณเตรียมหางานใหม่เอาไว้ด้วย อย่าจมปลัก หรือรับใช้คนแบบนี้ไปจนตาย
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ตรวจสอบท่าทีตนเองบ้าง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แน่นอนว่า หากคุณอยู่ที่ปลายสถานการณ์อีกด้านหนึ่ง หรือเป็นเหยื่อของพวกจอมบงการ คุณก็อาจจะรู้สึกแย่ และอยากต่อต้าน แต่คุณก็ควรจะประเมินตัวเองอย่างซื่อสัตย์ด้วยว่า คุณมีนิสัยแย่ๆ ที่ทำให้จอมบงการจ้องเล่นงานคุณเป็นพิเศษไหม โดยอาจวัดจากประเด็นต่อไปนี้:
    • คุณละเลยหน้าที่ หรือทำอะไรผิดพลาดจริงหรือไม่ เช่น หากคุณไม่เก็บกวาดห้องตัวเอง หรือคุณไม่คิดงานให้ดีก่อนลงมือทำ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า ทำไมผู้ปกครองหรือหัวหน้าของคุณ ถึงจ้องเล่นงานคุณนัก
    • จอมบงการ มักจะจ้องกล่าวโทษคนที่พวกเขาเห็นว่าไร้ประโยชน์ รวมถึงคนที่ชอบดื้อเงียบด้วย ซึ่งพวกเขาจะยิ่งคอยหาเรื่อง เมื่อรู้สึกว่าไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเต็มที่ ดังนั้น คุณอาจโต้แย้ง หรือแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผยในบางโอกาส อย่างน้อยก็ดีกว่าการเก็บงำไว้ หรือวางท่าทีประชดประชัน
  2. เรื่องแบบนี้ไม่เข้าใครออกใคร เราทุกคนต่างก็มีปีศาจร้ายในตัวทั้งนั้น ในบางสถานการณ์คุณจึงอาจจะเป็นจอมบงการเสียเองก็ได้ เช่น เวลาที่คุณรู้อะไรดีกว่าคนอื่น เวลาที่คุณมีอำนาจตัดสินใจ หรือเวลาที่คุณกำลังอยู่ในภาวะกดดัน โดยคุณสามารถนึกย้อนกลับไปถึงเวลาที่ตัวเองเป็นเช่นนั้นบ้าง เผื่อจะช่วยให้เข้าใจจอมบงการที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ได้ในระดับหนึ่ง
    • พยายามปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างอ่อนโยน เวลาคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังเจ้ากี้เจ้าการมากเกินไป ให้ลองสังเกตปฏิกิริยาของคนรอบข้างดู แล้วคุณจะรู้ว่า บรรดาจอมบงการในชีวิตคุณทั้งหลายนั้น เขาต้องอยู่กับอารมณ์เช่นไรแทบจะตลอดเวลา
  3. พยายามประเมินข้อดีและข้อเสียของตนเองอย่างตรงไปตรงมา. คุณสามารถทำได้ด้วยการสอบถามความเห็นจากบุคคลที่สาม เป็นการส่วนตัว โดยเลือกคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณ และยังต้องสามารถเชื่อใจได้ว่าเขาหรือเธอจะพูดความจริง ยิ่งหากเป็นคนที่รู้จักคุณดีและมีประสบการณ์ในปัญหาแบบเดียวกับคุณมาก่อน ก็ยิ่งดี ทั้งนี้ คุณควรยอมรับว่า ไม่มีใครดีเต็มร้อย หรือด่างพร้อยไปทุกเรื่อง จงใช้ความเห็นดังกล่าวในการทำความรู้จักตัวเอง เพื่อที่จะได้เอาไว้เป็นภูมิคุ้มกันตนเองจากพวกจอมบงการ
    • การเห็นตัวเองในมุมมองเดียวกับที่คนรอบข้างมองคุณ ทั้งเวลาอยู่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว และเวลาที่คุณวางตัวในที่ทำงาน จะช่วยให้คุณตัดสินได้ว่า สิ่งที่จอมบงการปฏิบัติต่อคุณนั้น มันสมเหตุสมผลหรือไม่ หากคนที่คุณขอให้แสดงความเห็นเกี่ยวกับตัวคุณ ยืนยันว่าคุณไม่ได้มีจุดบกพร่องอะไร คุณก็สบายใจได้แล้วว่า คนที่ควรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมากที่สุด ก็คือ จอมบงการในชีวิตคุณนั่นเองต่างหาก
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โลกนี้ยังมีงานและความสัมพันธ์ที่ดีอีกมากให้เลือกหา หากสถานการณ์มันแย่เกินทนแล้วจริงๆ ก็อย่าทรมานตัวเองต่อไปอีกเลย คนเพียงคนเดียวไม่มีสิทธิในการควบคุมชีวิตคุณขนาดนั้น ดังนั้น จงหาทางออกให้กับตัวเอง ต่อให้คุณยังหางานใหม่ไม่ได้ก็ตาม จงรีบชิ่งออกมาก่อนที่คุณจะประสาทเสียไปมากกว่านี้
    • หากเป็นกรณีเด็กวัยรุ่น ที่มีพ่อแม่เป็นจอมบงการ พยายามมองหากิจกรรมนอกบ้านที่สร้างสรรค์ เช่น การเล่นกีฬา หรืองานประเภทจิตอาสาทั่วไป รวมถึงการทำงานหารายได้พิเศษนอกเวลาเรียน ถ้าเป็นไปได้ คุณควรเลือกเรียนในสถาบันที่ห่างไกลจากบ้าน เพื่อที่จะได้อยู่หอพักหรืออพาร์ทเม้นท์ โดยเฉพาะกรณีที่คุณส่งเสียตัวเองเรียน แต่หากจำเป็นต้องพึ่งพาเงินทุนจากผู้ปกครอง ก็พยายามหาเหตุผลอธิบายพวกเขาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อตัวคุณเอง
  2. โดยทั่วไปแล้ว พวกจอมบงการมักแฝงความกลัว และความรู้สึกไม่มั่นคงเอาไว้ภายใน ซึ่งทำให้พวกเขาขาดความสุขและไม่เคยรู้สึกพอใจสิ่งต่างๆ พวกเขาอยากเห็นตัวเองเป็นคนที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ และการที่พวกเขาไม่เข้าใจในจุดนี้ จึงทำให้ขาดทักษะในการปรับตัวเพื่อความสำเร็จ และส่งผลลบต่ออารมณ์ของพวกเขาเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเศร้า อย่างไรก็ตาม ต่อให้คุณสงสารคนประเภทนี้ ทางที่ดีคุณควรจะเดินไปตามเส้นทางแห่งความสุขของตัวเอง เพราะตราบใดที่พวกเขาไม่ยอมปรับปรุงตนเอง พวกเขาก็ไม่มีวันจะได้พบกับความสุขทางใจอย่างแน่นอน
    • การเดินตามเส้นทางแห่งความสุข อาจไม่จำเป็นต้องแยกทางก็ได้ ในบางบริบท คุณสามารถเลือกใช้เวลาเป็นการส่วนตัวมากขึ้น เช่น ทำงานอดิเรกที่ตนเองชอบ หรือดื่มด่ำอยู่กับการศึกษาคำสอนทางศาสนา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะหรือเผชิญหน้ากับจอมบงการในชีวิตคุณ จำเอาไว้อย่างเดียวว่า อย่าปล่อยให้คำพูดของพวกเขา เข้ามาทำลายความนับถือตนเองของคุณได้ จงดูแลตัวเองให้ดี เพราะคุณไม่ได้มีหน้าที่กอบกู้ชีวิตของพวกจอมบงการ
  3. กว่าจะรู้ตัวว่าคุณถูกจอมบงการทำลายชีวิตไปมากแค่ไหน ก็มักจะเกือบสายเกินแก้แล้ว ดังนั้น พยายามรักและเมตตาตัวเองให้มาก เพราะที่ผ่านมา คุณอาจจะถูกพูดกรอกหู หรือถูกปฏิบัติเยี่ยงคนไร้ค่า รวมถึงถูกจอมบงการครอบงำให้เชื่อว่า คุณมันไม่เอาถ่าน เพียงเพื่อที่จะกักขังคุณไว้ให้อยู่ใต้อุ้งเท้าพวกเขา เชื่อเถอะว่า คำพูดต่างๆ ของคนประเภทนั้น ไม่มีอะไรเป็นความจริงทั้งสิ้น มันเป็นแค่เทคนิคที่ใช้บงการคนจิตอ่อนอย่างคุณเท่านั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะต้องตระหนักในคุณค่าของตัวเองเสียใหม่แล้ว
    • ในขั้นตอนการฟื้นฟูความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมานี้ จะเป็นการดีมาก หากคุณได้ใช้เวลาร่วมกับเหล่าคนที่ทำให้คุณรู้สึกดี และไม่มีแรงจูงใจในการครอบงำคุณ
    • ทำในสิ่งที่คุณถนัดและให้คุณค่ากับมัน ที่ผ่านมา คุณอาจจะยังเชื่อว่าตนเองไม่เอาไหน เพราะถูกจอมบงการครอบงำมานานเกินไป จงใช้เวลานับจากนี้ไป ในการทำกิจกรรมต่างๆที่คุณมั่นใจว่าทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ กีฬา ธุรกิจ หรือด้านใดก็ตาม
  4. ในกรณีเฉพาะหน้านี้ คุณควรเริ่มจากการวางแผนเรื่องงาน/ความสัมพันธ์ ซึ่งก็คือสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ที่คุณต้องรับมือกับจอมบงการไปพลางๆก่อน ดังนั้น จงตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะไปจากพวกเขา หากเลือกที่จะอยู่ก็ควรกำหนดระยะเวลาเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นการเผื่อทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเอง และช่วยให้ไม่เครียดมากนัก โดยระหว่างที่ยังต้องอยู่ร่วมกับพวกเขา พยายามหาทางรับมือไว้ให้ดีๆ อย่าไปต่อล้อต่อเถียงด้วย หากจำเป็นต้องพูดอะไร ก็ขอให้พูดอย่างใจเย็นและชาญฉลาด โดยไม่จำเป็นต้องยอมถูกครอบงำอีกต่อไป จงหันมาทำสิ่งต่างๆเพื่อตนเองแทน
    • ท้ายที่สุดแล้ว การแยกทางจากพวกเขา อาจเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่อยู่ไปก็มีแต่ผลเสียต่อตัวเอง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จอมบงการมักใช้เทคนิคการควบคุมด้วยอารมณ์ เช่น การพูดให้คุณรู้สึกกลัวบางอย่างจนเกินจริง เพราะพวกเขารู้ดีว่า มันเป็นสิ่งที่สามารถล่อให้คุณเข้าไปติดกับดักได้ หากคุณคล้อยตาม
  • ในด้านความรักความสัมพันธ์ เวลาที่ออกเดทครั้งแรกๆ พยายามสังเกตสัญญาณอันตราย หากคู่เดทมักจงใจทำให้คุณรู้สึกหึงหวงหรือรู้สึกผิด อาจเป็นไปได้ว่าเขาหรือเธอเข้าข่ายเป็นจอมบงการ เพราะความรู้สึกทั้งสองอย่างที่กล่าวมา มักถูกนำมาควบคุมผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ!
  • ในด้านหน้าที่การงาน จำเอาไว้ว่าหากเจอหัวหน้าจอมบงการ พยายามพูดเอออวยไปกับเขาหรือเธอ เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับสิ่งตัวเองเชื่อ มากกว่าความสัมพันธ์กับลูกน้อง ทั้งนี้ คุณต้องมีจุดยืนให้ชัดเจนในแง่ของคุณธรรมด้วย กล่าวคือ อย่ายอมทำอะไรที่ผิดศีลธรรมหรือจรรยาบรรณ และเรื่องผิดกฎหมายใดๆก็ตามที่พวกเขาสั่ง!
  • จงระวังหากมีใครเข้ามาจีบคุณ โดยเริ่มจากการไปรับไปส่งคุณ ช่วยคุณซื้อของ หรือทำทุกอย่างแทนคุณ ในกรณีนี้ คุณควรทดสอบด้วยการขอปลีกตัวไปทำอย่างอื่นในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งหากเขาหรือเธอเอาแต่โทรตามคุณไม่หยุด และพยายามเข้ามาแทรกแซงชีวิตคุณในเวลาต่อมา ขอให้รู้ไว้ว่า คุณอาจเจอจอมบงการเข้าให้แล้ว หากคุณยอมเป็นแฟนด้วยล่ะก็ หายนะได้รออยู่ข้างหน้าแล้ว แม้ว่าในช่วงเริ่มแรกคุณอาจจะทำเป็นหลับหูหลับตา มองข้ามสัญญาณอันตรายเช่นนี้ก็ตาม
  • พวกจอมบงการ มักพูดให้คุณรู้สึกผิดหรือซาบซึ้ง ในทำนองว่าพวกเขายอมทำสิ่งต่างๆ ที่กำลังอยู่ ก็เพียงเพราะคุณหรือเพื่อคุณเท่านั้น ซึ่งหากคุณเริ่มรู้สึกผิดล่ะก็ แสดงว่าคุณติดกับเข้าให้แล้ว
  • หากคุณมีผู้ปกครองประเภทจอมบงการ พยายามหาจังหวะพูดคุยกับพวกเขา เกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ พวกเขาอาจอ้างว่าทำทุกอย่างเพื่อคุณ ซึ่งคุณก็สามารถพูดได้ว่า คุณโตพอที่จะตัดสินใจ และเลือกทางเดินของตัวเองได้แล้ว
  • พยายามเห็นใจพวกเขาตามความเหมาะสม เพราะการทำเช่นนั้น จะช่วยให้คุณไม่เครียดหรือเกิดความคับข้องใจมากเกินไป แน่นอนว่า พฤติกรรมของพวกเขาไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่พวกเขาทำไปเพียงเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี และหลีกหนีความเครียด อย่างไรก็ตาม จงอย่าตามใจพวกเขาจนเคยตัว การที่คุณเห็นใจพวกเขา ไม่ได้หมายความว่าต้องยอมรับทั้งหมด
  • ถ้าเลือกได้ อย่าคบหาหรือทำงานร่วมกับจอมบงการ คุณสามารถประเมินได้จากเบาะแสบางอย่าง เช่น เขาหรือเธอมักชอบจับผิดและวิจารณ์ผู้อื่น รวมถึงต้องกำหนดทุกอย่างให้เป็นไปตามแบบที่ตนเองต้องการ โดยไม่ยอมประนีประนอมหรือยืดหยุ่น หากเป็นในด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว เขาหรือเธอมักจะแสดงความเป็นเจ้าของโดยไร้เหตุผล
  • พวกจอมบงการ มักโบ้ยความผิดให้คุณ เช่นบอกว่า คุณชอบทำตัวมีปัญหา และมักทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองชอบคิดมากเกินไป ซึ่งเป็นหนึ่งในเล่ห์กลที่พวกเขาใช้ควบคุมคนอื่น
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าเหมาเอาเองว่า คุณไม่มีทางต่อกรกับพวกจอมบงการ ที่กำลังเพ่นพ่านอยู่ในสังคม แน่นอนว่า จอมบงการส่วนใหญ่มักจะใช้ความรุนแรงได้เมื่อโมโห และก็แน่นอนด้วยว่า จอมบงการบางคนไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ แต่อย่าถึงกับขวัญผวาหรือหลบหน้าหายไปเวลาเจอคนแบบนี้อีกในอนาคต คุณสามารถเลือกที่จะรักษาระยะห่างในความสัมพันธ์ได้ โดยตระหนักในจุดอ่อนของตัวเองเพื่อจะได้ระมัดระวังไว้ เช่น ตระหนักว่าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าปฏิเสธ หรือไม่กล้าพูดแสดงจุดยืนให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ก็จะเป็นการช่วยเตือนตัวเอง ไม่ให้คุณเผลอเข้าไปติดกับดักคนแบบนั้นอีก
  • จดบันทึกภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับคุณ หากจอมบงการในชีวิตคุณ ขู่ไม่ให้คุณทิ้งพวกเขาไป โดยคุณควรไปแจ้งความไว้แต่เนิ่นๆ และอาจขอให้ตำรวจหรือศาลมีคำสั่งห้ามเข้าใกล้ พยายามส่งสัญญาณให้จอมบงการเห็นว่าคุณเอาจริง คุณควรตั้งปุ่มโทรออก 191 แบบฉุกเฉินไว้ด้วย เผื่อในกรณีที่จวนตัว ที่สำคัญ คุณอาจขอให้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ที่สามารถปกป้องคุณได้ ช่วยไปรับไปส่งคุณในช่วงดังกล่าว
  • จอมบงการบางคน พร้อมที่จะลงไม้ลงมือกับคุณ หากถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉย ดังนั้น ถ้าคุณสังเกตว่าจอมบงการคนดังกล่าว มีแนวโน้มในการระเบิดอารมณ์ ก็จงใช้ความระมัดระวังในการตีตัวออกห่าง วิธีหนึ่งที่ชาญฉลาดก็คือ คุณอาจแกล้งทำตัวให้น่าเบื่อ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้หมดเสน่ห์ หรือแกล้งใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไร้สาระ อันจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าอาจไม่คุ้มค่าต่อไปแล้วที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคุณ สุดท้ายแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือการบอกเลิกทางไกล เช่นทางโทรศัพท์ หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ ในขณะที่บอกให้อีกฝ่ายรู้ด้วยว่า คุณมีคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดคอยอยู่เคียงข้างเสมอ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนที่เขาจะพูดจาขู่เข็ญอะไรคุณได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 44,215 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา