ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ฝุ่นคือการสะสมของอนุภาคเล็กจิ๋ว เช่น เส้นใยเสื้อผ้า กระดาษ เส้นผม สะเก็ดรังแคของสัตว์เลี้ยง เซลล์ผิวหนัง ดินและสิ่งอื่นๆ ที่เป็นเศษเล็กเศษน้อย ถ้าปล่อยฝุ่นให้สะสมมากขึ้นจะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ และมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา การควบคุมฝุ่นไม่ให้เยอะเกินไปจึงเป็นความคิดที่เข้าท่า ถึงจะไม่มีทางขจัดฝุ่นออกไปจากชีวิตได้หมด แต่ก็มีวิธีทำความสะอาด จัดการของที่กองระเกะระกะ และเทคนิคกรองฝุ่นออกซึ่งลดปริมาณฝุ่นที่คนในบ้านหายใจเข้าไปทุกวันได้มากทีเดียว ลองมาเรียนรู้วิธีไล่พวกฝุ่นออกไปจากบ้านกันเถอะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

กรองอากาศ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ามีระบบส่วนกลางที่คอยทำความร้อนหรือความเย็นในบ้าน เปลี่ยนตัวกรองเพื่อควบคุมปริมาณฝุ่นในอากาศ ฝุ่นจะสะสมในบ้านอยู่เรื่อยๆ แต่ตัวกรองที่มีคุณภาพช่วยชะลอการสะสมตัวของฝุ่นได้
    • อุปกรณ์กรองอากาศมาตรฐานจะกรองอนุภาคขนาดใหญ่จากอากาศเท่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบทำความร้อนหรือระบบทำความเย็นเสียหาย ขอแนะนำให้ใช้กระดาษคุณภาพสูงหรือแผ่นกรองฝุ่นแบบจีบเพื่อช่วยลดฝุ่น เพราะเป็นแบบใช้แล้วทิ้งได้ และให้เปลี่ยนใหม่ทุก 1 ถึง 3 เดือน
  2. เครื่องนี้ช่วยทำความสะอาดอากาศด้วยการจับอนุภาคฝุ่น เหมาะกับบ้านที่มีฝุ่นเยอะ หรือครอบครัวที่มีสมาชิกป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่น [1] เครื่องฟอกอากาศเพียงแค่ช่วยทำความสะอาดอากาศในห้องที่คนในครอบครัวอยู่ ฉะนั้นลองใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนและห้องนั่งเล่นดู
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ขจัดฝุ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ติดตั้งแผ่นกรอง HEPA (high-efficiency particulate air) ซึ่งช่วยเราดักจับฝุ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดูดฝุ่นพื้นพรมในบ้านให้ทั่ว เน้นบริเวณที่มีคนเดินผ่านไปมาเยอะๆ จะดูดฝุ่นพื้นบริเวณอื่นที่ไม่ใช่พื้นพรมก็ได้ ดูดฝุ่นบ่อยๆ ช่วยลดฝุ่นซึ่งจับตัวที่เฟอร์นิเจอร์และมุมต่างๆ ได้มากจริงๆ หลังดูดเสร็จก็จะสังเกตเห็นความแตกต่างเลยทีเดียว [2]
    • เปลี่ยนแผ่นกรองในเครื่องดูดฝุ่นบ่อยๆ
    • เครื่องดูดฝุ่นต้องอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน เครื่องดูดฝุ่นที่เสียจะพ่นฝุ่นกลับไปในอากาศ ซึ่งยิ่งจะทำให้ฝุ่นเยอะขึ้น
  2. ใช้ไม้กวาดและที่ตักผงทำความสะอาดพื้นนอกจากการดูดฝุ่นก็เป็นวิธีลดฝุ่นในบ้านที่ดีเยี่ยมอีกวิธีหนึ่ง กวาดบริเวณที่มีฝุ่นเยอะบ่อยๆ อย่างแถวประตู โถงทางเดินและพื้นห้องครัว เทฝุ่นในถังขยะทิ้ง ฝุ่นจะได้ไม่เข้ามาในบ้านอีก
  3. ใช้ไม้ถูพื้นชุบน้ำหมาดๆ ทำความสะอาดพื้นเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่จะช่วยกำจัดฝุ่นที่หลงเหลือตอนกวาดพื้น ถ้าถูพื้นบ่อยๆ ก็จะช่วยลดฝุ่นในบ้านได้ ถ้าปล่อยฝุ่นไว้นานจะขจัดฝุ่นและคราบสกปรกออกยากมากขึ้น แถมอาจต้องใช้การขัดช่วยด้วย
  4. ไม่ใช่ผ้าทุกประเภทจะเช็ดฝุ่นออกได้ดี ถ้าฝุ่นเป็นปัญหาสำคัญในบ้าน ก็น่าจะเช็ดฝุ่นออกด้วยผ้าเช็ดฝุ่นไมโครไฟเบอร์ ผ้านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อดักและจับฝุ่น การใช้เสื้อยืดเก่าๆ หรือผ้าขนหนูเช็ดจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายมากกว่าช่วยขจัดฝุ่น ไม้ขนไก่ก็เช่นเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ดูสะอาดขึ้นก็จริง แต่อนุภาคฝุ่นยังล่องลอยอยู่ในอากาศอยู่
    • ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดบริเวณที่มีฝุ่นสะสมอย่างบนหิ้ง โต๊ะ ข้างโต๊ะ และบริเวณอื่นๆ ผ้าเปียกจับฝุ่นได้ดีกว่าผ้าแห้ง ฉะนั้นถ้าต้องเช็ดเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้ทำด้วยไม้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ ก่อนแล้วค่อยเช็ด
    • ซักผ้าไมโครไฟเบอร์ทันทีหลังเช็ดฝุ่นเสร็จเพื่อขจัดทุกสิ่งที่จับตัวอยู่ที่ผ้า เมื่อใช้เครื่องอบผ้าทำให้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง อย่าใช้แผ่นดรายเออร์ชีทหรือแม้แต่น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะจะลดประสิทธิภาพในการจับฝุ่นของผ้า
  5. ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียงและหมอนเป็นที่สะสมฝุ่น บ่อยครั้งทำให้เกิดอาการคัดจมูกตอนตื่นนอน เพราะหายใจเอาอากาศที่มีฝุ่นเข้าไปตลอดคืน ทุกครั้งๆ ที่นอนบนเตียง หรือลุกขึ้นจากเตียงจะไม่รู้ตัวเลยว่านั้นเป็นการทำให้ฝุ่นฟุ้งไปในอากาศ วิธีแก้คือซักเครื่องนอนบ่อยๆ โดยเฉพาะถ้าเราหรือสมาชิกในครอบครัวมีผิวแห้ง หรือนำสัตว์เลี้ยงมานอนด้วย
    • ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ถ้าบ้านมีฝุ่นเยอะ
    • ซักเครื่องนอนอื่นๆ และผ้าห่มทุกๆ สามหรือสี่สัปดาห์
  6. เอาเบาะและพรมออกมาเคาะฝุ่นออกหนึ่งครั้งต่อเดือน. เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเบาะหรือพรมก็เหมือนเครื่องนอนอาจมีฝุ่นเกาะเยอะอยู่เรื่อยๆ ทุกครั้งที่นั่งเก้าอี้ยาว หรือเดินบนพรมจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปในอากาศ นำเบาะหรือพรมไปเคาะข้างนอกทุกๆ 3 เดือน และขจัดฝุ่นให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
    • ด้ามไม้กวาดเก่าๆ เป็นอุปกรณ์เคาะพรมและเบาะได้ดีเยี่ยม
    • เคาะให้ทั่วอย่าเคาะแต่บริเวณเดิม
    • เคาะพรมและเคาะเบาะไปเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นอนุภาคฝุ่นเล็กๆ ลอยอยู่ในอากาศในทุกครั้งที่เคาะ
  7. ทุกๆ สองสามเดือนถึงเวลาทำความสะอาดบ้านให้เอี่ยมอ่อง ทำความสะอาดผนัง ขอบผนังด้านบนและขอบด้านล่างด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ทำความสะอาดผนังด้านบนก่อนแล้วไล่ลงมาด้านล่าง วิธีนี้จะช่วยให้สามารถเก็บกวาดฝุ่นที่ตกลงมาขณะทำความสะอาดได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

จัดการของที่กองระเกะระกะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าทุกห้องภายในบ้านมีของตกแต่งวางไว้เฉยๆ อยู่เต็มไปหมด ก็คงลดฝุ่นในบ้านยากขึ้นเยอะ เดินเก็บกวาดของสะสมฝุ่นที่ไม่ต้องการจริงๆ ทั่วบ้าน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น
    • ถ้ามีของที่อยากเก็บไว้จริงๆ ลองย้ายของพวกนี้ไปในห้องที่ครอบครัวไม่ค่อยได้เข้าไปใช้ วิธีนี้จะช่วยทำให้ห้องที่ใช้งานบ่อยๆ ไม่สะสมฝุ่นไว้
  2. ของพวกนี้เสื่อมสภาพอยู่ตลอดเวลา จึงก่อให้เกิดฝุ่นมาก มีกองนิตยสารหรือกองหนังสือรอบบ้านต้องก่อให้เกิดฝุ่นแน่นอน วางหนังสือไว้บนชั้นวาง คอยหมุนเวียนนิตยสารและของที่เป็นเอกสารอื่นๆ เป็นประจำ เก็บพวกเอกสารไว้ในถุงพลาสติกจะได้ไม่เกิดฝุ่นภายในบ้าน
  3. [3] ทิ้งผ้าห่ม หมอน ผ้าปูโต๊ะและเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นกำมะหยี่ เพราะมีส่วนก่อให้เกิดฝุ่นภายในบ้าน นอกจากก่อให้เกิดฝุ่น แล้วยังกักเก็บฝุ่นด้วย ถ้าลดของที่ทำมาจากผ้าและผ้าลินินได้ จะช่วยลดปริมาณฝุ่นที่ฟุ้งกระจายรอบบ้าน
    • แทนที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์ทำจากผ้าให้ลองซื้อเฟอร์นิเจอร์ทำจากหนังสัตว์หรือไม้แทน หากมีเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ สักชิ้นเสื่อมสภาพ และก่อให้เกิดฝุ่น เอาไปทิ้งเสีย
    • ซักผ้าห่มและหมอนบ่อยๆ
  4. ทุกครั้งที่เปิดประตูตู้เสื้อผ้าประจุเล็กๆ ในความดันอากาศทำให้เส้นใยเล็กๆ หลุดจากเสื้อผ้าและสิ่งทอ แล้วฝุ่นเล็กๆ เหล่านี้สะสมอยู่บนพื้น ถึงตู้เสื้อผ้ารก เราก็ไม่ค่อยจะทำความสะอาดพื้นตู้เสื้อผ้าตามภารกิจทำความสะอาดประจำวันอยู่แล้ว แต่เมื่อทำความสะอาดพื้นตู้เสื้อผ้าให้ปราศจากฝุ่นก็จะเป็นการป้องกันฝุ่นไม้ให้ฟุ้งกระจายไปที่อื่น
    • แขวนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแทนที่จะพับไว้แล้วกองเป็นชั้นๆ
    • หาที่วางรองเท้า ดีกว่าถอดทิ้งไว้สะเปะสะปะ.
    • ดูดฝุ่นพื้นตู้เสื้อผ้าเป็นประจำช่วยลดฝุ่น
  5. เสื้อผ้านอกฤดูกาลควรจะเก็บไว้ดีกว่าทิ้งไว้ข้างนอกรอจนถึงปีหน้า เมื่อเก็บเสื้อผ้า และสิ่งทอไว้ในสิ่งที่ปิดมิดชิด ไม่ถูกสภาพแวดล้อมภายนอกรบกวน ก็จะไม่มีฝุ่นเกาะ
    • ขอแนะนำให้เก็บไว้ในกล่องหรือถุงที่โปร่งใส จะได้รู้ว่าของที่เก็บนั้นคืออะไร
    • เมื่อฝุ่นเกาะที่เก็บเหล่านั้นจะปัดออกไปได้ง่าย
  6. โคลนและดินที่เป็นรอยทางในบ้านสุดท้ายจะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดฝุ่นในบ้านเมื่อโคลนหรือดินแห้ง ในวันที่ฝนตกหรือเดือนที่อากาศหนาวเย็นอาจขอทุกคนถอดรองเท้าวางไว้ที่ประตู วิธีนี้จะกักฝุ่นที่มากับรองเท้าไว้บริเวณเดียวกัน แล้วค่อยทำความสะอาดบริเวณนั้นบ่อยๆ
  7. ขนและสะเก็ดรังแคของสุนัขและแมวที่ร่วงลงมาจะก่อให้เกิดฝุ่น การแปรงขนให้มันบ่อยๆ ช่วยได้มาก แปรงขนสัตว์เลี้ยงในห้องน้ำหรือลานซักล้างดีกว่าแปรงขนบนเก้าอี้ยาวในห้องนั่งเล่นหรือในห้องนอน เพราะบริเวณเหล่านี้รักษาความสะอาดยาก ซักเครื่องนอนของสัตว์เลี้ยงบ่อยๆ ด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ปิดรอยแตกร้าว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้ใช้วัสดุอุดรอยรั่วปิดรอยแตกร้าวรอบประตู และกรอบหน้าต่าง แถมยังลดค่าไฟจากการใช้เครื่องทำความร้อนและเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
  2. สำรวจเตาผิงหารูโหว่รวมทั้งขี้เถ้าและคราบเขม่า. หากจำเป็นจ้างคนทำความสะอาดปล่องไฟ
  3. ตรวจดูเครื่องอบผ้าว่ามีเศษเส้นใยผ้าติดอยู่ไหม.
    • ถ้ามีเศษเส้นใยผ้าภายในตัวของเครื่องอบผ้า เศษเส้นใยนี้ก่อให้เกิดไฟไหม้ และบอกให้รู้ว่าระบบระบายมีปัญหา
    • ตรวจหารอยรั่วและสิ่งกีดขวางของท่อลมและการระบายอากาศภายนอก ซ่อมถ้าจำเป็น
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,015 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา