ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เวลาเครื่องซักผ้ามีปัญหาแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด โดยเฉพาะเวลาปั่นแห้งแล้วเสื้อผ้ายังเปียกแฉะ โชคดีที่ขั้นตอนการตรวจเช็คสภาพ และทำความสะอาดไส้กรองของเครื่องซักผ้านั้นทำได้ง่ายและรวดเร็ว ถ้าหาแล้วถอดไส้กรองเครื่องซักผ้าออกมาทำความสะอาดได้ รวมถึงทำตามขั้นตอนยืดอายุไส้กรอง ก็จะประหยัดค่าซ่อมไปได้หลายร้อยหลายพันเลย แนะนำให้ทำความสะอาดไส้กรองเครื่องซักผ้าทุก 3 - 4 เดือน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

หาแล้วถอดไส้กรอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะหาแล้วถอดไส้กรองออกมา สำคัญมากว่าเครื่องซักผ้าต้องปิดอยู่ เริ่มจากหมุนทุกปุ่มกลับตำแหน่งเริ่มต้น หรือกดปุ่ม ‘off’ ถ้ามี ปิดสวิตช์ปลั๊กไฟที่ผนัง จากนั้นถอดปลั๊กเครื่องซักผ้า [1]
    • ถอดปลั๊กแล้วให้พาดไว้ในที่ปลอดภัย ต้องไม่เสี่ยงโดนน้ำระหว่างขั้นตอนทำความสะอาด
    • ให้ปูผ้าเช็ดตัวเก่าไว้หน้าเครื่องซักผ้า เพื่อซับน้ำเผื่อถอดไส้กรองแล้วมีน้ำค้างอยู่ในช่อง แล้วไหลออกมา
  2. ถ้าเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้า ไส้กรองจะอยู่มุมขวาล่างของเครื่อง แต่ถึงเป็นเครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นเก่า ก็จะอยู่มุมขวาล่างเช่นกัน แต่ถ้าเป็นเครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่ เช่น ของ Siemens จะมีไส้กรองแบบทำความสะอาดเองได้ อยู่ใต้ agitator [2]
    • โดย agitator นั้นเป็นชิ้นส่วนกลางเครื่อง จะคอยหมุนไปมาระหว่างซัก
    • ไส้กรองแบบทำความสะอาดเองได้ ต้องล้างทุก 3 - 4 เดือน
    • ถ้าไส้กรองอยู่มุมขวาล่างของเครื่อง ฝาจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือทรงกลม
    • ถ้าหาไส้กรองไม่เจอ ลองอ่านคู่มือดู
  3. ฝาไส้กรองส่วนใหญ่เปิดได้โดยดึงออกจากตัวเครื่อง แต่บางรุ่นก็มีฝาล็อคกันเด็กเปิดอีกที อันนี้จะเปิดยากหน่อย ถ้าอยากเปิดฝาพวกนี้ ให้ใช้อะไรบางๆ อย่างไขควง มางัดฝาออกก่อน พอเปิดฝาได้แล้ว ให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา จนดึงออกมาได้ [3]
    • ถ้าไส้กรองอยู่ใต้ agitator ก็ต้องถอด agitator ก่อน โดยเปิดฝา agitator แล้วเอามือล้วงเข้าไปในท่อ จนคลำเจอหัวน็อตหางปลา ก็ให้หมุนทวนเข็มจนหลุดออกมา แล้วเอา agitator ออกจากเครื่องได้ เสร็จแล้วก็เปิดฝาไส้กรองได้เลย [4]
  4. พอเปิดฝาเห็นไส้กรองแล้ว ก็ดึงออกมาง่ายๆ เลย ถ้าติด ลองหมุนไปมาให้มากที่สุด น่าจะช่วยให้ฝุ่นผ้าหรือตะกอนน้ำยาซักผ้าที่ติดอยู่ หลุดออกได้ [5]
    • ถอดไส้กรองแล้วจะเห็นชั้นฝุ่นผ้าเปียกๆ ผสมกับน้ำยาซักผ้า
    • บางเครื่องท่อน้ำทิ้งจะอยู่หน้าไส้กรองเลย ถ้าท่อน้ำทิ้งบล็อกไส้กรองอยู่ ถอดไม่ได้ ให้ถอดท่อก่อนค่อยถอดไส้กรอง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทำความสะอาดไส้กรอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คราบและฝุ่นผงที่เกาะไส้กรอง เกิดจากน้ำยาซักผ้าผสมกับฝุ่นผ้าจนเกรอะกรัง ทำความสะอาดได้โดยใช้ทิชชู่สะอาดหนาๆ เช็ดออกจากแผ่นกรอง [6]
    • ถ้าฝุ่นเกาะค่อนข้างหน้า ให้ใช้แปรงเล็กๆ เช่น แปรงสีฟันเก่า มาแปรงออก
  2. ถอดแผ่นกรองจากไส้กรอง แล้วเอาไปแช่น้ำร้อน 10 นาที. ถ้าถอดแผ่นกรองได้ ก็ให้ถอดออกไปแช่ในชามน้ำร้อน แช่ทิ้งไว้แบบนั้นจะช่วยให้ฝุ่นผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือน้ำยาซักผ้าที่เกรอะกรังจนทิชชู่เช็ดก็ไม่ออก หลุดออกมาได้ [7]
    • ถ้าถอดแผ่นกรองไม่ได้ ให้ถือไส้กรองแล้วเปิดน้ำร้อนราดจนกว่าจะสะอาด [8]
  3. ก่อนจะใส่ไส้กรองกลับเข้าไป ให้สำรวจภายในเครื่องก่อนว่ามีฝุ่นผ้าตกค้างไหม ถ้าฝุ่นผ้าอยู่ในถังซัก ให้ใช้ทิชชู่หยิบออก หรือขัดด้วยฟองน้ำเปียก [9]
    • ถ้าไส้กรองอยู่มุมขวาล่างของเครื่อง ให้สำรวจและขจัดฝุ่นผ้าออกจากท่อน้ำทิ้ง ปกติท่อน้ำทิ้งจะอยู่หน้าจุดที่ถอดไส้กรอง หรืออยู่ติดกัน
  4. พอแน่ใจว่าไส้กรองไร้ฝุ่นและคราบแล้ว ก็ใส่คืนเครื่องได้เลย ถ้าตอนแรกถอดท่อน้ำทิ้งออกไป ก็อย่าลืมใส่กลับที่ก่อนปิดฝา [10]
    • ถ้าไส้กรองอยู่ใต้ agitator ให้เริ่มจากใส่ไส้กรองคืนที่ แล้วปิดฝา จากนั้นประกอบ agitator ทับไปบนไส้กรอง แล้วขันน็อตหางปลาและปิดฝา agitator
  5. เดินเครื่องเครื่องซักผ้าทั้งว่างๆ เพื่อทดสอบว่าน้ำรั่วไหม. ก่อนจะกลับมาซักตามรอบปกติ ให้เช็คว่าคุณใส่ไส้กรองและปิดฝาคืนถูกต้องแล้ว โดยเดินรอบซักสั้นๆ ไม่ต้องใส่อะไรในเครื่อง ถ้าซักแล้วน้ำรั่ว แสดงว่าใส่ไส้กรองไม่ถูก [11]
    • ถ้าตอนแรกถอดท่อน้ำทิ้งออกไป อย่าลืมเช็คว่าใส่คืนดีแล้ว เพราะอาจจะรั่วจากตรงนั้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ยืดอายุไส้กรอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แนะนำให้ล้างไส้กรองทุก 4 เดือน เพราะไส้กรองจะดักจับทั้งเส้นผม เหรียญ และทิชชู่ เลยต้องหมั่นล้างทำความสะอาดเป็นประจำ ถึงจะไม่มีเวลามาล้างละเอียดทุก 2 - 3 อาทิตย์ แต่ก็แนะนำให้เช็คสภาพไส้กรอง ว่ามีสิ่งสกปรกสะสมหรือเปล่า [12]
    • การล้างไส้กรองเป็นประจำ ช่วยยืดอายุเครื่องซักผ้าไปในตัว
    • ถ้าไส้กรองสกปรก จะทำให้เครื่องซักผ้ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
  2. อย่ารอจนเครื่องหยุดทำงานไปดื้อๆ ระหว่างซัก แล้วค่อยหาสาเหตุของอาการผิดปกติ มีหลายสัญญาณเลย ที่บอกได้ว่าถึงเวลาต้องล้างไส้กรอง [13]
    • ถ้าสังเกตว่าเครื่องซักผ้าสั่นเป็นเจ้าเข้า ปั่นแห้งรอบสุดท้ายแล้วเสื้อผ้ายังเปียก หรือเครื่องซักผ้าไม่ระบายน้ำ แสดงว่าไส้กรองน่าจะอุดตัน ต้องรีบเช็คแล้วแก้ไขทันที
  3. เช็ดปะเก็นยางของฝาเครื่องซักผ้าด้วยทุกครั้งหลังซัก. ถ้าละเลยไม่รักษาความสะอาดขอบยางนี้ ถึงล้างไส้กรองเป็นประจำ อะไรที่ตกค้างในขอบยางอาจไปลงเอยที่ไส้กรองได้เมื่อซักรอบหน้า ซึ่งจะไปอุดตันไส้กรองจนล้างยาก และทำให้ไส้กรองอายุสั้นลง โดยเฉพาะถ้าไม่เช็ดขอบยางเป็นประจำ แนะนำให้ใช้ผ้าขี้ริ้วสะอาด เช็ดขอบยางให้สะอาด [14]
    • ปะเก็นยางหรือขอบยางบุประตูนี้ จะอยู่ด้านในของประตูหรือฝาเครื่องซักผ้า เป็นส่วนที่คอยดักน้ำไม่ให้ไหลออกจากเครื่อง ระหว่างที่น้ำเต็มถังตอนซัก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ไม่ว่าเครื่องซักผ้าของคุณจะเป็นแบบอัตโนมัติ หรือกึ่งอัตโนมัติ ก็ควรหมั่นทำความสะอาดไส้กรองเป็นประจำ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,667 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา