ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การรู้แต่เนิ่นๆ ว่าน้องหมาของคุณมีไข้หรือเปล่า ทำให้คุณเริ่มรักษาได้ทันท่วงที และป้องกันไม่ให้อาการหนักไปกว่าเดิม ปกติทางเดียวที่จะรู้แน่ชัดว่าน้องหมามีไข้หรือเปล่า ก็คือการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ที่ก้น แต่ถึงจะไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ขึ้นมา เราก็มีวิธีง่ายๆ ให้คุณสามารถวัดไข้น้องหมาแบบด่วนทันใจมาฝากกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

วัดไข้น้องหมา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หมาที่เป็นไข้ หูกับอุ้งเท้าจะร้อนจัด ให้คุณใช้ส่วนที่ไวต่อความร้อนอย่างแก้มหรือหลังมือของคุณวัดไข้จากหูและอุ้งเท้าของน้องหมา ว่าร้อนกว่าตัวคุณหรือเปล่า? ปกติหมาสุขภาพดีจะตัวอุ่นกว่าคนเราแค่นิดเดียวเท่านั้น
    • หูกับอุ้งเท้าของหมามีเส้นเลือดเยอะ เวลาเป็นไข้ บริเวณนี้เลยร้อนขึ้นมาเพราะเซลล์ภูมิคุ้มกันจะโยกย้ายจากเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ที่ติดเชื้อ พอเซลล์ภูมิคุ้มกันหมุนเวียนทำให้เกิดความร้อนขึ้นในเส้นเลือด
    • เป็นเรื่องผิดปกติ ถ้าหูซ้ายกับขวาอุณหภูมิต่างกัน ถ้าหูข้างหนึ่งร้อนกว่าอีกข้างหนึ่ง แสดงว่าหูข้างนั้นติดเชื้อ ไม่ใช่ไข้ธรรมดาทั่วไปแล้ว
  2. Watermark wikiHow to วัดไข้น้องหมาแบบไม่ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์
    ถ้าจมูกร้อนแถมยังมีน้ำมูกสีเขียวหรือเหลือง แสดงว่าเป็นไข้เพราะติดเชื้อ [1] และร่างกายน้องหมาของคุณกำลังต่อสู้กับโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ แต่มักเห็นได้ชัดเวลาที่เป็นหนักแล้วเท่านั้น โรคบางชนิดอย่างไข้หัดสุนัขกับโรคหลอดลมอักเสบติดต่อก็จะแสดงอาการประมาณนี้เหมือนกัน ดังนั้นถ้าเห็นน้ำมูกสีเขียวหรือเหลืองเมื่อไหร่ ให้รีบพาน้องหมาไปหาหมอทันที
    • น้องหมาทั่วไปบางทีก็มีอุณหภูมิร่างกายกับความชื้นไม่คงที่ ไม่จำเป็นต้องจมูกเย็นและเปียกเสมอไป จริงๆ แล้วจมูกน้องหมาก็แห้งได้เมื่ออยู่ในสถานการณ์บางอย่าง เช่น นอนตากแดด นอนใกล้เครื่องทำความร้อน เพิ่งไปวิ่งเล่นมา หรือตอนขาดน้ำ คุณเป็นเจ้าของจะรู้ดีที่สุดว่าปกติน้องหมาจมูกจับแล้วรู้สึกยังไง? เพิ่งไปทำอะไรที่ว่ามาหรือเปล่า จมูกถึงได้แห้งแล้วก็ร้อน?
  3. Watermark wikiHow to วัดไข้น้องหมาแบบไม่ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์
    บริเวณนี้มักบวมและร้อนขึ้นมาเวลาน้องหมาเป็นไข้เพราะติดเชื้อ ลองใช้หลังมือคุณแตะวัดไข้ที่ต่อมน้ำเหลืองตรงรักแร้กับขาหนีบดู แต่ทั้งนี้มือของคุณก็ต้องไม่อุ่นไปหรือร้อนไปด้วย ประมาณอุณหภูมิห้องกำลังดี จะได้วัดแล้วไม่ผิดเพี้ยน
    • ต่อมน้ำเหลืองจะมีเซลล์ภูมิคุ้มกันที่คอยต้านแบคทีเรียกับไวรัสต่างๆ อยู่ โดยจะช่วยกรองเลือดไม่ให้ติดเชื้อ แต่ถ้าติดเชื้อขึ้นมาเมื่อไหร่ ต่อมน้ำเหลืองก็จะทำหน้าที่เป็นแนวป้องกัน บริเวณนี้ก็เลยเต็มไปด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันที่พยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไป จนสั่งสมองให้เกิดอาการไข้ บริเวณนั้นจะบวมเป่งและร้อนจัดขึ้นมา เพราะเกิดการอักเสบอันเป็นผลมาจากปฏิกิริยาต่างๆ ของภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
    • เพราะแถวรักแร้กับขาหนีบของน้องหมาเป็นผิวหนังโล้นๆ ไม่ค่อยมีขน เลยทำให้วัดไข้ได้ง่าย
  4. Watermark wikiHow to วัดไข้น้องหมาแบบไม่ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์
    ถ้ามีไข้ เหงือกของน้องหมาจะอุ่นและแห้ง อีกจุดที่สำคัญคือเหงือกจะแดงกว่าปกติ เรียกว่าแดงสดเป็นสีอิฐเลยทีเดียว นั่นอาจเป็นสัญญาณบอกไข้สูงหรือกระทั่งภาวะเลือดเป็นพิษ
    • ถ้าน้องหมาของคุณไม่มีโรคในช่องปาก เหงือกควรจะชื้นๆ วาวๆ แล้วก็สีออกชมพูเหมือนเหงือกของเราเอง ลองรั้งริมฝีปากแถวๆ ด้านหลังของเขี้ยวบนดู แล้วเอาปลายนิ้วชี้แตะที่เหงือกเพื่อวัดไข้กับความชื้น ดูซิว่าสี อุณหภูมิ แล้วก็ความชื้นเหมือนเหงือกของคุณเองหรือเปล่า? ถ้าไม่ แปลว่าน้องหมาอาจติดเชื้อได้
  5. หมาที่ไม่สบายหรือกำลังช็อคอยู่ ก็อาจ ตัวเย็น เกินไปได้ นอกจากขาทั้ง 4 จะเย็นแล้ว น้องหมาอาจแสดงอาการทางร่างกายอื่นๆ เช่น ตัวสั่น หรือขนลุก น้องหมาที่อุณหภูมิร่างกายต่ำจนอันตรายจะนิ่งซึมมากจนถึงขั้นไม่มีแรงได้ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ให้รีบพาไปหาหมอทันที
    • แต่ก็ต้องรู้ไว้ว่าหมาที่ตัวสั่นงันงกไม่ได้แปลว่าหนาวเสมอไป บางทีอาจเป็นเพราะเครียด กังวล หรือบาดเจ็บตรงไหนก็ได้ ถ้าคุณคิดไม่ตกว่าทำไมหมาตัวเองถึงมีท่าทางแบบนั้น ก็ให้รีบพาไปหาหมอเหมือนกัน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

สังเกตลักษณะท่าทาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นอกจากอุณหภูมิร่างกายแล้ว สิ่งแรกๆ ที่คุณควรสังเกตก็คือลักษณะท่าทางต่างๆ ของน้องหมาที่บอกอาการไข้ จุดสำคัญคือต้องดูว่าพฤติกรรมไหนของน้องหมาที่ผิดแปลกออกไป เช่น ท้องผูก ไอ หรือจาม เพราะพวกนี้แหละสัญญาณบอกอาการติดเชื้อ [2] ความผิดปกติที่อาจพบได้คือ [3]
    • ไม่ค่อยอยากอาหาร
    • เซื่องซึม เฉื่อยชา หรือไม่ร่าเริงอย่างเคย
    • อ่อนแรง
    • อ้วก
    • ท้องเสีย
    • นอนหลับทั้งวัน
    • ปลีกตัวจากหมาตัวอื่น
  2. Watermark wikiHow to วัดไข้น้องหมาแบบไม่ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์
    สังเกตลักษณะหน้าตาท่าทางและพฤติกรรมของน้องหมา. เวลาหมามีไข้สูง ถึงอยู่ห่าง 2 - 3 ฟุตแถมยังไม่ทันได้แตะต้อง คุณก็ยังรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวน้องหมา นอกจากนี้ก็จะมีอาการที่สังเกตเห็นได้ชัด เช่น
    • น้องหมาจะหอบหายใจถี่ๆ ติดต่อกันนานๆ และลมหายใจจะร้อนเวลาโดนแก้มคุณ
    • อาจจะหิวน้ำจนกินน้ำเยอะผิดปกติ เพราะหอบหายใจจนปากแห้ง
    • ไข้อาจทำให้ปวดหรือเมื่อยตามข้อ โดยจะออกมาในรูปของการไม่อยากวิ่งเล่นหรือเคลื่อนไหว ขาแข็ง ยืนเดินไม่สะดวก และถึงขั้นเดินกะเผลกได้
    • หมาที่มีไข้จะเก็บตัว เงียบ แล้วก็ซึม บางทีอยู่ๆ ก็เล่นบทโหดขึ้นมาเวลาคุณไปแตะต้อง นั่นเพราะน้องหมารู้สึกไม่สบายเลยรำคาญตัวรำคาญใจไงล่ะ
    • หมาจะไม่ค่อยเลียตัว จนขนยุ่ง "เป็นด่างดวง" หรือแห้งด้านไม่มันวาว
  3. Watermark wikiHow to วัดไข้น้องหมาแบบไม่ต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์
    นึกเปรียบเทียบกับลักษณะปกติตอนหมา ยังไม่ป่วย ดู ตาขุ่นไม่มันวาวแบบนี้หรือเปล่า? ขนแข็งขึ้นไหม? ซนหรือสนใจคุณน้อยลงหรือเปล่า? ทั้งลักษณะทางร่างกายและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแปลว่าน้องหมาอาจจะป่วยได้
  4. ถ้าดูแล้วก็ยังปกติดี ลองสังเกตใหม่ในอีกชั่วโมงข้างหน้า. ถ้าน้องหมาของคุณก็ดูปกติดี คือแค่ตัวร้อนแต่นอกนั้นไม่เป็นไร ลองเอาเข้ามานอนในที่ร่มๆ เย็นๆ สักชั่วโมง แล้วค่อยจับตัววัดไข้ใหม่ ว่าที่ตัวร้อนน่ะหายหรือยัง ในเมื่อไข้ขึ้นได้เวลาภูมิคุ้มกันทำงาน บางทีแค่รอหน่อยเดี๋ยวก็หายเอง ไม่ได้ร้ายแรงอะไร
    • แต่ต้องสังเกต ว่าถ้าขาทั้ง 4 ของหมาร้อนกว่าปกติ แล้วทำตัวแปลกไป แสดงว่ามีอะไรผิดปกติ ไม่เหมือนกรณีที่หมาตัวรุมๆ แต่ยังร่าเริง ถึงคราวต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อแล้ว ไม่ใช่ที่อาการไข้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

น้องหมาเป็นไข้ต้องทำยังไง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยทั่วไปไข้ขึ้นไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วง ดีซะอีกที่รู้ว่าร่างกายน้องหมายังแข็งแรง รู้จักต่อสู้กับอาการติดเชื้อ หรือกำลังซ่อมแซมตัวเองนั่นแหละ แต่ในบางกรณี ไข้ขึ้นอาจหมายถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย ถ้าหมาของคุณมีลักษณะท่าทางผิดปกติละก็ ให้รีบพาไปหาหมอทันที
    • ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียแล้วมีแบคทีเรียแกรมลบ มันจะปล่อยสารพิษออกมาจากผนังเซลล์ เป็นสัญญาณสั่งสมองให้เกิดอาการไข้ ถ้าเป็นแบบนี้ ยิ่งเชื้อแรงแค่ไหน ก็ยิ่งไข้สูง อันตรายขึ้นเท่านั้น [4] การที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงมากขนาดนี้ ไม่ใช่เป็นการขับเชื้อโรคออก แต่อาจทำให้อวัยวะที่บอบบางเสียหายได้ อย่างลูกอัณฑะกับสมอง ถ้าเป็นแบบนี้อาจทำให้ชักเข้าขั้นโคม่า หรือทำให้เป็นหมันได้เลย เพราะฉะนั้นถึงต้องสังเกตอาการไข้แต่เนิ่นๆ แล้วรีบพาไปหาหมอ อาการจะได้ไม่ลุกลาม
  2. ไม่ว่าสงสัยใคร่รู้อะไร ให้ปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญไว้ก่อน นอกจากรีบพาไปรักษาเวลามีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วยแล้ว ถ้าไข้สูงเกิน 24 ชั่วโมงก็ต้องรีบไปหาหมอเหมือนกัน คุณหมอจะได้จ่ายยา anti-pyretic (ลดไข้แก้ปวด) ให้ ไข้จะได้ลดลงเร็วที่สุด
  3. ถ้าน้องหมาไข้ขึ้นจากโรคอื่นที่มักร้ายแรงกว่า จะแสดงอาการอื่นเพิ่มเติมด้วย อาจเป็นโรคทางเดินหายใจชนิดร้ายแรงกว่า หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารก็ได้ อาการที่ควรเฝ้าระวังก็คือ
    • ถ้าเป็นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ จะมีอาการไอ จาม แล้วก็น้ำมูกไหลหรือน้ำตาไหล ซึ่งจะทำให้หมาเซื่องซึมไม่ร่าเริงเหมือนเก่า และส่งผลต่อการนอนหลับได้
    • แต่ถ้าเป็นการติดเชื้อหรืออักเสบในระบบทางเดินอาหาร ก็จะทำให้น้องหมาไม่อยากกินอาหาร หรือกินแล้วอ้วกหรือท้องเสีย ถ้าคุณสงสัยว่าระบบทางเดินอาหารของน้องหมาผิดปกติ ให้ลองตามไปสังเกตลักษณะของอึฉี่ตอนน้องหมาทำธุระข้างนอก น้องหมาท้องเสียไหม? ในฉี่มีเลือดปนหรือเปล่า?
    • ถ้าคุณสังเกตเห็นอาการผิดปกติจาก 2 โรคที่ว่า ให้รีบหาไปหาหมอด่วน แสดงว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นแล้ว ที่ไข้ขึ้นเป็นแค่อาการส่วนหนึ่งเท่านั้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • กระทั่งหมาที่แข็งแรงก็เป็นเรื่องปกติที่จะตัวร้อนขึ้นหลังไปวิ่งเล่นมา หรือเหนื่อยจนขี้เกียจทำอะไร เพราะฉะนั้นต้องให้หมาพักก่อน ให้กินน้ำคลายร้อนแล้วค่อยจับที่ตัวว่าร้อนไหม แล้วสังเกตลักษณะท่าทางอื่นๆ เพิ่มเติม
  • แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่มีอะไรจะถูกต้องแม่นยำไปกว่าการใช้เทอร์โมมิเตอร์ (ที่ปรับค่าถูกต้องพร้อมใช้) เสียบก้นน้องหมาเพื่อวัดไข้ ถ้าคุณมีติดบ้านแล้วลองใช้วัดไข้น้องหมาละก็ ขอบอกว่าอุณหภูมิปกติจะอยู่ระหว่าง 38.4°C - 39.4°C [2] ถ้าสูงเกิน 39.4°C ละก็ แสดงว่าน้องหมามีไข้แล้วล่ะ
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.hillspet.com/dog-care/facts-dogs-dry-nose-mature-adult.html
  2. 2.0 2.1 A Study of the Mechanism and Treatment of Experimental Heat Pyrexia. Daily, William, Harrison, Tinsley. American Journal of Medical Sciences. Jan48, Vol 215, Issue I, p42-55
  3. http://pets.webmd.com/dogs/high-fever-in-dogs
  4. General Veterinary Pathology (1984) by R.G. Thomson: Department of Veterinary Clinical Pathology Western College of Veterinary Medicine, University of Saskatchewan. W.B. Saunders Company 1984. p. 249

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 177,958 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา