ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการตั้งค่า Philips Hue Bridge ที่เป็นอุปกรณ์จ่ายไฟให้หลอดไฟที่ใช้ใน smart-home โดย Philips เองมีไลน์หลอดไฟ smart light-bulbs ที่เอาไปเสียบใช้กับขั้วหลอดไฟทั่วไปได้เลย พอเชื่อมต่อ Hue Bridge กับเราเตอร์อินเทอร์เน็ตโดยตรง ด้วยสาย ethernet แล้ว ก็สั่งการ Hue smart-lights ดวงต่างๆ ในบ้านแบบไร้สาย ผ่านแอพ Philips Hue ในมือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้เลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 6:

เชื่อมต่อหลอดไฟกับ Bridge

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าจะเชื่อมต่อหลอดไฟ Philips Hue กับตัว Bridge ก็ทำได้ง่ายๆ แค่เสียบหลอดไฟ ตอนตั้งค่า Bridge หลอดไฟ Hue smart bulbs นั้นออกแบบมาให้เสียบได้กับขั้วหลอดขนาดมาตรฐาน A19 และ E12
  2. หลอดไฟ Hue smart bulbs นั้นจะเปิดเองอัตโนมัติหลังเสียบที่ขั้วหลอด ไฟเข้า และเชื่อมต่อเรียบร้อย
  3. ใช้ AC adapter เพื่อเสียบ Hue Bridge กับเต้ารับใกล้กับเราเตอร์ Wi-Fi
  4. Hue Bridge ใช้เสียบพอร์ท Ethernet ไหนก็ได้ของเราเตอร์ Wi-Fi แค่ใช้สาย Ethernet ให้เสียบสาย Ethernet ที่ Bridge ส่วนปลายอีกข้างเสียบที่ Ethernet slot ที่ว่างอยู่ของเราเตอร์ พอไฟ 4 ดวงของ Bridge ติด ก็แปลว่าพร้อมตั้งค่า
    • ปกติ Hue Bridge จะไม่มี Wi-Fi ในตัว
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 6:

ติดตั้งแอพ Philips Hue

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แถบค้นหาจะอยู่ด้านบนของหน้าจอ ระหว่างพิมพ์ จะมีแอพแนะนำขึ้นมาล่างแถบค้นหา ให้แตะตอนที่แอพ Philips Hue โผล่มา
    • ถ้าใช้ iPhone ให้แตะ tab "Search" ก่อน แล้วแตะแถบค้นหาด้านบน
  2. เป็นแอพที่เขียนว่า "Hue" เป็นตัวอักษรสีๆ ด้านบนโลโก้ Philips ระวังว่ามีแอพ Philips Hue ของค่ายอื่นด้วย ต้องเช็คดีๆ ว่าดาวน์โหลดแอพ official ของ Philips Hue สักพักแอพจะติดตั้งเสร็จ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 6:

เชื่อมต่อกับหลอดไฟ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเพิ่งติดตั้ง ให้แตะ "Open" ใน app store หรือจะแตะไอคอนแอพในหน้า home ก็ได้ ไอคอนแอพจะเขียนว่า "Hue" เป็นตัวอักษรสีๆ ด้านบนโลโก้ Philips
  2. เป็นปุ่มสีส้ม ที่โผล่มาหลังแอพสแกนเจอสัญญาณของ Hue Bridge แล้ว
  3. ที่อยู่กลางแอพ หน้าตาเหมือนเครื่อง Bridge
  4. ที่เป็นปุ่มสีเหลือง ทางด้านล่างของหน้าจอ แตะแล้วแปลว่ายอมรับ Terms and Conditions (ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งาน) ให้แตะข้อความ "terms and conditions" ที่ขีดเส้นใต้ไว้ เพื่ออ่านรายละเอียด
  5. พอแอพสแกนเจอ bridge แล้ว อาจจะต้องอัพเดท bridge ก่อน ให้แตะ Update เพื่ออัพเดท bridge ไปใช้ firmware ล่าสุด
  6. พออัพเดท bridge แล้ว ให้แตะ Done เพื่อไปต่อ
  7. ที่เป็นปุ่มสีเขียวหรือเหลือง ทางด้านล่างของหน้าจอ เพื่อเริ่มขั้นตอนการเชื่อมต่อและตั้งค่า
  8. โค้ดจะอยู่ข้างในกล่อง และด้านล่างของ bridge ให้ถือมือถือจ่อไว้ จะมีหน้าถ่ายรูปโผล่มา มือถือจะสแกนโค้ดอัตโนมัติ
    • หรือแตะ Enter manually แล้วใส่โค้ดเองก็ได้
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 6:

เพิ่มหลอดไฟ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่เป็นวงกลม มีเครื่องหมายบวกตรงกลาง อยู่มุมขวาล่าง เพื่อเริ่มขั้นตอนการเพิ่มหลอดไฟ
  2. ที่เป็นปุ่มสีเขียวหรือเหลือง ทางด้านล่างของหน้าจอ เพื่อเริ่มค้นหาหลอดไฟที่มี ปกติจะใช้เวลาหลายนาที เสร็จแล้วจะแสดงจำนวนหลอดไฟขึ้นมาทางด้านบนของหน้าจอ
    • ถ้าสแกนไม่เจอหลอดไฟทุกดวง ให้แตะไอคอน "+" อีกรอบ แล้วแตะ "+ Add serial number" จากนั้นพิมพ์ serial number ของหลอดไฟ เพื่อเพิ่มเอง
  3. พอแอพสแกนเจอหลอดไฟแล้ว จะโผล่มาในหน้าจอ ให้แตะไอคอน "i" ข้างหลอดไฟ แล้วพิมพ์ชื่อหลอดไฟในแถบด้านบน
  4. ถ้าใช้ iPhone ไอคอนจะเป็นเครื่องหมายบวก (+) บนพื้นขาว อยู่มุมขวาล่าง ถ้าใช้ Android จะเป็นปุ่ม Add Lights มุมซ้ายบน
  5. พอเพิ่มหลอดไฟครบทุกดวงแล้ว ให้แตะ "Next" มุมขวาบน
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 6:

ตั้งค่าไฟแต่ละห้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าใช้ iPhone ให้แตะปุ่มสีขาว มีเครื่องหมายบวก (+) มุมขวาล่าง เพื่อเพิ่มห้องใหม่ ถ้าใช้ Android ให้แตะ Create Room ทางด้านล่างของหน้าจอ
  2. ให้พิมพ์ชื่อห้องในช่องด้านบนของหน้าจอ จะเป็นชื่อทั่วไปอย่าง "Living Room" (ห้องนั่งเล่น) หรือ "Bedroom" (ห้องนอน) ก็ได้
  3. ล่างข้อความที่เป็นชื่อห้องของคุณ แล้วจะเห็นหน้าสำหรับเลือกประเภทห้อง
  4. จะมีประเภทห้องให้เลือกหลายแบบ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องทานอาหาร ห้องนอน เป็นต้น ก็เลือกหลอดไฟที่อยู่ในห้องนั้นๆ ไป โดยแตะช่องติ๊กข้างหลอดไฟแต่ละดวงในห้อง ถ้าไม่อยากรวมหลอดไฟดวงไหนในห้องนั้น ก็ให้เอาติ๊กถูกออกจากห้องที่สร้างไว้
  5. ถ้าจะเพิ่มห้องใหม่ ก็แค่แตะ New ทางด้านบนของหน้าจอ เพื่อสร้างห้องได้เลย
  6. พอสร้างและตั้งค่าห้องเสร็จแล้ว ให้แตะปุ่มมุมขวาบนเพื่อไปต่อ ถ้าใช้ Android จะเป็นเครื่องหมายติ๊กถูก ถ้าใช้ iPhone จะเป็นปุ่มที่เขียนว่า Save
  7. ที่เป็นปุ่มทางด้านล่างของหน้าจอ เท่านี้ก็ตั้งค่าหลอดไฟและห้องต่างๆ เรียบร้อยแล้ว [1] [2]
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 6:

ควบคุมหลอดไฟ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่ไอคอนเป็นข้อความ "hue" สีๆ บนพื้นขาว ให้แตะไอคอนแอพในหน้า home หรือเมนู apps เพื่อเปิดแอพ Hue ขึ้นมา
  2. แตะเลื่อนสวิตช์ข้างห้องนั้น เพื่อเปิดหรือปิดไฟ. สวิตช์จะอยู่ทางขวาของชื่อห้องในแอพ Philips Hue เป็นการปิดหรือเปิดไฟทั้งห้อง
  3. ใช้แถบเลื่อนล่างชื่อห้อง ถ้าจะปรับความสว่าง. คุณเลือกได้ว่าอยากให้ไฟทุกดวงสว่างแค่ไหน โดยแตะแล้วลากแถบล่างชื่อห้อง
  4. แตะเลือกห้องเพื่อดูหลอดไฟทั้งหมดในห้องนั้น. จะเห็นรายชื่อหลอดไฟทั้งหมดในห้องนั้น และมีเมนูให้เลือกปรับแต่งเฉพาะดวงได้
  5. เพื่อควบคุมไฟแต่ละดวงในห้องนั้น
  6. คุณปรับความสว่างของหลอดไฟแต่ละดวงได้
  7. ถ้าจะเปลี่ยนสีไฟ ให้แตะแล้วเลือกได้เลย
  8. คุณปรับเฉดสีของไฟสีขาวธรรมดาได้ด้วย จะเลือกใช้ไฟสีขาว สีขาวออกฟ้า หรือขาวเหลืองก็ได้ โดยแตะไอคอนรายการใน Android เพื่อดู whiteness color selector หรือตัวปรับแสงขาว ถ้าใช้ iPhone ให้แตะไอคอนที่เขียนว่า "Whites" แล้วแตะเลือกเฉดสีของไฟตามต้องการ
    • จะใช้ฟีเจอร์นี้ได้ ต้องเป็นหลอดไฟที่เปลี่ยนสีไฟได้
  9. ถ้าจะเปลี่ยนสีไฟ ให้แตะเลือกหลอดไฟดวงที่ต้องการในห้องนั้น แล้วแตะไอคอนสีรุ้ง จากนั้นแตะเลือกสีไฟตามต้องการ
  10. คุณเลือกสีไฟตามค่าที่มีให้ (preset) ที่เรียกว่า scenes ได้ คุณเลือกซีนที่ว่าได้โดยเลือกหลอดไฟที่ต้องการ จากนั้นแตะไอคอนจานสี ถ้าใช้ Android และไอคอน "Scenes" ถ้าใช้ iPhone สุดท้ายแตะเลือกซีนเพื่อตั้งค่าสีไฟตามที่มีให้เลือก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณดาวน์โหลดแอพ Philips Hue Bluetooth แล้วใช้สั่งการหลอดไฟผ่าน Bluetooth ได้เลย ไม่ต้องใช้ bridge
  • ถ้าใช้ลำโพง smart speaker อย่าง Amazon Echo หรือ Google Home ก็เพิ่มหลอดไฟในแอพ Google Home หรือ Amazon Alexa แล้วสั่งการหลอดไฟด้วยเสียงได้เลย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,650 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา