ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หมาพันธุ์อเมริกันบูลด็อก (American Bulldog) นั้นซื่อสัตย์ รักเจ้าของ บ้าพลัง แถมมั่นใจแบบสุดๆ บูลด็อกนั้นหัวรั้นน่าดู เจ้าของควรเป็นคนที่พร้อมทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ รวมถึงเข้มแข็งพอจะเป็นจ่าฝูง จริงๆ แล้วหมาพันธุ์นี้ก็เป็นหมาสำหรับครอบครัวที่ดีได้เหมือนกัน แต่คุณต้องหมั่นพามันไปมีปฏิสัมพันธ์กับทั้งคน หมา แมว และสัตว์อื่นๆ รับรองว่าจะบ่มเพาะนิสัยเฟรนด์ลี่ เป็นมิตรกับทุกคนที่พบเจอ หลักๆ คือคุณต้องฝึกให้น้องหมาอเมริกันบูลด็อกรู้จักเคารพและตามใจคุณ ถ้าทำได้ก็จะเป็นน้องหมาแสนรักและซื่อสัตย์ ไม่ว่าน้องหมาของคุณจะมีบุคลิกลักษณะแบบไหน แต่อเมริกันบูลด็อกนั้นจะปกป้องคุณและครอบครัวจนตัวตาย ถือว่าได้ทั้งสัตว์เลี้ยงคู่ใจและระบบกันขโมยชั้นดีในเวลาเดียวกัน [1]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ดูแลสุขภาพน้องหมาอเมริกันบูลด็อก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การฉีดวัคซีนนี่แหละสำคัญต่อสุขภาพอันดีของน้องหมา ไม่ว่าจะบูลด็อกหรือพันธุ์ไหนก็ตาม วัคซีนเบื้องต้นก็เช่น ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) โดยฉีดตอนที่หมาอายุได้ 12 อาทิตย์ขึ้นไป และฉีดซ้ำทุก 1 - 3 ปี แล้วแต่พื้นที่ที่คุณอยู่ รวมถึงตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ด้วย ส่วนวัคซีนป้องกันโรคหัด (Distemper) โรคลำไส้อักเสบ (Parvovirus) โรคตับอักเสบ (Hepatitis) และโรคหวัด (Para influenza) นั้นมักฉีดพร้อมกันทีเดียวเลย
    • ลูกหมาต้องฉีดวัคซีน 4 ตัวนี้ทุก 3 อาทิตย์ โดยเริ่มจากตอนอายุได้ 6 อาทิตย์ จากนั้นก็ฉีดซ้ำทุกปีตอนโต ทั้งนี้ก็แล้วแต่คำแนะนำของคุณหมอด้วย
    • นอกจากนี้คุณหมอจะแนะนำให้เอง ว่าน้องหมาต้องตรวจรักษาอะไรเป็นประจำบ้าง เช่น ป้องกันพยาธิหนอนหัวใจทุกเดือน รวมถึงป้องกันเห็บหมัด และถ่ายพยาธิเป็นฤดูไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่คุณอยู่ด้วย ส่วนการตรวจร่างกายก็เช่น การตรวจอึ ตรวจพยาธิหนอนหัวใจ และตรวจเลือด เหล่านี้จะช่วยให้น้องหมาสุขภาพแข็งแรง ถ้าเป็นโรคอะไรก็จะได้พบเจอแต่เนิ่นๆ และรักษาได้ทันท่วงที [2]
  2. ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ทำหมันแล้วหมดปัญหาเรื่องท้องไม่พร้อม จะได้ไม่กระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมของน้องหมา นอกจากนี้ทำหมันแล้วยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งอัณฑะ โรคต่อมลูกหมาก การฉี่กำหนดอาณาเขต รวมถึงพฤติกรรมก้าวร้าวต่างๆ ของตัวผู้ด้วย ถ้าเป็นหมาตัวเมีย ทำหมันแล้วช่วยลดการเกิดเนื้องอกเต้านมได้เยอะ แถมไม่เสี่ยงติดเชื้อหรือเป็นมะเร็งในมดลูก
    • ให้คุณพาลูกหมาอเมริกันบูลด็อกไปทำหมันตอนอายุประมาณ 6 เดือนจะดีที่สุด แต่ยังไงก็ลองปรึกษาคุณหมอดูตอนพาน้องหมาไปตรวจร่างกายตามปกติ หรือตอนที่พาไปหาหมอครั้งแรกหลังจากได้น้องหมามา [3]
    • หมาบูลด็อกใช้เวลาไม่นานในการพักฟื้น แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องให้มันได้ผ่อนคลายและป้องกันไม่ให้มันเลียแผลในระหว่างพักตัว
  3. รู้ไว้แต่เนิ่นๆ ว่าหมาอเมริกันบูลด็อกเสี่ยงต่อบางโรค. โรคที่พบบ่อย (ไม่ได้มีแค่โรคเดียว) ก็เช่น กลุ่มอาการของสุนัขพันธุ์หน้าสั้น (brachycephalic syndrome) โรคกล่องเสียงเป็นอัมพาต (laryngeal paralysis) โรคข้อสะโพกเสื่อม (hip dysplasia) หูหนวก ภาวะบกพร่องของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ (hypothyroidism) โรคหนังตาม้วนเข้า (entropion) และโรค Cherry eye หรือ prolapse of the third eyelid คือมีหนังตาที่ 3 โผล่นูนออกมาเหมือนลูกเชอร์รี่ แต่อย่าเพิ่งด่วนกังวลไป โรคที่เราว่ามานี้รักษาได้ทั้งนั้น บางโรคก็รักษาง่าย แค่กินยาก็หาย แต่บางโรคก็ต้องผ่าตัดถึงจะเห็นผล [4]
    • ปรึกษาคุณหมอซะ ถ้าน้องหมามีอาการผิดปกติใดๆ ก็ตาม ถ้าคุณสังเกตว่าลักษณะท่าทางของน้องหมาดูแปลกไป เช่น ไม่ได้ยินคุณเรียก หรือเดินกะเผลกท่าทางเจ็บปวด (สัญญาณบอกว่าจะเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อม) ก็ให้รีบพาน้องหมาไปหาหมอจะดีกว่า
    • อีกวิธีป้องกันไม่ให้น้องหมาเจ็บป่วยง่ายๆ ก็คือเลือกลูกหมาที่สายพันธุ์ดีแต่แรก เพราะเจ้าของฟาร์มดีๆ มีประสบการณ์ เขาจะเพาะพันธุ์อย่างระมัดระวัง ลูกหมาจะออกมาเสี่ยงต่อโรคน้อยมากๆ แต่ถ้าเป็นอเมริกันบูลด็อกที่ผสมแบบเลือดชิด (inbreed) ก็จะรับสืบทอดพันธุกรรมในลักษณะของยีนด้อยมา ทำให้เสี่ยงต่อโรคมากกว่า
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ให้อาหารและดูแลขน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้ลูกหมาอเมริกันบูลด็อกกินอาหารคุณภาพดีสำหรับลูกหมาพันธุ์ใหญ่โดยเฉพาะ. ลูกหมาจะได้เติบโตสุขภาพดีพร้อมกระดูกและข้อที่แข็งแรง ให้ลูกหมากินอาหารชนิดนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะอายุได้ 18 เดือน เพราะหลังจากนั้นจะถือว่าเป็นหมาโต ต้องค่อยๆ เปลี่ยนไปกินอาหารของผู้ใหญ่แทน
    • ให้อาหารลูกหมาด้วยอาหารสำหรับหมาพันธุ์ใหญ่จะช่วยให้มันได้รับสารอาหารที่ต้องการครบถ้วน
  2. เลือกอาหารคุณภาพดีที่เน้นเนื้อเป็นวัตถุดิบหลัก และวัตถุดิบแรกในฉลากข้างถุง. เพื่อให้น้องหมาอเมริกันบูลด็อกของคุณได้โปรตีนที่เพียงพอ และจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตไปในตัว โปรตีนรวม (crude protein) ไม่ควรน้อยกว่า 30% ไขมันรวม (crude fat) ไม่ควรน้อยกว่า 20% ส่วนไฟเบอร์ก็ต้องไม่เกิน 4%
    • กฎสำคัญคือมองหาอาหารหมาที่มีส่วนผสมที่คุณรู้จักและอ่านออก เพื่อจะได้ไม่ต้องไปซื้ออาหารที่มีแต่เติมแต่งสีกับสารปรุงแต่งรสชาติ
  3. เลือกอาหารถูกหลัก สามารถลดความเสี่ยงการเกิดภาวะกระเพาะอาหารขยายตัวและบิดหมุน (gastric dilatation-volvulus) หรือก็คือโรคกระเพาะบวม (bloat) หรือโรคกระเพาะบิดให้น้องหมาได้. อเมริกันบูลด็อกนั้นเป็นหมาพันธุ์ใหญ่ เลยทำให้เป็นโรคนี้ได้ง่ายกว่าหมาพันธุ์อื่นๆ [5] ภาวะกระเพาะบิดนี่ทำน้องหมาถึงตายได้เลย ถ้าเป็นขึ้นมาต้องถึงมือหมอให้เร็วที่สุด คุณป้องกันไว้ก่อนได้ โดยให้อาหารน้องหมาให้ถูกวิธี คือแบ่งอาหารเป็น 2 - 3 มื้อย่อยๆ ต่อวัน ไม่ให้อาหารมันๆ อย่ายกชามอาหารสูง และอย่าผสมอาหารเม็ดกับน้ำ
    • และอย่าปล่อยให้น้องหมาออกกำลังอย่างน้อยใน 1 ชั่วโมงหลังให้อาหาร รวมถึงอย่าเพิ่งดื่มน้ำตามเยอะๆ ทีเดียวด้วย
  4. สำคัญมากว่าน้องหมาต้องมีน้ำใหม่ สะอาด พร้อมกินเสมอ บอกเลยว่าหมาพันธุ์นี้ต้องให้ดื่มน้ำเรื่อยๆ เตรียมผ้าเช็ดมือไว้ด้วยก็ดี จะได้คอยเช็ดน้ำลายย้อย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เจ้าของน้องหมาพันธุ์นี้ต้องทำใจ
  5. อเมริกันบูลด็อกปกติก็ขนสั้นเนียนเรียบอยู่แล้ว แทบไม่ต้องอาบน้ำเลย สรุปคือเป็นขนที่ดูแลง่ายแบบสุดๆ อาบเฉพาะตอนที่น้องหมาไปเกลือกกลิ้งที่ไหนมาจนมอมแมมเหม็นฉึ่งก็พอ หรือเลอะเทอะไปทั้งตัวจริงๆ
  6. ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ อเมริกันบูลด็อกก็ผลัดขนกับเขาเหมือนกัน (เยอะกว่าที่คุณคิด) [6] ซื้อลูกกลิ้งหรือ lint rollers แบบที่ใช้กลิ้งเก็บฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์หรือเสื้อผ้ามาใช้ก็ได้ ถ้าน้องหมาของคุณขนร่วงจนเกินทนไหว
  7. เพราะอเมริกันบูลด็อกหน้าสั้น เพราะงั้นเลยดู "ยับยู่ยี่" บางทีก็มีรอยยับเยอะเป็นพิเศษแถวตากับจมูก ทำให้ชื้นแฉะหรือมีสิ่งสกปรกหมักหมม จนน้องหมาระคายเคืองผิวและเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ให้คุณเช็ดทำความสะอาดเรื่อยๆ ตามซอกรอยย่น โดยใช้กระดาษหรือผ้าขนหนูเปียกหมาดๆ กับสบู่เด็ก
    • ระวังอย่าให้สบู่เข้าตาน้องหมา ถ้าเผลอกระเด็นก็ให้ใช้น้ำล้างหน้าล้างตาน้องหมาให้สะอาด
    • ตามคลินิกสัตวแพทย์มักมี wipes หรือแผ่นสำหรับเช็ดทำความสะอาดหน้าและตาของน้องหมาโดยเฉพาะ ปลอดภัยหายห่วง
    • พอเช็ดทำความสะอาดตามรอยย่นที่หน้าแล้ว ให้ใช้กระดาษหรือผ้าผืนใหม่มาซับให้แห้ง จะได้ไม่ชื้นแฉะเกินไปจนกลายเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า fold dermatitis หรือโรคผิวหนังอักเสบที่รอยย่น [7]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

สานสัมพันธ์และฝึกฝน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้น้องหมาสมาคมกับคนและสัตว์อื่นตั้งแต่ยังเล็ก. เพื่อให้น้องหมาได้รับรู้ว่าควรมีปฏิสัมพันธ์ทั้งกับคนและสัตว์อย่างสงบ และให้เกียรติ ไม่ก้าวร้าว [8] เริ่มจากพาหมาไปในที่สาธารณะ ลองให้คนแปลกหน้าจับหรือลูบน้องหมาเล่น แต่ก็อย่าลืมว่าหมาพันธุ์นี้ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง เพราะงั้นต้องค่อยๆ ใช้เวลาและเริ่มจากหมายังเด็กๆ จะได้ไม่ยกตนข่มท่าน กลายเป็นหมาดุ การเข้าสังคมจะทำให้น้องหมาของคุณนิ่งและใจเย็นขึ้น
    • นี่แหละขั้นตอนสำคัญในการเลี้ยงอเมริกันบูลด็อก เพราะถ้าไม่ฝึกให้น้องหมาเข้าสังคมไว้ ทีนี้จะไว้ใจคนหรือสัตว์แปลกหน้าได้ยาก ทำให้เกิดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ อย่างการกัดหรือโจมตี
    • คุณฝึกน้องหมาให้เข้าสังคมได้ โดยพาออกไปในที่สาธารณะ แล้วปล่อยให้น้องหมาได้ทำความรู้จักกับคนและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ จนเกิดประสบการณ์ที่ดี อย่างถ้าคุณพาน้องหมาไปเดินเล่นในสวนสาธารณะของหมาโดยเฉพาะ ก็ค่อยๆ แนะนำหมาให้รู้จักกับหมาตัวอื่น รวมถึงผู้คนรอบๆ โดยที่ใส่เชือกจูงไว้ ถ้าน้องหมาท่าทางเป็นมิตรกับคนอื่นดี ดูสบายๆ มีปฏิกิริยาตอบรับกับคนอื่น ให้พูดชมว่าน้องหมาเป็นเด็กดี อีกหน่อยก็ค่อยๆ ปล่อยให้วิ่งเล่นโดยไม่มีสายจูง และเพิ่มพื้นที่วิ่งเล่นให้กว้างขึ้น
  2. เวลาคุณไปเลือกลูกหมาที่ฟาร์ม ก็มีบางจุดที่ควรใส่ใจ แล้วจะรู้ว่าลูกหมาตัวไหนที่ถูกฝึกให้เข้าสังคมมาแล้ว ลองสังเกตพฤติกรรมเวลาลูกหมาทักทายวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ รวมถึงพ่อแม่ ถ้าลูกหมาตัวนั้นขี้อาย เก็บตัว หรือดูตื่นเกินไป แสดงว่ายังไม่ถูกฝึกหรือฝึกมาไม่ดี เลยไม่เคยชินกับสถานการณ์ต่างๆ ลูกหมาที่ฝึกมาแล้วจะชินกับเสียงและการเคลื่อนไหวต่างๆ รอบตัว ถ้าคุณเดินเข้าไปใกล้ก็ไม่ตกใจ แต่ถึงอย่างนั้น ลูกหมาขี้อายก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีสมใจคุณได้ แค่ใช้เวลาฝึกอีกสักหน่อย
    • เวลาคุณเลือกลูกหมา ต้องระวังอย่าไปซื้อตามฟาร์มเถื่อนที่เจ้าของไม่มีความรู้ความเข้าใจ สักแต่ว่าให้หมาออกลูกมาเพื่อขาย (ฝรั่งเขาเรียก puppy mills) นอกจากจะได้หมาที่ถูกเลี้ยงมาในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมแล้ว ยังอาจเป็นหมาพันธุ์เทียม (ไม่ใช่อเมริกันบูลด็อกแท้ๆ) หรือถูกผสมพันธุ์แบบเลือดชิดจนพิกลพิการอ่อนแอ ไม่ต้องคิดเลยว่าฟาร์มแบบนี้จะมีการฝึกคำสั่งพื้นฐานและฝึกเข้าสังคมมาหรือเปล่า ซื้อไปแล้วนอกจากจะได้หมาขี้โรค ดุ แล้วยังเป็นการสนับสนุนคนทำผิดอีกต่างหาก
  3. หมาแต่ละตัวก็ชินกับคนและสัตว์อื่นได้ช้าเร็วต่างกัน เพราะงั้นก็ให้เวลาน้องหมาหน่อย พอน้องหมาเริ่มสบายๆ เคยชินกับอะไรใหม่ๆ แล้ว รับรองจะเห็นผลเลย ว่าน้องหมาสงบมั่นคงขึ้นเยอะเลย
    • ถ้ามีแมว เด็ก หรืออะไรที่อยากให้หมาทำความคุ้นเคยไว้ก็ต้องแนะนำแต่เนิ่นๆ ช้าแต่ชัวร์นี่แหละดีที่สุด!
    • ตอนแนะนำหมาให้คุ้นเคยกับแมว อย่าอยู่ๆ ก็จับมาเจอกันซะอย่างนั้น เริ่มจากแยกห้องกันก่อน แล้วให้ได้ดมสำรวจกลิ่นอีกฝ่ายผ่านช่องด้านล่างประตูที่ปิดไว้ พอเริ่มเคยชินกับกลิ่นของอีกตัวแล้ว ค่อยให้เห็นหน้ากันจากไกลๆ ในช่วงหลายวันต่อมาก็ค่อยลดระยะห่างเรื่อยๆ แต่คุณอย่าลืมจับไว้ให้มั่นทั้งคู่นะ
  4. ตอนแนะนำหมาให้รู้จักกับคนแปลกหน้า เช่น เพื่อนบ้าน อย่าลืมใส่สายจูงไว้ตลอด. ในเมืองไทยอาจมีซุบซิบนินทาเวลาใครเลี้ยงหมา (ที่เชื่อกันว่า) ดุ แต่ของฝรั่งนี่บางพื้นที่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงเลย บางบริษัทก็ไม่รับประกันบ้านให้คุณเลยถ้าเลี้ยงน้องหมาบางพันธุ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องศึกษาคนในละแวกบ้านของคุณให้ดีก่อนล่ะ จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง [9]
  5. อเมริกันบูลด็อกเป็นหมาที่ฉลาดมาก แถมมั่นใจในตัวเองซะเหลือเกิน ต้องเรียกว่าเป็นหมาที่ดื้อน่าดู เพราะงั้นอาจฝึกยากอยู่สักหน่อย โดยเฉพาะถ้านี่เป็นหมาตัวแรกของคุณ สำคัญสุดคือคุณต้องแสดงตัวให้น้องหมารู้ ว่าบ้านนี่คุณคุม การฝึกนั้นทำได้ แค่ต้องให้เวลา ความอดทน และแรงกายแรงใจ
  6. การฝึกออกคำสั่งด้วยมือและเสียงนี่แหละสำคัญมากทั้งกับคุณและหมา ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนเลย คือถ้าฝึกสองอย่างแล้ววันไหนคุณเกิดสั่งน้องหมาด้วยเสียงไม่ได้ขึ้นมา น้องหมาก็ยังเห็นภาษามือของคุณ และรับรู้คำสั่งว่าคุณต้องการให้ทำอะไร
  7. ถ้าฝึกแล้วรู้สึกดี น้องหมาพันธุ์นี้จะทำตามแบบถวายหัวเลย บอกแล้วว่าชอบตามใจเจ้านายเป็นที่สุด อเมริกันบูลด็อกชอบเรียกร้องความสนใจจากคนที่รัก เพราะฉะนั้นถ้าคุณทำมึนตึง ไม่สนใจเวลาหมาทำตัวแย่ๆ ก็จะได้ผลดีกว่าการลงโทษ
    • พอน้องหมาเข้าใจคำสั่งพื้นฐานและเข้าสังคมเป็นแล้ว อเมริกันบูลด็อกก็จะพร้อมรับทุกสถานการณ์ รู้ว่าตอนไหนปลอดภัย ตอนไหนที่ต้องปกป้องตัวเองและเจ้าของตามสัญชาตญาณ
  8. ถ้าน้องหมาฝึกยากเกินรับมือ ก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของครูฝึกมืออาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสุนัข. ถ้าฝึกๆ ไปแล้วรู้สึกว่ายากเกิน หรือน้องหมาไม่ใส่ใจ น๊านนานก็ไม่ได้เรื่องสักที ก็ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเถอะ รับรองว่าตอบโจทย์คุณได้ทุกเรื่อง (ที่เกี่ยวกับน้องหมา) ทีนี้ละหมดกังวลเรื่องขั้นตอนหรือเทคนิคต่างๆ ในการฝึกหมา [10]
    • โรงเรียนฝึกหมาถือเป็นตัวเลือกที่ดี จะฝึกตั้งแต่หมายังเด็กเลยก็ได้ หรือแก้ไขพฤติกรรมหมาโตก็ยังทัน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ให้น้องหมาออกกำลังกาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้น้องหมาบูลด็อกออกกำลังกายเป็นประจำ ทุกวันได้ยิ่งดี. อย่าลืมว่าหมาพันธุ์นี้บ้าพลัง เป็นหมานักกีฬา การออกกำลังกายถือเป็นการระบายพลังงานส่วนเกินออกอย่างเหมาะสม หมาจะสงบ อารมณ์มั่นคงกว่า ถ้าหมาไม่ได้ออกกำลังกายละก็ จะกลายเป็นหมาเบื่อโลก ดีไม่ดีจะดุได้โล่ ทีนี้ละเป็นเรื่อง
    • พาหมาออกกำลังกายทุกวัน วันละ 30 - 40 นาที ออกให้หลากหลายกิจกรรมหน่อย เช่น วิ่ง เดินไกล ว่ายน้ำ ลากเวท (weight pulling) แล้วก็ฝึกความคล่องตัว
  2. ข้อควรระวังคือน้องหมาบูลด็อกหน้าสั้น เลยทำให้หายใจลำบากกว่าคนอื่น. ด้วยลักษณะหน้าตาของหมาพันธุ์นี้ที่ "ยับย่น" เลยทำให้จมูกก็พลอยสั้นแคบไปด้วย น้องหมาเลยหายใจลำบากกว่าหมาพันธุ์อื่น และระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่า ถึงจะบอกให้น้องหมาออกกำลังกาย แต่ก็ต้องระวังเรื่องนี้เสมอ โดยเฉพาะวันที่อากาศร้อนๆ หรือออกกำลังกายนานๆ หมั่นให้น้องหมากินน้ำบ่อยๆ และพัก cool-down เรื่อยๆ
    • ถ้าสงสัยว่าน้องหมาบูลด็อกจะ overheat หรือหายใจไม่ได้ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้รีบขอความช่วยเหลือหรือพาไปหาหมอด่วน
  3. ถ้าคุณอยากได้หมานิ่งๆ เฉื่อยๆ ก็เลือกพันธุ์อื่นเถอะ. บูลด็อกจะไม่มีความสุขเลยถ้าวันๆ คุณให้มันนั่งแกร่วอยู่ในบ้านทั้งวัน ไม่มีกิจกรรมมันส์ๆ ให้ทำเลย ถ้าเลี้ยงน้องหมาบูลด็อกแบบนั้นละก็ บอกเลยว่าแป๊บเดียวก็อ้วนอืด ตามมาด้วยโรคสารพัด อย่างเบาหวาน และข้อเข่าหรือสะโพกเสื่อมเป็นต้น
  4. นั่นเป็นธรรมชาติของหมาพันธุ์นี้ เพราะงั้นอย่าแปลกใจถ้าน้องหมาบูลด็อกวิ่งหรือเล่นทีรุนแรงเหลือเกิน บางทีก็ทำเอาของกระเด็นกระดอน คนเองก็ไม่เว้น เวลาเล่นกับน้องหมาระหว่างออกกำลังกาย ก็ระวังไว้บ้างก็ดี! [11]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ปกติอเมริกันบูลด็อกอยู่ได้ประมาณ 8 - 15 ปี และโตเต็มที่ได้ประมาณ 55 - 86 ซม. น้ำหนักมาตรฐานของน้องหมาบูลด็อกตัวผู้ที่โตเต็มวัย จะอยู่ระหว่าง 45 - 68 กก. ส่วนตัวเมียจะอยู่ที่ 29 - 40 กก. [12]
โฆษณา

คำเตือน

  • บอกเลยว่าอเมริกันบูลด็อกจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักสุดวิเศษประจำบ้านของคุณ แต่คิดจะเลี้ยงก็ต้องพร้อมเข้าใจว่าควรทำและไม่ทำอะไรบ้าง (รายการยาวเป็นหางว่าว) นั่นก็เพราะน้องหมาพันธุ์นี้ทั้งตัวใหญ่ แรงเยอะ แถมคนอื่นชอบมองว่าโหดอีกต่างหาก ถ้าอยากเลี้ยงจริงๆ ก็ต้องรู้จักศึกษาหาความรู้แต่เนิ่นๆ อาจใช้เวลาและแรงกายแรงใจหน่อย แต่รับรองว่าจะได้สมาชิกประจำบ้านตัวใหม่ที่แสนซื่อสัตย์และรักใคร่คุณไปตลอดชีวิต
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,345 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา