ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การแสดงความรักใคร่เป็นการแสดงความรู้สึกผ่านทางกาย ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับความรักและความสัมพันธ์อันยาวนานเพราะกระแสความรักใคร่ที่สม่ำเสมอสามารถทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นได้ งานวิจัยพบว่าเด็กที่ได้รับการแสดงออกถึงความรักผ่านการสัมผัสในระดับสูงตั้งแต่เด็กมีระดับความเครียดต่ำกว่า [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง งานวิจัยอื่นๆ พบว่าความสัมพันธ์ที่มีการแสดงความรักใคร่ทางกายในอัตราสูงกว่ารายงานว่า มีความพึงพอใจในความสัมพันธ์มากกว่า [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
ขั้นตอน
-
รับรู้ถึงความอึดอัด. บางคนอึดอัดกับการสัมผัสอันเนื่องมาจากบุคลิกลักษณะ ประวัติครอบครัว ปมเรื่องความใกล้ชิด หรือประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต สิ่งนี้อาจทำให้ยากต่อการเริ่มหรือการสนุกไปกับการแสดงความรักใคร่ทางกาย เช่น การลูบไล้ การกอด การจับมือ หรือการเคล้าเคลีย [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- รับมือกับความกลัวของคุณในเรื่องของความใกล้ชิดและการเชื่อมโยงทางกายกับอีกฝ่าย ยอมรับว่าคุณกลัวและหาว่ามันมาจากไหน การตระหนักว่าความกลัวของคุณอาจจะไม่เกี่ยวกับคนรักหรือเหตุการณ์ในปัจจุบันอาจช่วยคุณได้ และทำให้คุณพยายามที่จะก้าวข้ามอดีตเหล่านั้น [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พูดคุยกับคนรัก ให้เขารู้ว่าคุณอึดอัดและเพราะอะไรคุณถึงอึดอัด ขอให้เขาหรือเธออดทน การแสดงความรักใคร่ทางกายอาจง่ายขึ้นเมื่อคุณได้รู้จักกับอีกฝ่ายมากขึ้นและรับมือกับสาเหตุของความอึดอัดใจในเรื่องความใกล้ชิดทางกายได้ นอกจากนี้การพัฒนาการสื่อสารอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและรักใคร่มากขึ้นได้ด้วย
- พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาสามารถช่วยคุณรับมือกับอารมณ์เชิงลบที่เกี่ยวข้องกับความกลัวและการเอาชนะความลังเลที่จะแสดงความรักใคร่ทางกายได้ ถ้าคุณไม่อยากพูดกับใคร คุณจะเขียนลงในบันทึกหรือแสดงความรู้สึกของคุณด้วยวิธีอื่นก็ได้
- แสดงความรักใคร่ทางกายจนเป็นนิสัย จับมือคนรัก จับไหล่หรือกอดเขาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ สุดท้ายแล้วการแสดงความรักใคร่ทางกายจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
-
จัดสรรเวลาแสดงความรักใคร่กับลูกๆ หรือสามี/ภรรยา. การสัมผัสช่วยบรรเทาความเครียดและความเจ็บปวด ทั้งยังช่วยให้เรารับมือกับปัญหาและสร้างความผูกพันให้แนบแน่นยิ่งขึ้น [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง จัดสรรเวลาแสดงความรักใคร่ในแต่ละวันกับคนในครอบครัวเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี คุณจะรวมการแสดงความรักใคร่ไว้ในช่วงเดตตอนกลางคืน ช่วงเล่านิทาน และแม้กระทั่งช่วงดูทีวีก็ได้
-
จับมือ. ไม่ว่าจะเป็นการจับมือคนรักหรือลูกๆ การจับมือเป็นวิธีที่รวดเร็ว ไม่สร้างความเจ็บปวด และสามารถเสริมสร้างความผูกพันให้แข็งแกร่งได้จริงๆ ที่จริงแล้วการจับมืออาจเป็นหนึ่งในวิธีที่เพิ่มปริมาณการแสดงความรักใคร่ทางกายกับคนอื่นในทันทีที่ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอนที่กำลังเดินไปที่ป้ายรถเมล์ เดินผ่านช่องทางเดินในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือนั่งอยู่บนโซฟาในบ้าน ให้เอื้อมไปจับมือคนที่คุณห่วงใย
-
รวมการสัมผัสทางกายให้เป็นหนึ่งในเป้าหมายด้านสุขภาพ. การสัมผัสกับลูกๆ และคนรักช่วยหลั่งออกซิโตซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการกอดอย่างรักใคร่ที่ช่วยลดความดันโลหิต และยังช่วยควบคุมคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดด้วย [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง การสัมผัสทางกายกระตุ้นสมองส่วนนอกที่นำไปสู่ความรู้สึกเหมือนได้สิ่งตอบแทนที่คุ้มค่าและช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน [7] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Greater Good Magazine ไปที่แหล่งข้อมูล
-
เขียนรายการวิธีที่ดีที่คุณสามารถแสดงความรักใคร่ทางกายได้. การแสดงความรักใคร่ทางกายคือการสัมผัสแบบใดก็ได้ที่มีจุดประสงค์คือ เพื่อกระตุ้นความรู้สึกเสน่หาหรือความรักในตัวผู้ให้หรือผู้รับ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เขียนรายการเพื่อที่คุณจะได้กลับไปดูได้ทีหลัง จากนั้นให้ตั้งเป้าจะทำแต่ละวิธีในโอกาสต่างๆ ตลอดทั้งสัปดาห์
- วิธีที่คุณจะสามารถแสดงความรักใคร่ได้ก็เช่น จูบ นวดหลัง นวด ลูบไล้ เคล้าเคลีย กอด โอบรัด และจับมือ นอกจากนี้คุณหรือความสัมพันธ์ของคุณอาจมีวิธีการเฉพาะอื่นๆ ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์รักได้เช่นกัน
- แม้ว่าการสร้างนิสัยจะใช้เวลา 21 วัน แต่ระยะเวลานั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคน คอยดูรายการที่คุณเขียนไว้เป็นเวลาหลายๆ เดือนเพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยนระดับการแสดงความรักใคร่ทางกายได้ถาวร
-
สัพยอกกันเล่นๆ. คุณสามารถเพิ่มอารมณ์ขันกับคนรักได้ด้วยการมีสัมผัสทางกายอย่างอบอุ่น อาจจะเป็นการกอดแน่นๆ อย่างอ่อนโยน กระแทกไหล่หรือเข่า ตบกันเล่นๆ เขกหัวหรือผลักกันเบาๆ แต่ต้องแน่ใจว่าคนรักไม่ถือเวลาที่คุณถองเขาและอย่าเล่นแรงจนทำให้เจ็บหรือเป็นรอยฟกช้ำ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
วางเท้าไว้คู่กัน. คุณอาจจะเอาขาและเท้าพันกัน เล่นใช้เท้าสะกิดกันใต้โต๊ะ วางเท้าไว้บนตักคนรักหรือให้คนรักวางเท้าไว้บนตักคุณก็ได้ วิธีนี้เป็นการเชื่อมโยงทางกายระหว่างคุณสองคนและทำให้ต่างคนต่างรู้ว่ามีอีกฝ่ายอยู่ถ้าคุณนั่งตรงข้ามกันพอดี จำไว้ว่าการสัมผัสทางกายที่มีเจตนาเพื่อสื่อความรู้สึกรักใคร่เป็นการแสดงความรักใคร่ทางกายรูปแบบหนึ่ง
-
ลองนวดให้กัน. นอกจากการแสดงความรักใคร่ในรูปแบบอื่นๆ แล้ว การนวดยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณสองคนแนบแน่นมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้การนวดยังมีประโยชน์ด้านสุขภาพหลายอย่าง ได้แก่ ลดความเครียด เพิ่มการไหลเวียนโลหิตและสารอาหาร และช่วยบรรเทาความปวด ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้การนวดจึงเป็นวิธีแสดงความรักใคร่ทางกายที่ยอดเยี่ยม คนรักของคุณอาจจะชอบและหวังว่าเขาจะตอบแทนคุณด้วยโฆษณา
-
ให้คำมั่นทางวาจา. การให้คำมั่นทางวาจา เช่นการพูดว่า “ผมรักคุณ” หรือ “ผมเป็นห่วงคุณนะ” เป็นวิธีสำคัญที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งและดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคุณด้วย [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง อย่าให้การส่งข้อความหรืออีเมลถึงคนรักมาแทนที่การแสดงความรักด้วยคำพูด ถ้าคุณอยู่ไกลกัน ให้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเขาจะดีกว่า เพราะมันเป็นการแสดงความรักใคร่จากปากของคุณเอง แม้ว่ามันจะใช้เวลามากกว่าก็ตาม
- การแสดงความรักใคร่ด้วยคำพูดคือ การที่คุณพูดบางสิ่งออกมาเพื่อเน้นความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อความรักและความเสน่หา ทำให้คนรักของคุณรู้สึกได้รับความรัก คำพูดที่คุณพูดออกมาอาจเป็นคำพูดเฉพาะตัวคุณ คนรักของคุณ และความสัมพันธ์ของคุณก็ได้ ตราบใดที่สิ่งที่คุณพูดออกมานั้นสร้างอารมณ์ในแบบที่คุณต้องการจะสื่อและเสริมสร้างความเสน่หาให้แก่กัน
- ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการสื่อสาร ให้บอกลาด้วยประโยคเช่น “คิดถึงคุณจัง” หรือ “คิดถึงนะ” แทนที่จะเป็นคำพูดทั่วไป [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เข้าใจว่าความสัมพันธ์ทางไกลต้องการการแสดงความรักใคร่ด้วยคำพูดมากกว่า. เนื่องจากว่าคุณไม่สามารถสัมผัสทางกายและเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้วยวิธีนั้นได้ คุณจึงต้องบอกเขาหรือเธอว่าคุณรู้สึกอย่างไรให้มากขึ้น วิธีนี้สำคัญต่อการรักษาความใกล้ชิดในความสัมพันธ์และเสริมสร้างความรู้สึกปลอดภัย ความอบอุ่นใจ และความไว้วางใจ ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้ Skype หรือ Google Hangout เพื่อที่คุณจะได้สบตากันและเลือกบอกเป็นนัยทางกายได้ระหว่างที่พูดคุยกันได้
-
พูดชมคนที่คุณห่วงใยทุกวัน. คำชมคือการแสดงความรักใคร่ด้วยคำพูดรูปแบบหนึ่งที่กระตุ้นความภาคภูมิใจในตนเอง แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณสนใจ และทำให้คนที่คุณห่วงใยรู้สึกดี นอกจากนี้คำชมยังกระตุ้นให้คนเราประสบความสำเร็จได้ด้วยเพราะเราเชื่อว่าเราทำได้ [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง แต่ก็ให้พูดอย่างจริงใจเสมอ ไม่อย่างนั้นคุณอาจเสี่ยงต่อการถูกมองว่า สิ่งที่คุณพูดนั้นเป็นแค่คำประจบประแจงที่หาสาระไม่ได้
- มองหาสิ่งที่คุณชื่นชม เห็นคุณค่า หรือสิ่งที่อีกฝ่ายทำได้ดีเพื่อกล่าวคำชม จะเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา ลักษณะเด่นบนใบหน้าที่คุณชอบเป็นพิเศษ (เช่น ดวงตาหรือริมฝีปาก) นิสัยใจคอ ความสำเร็จ วิธีที่เขาทำให้คุณรู้สึกดี หรือทักษะต่างๆ ของเขาที่คุณชื่นชม
- ซื่อสัตย์และอย่าปล่อยให้โอกาสที่จะได้กล่าวชมคนที่คุณรักหลุดลอยไป บอกภรรยาของคุณว่า “ตาคุณสวยจัง” ขณะที่มองหน้าเธอ หรือ “คุณเติมเต็มชีวิตของผม” ถ้ามันเป็นเรื่องจริง บอกสามีของคุณว่า “คุณใส่เสื้อเชิ้ตตัวนั้นแล้วหล่อจัง” ตอนที่เขากำลังจะออกไปทำงาน หรือ “คุณทำอาหารอร่อยสุดๆ เลย” เวลาที่เขาทำอาหารเช้าให้คุณ บอกลูกของคุณว่า “ลูกเก่งมากจ้ะ” เวลาที่คุณดูสมุดพก หรือ “ลูกเล่นกีฬาเก่งนะเนี่ย” หลังจากที่ลูกซ้อมเสร็จ
-
ทักทายคนรักหรือลูกๆ เวลาที่พวกเขากลับถึงบ้าน. หยุดทำสิ่งที่คุณกำลังทำและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรักหรือลูกๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าคุณสนใจพวกเขา คุณอยากให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมดและคุณก็คิดถึงพวกเขา รวมการแสดงความรักใคร่ด้วยคำพูดกับการแสดงความรักใคร่ทางกายเข้าด้วยกันด้วยการจุ๊บลูกๆ ที่แก้มหรือหน้าผาก คุณอาจจะอยากจูบคนรักที่ริมฝีปากหรือแก้มด้วยก็ได้
-
ตั้งชื่อเรียกเล่นๆ ให้คนรักหรือลูกๆ. ชื่อเรียกเล่นๆ ที่มีความหมายดีๆ แสดงถึงความสัมพันธ์ที่พิเศษ ชื่อที่คุณเลือกมักสะท้อนลักษณะ นิสัย หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคนๆ นั้น นอกจากนี้ชื่อเรียกเล่นๆ อาจจะเป็นชื่อสั้นๆ จากชื่อจริงก็ได้
- ชื่อเรียกเล่นๆ ทั่วไปก็เช่น : นางฟ้า, โอปป้า, หมูน้อย, เด็กอ้วน, ที่รัก, หมี, ตัวเอง ตะเอง หรือเตง
-
ใช้เวลาเพื่อพูด “ขอบคุณ”. คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำให้คุณหรือวิธีที่เขาทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น มองเข้าไปในดวงตาของเขาและสื่อความซาบซึ้งออกมาสัก 2 – 3 ประโยค คุณอยากให้เขารู้ว่าคุณรักเขา เห็นคุณค่าในตัวเขา และซาบซึ้งกับทุกสิ่งที่เขาทำมากแค่ไหน
-
อย่าคิดว่า “ฉันรักคุณ” คือวิธีแสดงความรักใคร่วิธีเดียว. ถ้าคุณไม่ได้พูดประโยคนี้สักเท่าไหร่ ให้พยายามทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของคำพูดติดปาก ประโยคเช่น “คุณเจ๋งมากเลย” และ “ผมโชคดีจังที่มีคุณ” ก็เป็นวิธีแสดงความรักใคร่ที่ดี นอกจากนี้ยังอาจจะมีอย่างอื่นที่เฉพาะเจาะจงในความสัมพันธ์ของคุณด้วย เช่น ความสนใจในเรื่องรถที่คุณสองคนมีร่วมกัน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถขยายประโยคทั่วไปเหล่านั้นให้พิเศษขึ้นได้ด้วยการใส่รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรักมากๆ เข้าไป ถ้าคุณรักรถ คุณก็อาจจะใช้รถรุ่นโปรดของคุณในการอธิบายว่าคุณรู้สึกอย่างไร เช่นพูดว่า “คุณคือ Plymouth Road Runner Hemi ปี 1968 สำหรับผม”โฆษณา
-
แสดงความรักใคร่กลับอัตโนมัติ. ตอบกลับท่าทีที่แสดงความรักใคร่ด้วยการกอดคืน กล่าวชม พูดว่า “ฉันรักคุณ” จูบแก้มหรือทำไฮไฟฟ์ อย่าใส่ใจความรู้สึกที่อยากจะลังเลในช่วงเวลาเหล่านี้ ถ้าคุณไม่เคยชินกับการทำแบบนี้ มันอาจจะต้องใช้เวลาฝึกฝนสักหน่อย แต่ไม่ช้ามันก็จะกลายเป็นธรรมชาติที่สองของคุณไปโดยปริยาย
-
อย่าให้พ่อหรือแม่เป็น “ฝ่ายแสดงความรักใคร่” คนเดียว. ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา การที่พ่อจะแสดงความรักกับลูกๆ นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญในเชิงวัฒนธรรม แต่เมื่อเวลาผ่านไปอะไรๆ ก็เปลี่ยน ทั้งพ่อและแม่ควรพยายามที่จะแสดงความรักแก่ลูกๆ แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ธรรมชาติของใครคนใดคนหนึ่งก็ตาม
-
สบตา. ขณะที่คุณกำลังกอดกันอย่างรักใคร่ จับมือ หรือกล่าวชม การสบตาช่วยเชื่อมโยงคุณสองคนให้มากขึ้นไปอีกและทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณจริงจัง งานวิจัยพบว่าการจ้องตาคนที่คุณรัก (หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง) สามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนออกซิโตซินที่ทำให้คุณทั้งสองคนรู้สึกดีได้จริงๆ และคุ้มค่าแก่ความพยายาม
-
ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง. นักกลยุทธ์แรงบันดาลใจเชื่อว่า นิสัยที่ดีนั้นสร้างได้ด้วยการฝันให้ไกลถึงสิ่งที่คุณอยากจะเป็น เช่น ฝันอยากเป็นพ่อ/แม่ที่แสดงความรักกับลูกให้มากขึ้น จากนั้นให้กำหนดโควตาระดับย่อยๆ ให้ตัวเอง เช่น “ฉันจะใช้เวลา 20 นาทีคุยกับลูกตรงๆ ทุกวัน” ให้แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายเล็กๆ เสมอเพื่อที่จะได้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นและทำให้คุณมีโอกาสฉลองให้กับความสำเร็จบ่อยขึ้นด้วย [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อย่ากลัวที่จะพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ. ถ้าคุณไม่มีความปรารถนาที่จะแสดงความรักใคร่หรือรู้สึกรักใคร่แต่ไม่สามารถแสดงออกได้ ลองพูดคุยกับที่ปรึกษาหรือนักบำบัดคนเดียวหรือกับคนรักก็ได้ ความสัมพันธ์ต้องอาศัยความพยายาม อย่าคิดว่าการปรึกษาคู่ชีวิตหรือการเข้ารับการบำบัดด้วยตัวเองคือความอ่อนแอ ถ้าคุณรักใครสักคนและอยากทำให้ความสัมพันธ์มันดี ก็ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งไม่ให้คุณขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเพื่อให้ความสัมพันธ์แข็งแรงขึ้นได้โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.huffingtonpost.com/david-petrie/why-fathers-should-show-m_b_798604.html
- ↑ http://www.psychologytoday.com/blog/affectionado/201309/seven-reasons-be-more-physically-affectionate
- ↑ http://www.mademan.com/mm/how-get-over-fear-physical-intimacy.html
- ↑ http://www.mademan.com/mm/how-get-over-fear-physical-intimacy.html
- ↑ http://drbenkim.com/articles-healing-touch.html
- ↑ http://www.psychologytoday.com/blog/affectionado/201309/seven-reasons-be-more-physically-affectionate
- ↑ http://greatergood.berkeley.edu/article/item/hands_on_research/
- ↑ https://www.psychologytoday.com/blog/fulfillment-any-age/201401/seven-types-physical-affection-in-relationships
- ↑ http://simplemarriage.net/5-ways-to-show-your-husband-more-affection/
- ↑ http://www.natcom.org/CommCurrentsArticle.aspx?id=895
- ↑ http://www.canadianliving.com/relationships/love_and_romance/relationship_advice_how_to_be_a_more_affectionate_partner.php
- ↑ http://magazine.foxnews.com/love/30-compliments-will-make-your-partners-day
- ↑ http://www.sparringmind.com/good-habits/
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,477 ครั้ง
โฆษณา
