ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ปั๊กเป็นน้องหมาสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมเลี้ยงกันมากในช่วงนี้ ซึ่งไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดหากพิจารณาจากหน้าแบนๆ เหมือนกับหน้าเด็ก และตาคู่โตสีน้ำตาล ที่ทำให้คนส่วนใหญ่อยากจะคว้าน้องปั๊กมากอดสักที อย่างไรก็ตาม ปั๊กมีปัญหาบางประการ กล่าวคือมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านการหายใจ แถมยังอาจรักเดียวใจเดียว ดื้อดึง ฝึกยากและบ้าพลัง ทั้งหมดที่ว่ามานี้หมายความว่ามีราคาที่คุณต้องจ่าย เพื่อที่จะรู้ว่าคุณต้องแบกรับภาระอะไรบ้าง เมื่อรับน้องหมาปั๊กสักตัวหนึ่งมาใช้ชีวิตด้วยกัน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ให้อาหารปั๊ก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จงให้อาหารที่มีคุณภาพดี โดยอ่านจากฉลากและเลือกอาหารที่ระบุส่วนประกอบว่าเป็นเนื้อสัตว์ชนิดใด ในอันดับแรกๆ ของรายชื่อส่วนประกอบหลัก จงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นธัญพืชหรือถั่วเหลือง เพราะไม่เพียงเป็นตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าอาหารมีคุณภาพด้อยกว่า ส่วนประกอบเหล่านี้ยังบูดได้ด้วย จึงอาจยิ่งซ้ำเติมปัญหาท้องอืดของน้องปั๊ก [1]
  2. จำกัดปริมาณอาหารน่ากิน (Treat) และอาหารที่ให้กับปั๊ก. ปั๊กเป็นหมาจอมตะกละ และตาโตๆ คู่นั้นจะพยายามออดอ้อนให้คุณเชื่อว่ามันยังหิวอยู่ น้องปั๊กจะอ้วนได้ง่ายหากได้รับอาหารมากเกินไป ดังนั้น จงเรียนรู้การให้คะแนนร่างกาย (Body condition score) มัน เพื่อคุณจะได้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อปั๊กมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย จะได้ลดการจัดสรรอาหารให้กับมัน เพื่อให้น้ำหนักลดลงก่อนจะพอกพูนเป็นปัญหาใหญ่
    • ถึงกระนั้นก็ตาม ปั๊กชอบกินทุกอย่าง ดังนั้น จงทดลองให้ผักสดแก่มันโดยใช้เป็นอาหารน่ากินสำหรับการฝึก จะช่วยให้มันมีแรงจูงใจและมีสุขภาพดี
    • เก็บอาหารของปั๊กไว้ในภาชนะบรรจุที่ป้องกันสุนัขได้ และวางไว้ในที่ซึ่งมันเข้าไม่ถึง ไม่อย่างนั้น น้องปั๊กอาจจะพังภาชนะบรรจุและสวาปามอาหารที่บรรจุอยู่ข้างในด้วยตัวเอง
    • มีความสำคัญเป็นพิเศษที่จะต้องคอยดูแลให้ปั๊กมีน้ำหนักที่สมควรเป็น (Lean weight) เพราะปัญหาเรื่องการหายใจ การแบกน้ำหนักเพิ่มจะทำให้ร่างกายของปั๊กต้องการออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ไขมันส่วนเกินในร่างกายกดทับปอดทั้งสองข้าง ทางเดินหายใจ และลำคอ ซึ่งยิ่งเพิ่มปัญหาให้กับการหายใจเข้า [2]
  3. จงรู้ว่ามีน้องปั๊กจำนวนมากที่ทุกข์ทรมานจากโรคท้องอืด. เป็นเรื่องปกติที่ปั๊กจะมีปัญหาเรื่องแก๊สมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่น เพราะปัญหาเรื่องการหายใจของมัน ในตอนที่พยายามหายใจ ปั๊กมักจะสูดอากาศลงไปในท้องและลำไส้ หลังจากนั้น แก๊สจะผ่านเข้าไปในระบบทางเดินอาหาร และแสดงออกด้วยอาการท้องอืด [3]
    • ทดลองจัดวางน้ำหอมปรับอากาศไว้ทั่วบ้าน หรือวางสเปรย์สำหรับฉีดพ่นในห้องไว้ใกล้มือ เพื่อพร้อมขจัดกลิ่นไม่พึงปรารถนาใดๆ อันมีสาเหตุจากโรคท้องอืดของน้องปั๊ก
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ฝึกฝนน้องปั๊ก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ฝึกปั๊กได้ยากซึ่งเป็นเพราะพวกมันหัวดื้อมากกว่าจะเป็นเพราะพวกมันโง่ อันที่จริงคุณสามารถพูดได้ว่าน้องปั๊กฉลาดมาก เพราะพวกมันคิดคำนวณได้ว่ามันต้องการอะไร ก่อนจะเดินหน้าทำสิ่งนั้นโดยไม่สนใจความเห็นของคุณ การที่มันทำเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณสมควรยกเลิกการฝึก เพียงแต่คุณจะต้องใช้ความอดทนมากเป็นพิเศษ และเตรียมพร้อมที่จะต้องใช้เวลาที่จำเป็นเพื่อทำงานให้สำเร็จ [4]
    • จงศึกษาจนเข้าใจอย่างถี่ถ้วนเรื่องเทคนิคต่างๆ ของการฝึกน้องปั๊กที่มีผู้แนะนำไว้ เช่น ใช้ขนมเป็นรางวัลในการฝึก จงทำให้ปั๊กอยู่ในตำแหน่งที่คุณต้องการโดยใช้รางวัล และหลังจากนั้น การทำให้ปั๊กยอมทำงานเพื่อให้ได้รางวัล จะทำให้เป็นการฝึกที่ดีเยี่ยมในที่สุด
  2. กำหนดข้อบังคับประจำบ้านและยึดมั่นตามข้อบังคับ. หากไม่อนุญาตให้น้องปั๊กปีนป่ายเฟอร์นิเจอร์ จงทำให้แน่ใจว่าสมาชิกครอบครัวทุกคนใช้ข้อบังคับนี้ในทุกสถานการณ์ แม้แต่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะหากปั๊กได้รับคำสั่งที่ไม่สอดคล้องกัน มันจะเลือกคำสั่งเวอร์ชั่นที่มันชอบมากกว่า และความไม่ลงรอยกันจะทำให้ฝึกมันได้ยากยิ่งขึ้น
  3. น้องปั๊กขึ้นชื่อว่าต้องใช้เวลาฝึกเพื่อไม่ให้ขับถ่ายในบ้านมากกว่าสุนัขสายพันธุ์ใดๆ การฝึกให้มันนอนในกรง ( Crate training ) และการเสริมแรงทางบวก (Positive reinforcement) อาจช่วยให้ฝึกน้องปั๊กขับถ่ายเป็นที่เป็นทางได้เร็วมากขึ้นเล็กน้อย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ให้การดูแลขั้นพื้นฐานแก่น้องปั๊ก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพราะมีปัญหาเรื่องการหายใจ ปั๊กจึงจะทำได้ดีกว่าหากเป็นการเดินไกลด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ จะได้ไม่มีปัญหาเหนื่อยหอบมากเกินไป ปั๊กไม่ได้ถูกสร้างมาสำหรับการออกกำลังกายอย่างบ้าพลังซึ่งยืดเยื้อกว่าปกติ เช่น การร่วมวิ่งไล่ล่าอย่างยืดเยื้อกับสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ ในพื้นที่ซึ่งพวกมันไม่อาจจะหยุดวิ่งและได้พักหายใจ [5]
    • ที่ว่ามานี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่สมควรจะเล่นโยนลูกบอลกับน้องปั๊ก หรือเล่นขว้างของให้มันไปคาบกลับมา แต่จงระแวดระวังและหากมันหายใจลำบาก จงหยุดพักระหว่างการขว้างแต่ละครั้งเพื่อให้เวลามันได้หยุดหายใจ
    • น้องปั๊กเป็นสุนัขผู้สนใจสิ่งแวดล้อม จึงจำเป็นต้องออกไปเล่นนอกบ้าน ดังนั้น พวกมันอาจจะสอดรู้สอดเห็น และคอยมองดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเกิดขึ้นกับใคร
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Pippa Elliott, MRCVS

    สัตวแพทย์ ราชวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์
    ดร.เอลเลียตเป็นสัตวแพทย์ที่มีประสบการณ์กว่าสามสิบปี เธอสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ในปี 1987 และทำงานเป็นศัลยสัตวแพทย์นาน 7 ปี หลังจากนั้น ดร.เอลเลียตทำงานเป็นสัตวแพทย์ในคลินิกสัตว์มานานนับสิบปี
    Pippa Elliott, MRCVS
    สัตวแพทย์ ราชวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์

    ปิ๊ปปา เอลเลียต สัตวแพทย์ที่มีใบอนุญาตแนะนำว่า: "น้องปั๊กอาจรับมือกับอากาศร้อนได้ยาก ใบหน้าแบนที่ดูน่ารักของมันหมายถึงน้องปั๊กต้องหอบเพื่อจะหายใจได้ พออากาศร้อนพวกมันจะพบว่าตัวเองระบายความร้อนได้ยากและจะเป็นลมจากความร้อนได้ง่าย"

  2. จงปล่อยให้ปั๊กไล่ตามคุณไปรอบๆ บ้าน ขณะที่คุณวิ่งหลบหลีกผ่านเฟอร์นิเจอร์และมุมต่างๆ ของห้อง จงหยุดวิ่งในทันทีแล้วหันกลับมาเป็นฝ่ายวิ่งไล่น้องปั๊กไปรอบๆ แบบเดียวกับที่มันไล่ตามคุณก่อนหน้านี้ การเล่นเกมเก่าๆ ดีๆ เช่น วิ่งไล่จับจะไม่ทำให้น้องปั๊กผิดหวัง
    • นัดหมายให้ปั๊กได้ออกไปเล่นกับสุนัขของคนอื่นบ่อยๆ เพื่อให้มันได้เล่นซุกซนกับสุนัขตัวอื่นๆ พวกมันอาจลืมไปแล้วว่ามีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นอกจากคุณอยู่ที่ข้างนอกนั่น จึงจำเป็นต้องสอนมากเป็นพิเศษให้รู้จักเข้าสมาคม
  3. ปั๊กถูกเลี้ยงมาให้เป็นเพื่อนเล่น ซึ่งหมายความเช่นกันว่าพวกมันชอบให้มีคนอื่นอยู่ด้วย และจะต้องการใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคุณ พวกมันอาจเกาะติดและตามคุณไปทั่วราวกับเป็นเงาติดตามตัว ดังนั้น จงเตรียมพร้อมสำหรับความใส่ใจในลักษณะนี้ด้วย
    • หากคุณมีลูกสุนัขพันธุ์ปั๊กสักตัวหนึ่ง คุณอาจต้องการฝึกให้มันนอนในกรง เพื่อมีพื้นที่ส่วนตัวซึ่งมันจะได้ใช้เวลาบางส่วนอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข จงออกไปใช้เวลาของคุณในห้องอื่น บ้าง เพื่อปั๊กจะได้ยอมรับตั้งแต่ยังเด็กว่าไม่อาจมองเห็นคุณได้ตลอดเวลา [6]
  4. พาปั๊กไปหาสัตว์แพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ. การพาปั๊กไปหาสัตว์แพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเป็นประจำ สามารถช่วยรับประกันว่ามันจะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุข จงทำให้แน่ใจว่าได้ขึ้นทะเบียนปั๊กไว้กับสัตว์แพทย์สักคนหนึ่ง และตรวจสุขภาพของมันเป็นประจำเพื่อช่วยให้มีสุขภาพดี มีแต่สัตว์แพทย์ที่จะทำให้แน่ใจได้ว่ามันได้รับมาตรการป้องกันต่างๆ เช่น การฉีดวัคซีนและการควบคุมการติดเชื้อปรสิต
    • ปั๊กเป็นเป้าหมายยอดนิยมของโจรขโมยสุนัขเช่นกัน ดังนั้นจงพิจารณาเรื่องฝังไมโครชิปในปั๊กของคุณ เพื่อเป็นวิธีถาวรในการแสดงตน และเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
    • คุณอาจต้องการพิจารณาเรื่องซื้อประกันสุขภาพสัตว์สำหรับน้องปั๊ก การซื้อประกันสุขภาพสัตว์เป็นความคิดที่ดีสำหรับปั๊ก เพราะพวกมันทนทุกข์จากปัญหาด้านการหายใจ จึงอาจต้องการการปรับเสถียร (Stabilization) หรือถึงขั้นผ่าตัดฉุกเฉิน [7]
  5. ปั๊กมีขนสั้นแต่ยังจำเป็นต้องสางขนเป็นประจำ เพื่อขจัดขนที่หลุดร่วง เป็นที่รู้กันว่าปั๊กมีขนร่วงเยอะ ดังนั้น คุณจะจำเป็นต้องแปรงขนปั๊กทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้ขนร่วงอยู่บนพื้นและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของคุณ จงลงทุนซื้อแปรงดีๆ และทำให้การแปรงขนปั๊กเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของคุณ เพื่อช่วยให้ควบคุมการสลัดขนของมันได้ [8]
    • ลงทุนซื้อลูกกลิ้งอเนกประสงค์หรือเครื่องดูดฝุ่นดีๆ เฟอร์นิเจอร์หนังเทียมหรือหนังแท้ พื้นไม้เนื้อแข็งหรือเสื่อน้ำมัน เสื้อผ้าสุนัขสีอ่อนหรือสีเข้ม (ขึ้นอยู่กับสีขนสุนัขของคุณ) ตะแกรงท่อน้ำทิ้งของอ่างอาบน้ำซึ่งมีขนาดพอเหมาะกับท่อน้ำทิ้ง และแปรงดีๆ สำหรับสุนัข
  6. คอยดูแลให้สัตว์เลี้ยงของคุณสะอาดทุกซอกทุกมุม. คุณรู้วิธีทำความสะอาดตามรอยพับรอยย่นของลูกสุนัขด้วยผ้านุ่มๆ กับไม้พันสำลีใช่ไหม? เมื่อรู้จักรอยพับรอยย่นต่างๆ ของน้องปั๊กแล้ว คุณจะต้องทำความสะอาดรอยพับรอยย่นเหล่านั้นบ่อยๆ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

รับมือกับปัญหาระบบทางเดินหายใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จงตระหนักว่าปั๊กมีแนวโน้มจะมีปัญหาเรื่องการหายใจ. ปั๊กมีแนวโน้มมากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่นที่จะมีอุปสรรคเรื่องการหายใจ เพราะมีหลอดลมแคบกว่าสุนัขส่วนใหญ่ พวกมันยังมีโพรงจมูกแคบกับมีเพดานปากยาวและนุ่ม ซึ่งกินพื้นที่จำนวนมากบริเวณด้านหลังของลำคออีกด้วย อันที่จริง การที่น้องปั๊กกรนและหายใจเสียงดัง เป็นเพราะปริมาณของเนื้อเยื่ออ่อนที่ด้านหลังของลำคอ เนื้อเยื่อนี้จะสั่นเมื่อไรก็ตามที่ปั๊กหายใจ [9]
    • หากเสียงกรนของน้องปั๊กทำให้คุณรำคาญ จนพิจารณาเรื่องสวมที่อุดหูกันเสียงในตอนกลางคืน เพื่อคุณจะไม่ได้ยินเสียงมันกรน หรือฝึกให้ปั๊กนอนในกรงของมัน
  2. เรียนรู้ที่จะสังเกตเห็นสัญญาณของปัญหาด้านการหายใจ. การออกกำลังกายเบาๆ ทำให้ปั๊กจำนวนมากหายใจแรงๆ อย่างหนัก เพื่อตอบสนองความต้องการออกซิเจนของร่างกาย จงตระหนักว่าหากคุณยังยืนกรานให้ปั๊กออกกำลังกายต่อไป หลังจากที่มันแสดงสัญญาณด้วยการหายใจเร็วๆ และสั้น มันอาจจะล้มป่วยได้ สำหรับเวลาส่วนใหญ่นั้น คุณไม่จำเป็นต้องวิตกที่ปั๊กหายใจเสียงดัง อย่างไรก็ตาม คุณสมควรเรียนรู้ที่จะจดจำสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ในกรณีที่ปั๊กมีปัญหา สัญญาณเหล่านี้รวมทั้ง: [10]
    • หายใจเสียงดังพร้อมกับแสดงสีหน้าตื่นตระหนก
    • เหงือกหรือลิ้นเป็นสีน้ำเงิน
    • น้ำลายเหนียวข้น
    • ไม่เต็มใจจะขยับตัว
    • มีความเคลื่อนไหวมากผิดปกติแถวอกกับหน้าท้อง
    • กระสับกระส่ายราวกับว่าไม่สามารถที่จะสุขสบายใจได้
    • ล้มป่วย
  3. รีบช่วยเหลือในทันทีหากปั๊กแสดงสัญญาณว่าระบบทางเดินหายใจมีปัญหา. จงทำให้แน่ใจว่าปั๊กรู้สึกเย็นและหยุดกิจกรรมทั้งหมด หากอาการไม่ดีขึ้นภายในสี่ถึงห้านาที ให้ติดต่อสัตว์แพทย์โดยแจ้งว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน
    • จงสงบใจเพราะสุนัขจะจับความรู้สึกตื่นตระหนกของคุณได้ และทำให้มันตื่นตระหนกไปด้วย
    • หากปั๊กมีปัญหายุ่งยากเรื่องการหายใจเป็นประจำ จงพิจารณาที่จะหารือกับสัตว์แพทย์เรื่องการผ่าตัดแก้ไข มีการผ่าตัดที่ช่วยขลิบเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ด้านหลังของลำคอ รวมทั้งการผ่าตัดขยายโพรงจมูกเพื่อให้น้องปั๊กหายใจเข้าได้ง่ายมากขึ้น
  4. สุนัขไม่มีเหงื่อออก มันจึงระบายความร้อนด้วยการหอบหายใจ เวลาอยู่ในอากาศร้อน ปั๊กจะมีอันตรายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะพวกมันอาจหายใจอย่างยากลำบาก แม้แต่ในตอนที่ทุกสิ่งกำลังไปได้ดี หลังจากนั้น จะมีความจำเป็นมากเป็นพิเศษที่จะทำให้รู้สึกร้อนน้อยลง ซึ่งพวกมันไม่สามารถทำได้ แถมปั๊กยังไวที่จะเป็นลมแดดอีกด้วย [11]
    • เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ห้ามไม่ให้ปั๊กออกกำลังกายในวันที่มีอากาศร้อน จงทำให้แน่ใจว่ามันอยู่ในที่ร่มหรืออยู่ในห้องที่เย็น
    • หากปั๊กเริ่มหายใจหอบเกินปกติ จงทำให้ขนของมันเปียกน้ำเพื่อช่วยให้รู้สึกเย็น และทำให้ลิ้นของมันชุ่มชื้นเพื่อช่วยให้ยังคงรู้สึกสุขกายสบายใจเพราะน้ำแห้งเร็วมาก
    • จับมันนั่งหน้าพัดลมซึ่งอยู่บนที่ตั้งเตี้ยๆ จงทำให้แน่ใจเช่นกันว่าได้จัดหาน้ำไว้ให้น้องปั๊กกินได้ตลอดเวลา
  5. มีความสำคัญที่จะคอยดูแลให้ปั๊กมีน้ำหนักที่สมควรเป็น (Lean weight) เพราะปัญหาเรื่องการหายใจเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดู ปั๊กที่แบกน้ำหนักมากจะทำให้ร่างกายต้องการออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ไขมันในร่างกายซึ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติจะกดทับปอดทั้งสองข้าง ทางเดินหายใจ และลำคอ ซึ่งยิ่งเพิ่มปัญหาในการหายใจเอาอากาศเข้าไป [12]
    • ปรึกษาสัตว์แพทย์หากคุณคิดว่าปั๊กน้ำหนักมากเกินไป เพื่อขอคำแนะนำเรื่องแผนการให้อาหารแก่มัน เพื่อการลดน้ำหนักแบบดีต่อสุขภาพสำหรับน้องปั๊ก
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

พิจารณาความจำเป็นพิเศษต่างๆ ของน้องปั๊ก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จงจัดหาบันไดชนิดพิเศษเพื่อช่วยให้น้องปั๊กขึ้นและลงจากที่สูงได้. จงซื้อบันไดสำหรับสุนัขหรือคิดให้ออกว่าจะใช้วิธีใด เพื่อให้ปั๊กขึ้นไปบนเตียงของคุณหรือบนเฟอร์นิเจอร์สูงๆ ได้ง่ายๆ บันไดยังจะช่วยให้คุณประหยัดเงินจำนวนมาก สำหรับใบเสร็จค่ารักษาของสัตว์แพทย์ในภายหลังด้วย เพราะการกระโดดขึ้นลงบ่อยครั้งเกินไปจะทำให้ข้อต่อกับสะโพกของปั๊กอ่อนแอลง [13]
  2. จงใส่สายจูงเวลาที่มันอยู่ใกล้ๆ กับพิตบูล ร็อตไวน์เลอร์ วัว ม้า ควาย สุนัขป่า หรือหมีกริซลี่ สุนัขสายพันธุ์นี้ไม่เคยตระหนักเลยจริงๆ เรื่องขนาดน้ำหนักของตัวเอง ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกมันจะต้องการปกป้องคุณ.
  3. จงลงทุนซื้อของเล่นชนิดบีบแล้วมีเสียงกับแท่งเคี้ยว (Chew sticks) จำนวนมาก. คุณจะต้องการสับเปลี่ยนของเล่น ที่นำเข้ามาในช่วงหยุดพัก ในฐานะของเล่น"ใหม่"เพื่อดึงดูดความสนใจของสุนัข คุณสมควรดูแลและทำให้แน่ใจว่ามันไม่ได้เคี้ยวของเล่น และกลืนกินชิ้นส่วนเล็กๆ ลงไป
  4. จงเปิดอ้อมแขนรับความรักจากปั๊กและแสดงความรักตอบด้วย. จงปล่อยให้น้องปั๊กเลียคุณไม่ว่าเมื่อไรก็ตามที่มันต้องการ เพราะเป็นหนึ่งในสองถึงสามวิธีที่พวกมันรู้ว่าจะใช้แสดงออกอย่างไรว่ารักคุณเสียเหลือเกิน น้องปั๊กรักคุณมากกว่าที่คุณจะจินตนาการได้
    • พูดคุยกับปั๊กอย่างอ่อนโยนและกระซิบกระซาบด้วยบ่อยๆ มันจะรักคุณกลับมากเป็นเท่าทวี
    • ปั๊กเป็นสุนัขที่ตลกมากและจะทำให้คุณยิ้มได้ในยามอารมณ์ไม่ดี อันที่จริง วิธีดีที่สุดที่จะใช้ชีวิตอยู่กับน้องหมาปั๊ก คือรักมันให้หมดหัวใจ ปั๊กของคุณรักคุณ จงรักมันตอบ
    • น้องปั๊กชอบให้เกาหลังหูเสมอ และแน่นอนว่าชอบให้เกาพุงด้วย
    โฆษณา

คำเตือน

  • การมีสัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายสูง. จงทำให้แน่ใจว่าคุณมีเงินสำหรับใช้จัดหาทุกสิ่งที่ต้องการให้กับน้องปั๊ก เพื่อให้มันมีสุขภาพดีและมีความสุข ซึ่งก็คือ อาหาร ที่นอน การเสริมสวย การดูแลโดยสัตว์แพทย์ และของเล่น
  • การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นความรับผิดชอบระยะยาว อย่าเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไม่ว่าชนิดใด นอกเสียจากว่า คุณจะได้เตรียมพร้อมจะดูแลมันไปจนตลอดชีวิต ซึ่งอาจนานเท่าไรก็ได้ระหว่าง 10-20 ปี
โฆษณา
  1. Fossum, T, (2007), Small Animal Surgery , ISBN 978-0323044394
  2. Small Animal Surgery. Fossum. Mosby.
  3. Fossum, T, (2007), Small Animal Surgery , ISBN 978-0323044394
  4. http://www.petmd.com/dog/conditions/neurological/c_dg_intervertebral_disc_disease?page=2

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 24,049 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา