PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ฟังก์ชั่น Footnote คือการเพิ่มเติมแหล่งข้อมูลอ้างอิง หรือคำอธิบายประกอบเนื้อหาในเอกสาร โดยไม่ต้องแนบแยกออกมา คุณจัดการ footnote ในเอกสาร Word ได้ง่ายๆ เพราะ footnote ใหม่จะมีหมายเลขกำกับโดยอัตโนมัติ แถมพื้นที่ footnote ยังย่อ-ขยายอัตโนมัติตามความสั้น-ยาวของเนื้อหาด้วย เอกสารคุณจะดูโปรขึ้นอีกเยอะ ถ้ารู้จักใส่ footnote อธิบายเนื้อหาและแหล่งข้อมูลอ้างอิงให้ถูกที่ถูกทาง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

Word 2007/2010/2013/2016 (Windows)

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่ด้านบนของหน้าต่าง ปกติจะอยู่ตรงกลางระหว่าง "Page Layout" กับ "Mailings" คุณใช้ tab นี้ใส่ข้อมูลอ้างอิงแบบต่างๆ ได้ เช่น สารบัญ footnote และ endnotes รวมถึงเชิงอรรถ และอื่นๆ
  2. ตามค่า default footnote จะมีเลขตัวยก (superscript) กำกับไว้ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวน footnote ให้คุณคลิกเคอร์เซอร์ตรงจุดที่อยากให้เลขปรากฏ
  3. ในส่วนของ "Footnotes" ใน tab "References" หมายเลข footnote จะโผล่ขึ้นมา พร้อมแถบแยกออกมาที่ท้ายหน้า เคอร์เซอร์คุณจะไปโผล่ที่ footnote ท้ายหน้าโดยอัตโนมัติ คุณก็พิมพ์ไปตามสะดวก
    • endnote ก็เหมือน footnote แต่ต่างกันตรงที่ข้อมูลอ้างอิงจะไปโผล่ท้ายเอกสารแทน ตามค่า default endnote จะกำกับด้วยเลขโรมัน (i, ii, iii เป็นต้น)
    • หรือจะกดปุ่มลัด Ctrl + Alt + F เวลาใส่ footnote และ Ctrl + Alt + D เวลาใส่ endnote ก็สะดวกดี
  4. ตามค่า default เลขกำกับ footnote จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดความยาวเอกสาร แต่คุณตั้งค่ารีเซ็ตเลขทุกครั้งที่ขึ้นหน้าใหม่ หรือทุกครั้งที่ขึ้น section ใหม่ (section breaks) ก็ได้ [1]
    • คลิกปุ่ม Menu ที่มุมขวาล่างของส่วน "Footnotes" เพื่อเปิดหน้าต่าง "Footnote and Endnote" ตอนอยู่ในส่วน "Format" ให้ขยายเมนู "Numbering" แล้วเลือกว่าจะเริ่มเลข footnote ใหม่เมื่อไหร่
    • คุณใส่ section breaks ในเอกสารได้ โดยคลิก tab "Page Layout" จากนั้นคลิกปุ่ม "Breaks" ในส่วน "Page Setup" แล้วเลือกประเภทของ break ที่จะใส่ นอกจากใช้เปลี่ยนวิธีเรียงเลข footnote แล้ว section breaks ยังใช้เปลี่ยน layout ของเนื้อหาบางส่วนในเอกสารได้ด้วย
  5. ถ้าคุณอยากได้สัญลักษณ์แทนเลขกำกับ อยากให้ footnotes อยู่ใต้ข้อความแทนท้ายหน้า หรืออยากกำหนดเลขกำกับเอง ก็ไปเปลี่ยนในหน้าต่าง "Footnote and Endnote" ได้ ให้คลิกปุ่ม Menu ที่มุมขวาล่างของส่วน "Footnotes" ได้เลย
    • คลิก Symbol... เพื่อเลือกสัญลักษณ์จากในเมนู Symbol จะเลือกสัญลักษณ์ไหนในฟอนต์ไหนก็ได้ แต่ตามค่า default ฟอนต์ "Symbols" จะเปิดขึ้นมาก่อน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

Word 2011 (Mac)

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คลิก View แล้วเลือก Print Layout
  2. footnote จะโผล่มาตรงจุดที่คุณคลิกเคอร์เซอร์ เพราะงั้นให้คลิกที่ท้ายข้อความที่คุณอยากใส่ footnote เพิ่มเติมข้อมูล
  3. คลิก tab "Document Elements" แล้วคลิกปุ่ม "Footnote" ในส่วน "Citations" footnote จะโผล่มาตรงจุดที่มีเคอร์เซอร์ จากนั้นคุณจะไปที่ส่วนพิมพ์เนื้อหา footnote ข้อความใน footnote ที่ว่าจะอยู่ด้านล่างในหน้าเดียวกับที่มีเลข footnote โดยมีเส้นแบ่งไว้
    • หรือจะกด Command + Option + F เพื่อใส่ footnote และ Command + Option + E เพื่อใส่ endnote ก็ได้ [2]
  4. ถ้าคุณอยากได้สัญลักษณ์แทนเลขกำกับ อยากให้ footnotes อยู่ใต้ข้อความแทนท้ายหน้า หรืออยากกำหนดเลขกำกับเอง ก็ไปเปลี่ยนในหน้าต่าง "Footnote and Endnote" ได้ โดยคลิก Insert แล้วเลือก Footnote
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

Word 2003 (Windows) หรือ Word 2004/2008 (Mac)

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คลิก View แล้วเลือก Print Layout
  2. footnote จะโผล่มาตรงจุดที่คุณคลิกเคอร์เซอร์ เพราะงั้นให้คลิกที่ท้ายข้อความที่คุณอยากใส่ footnote เพิ่มเติมข้อมูล
  3. คลิก Insert Reference Footnote... เพื่อเปิดหน้าต่าง "Footnote and Endnote" แล้วเลือก "Footnote" จากนั้นเลือกวิธีเรียงเลขกำกับ คุณกำหนดให้ Word เรียงเลข footnote อัตโนมัติ หรือจะใช้สัญลักษณ์แทนก็ได้
    • ถ้าใช้ Word 2004/2008 ให้คลิก Insert Footnote... [3]
    • ถ้าใช้ Windows จะกด Ctrl + Alt + F เพื่อใส่ footnote และ Ctrl + Alt + D เพื่อใส่ endnote แทนก็ได้ ส่วนใครใช้ Mac ให้กด Command + Option + F เวลาจะใส่ footnote และ Command + Option + E เวลาจะใส่ endnote
  4. footnote จะโผล่ขึ้นมา แล้วคุณจะไปโผล่ตรงส่วนพิมพ์ข้อความที่ท้ายหน้า คุณก็พิมพ์เนื้อหาใน footnote ไปตามต้องการ เสร็จแล้วกลับมาคลิกที่เนื้อหาของเอกสารได้เลย
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 47,742 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา