ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แม้ว่าทุกคนจะฝันถึงภาพการมีชีวิตอิสระ ในแบบพระเอกที่ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนกินลมอย่างสบายใจ โดยไม่แยแสต่อคำเตือนใดๆ จากใคร แต่ในความเป็นจริง อิสรภาพที่ขาดความรับผิดชอบ มักนำไปสู่จุดจบเยี่ยงเจมส์ ดีน (ผู้เป็นต้นกำเนิดภาพลักษณ์ดังกล่าว และประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเสียชีวิต) ทั้งนี้ การใช้ชีวิตอย่างรู้จักรับผิดชอบ จะช่วยให้ชีวิตเรามีความหมาย กลายมาเป็นคุณลักษณะของตัวเอง ซึ่งจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ และยังทำให้เกิดความก้าวหน้าในอาชีพการงานได้อีกด้วย คุณยังจำปลาทองตัวนั้นได้มั้ย? ที่คุณอยากเลี้ยงนักหนา แต่เพียงสัปดาห์ถัดมา กลับปล่อยให้มันหงายท้องลอยตุ๊บป่อง เพียงเพราะลืมให้อาหารมัน อย่าปล่อยให้เรื่องทำนองนั้นเกิดขึ้นกับคุณอีก มานั่งอ่านบทความนี้เพื่อป้องกันเอาไว้ดีกว่า

  1. จงตระหนักว่า ความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่คุณต้องแลกมา. มันไม่ใช่สิทธิพิเศษสำหรับคุณคนเดียว หากมีใครไม่เต็มใจจะมอบหมายความรับผิดชอบให้คุณ มันอาจเป็นเพราะว่า ที่ผ่านมาคุณแสดงความเหลวไหลในการรับผิดชอบสิ่งที่ตนทำอยู่ คุณอาจจะคิดว่า “ก็เรื่องพวกนั้นมันน่าเบื่อ/ ไร้สาระ/ ดูปัญญาอ่อน ฯลฯ แต่ถ้าคุณมอบหมายอย่างอื่นที่ท้าทายกว่า ผมจะจริงจังกับมันกว่านี้” แต่ท่าทีเช่นนี้ มักเป็นท่าทีของพวกที่ขาดความรับผิดชอบ พวกเขาจะทำเฉพาะในเรื่องสนุกๆ ท้าทาย แปลกใหม่ ซึ่งเมื่อความรู้สึกเหล่านั้นจางไป พวกเขาก็เริ่มหมดความใส่ใจ
  2. ไม่ว่าจะในที่ทำงาน สถานศึกษา หรือโครงการพิเศษใดๆ คุณย่อมต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า คุณจัดการเรื่องที่เล็กกว่าได้ ก่อนที่คนอื่นจะยอมมอบหมายงานที่ใหญ่กว่าให้คุณ
  3. ในบางสถานการณ์ย่อมมีปัจจัยบางอย่างที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งคนที่ขาดความรับผิดชอบมักใช้เป็นข้ออ้างให้กับตัวเอง และกล่าวโทษเวลาเกิดปัญหา เมื่อใดก็ตามที่คุณแก้ตัว มันก็เหมือนการพูดว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมนะ เพราะ…” ซึ่งความหมายของมันจริงๆ ก็คือ “ผมไม่มีส่วนรับผิดชอบ” จงหมั่นสังเกตลักษณะการคิดและการพูดของตัวเองเอาไว้: คุณเห็นรึเปล่าว่าตัวเองกำลังแก้ตัว การแก้ตัวอาจแสดงออกได้หลายรูปแบบ แต่ที่มักได้ยินกันคือ “ผมก็กะจะทำ/ไม่ทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่…”
    • ครั้งต่อไปที่คุณรู้ทันว่าตนเองกำลังแก้ตัว พยายามเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ จงยอมรับว่า ทำไม คุณทำเรื่องดังกล่าวไม่สำเร็จ คุณเหนื่อย หรือขี้เกียจ หรือแค่รู้สึกอยากทำอย่างอื่นที่สนุกมากกว่า ไม่เป็นไรหรอก แค่ยอมรับมา ที่จริงแล้ว การจะพัฒนาตนเองต่อไปได้นั้น คุณควรที่จะยอมรับเหตุผลในการขาดความรับผิดชอบเสียก่อน
  4. การรู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาด นับเป็นการมีความรับผิดชอบสองชั้นอันน่านับถือ เพราะไม่เพียงแต่คุณจะสามารถพลิกฟื้นเวลาที่อาจเสียไปโดยไร้ประโยชน์ให้กับวิกฤติที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนให้มันกลายเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าหรือโอกาส แต่มันยังช่วยให้คุณประหยัดเวลาในอนาคตได้ จากการหลีกเลี่ยงที่จะทำผิดพลาดซ้ำสองในเรื่องเดิมอีกด้วย องค์ประกอบหลักอย่างหนึ่งของการแสดงให้เห็นว่าคุณยอมรับผิดได้แล้ว คือการพูดว่า “ผมทำมันพลาดเอง แต่จะไม่ทำมันอีก”
    • ครั้งต่อไปที่คุณอยู่ในสถานการณ์เดิมอีก พยายามเตือนตัวเองถึงความผิดพลาดในอดีต และอย่าปล่อยให้ตัวเองทำผิดพลาดซ้ำสองอีก
  5. อีกวิธีหนึ่งในการหัดรับผิดชอบ คือ ต้องเลิกกล่าวโทษคนอื่นรอบๆ ตัวเสียที พยายามย้ำกับตัวเองว่า คุณสอบตกวิชาเลขเพราะไม่ยอมอ่านหนังสือติวก่อนสอบ แทนที่จะไปกล่าวโทษว่าคุณครูเกลียดคุณ คุณนอกใจแฟนคุณเพราะคุณเลือกที่จะทำอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจคุณมากพอหรอก คุณไปทำงานสายเพราะคุณไม่ยอมออกจากบ้านให้เร็วขึ้น ไม่ใช่เพราะสภาพการจราจรเสียทีเดียวหรอก แน่นอนว่า ชีวิตมันไม่ยุติธรรมหรอก และบางคนก็อาจมีสถานการณ์ชีวิตลำบากกว่าคนอื่นๆ คุณอาจจะกล่าวโทษผู้ปกครองของคุณว่า เป็นต้นเหตุให้คุณเลือกเดินทางที่ผิดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งนั้น คุณจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองได้เลย หากคุณไม่เริ่มรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง และพยายามปรับเปลี่ยนมันเสียใหม่
  6. การบ่น เป็นอีกนิสัยที่ไร้ประโยชน์อย่างหนึ่ง ของคนที่ขาดความรับผิดชอบ หากคุณไม่ทำอะไรเลย นอกจากบ่นต่อว่าหัวหน้าของคุณ สภาพดินฟ้าอากาศ หรือบ่นถึงราคาที่แพงเว่อร์ของกาแฟสตาร์บัค คุณก็จะไม่สามารถก้าวหน้าในชีวิตได้เท่าที่ควร การบ่นก็เป็นแค่อีกช่องทางหนึ่งในการกล่าวโทษโลกใบนี้ โดยที่ไม่ยอมเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตนเองพอจะเปลี่ยนได้ คุณอาจจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนราคาอันแพงเว่อร์ของกาแฟสตาร์บัคได้ แต่คุณสามารถหาเครื่องชงกาแฟมาชงกินเอง หรือไปซื้อจากร้านริมทางทั่วไปทุกเช้า ซึ่งประหยัดกว่ากันเห็นๆ
    • เวลาที่คุณรู้ทันว่า ตนเองกำลังจะปริปากบ่นอีกแล้ว พยายามหยุดก่อน และเปลี่ยนเป็นคำพูดในเชิงบวกแทน คุณจะประหลาดใจว่า เทคนิคนี้สามารถเปลี่ยนมุมมองคุณไปได้มากแค่ไหน
  7. โลกใบนี้ไม่ได้มีเรื่องกับคุณเป็นการส่วนตัว หากคุณต้องการฝึกมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ก็จงเลิกที่จะคิดว่าคนอื่นจ้องทำลายคุณให้ดูเลวร้าย หรือประสบความล้มเหลว ตำรวจไม่ได้แจกใบสั่งขับเกินความเร็วให้คุณ เพียงเพราะพวกเขาต้องการลงโทษคุณคนเดียวหรอก พวกเขาทำไปเพราะต้องทำตามกฎหมายและคุณก็ละเมิดกฎหมายเอง ส่วนเจ้านายคุณก็ไม่ได้กดเงินเดือนคุณเพียงเพราะอยากเห็นคุณล้มเหลวหรอก พวกเขาอาจจะดูตามผลการทำงานและเห็นว่ามันยังไม่ถึงเกณฑ์ หรืออาจเป็นเพราะบริษัทยังไม่งบประมาณเพียงพอก็ได้
  8. หากคุณรู้สึกได้แล้วว่า มันสำคัญที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำทุกอย่างของตนเองล่ะก็ การตระหนักว่ามีบางปัจจัยในชีวิตที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กันเลย คุณไม่สามารถรับผิดชอบในการที่เพื่อนคุณถูกพิษสุราเรื้อรังเล่นงานได้ คุณไม่สามารถรับผิดชอบต่อการล้มละลายของบริษัทที่คุณทำงานได้ นอกเสียจากว่ามันจะเป็นความผิดโดยตรงของคุณคนเดียวเท่นั้น คุณไม่สามารถไปรับผิดแทนเพื่อนร่วมหอพักที่ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าให้ตรงเวลาเอง พยายามโฟกัสไปเฉพาะที่เรื่องที่คุณควบคุมได้ ไม่จำเป็นต้องพยามแก้ไขทุกสิ่งบนโลกใบนี้หรอก คุณจะปวดหัวเอาเปล่าๆ
    โฆษณา
ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

พัฒนาทักษะการรับผิดชอบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณต้องการจะมีความรับผิดชอบต่อตนเอง คุณก็จำเป็นต้องฝึกความมีระเบียบวินัยในตนเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณต้องมีจริยธรรมในการทำงานระดับเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่า หรือมีระเบียบปฏิบัติประจำวันแบบทหารในกองทัพหรอก คุณแค่ต้องตระหนักว่าตนเองต้องทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร โดยไม่เห็นแก่ความสนุกส่วนตัว จนทำให้งานหรือหน้าที่รับผิดชอบถูกปล่อยปะละเลยไป ส่วนหนึ่งของระเบียบวินัย คือ การตั้งเป้าหมายและทำให้สำเร็จ โดยไม่ออกนอกลู่นอกทางเสียก่อน ลองทำลิสต์รายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันออกมาดู และพยายามกำจัดลิสต์ดังกล่าวออกไปทีละข้อให้ได้มากที่สุด
    • ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำงานสำคัญหรือยากสำเร็จ โดยการออกไปเล่นหรือผ่อนคลายข้างนอกบ้าง อย่าละทิ้งความสนุกสนานในตัวเองเพียงเพราะจะฝึกระเบียบวินัย
  2. ย้ำเตือนตนเองถึงผลลัพธ์ที่คาดหวัง เพื่อสร้างแรงจูงใจเสมอ. การอ่านหนังสือสอบวิชาชีววิทยา อาจจะน่าเบื่อ แต่ลองนึกดูสิว่า มันจะรู้สึกมหัศจรรย์เพียงใดเมื่อคุณได้เกรดเอ และมันจะคุ้มค่าแค่ไหน หากเกรดเอดังกล่าว ยังส่งผลให้คุณได้สอบเข้าเรียนคณะแพทย์ได้อีกด้วย
  3. หากคุณต้องการเป็นคนรับผิดชอบต่อตนเองโดยสมบูรณ์ คุณก็จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีรับมือความท้าทายในชีวิตเอาไว้บ้าง ไม่ใช่แค่เอาชนะการสอบไล่ให้ได้หรอกนะ แต่คุณต้องรู้ว่าจะวางตัวอย่างไรเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ในชีวิตขึ้นมาฉุกเฉิน คุณต้องรู้จักรับผิดชอบเมื่อได้ยินข่าวร้าย สงบจิตใจให้เป็น และคอยเป็นกำลังใจให้คนรอบข้างที่อาจต้องการคุณด้วย แต่หากไม่ใช่สถานการณ์ลักษณะดังกล่าว หรือเป็นเพียงสถานการณ์เครียดๆ อย่างเช่นการทำโปรเจ็คท์งานไม่สำเร็จ คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะตั้งสติ และรวบรวมกำลังใจในการเดินหน้าต่อไป
    • การเรียนรู้รับมือกับปัญหาในชีวิตให้ได้ดีนั้น ต้องหมั่นฝึกฝน คุณคงไม่สามารถรับมือสถานการณ์ใดๆ ได้ดี ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอมัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มพัฒนาและเรียนรู้ที่จะสงบสติอารมณ์ และคิดอย่างมีเหตุผลได้ในทุกสถานการณ์
  4. ความสามารถในการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ก็เป็นอีกหนึ่งทักษะของผู้ที่มีความรับผิดชอบ หากคุณต้องการรับผิดชอบตนเองได้โดยสมบูรณ์ คุณก็ต้องสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างในชีวิตให้ได้ ทั้งนี้ ความรับผิดชอบย่อมหมายถึง เลี้ยงลูกให้ดี ทำงานให้สำเร็จ และไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ รวมถึงค่าอื่นๆ ให้เรียบร้อยในวันเดียวกัน แม้ว่าคุณจะไม่สามารถทำทุกอย่างให้เสร็จลงพร้อมกันได้ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิละทิ้งหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งไปโดยสิ้นเชิง เพียงเพื่อที่จะทำอีกหน้าที่หนึ่งให้สำเร็จ
    • การจะทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กันได้นั้น คุณต้องมีหลักในการจัดลำดับความสำคัญให้ดี จำไว้ว่า โดยทั่วไปแล้ว การไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟย่อมสำคัญกว่าการไปตัดแต่งทรงผม ในเวลาที่นัดช่างเสริมสวยเอาไว้
  5. คุณไม่ควรเอาตัวเองไปผูกมัดกับเรื่องทุกเรื่องหรอก แต่คุณก็ต้องไม่กลัวการผูกมัดถึงขนาดที่ไม่ยอมไปเรียนโยคะตามเวลาที่ลงเรียนเอาไว้เพียงแค่เดือนละครั้ง เพียงเพราะรู้สึกว่ามันหนักหนาเกินไปสำหรับคุณ การเรียนรู้ที่จะผูกมัดตนเองกับบางเรื่องที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการทำรายงานส่งอาจารย์ที่โรงเรียน หรือผูกมัดตนเองในความสัมพันธ์ครั้งใหม่ จะช่วยให้คุณรู้จักใส่ใจบางสิ่งภายนอกตัวคุณบ้าง และยังเป็นการฝึกสร้างนิสัยและกิจวัตรประจำวันที่ดีเพื่องานนั้นๆ ด้วย
    • ผลการศึกษาพบว่า นักกีฬาของโรงเรียน โดยเฉลี่ยมักจะเรียนดีกว่านักเรียนทั่วไปด้วยซ้ำ เนื่องจากนิสัยมีระเบียบวินัยและการผูกมัดตัวเองกับการซ้อมกีฬา มันช่วยบ่มเพาะให้พวกเขานำมาปรับใช้กับกิจวัตรในเรื่องเรียนจนสำเร็จได้ตามตั้งใจ
  6. การบริหารเงินเป็นอีกทักษะหนึ่งของผู้ที่รู้จักรับผิดชอบตนเอง หากคุณรู้สึกว่าต้องใช้เงินแบบเดือนชนเดือน หรือไม่รู้ว่าเงินเก็บหายไปไหนหมด คุณอาจต้องนั่งลงและหยิบใบเสร็จทั้งหมดมาจดบันทึกดูว่า คุณสามารถตัดรายการใช้จ่ายใดที่ไม่จำเป็นออกไปได้บ้าง การรู้จักรับผิดชอบการเงินของตนเอง จะช่วยให้คุณรู้จักวางแผน รู้จักประมาณตน และควบคุมตนเองไม่ให้วู่วามเกินไป
    • จัดทำงบประมาณรายเดือนส่วนตัว สมมติว่า คุณมีงบสำหรับเรื่องสนุกเดือนละ 4,000 บาท คุณก็ควรจำไว้ทุกครั้งเวลาที่จะไปสังสรรค์ ซื้อบัตรคอนเสิร์ต หรือหาซื้ออะไรที่คุณอยากกินเป็นพิเศษเพื่อฉลองที่ทำงานสำเร็จ ฯลฯ ซึ่งหากงบจำนวนดังกล่าวหมดลงก่อนถึงสิ้นเดือน คุณก็ควรหาทางประนีประนอมกับตัวเอง เช่น ชวนเพื่อนมานั่งคุยกันที่บ้าน แทนที่จะออกไปนั่งดื่มร้านข้างนอกกัน
    • ถามตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่จำเป็น กับเรื่องที่ตนเองต้องการ เช่น หากมีงบอยู่จำนวนหนึ่ง คุณจะต้องซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้เผื่อไปงานแต่งเพื่อนมั้ย หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถยนต์ก่อน
  7. ความรับผิดชอบของคุณจะไม่มีความหมายใดๆ เลย หากคุณทำๆ เลิกๆ หากคุณต้องการเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี คุณก็จำเป็นต้องจัดตารางกิจวัตรประจำวันที่ดีต่อตนเอง และยึดถือปฏิบัติเอาไว้ อย่าตั้งใจอ่านหนังสือเรียนเป็นสิบชั่วโมงติดๆ กัน จากนั้น ก็หยุดอ่านไปอีกสามสัปดาห์ ทั้งๆ ที่ในกรณีนี้คุณควรแบ่งเป็นอ่านหนังสือสักวันละ 1-2 ชั่วโมงแทน อย่าโทรไปปลอบใจเพื่อนทุกวันในช่วงที่เพื่อนกำลังมีปัญหากลุ้มใจปรึกษาคุณ แต่แล้วก็ขาดการติดต่อกับเขาหรือเธอไปทั้งสัปดาห์ ในกรณีแบบนี้ คุณอาจะโทรหาเพื่อนคนดังกล่าวสักวันเว้นวันก็ได้ เพื่อแสดงคงวามห่วงใยให้สม่ำเสมอกว่าเดิม
    • การมีความสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณออกแบบกิจวัตรประจำวัน อันจะส่งผลให้งานสำเร็จลุล่วงได้ดีขึ้น
  8. การเป็นที่พึ่งพาของคนอื่นได้นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี หากปัจจุบันนี้ ไม่มีใครขอติดรถคุณกลับบ้าน หรือไม่มีใครกล้าเอ่ยปากขอให้คุณช่วยหลังเลิกงานหรือเลิกเรียน เพราะคุณเคยหันหลังให้พวกเขามาก่อน หรืออาจเคยรับปากแต่ไม่ยอมทำ หรือจะเป็นเพราะคุณเป็นคนที่พวกเขาไม่คิดว่าจะรับผิดชอบได้แม้แต่งานง่ายๆ ธรรมดาๆ ก็แสดงว่าคุณมีปัญหาแล้วล่ะ จงพยายามรักษาคำพูดให้มั่นและทำตัวให้ผู้อื่นรู้สึกว่าพึ่งพาได้เสมอ
    • หากคุณต้องการให้คนอื่นจริงจังกับคุณ และเห็นคุณเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี คุณก็ควรจะไปส่งพวกเขาเวลาที่รับปากไว้แล้ว จงไปตามนัดหากนัดกันเรียบร้อยแล้ว และทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณเป็นที่เชื่อได้ และปากกับใจตรงกันเสมอ
  9. ส่วนหนึ่งของการเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี คือการ เปิดใจรับฟังคำวิจารณ์และยอมรับเวลาที่มีคนมากล่าวติชมคุณอย่างถูกต้องตรงประเด็น เพื่อที่คุณจะได้พัฒนาตนเองไปเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีได้ หากคุณต้องการเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีในโรงเรียน ก็หัดฟังคำติชมจากคุณครูบ้างว่าจุดไหนที่คุณต้องปรับปรุง หากคุณต้องการเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีในที่ทำงาน ก็หัดรับฟังหัวหน้าเวลาที่พวกเขาบอกให้คุณพัฒนาทักษะบางอย่าง หากเพื่อนๆ ของคุณเปรยๆ เกี่ยวกับจุดบกพร่องของคุณด้วยท่าทีเหมาะสม คุณก็ไม่ควรส่ายหัวหรือบอกปัดเพียงเพราะคุณคิดว่าตัวเองไม่มีข้อเสียใดๆ
    • คำติขมสามารถทำให้คนมีความรับผิดชอบที่ดี และจัดการชีวิตตนเองได้ดีขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

พัฒนานิสัยการเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เหมือนเช่นการทำงานทั่วไป การเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีย่อมจะเป็นไปได้ หากคุณสามารถสร้างพลวัตรเริ่มต้นบางอย่างขึ้นมาในช่วงแรกๆ ก่อน หากคุณรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับความรับผิดชอบทั้งหมดที่สุมหัวอยู่ พยายามเริ่มจากงานเล็กๆ หรืองานที่สามารถทำเสร็จได้เร็วหน่อย การได้กำจัดบางเรื่องออกไปจากลิสต์รายชื่องานที่ต้องทำทีละอย่าง จะช่วยให้คุณรู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะ ส่งผลให้คุณมีกำลังใจและกระตือรือร้นมากขึ้นในการทำหน้าที่ใหญ่ๆ ต่อไป กว่าที่คุณจะรู้ตัวอีกที การรับผิดชอบที่ดีเช่นนี้ ก็ได้ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นและทำให้แต่ละวันของคุณมีความหมายมากขึ้นแล้ว
  2. เขียนลิสต์รายการเรื่องต่างๆ ที่คุณสามารถพอที่จะทำได้ ในเวลาที่อยากเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี เช่น อยากเป็นเพื่อนที่ดีขึ้น เป็นนักเรียนที่ดีขึ้น ดูแลรถให้ดีขึ้น เลี้ยงปลาทองให้ดีขึ้น. ลองเริ่มเรื่องที่คุณอยากทำที่สุดก่อน แล้วค่อยๆ ไล่ไปเรื่อยๆ
  3. การช่วยเหลือให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ หรือแต่เพียงช่วยให้พวกเขารู้สึกดี เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนานิสัยการเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีขึ้น หลังจากที่พัฒนาด้านต่างๆ และจัดการปัญหาส่วนตัวแล้ว คุณควรตั้งเป้าหมายในการหาวิธีช่วยเหลือคุณปู่คุณย่าญาติผู้ใหญ่ เพื่อนฝูง หรือใครก็ได้ในชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ การทำในสิ่งนี้ทุกรายสัปดาห์ จะช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ และช่วยพัฒนากิจวัตรประจำวันที่คุณใช้นำทางชีวิตแต่ละวัน พูดง่ายๆ คือ การยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่น เป็นการฝึกให้เป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีได้อีกทางหนึ่ง
    • จำไว้ว่า คุณควรออกไปช่วยเหลือผู้อื่น ก็ต่อเมื่อคุณได้จัดการปัญหาของตนเองหมดทุกเรื่องแล้วแล้วเท่านั้น อย่ารีบออกไปช่วยทำอาหารในโรงทาน จนกว่าคุณจะทำการบ้านหรืองานบ้านเสร็จเรียบร้อยก่อน
  4. นี่เป็นลักษณะส่วนใหญ่ของคนที่ขาดความรับผิดชอบ ซึ่งคุณต้องกำจัดเชื้อร้ายนี้ออกไปให้ได้ หากคุณกำลังมีการสอบไล่ในสัปดาห์ถัดไป ก็ควรใช้เวลาทั้งสัปดาห์นี้ในการอ่านหนังสือเตรียมสอบ หรือถ้าจะให้ดีก็เตรียมตัวล่วงหน้าสักสองสามสัปดาห์เลย อย่านอนดึกในคืนก่อนสอบ และอย่าดื่มกระทิงแดงเกินขนาดจนเห็นผีเสื้อบินวนรอบหัวเต็มไปหมด พยายามวางแผนให้เหมือนกับการเอาชนะเกมส์บางอย่าง เพื่อบรรลุเป้าหมายโดยค่อยๆ ทำทีละขั้นตอนไปเรื่อยๆ
    • เรื่องนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ แม้ว่าคุณอาจจะไม่อยากตัดหญ้าหน้าบ้าน หรือโทรกลับไปหาเพื่อนตามที่สัญญา แต่คนมีความรับผิดชอบที่ดีจะทำทุกสิ่งที่พวกเขารับปากไว้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากคุณต้องการถูกมองว่าเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี ก็ควรเริ่มนึกถึงความรับผิดชอบทั้งหมดที่มีอยู่ในมือก่อน และจริงจังกับมันให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าจืดชืดเพียงใด ก็ต้องถือซะว่ามันเป็นภาระหน้าที่ หรือเป็นการลงโทษตัวเองที่รับปากไว้
  5. เมื่อคุณเห็นว่ามีส่วนไหนที่ต้องทำหรือต้องเปลี่ยนแปลง ก็อย่ารอให้ใครมาทำแทนคุณ จงเป็นคนที่สร้างความแตกต่างให้สังคมในทางบวก การควบคุมสถานการณ์เช่นนี้ จะทำให้คุณรู้สึกถึงพลังในตนเอง ซึ่งจะส่งผลไปในด้านอื่นของชีวิตให้เกิดการพัฒนาขึ้น แน่นอนว่า คุณไม่ควรไปออกตัวหรือเสนอตัวทำในสิ่งที่เกินกำลัง จงทำก็ต่อเมื่อคุณรู้สึกว่าสามารถทำได้ ไม่ใช่เพียงเพราะแค่ไม่มีใครทำ นิสัยการ “ใฝ่ดี” เช่นนี้ จะช่วยให้ชีวิตในหน้าที่การงาน และในสถานศึกษาของคุณดีขึ้น
    • หากรูมเมทของคุณไม่ช่วยทำงานบ้านเลย ก็ไม่ต้องไปรอเขาหรือเธอหรอก ทำไปก่อนเลย แล้วค่อยไปเคลียร์กันทีหลัง
  6. พยายามวางเป้าหมายสักสองสามเรื่องที่คุณต้อการทำให้สำเร็จ อาจเป็นเป้าระยะยาว เช่น การเป็นหมอ หรือเป้าหมายทางคุณธรรม เช่น การเป็นมิตรสหายที่ดีของเพื่อนๆ หรือเป้าระยะสั้น เช่น การจัดผ้าปูเตียงทุกวันและวิ่งออกกำลังกายเดือนละ 5 กิโล ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายแบบใด จงเขียนมันออกมา และพัฒนาแผนการในการทำให้สำเร็จขึ้นมาด้วย นี่เป็นการฝึกนิสัยที่ดี ซึ่งจะช่วยให้คุณจดจ่ออยู่กับเป้าหมาย และได้รู้ว่าตนเองต้องทำอะไรต่อไปบ้าง หากคุณไม่มีเป้าหมายอะไรเลย คุณก็จะไม่มีแม้แต่แรงจูงใจในการลุกจากเตียงตอนเช้า
    • นำเป้าหมายที่เขียนไว้ เอาใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของคุณ หรือติดไว้บนโต๊ะทำงานก็ได้ เพื่อให้มันสร้างแรงบันดาลใจให้คุณเสมอ ไม่ได้เอาไว้กดดัน
    • แน่นอนว่า คุณต้องตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าตั้งเป้าจะเป็นนายกรัฐมนตรีในอีกสี่ปีข้างหน้า
  7. คนมีความรับผิดชอบที่ดีมักจะมีตารางกิจวัตรประจำวันที่เหมาะสมกับตนเอง ตื่นนอนและเข้านอนให้ตรงเวลาเดิมทุกวัน พยายามกินอาหารแต่ละมื้อให้ตรงเวลาเดิมด้วย ออกกำลังกายในช่วงเดียวกันและสม่ำเสมอ แทนที่จะวิ่งอย่างหักโหมสองสามวัน จากนั้นก็นั่งหน้าคอมต่อไปทั้งสัปดาห์ที่เหลือ และพยายามหาช่วงเวลาของแต่ละกิจกรรมที่จะทำ เช่น ตอบอีเมล อ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน ฯลฯ หากคุณทำมันอย่างสะเปะสะปะ มันก็จะยิ่งดูน่าเหนื่อยหน่ายและล้นหลามเกินไป แถมอาจต้องใช้เวลาทำนานกว่าเดิม
    • จัดตารางในแบบที่จะช่วยให้คุณจัดการทั้งเรื่องงานและเรื่องเล่นได้ลงตัวขึ้น รวมถึงช่วยให้คุณทำแต่ละอย่างได้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
    • คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกิจวัตรประจำวันดังกล่าวอย่างบ้าคลั่ง ในกรณีที่มีเรื่องฉุกเฉินบางอย่างขึ้นมา ขอแค่พยายามทำให้สม่ำเสมอเท่าที่สถานการณ์จะอำนวย
  8. นี่คือก้าวต่อไปของการฝึกเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี จงมั่นใจว่าล้อคประตูรถแล้วทุกครั้ง ตรวจดูน้ำมันให้พร้อมเสมอ และจำให้ได้ทุกครั้งว่าจอดรถไว้ที่ไหน แปะชื่อไว้ที่โน้ตบุ๊คและเก็บไว้ในล็อคเกอร์ให้ดี หรือเก็บในที่ๆ ปลอดภัย หาพวงกุญแจมาคล้องกับตัวกุญแจเพื่อกันหาย เก็บรักษาแว่นกันแดดใส่กล่องให้เรียบร้อย และสัญญากับตนเองไว้ว่า ถ้าทำมันหาย จะไม่ยอมซื้อใหม่ไปอีกอย่างน้อยหกเดือนถัดไป เพื่อให้บทเรียนแก่ตัวเอง คุณไม่สามารถเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีได้หรอก หากคุณมักต้องซื้อโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หรือของมีค่าทุกๆ หกเดือน
    • วางแก้วน้ำร้อนๆ ไว้ให้ห่างจากคอมพิวเตอร์ และอย่าเอาโน้ตบุ๊คไปใช้หรือเล่นหน้าร้านอาหาร หรือร้านกาแฟที่มีคนสัญจรไปมา พยายามเล่นในร้านซึ่งปลอดภัยมากกว่า
    • หากคุณใช้ไอโฟน ควรโหลดแอพพลิเคชั่น"Find my iPhone" มาใช้ และตั้งระบบเอาไว้ให้ตนเองสามารถล็อคอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ ได้ในกรณีที่มันสูญหายหรือถูกขโมยไป
  9. ตั้งเป้าไว้ว่าต้องไปก่อนเวลานัดสัก 5 นาที ไม่ว่าจะไปงานนัดหมายเรื่องอะไร
    • การปล่อยให้คนอื่นแอบเห็นคุณเมาหัวราน้ำ ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ความเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีของคุณได้ พวกเขาจะมองคุณว่าพึ่งพาไม่ได้ และไม่น่านับถือ จนไม่คิดว่าคุณจะรับผิดชอบออะไรได้สักอย่าง
    • คนมีความรับผิดชอบที่ดีตามแบบฉบับคลาสสิกจริงๆ จะต้องควบคุมภารกิจทุกอย่างให้ลงตัว ไม่ใช่ว่ารับผิดชอบงานร้อยแปดพันเก้า แต่กลับควบคุมอะไรให้เป็นไปตามเป้าหมายไม่ได้เลยสักอย่าง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พยายามนึกถึงผลของการเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบ คุณจะต้องเสียตำแหน่งหน้าที่อะไรไปหรือเปล่า คุณจะพลาดโอกาสเดียวในชีวิตไปหรือไม่ การคิดเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นคุณได้ดีทีเดียว
  • ดูแลตนเองให้ดี อย่าไปสอดเรื่องของใคร หลีกให้ห่างจากเรื่องเดือดร้อน และตั้งใจเรียนให้มากๆ.
  • จงกล้าพูดเมื่อเห็นว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล และพูดในกรณีที่คุณมีความเห็นบางอย่างที่อาจทำสถานการณ์ให้ดีขึ้น
  • ความรับผิดชอบไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่รู้จักหาเวลาสนุกให้กับตนเอง มันแค่เป็นการบอกว่า เรื่องสนุกไว้ทีหลัง หากเล่นไม่ได้เลย ก็ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง
  • หากคุณออกไปท่องราตรีกับเพื่อนๆ ควรมีลิมิตไว้ด้วยว่า จะกลับกี่โมง
  • การไม่มีอะไรทำ สามารถส่งผลให้คุณกลายเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบได้ คนที่เอาตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมในภารกิจประจำวัน มักจะเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีว่าคนที่ไม่ทำอะไรเลย ทั้งวัน พยายามเริ่มใส่ใจกับสิ่งรอบตัวทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่งในเวลาไม่นาน คุณก็จะเริ่มก้าวแรกสู่การเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดีได้
  • กลับบ้านให้เร็วกว่าเวลาที่ผู้ปกครองหรือสถานที่พักของคุณกำหนดไว้เล็กน้อย
  • อย่าหักโหมมากไป หากการเริ่มต้นจัดการสะสางปัญหาในชีวิต เป็นเรื่องใหม่สำหรับคุณ มันก็อาจส่งผลให้คุณหักโหมมากไป จนกระทั่งเหนื่อยล้าหมดแรง รวมถึงมักหาเรื่องทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อไปไม่หยุดหย่อน ดังนั้น พยายามพักหรือผ่อนคลายลงเสียบ้าง โดยคำนึงถึงเป้าหมายระยะยาวเอาไว้
  • หากผู้ปกครองขอให้คุณทำงานบ้านหลายอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องทำพร้อมกันทุกอย่างก็ได้
  • ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้ดี และจัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้มีระเบียบเสมอ
  • พยายามสุภาพกับทุกคนตลอดเวลาและอ่อนโยนต่อพวกเขาด้วย แม้แต่กับคนที่ไม่ได้ดีกับคุณสักเท่าไร จดจำไว้เสมอว่า คุณเป็นคนมีความสำคัญ
  • จงรับผิดชอบหน้าที่การเป็นนักเรียน ด้วยการทำการบ้าน และอ่านหนังสือติวเพื่อเตรียมสอบและทำแบบฝึกหัด
โฆษณา

คำเตือน

  • จำไว้ว่าชีวิตไม่ได้มีความยุติธรรม หากคุณถูกลงทัณฑ์หรือกระทำทารุณเพียงเพราะเชื้อชาติ ฐานะ ความเชื่อทางศาสนา ภูมิหลังทางสังคม ฯลฯ คุณก็อาจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้โดยสมบูรณ์ แต่อย่าเพิ่งน้อยใจในวาสนาของตนเอง ทางเลือกมีอยู่เสมอ จะเลือกทางที่ผิดหรือถูกก็อยู่ที่คุณเท่านั้น ขอแค่จำไว้ว่า พลังและศักดิ์ศรีมีให้ไขว่คว้าอยู่เสมอ หากคุณคู่ควร อย่าละทิ้งความฝัน เพราะมันเป็นของคุณคนเดียว ไม่มีใครเอาไปได้ คุณอาจจะมีภูมิหลังที่ไม่ดีหรือทำอะไรพลาดมาบ้าง แต่คุณไม่ใช่ความผิดพลาดในตัวเอง จงให้อภัยตัวเอง และสร้างความเคารพเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับตนเองให้ได้ และเมื่อนั้นชีวิตคุณก็จะค่อยๆ ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย อย่าลืมช่วยเหลือสังคมและร่วมอาสาในการพัฒนาชุมชนของตนเองด้วยล่ะ


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 35,027 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา