PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนใจดีเป็นวิถีทางสำคัญในการสร้างความหมายให้แก่ชีวิตของเราและผู้อื่น การเป็นคนใจดีทำให้เราสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น และยังเป็นแรงขับเคลื่อนด้านบวกให้ชีวิตผู้อื่นด้วย จิตใจที่งดงามอย่างแท้จริงซ่อนอยู่ในตัวคุณ บางคนอาจจะเป็นคนใจดีมาตั้งแต่เกิด แต่ไม่ว่าใครก็สามารถเลือกที่จะสร้างนิสัยเป็นคนใจดีได้ด้วยกันทั้งนั้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปรับมุมมองที่ทำให้คุณเป็นคนใจดีมากกว่าเดิม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. พื้นฐานที่สุดของการเป็นคนใจดีคือการห่วงใยคนรอบข้างอย่างแท้จริง อยากให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุด และตระหนักได้ว่าคนอื่นก็มีความต้องการ ความจำเป็น ความปรารถนา และแม้กระทั่งความกลัวเหมือนกันกับคุณ ความใจดีคือความอบอุ่น ความเข้มแข็ง ความอดทน การไว้วางใจผู้อื่น การจงรักภักดี และความกตัญญู [1] Piero Ferrucci มองว่าความใจดีนั้นเป็นการ "ใช้ความพยายามน้อยลง" เพราะความใจดีนั้นปลดปล่อยเราจากการยึดเหนี่ยวทัศนคติที่ไม่ดีและความรู้สึกด้านลบ เช่น ความไม่พอใจ ความอิจฉาริษยา ความคลางแคลงใจ และการชักใยต่างๆ [2] ที่สุดแล้ว ความใจดีก็คือความห่วงใยลึกๆ ของเราที่มีต่อสรรพสิ่งทั้งหลายนั่นเอง
    • ฝึกเป็นคนใจดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น การไม่ฝึกฝน ความเขินอาย หรือการไม่รู้ว่าจะเข้าถึงผู้อื่นได้อย่างไรแก้ไขได้ด้วยการกระทำเท่านั้น คุณต้องทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าคุณจะใจดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นได้จากความรู้สึกภายในที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจริงๆ
    • ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ความใจดีที่ยิ่งใหญ่ต้องไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน ไม่มีข้อผูกมัดและไม่วางเงื่อนไขใดๆ ที่เกิดจากการกระทำหรือคำพูด
  2. ระวังความใจดีที่หวังผล ความใจดีไม่ใช่ "ความสุภาพที่มีผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นศูนย์กลาง ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่คำนวณล่วงหน้า หรือมารยาทผิวเผิน" [3] การทำดีกับผู้อื่นเพียงเพราะคุณเชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถบงการคนอื่นให้ทำในสิ่งที่คุณต้องการ หรือใช้ความใจดีชักใยคนอื่นนั้นไม่ใช่ความใจดีที่แท้จริง และความใจดีก็ไม่ใช่การแสร้งทำเป็นห่วงใยผู้อื่นในขณะที่ตัวเองต้องคอยระงับความโกรธหรือความไม่พอใจ การซ่อนความเดือดดาลหรือความขุ่นมัวไว้ใต้หน้ากากของอัธยาศัยที่ดีนั้นไม่ใช่ความใจดี
    • ท้ายที่สุด การทำให้คนอื่นพึงพอใจก็ไม่ใช่ความใจดี แต่เป็นเพียงพฤติกรรมที่มาจากการยอมแพ้และไม่อยากสร้างปัญหาเพราะคุณกลัวว่าทุกอย่างจะผิดพลาดถ้าคุณทำอะไรลงไป
  3. หลายคนทำผิดพลาดด้วยการพยายามใจดีกับผู้อื่นแต่ในขณะเดียวกันกลับลืมที่ใจดีกับตัวเอง สาเหตุที่ว่านี้อาจเกิดมาจากการไม่ชอบตัวเองในบางมุม และมักจะเกิดการจากที่คุณไม่สามารถรู้จักตัวเองได้ดีกว่าเดิม น่าเสียดายที่ว่า ถ้าคุณไม่รู้สึกมั่นคงกับตัวเอง ความใจดีของคุณที่มีต่อผู้อื่นมักจะกลายเป็นความใจดีที่หวังผลอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว หรือท้ายที่สุดคุณอาจจะเหนื่อยและท้อแท้เพราะว่าคุณให้ความสำคัญกับคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ
    • การรู้จักตัวเองทำให้คุณเห็นว่าอะไรสร้างความเจ็บปวดและความขัดแย้งแก่คุณ และทำให้คุณยอมรับความขัดแย้งและความไม่สม่ำเสมอในตัวเองได้ การรู้จักตัวเองสร้างพื้นที่ให้คุณได้ทำความเข้าใจตัวเองในมุมที่คุณไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ในที่สุดการรู้จักตัวเองจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณสาดมุมมองแง่ลบใส่คนอื่น ซึ่งจะเอื้อให้คุณปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความรักและความเมตตามากยิ่งขึ้น [4] .
    • ค่อยๆ เรียนรู้ทำความเข้าใจตัวเอง และใช้การเรียนรู้นี้เป็นประตูไปสู่การเป็นคนที่ใจดีกับตนเอง (จำไว้ว่าพวกเรา ทุกคน ล้วนมีจุดอ่อน) และผู้อื่นมากขึ้น วิธีนี้ช่วยคุณรับมือกับความกังวลใจภายในมากกว่าจะสั่งสมแรงกระตุ้นที่อยากจะสาดความเจ็บปวดรวดร้าวไปยังผู้อื่น
    • อย่ามองว่าเวลาที่ใช้ไปกับการเรียนรู้ความต้องการและข้อจำกัดของตัวเองเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว เพราะจริงๆ แล้วการเรียนรู้ตัวเองเป็นเงื่อนไขสำคัญที่คุณต้องบรรลุให้ได้ก่อนจึงจะสามารถเข้าถึงผู้อื่นได้อย่างเข้มแข็งและตระหนักรู้
    • ถามตัวเองว่าการใจดีต่อตัวเองหมายความว่าอะไร หลายคนมองว่า การใจดีต่อตัวเองคือการระวังเสียงความคิดที่อยู่ในหัวและการเลิกคิดลบ
  4. นึกถึงคนที่จิตใจดีมีเมตตาอย่างแท้จริงในชีวิตของคุณและนึกว่าพวกเขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไร พอคิดถึงพวกเขาทีไรหัวใจของคุณก็มีแสงสว่างอันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาทุกทีหรือเปล่า มีโอกาสมากที่จะเป็นอย่างนั้น เพราะความใจดียังคงสร้างความอบอุ่นให้คุณได้เสมอแม้ในยามที่คุณต้องเผชิญกับความยากลำบากถึงที่สุด เมื่อคนอื่นรักคุณในแบบที่คุณเป็นได้แล้ว ไม่มีทางเลยที่จะลืมความไว้วางใจและสิ่งที่คอยย้ำเตือนถึงคุณค่า และจิตใจที่ดีงามของพวกเขาก็จะยังคงอยู่เสมอ
    • จำได้ไหมว่าความใจดีของคนอื่น "ทำให้วันนั้นเป็นวันของคุณ" ได้อย่างไร ทำไมความใจดีของพวกเขาถึงทำให้คุณรู้สึกพิเศษและจำได้ไม่ลืมเลือน มีอะไรในตัวพวกเขาที่คุณจะสามารถเลียนแบบด้วยหัวใจของคุณเองได้บ้างไหม
  5. สุขภาพจิตที่ดีและมีความสุขนั้นมาจากการคิดบวก ความใจดีก็คือสภาวะจิตใจที่เป็นบวก ความใจดีนอกจากจะหมายถึงการให้และการเปิดใจยอมรับผู้อื่นแล้ว การเป็นคนใจดีต่อผู้อื่นยังคืนความสุขกายสบายใจและทำให้เราเห็นการเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ ซึ่งจะช่วยฟื้นสภาวะจิตใจของเราเองด้วย
    • สั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ การที่เราสามารถเป็นคนจิตใจดีได้นั้นก็ถือเป็นรางวัลที่ทรงพลังและยั่งยืนในตัวเองอยู่แล้ว และยังเป็นยาชูกำลังที่ทำให้เราตระหนักในคุณค่าของตัวเองอีกด้วย [5]
  6. Leo Babauta กล่าวว่า ความใจดีเป็นนิสัยและเป็นหนึ่งในนิสัยที่ใครๆ ก็สร้างได้ เขาแนะนำให้จดจ่อกับความใจดีทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากจดจ่ออยู่กับความใจดีโดยตรงครบ 1 เดือนแล้ว คุณจะตระหนักได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของคุณ คุณจะรู้สึกดีที่คุณเป็นคนดีมากขึ้นและคุณจะพบว่าคนอื่นๆ ปฏิบัติกับคุณไม่เหมือนเดิมแถมดีขึ้นด้วย และก็อย่างที่เขาพูดว่า ความใจดีนั้นคือหลักกรรมที่เกิดขึ้นจริงในระยะยาว [6] เทคนิคการสร้างนิสัยให้เป็นคนใจดีมีดังนี้:
    • ทำสิ่งดีๆ ให้คนอื่นทุกวันวันละ 1 อย่าง ตั้งมั่นไว้ตั้งแต่หลังตื่นนอนเลยว่า วันนี้ฉันจะทำความดีอะไรและหาโอกาสทำความดีนั้นให้ได้ในระหว่างวัน
    • ใจดี เป็นมิตร และเห็นอกเห็นใจเวลาที่คุณมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น และทำให้มากขึ้นถ้าปกติแล้วคนๆ นั้นมักทำให้คุณโกรธ เครียด หรือรำคาญอยู่เสมอ ใช้ความใจดีเป็นจุดแข็งของคุณ
    • ขยายการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความใจดีให้กลายเป็นการแสดงเมตตาผ่านการกระทำที่ใหญ่ขึ้น การเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการบรรเทาทุกข์นั้นเป็นการแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจผ่านการกระทำที่ยิ่งใหญ่ [7]
    • นั่งสมาธิแผ่เมตตา
  7. ใจดีกับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะกับคนที่ "ตกทุกข์ได้ยาก"เท่านั้น. ขยายขอบเขตความใจดีให้กว้างขึ้น Stephanie Dowrick กล่าวไว้ว่า การเป็นคนใจดีไม่ใช่เรื่องยากเพราะความใจดีคือ "การมีจิตใจดีเหนือผู้อื่น" [8] การมีจิตใจดีเหนือผู้อื่นคือความเมตตาที่เรามีให้กับกลุ่มคนที่เรารู้สึกว่าพวกเขาตกทุกข์ได้ยากจริงๆ (เช่นคนป่วย คนยากจน คนเปราะบาง และกลุ่มคนอื่นๆ ที่เราเห็นว่าตกทุกข์ได้ยากในความคิดของเรา) การเป็นคนใจดีกับคนรอบข้างที่ผูกพันกับเราในด้านอารมณ์ (เช่นครอบครัวหรือเพื่อนๆ) หรือในด้านอื่นๆ (เช่น คนที่มาจากประเทศเดียวกันกับเรา สีผิวเหมือนเรา เพศเดียวกับเรา เป็นต้น) นั้นง่ายกว่าการเป็นคนใจดีกับ "คนอื่น" ตามที่นักปราชญ์ Hegel ได้ให้นิยามไว้ และอาจจะยากกว่าถ้าต้องใจดีกับคนที่เราคิดว่าเขาเสมอกับเรา แต่เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่าแน่นอน
    • ปัญหาของการจำกัดกรอบความใจดีไว้เฉพาะกับคนที่เรา "เห็นว่าควรใจดีด้วย" นั้นทำให้เราลืมไปว่าเราต้องใจดีกับทุกคนโดยไม่คำนึงถึงว่าพวกเขาเป็นใคร ร่ำรวยหรือมีฐานะมากแค่ไหน มีค่านิยมและความเชื่อ พฤติกรรมและทัศนคติอย่างไร ภูมิลำเนาอยู่ไหน ความเหมือนระหว่างเขากับเราคืออะไร เป็นต้น
    • การเลือกใจดีเฉพาะกับคนที่เรารู้สึกว่าสมควรจะใจดีด้วยเท่านั้นถือเป็นการปล่อยให้อคติและการตัดสินมามีผลกับความใจดีของเรา และยังถือเป็นการใจดีที่เลือกปฏิบัติด้วย ความใจดีที่มาจากธรรมชาตินั้นโอบกอดทุกสรรพสิ่ง การที่คุณต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาขณะที่คุณกำลังขยายขอบเขตการทำดีให้กว้างขึ้นอาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยหน่ายในบางครั้ง แต่คุณจะไม่มีวันหยุดเรียนรู้ว่าคุณสามารถเป็นคนใจดีอย่างแท้จริงได้มากแค่ไหน
    • ถ้าคุณละเลยที่จะใจดีกับใครเพียงเพราะคุณคิดว่าเขาอยู่ได้โดยไม่ต้องมีแรงสนับสนุนหรือความเข้าใจจากคุณ ก็แปลว่าคุณกำลังเลือกปฏิบัติอยู่
  8. ถ้าคุณอยากเป็นคนใจดีจริงๆ คุณต้องเลิกนิสัยตัดสินคนอื่นให้ได้ แทนที่จะเสียเวลามานั่งวิจารณ์คนอื่น เอาเวลามาสร้างความคิดที่เป็นบวกและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นดีกว่า ถ้าคุณมักจะคิดลบกับคนอื่น อยากให้คนอื่นปรับปรุงตัวเอง หรือรู้สึกว่าคนรอบตัวมีแต่พวกไม่มั่นคงหรือโง่เง่า คุณจะไม่มีวันได้เรียนรู้การเป็นคนใจดีอย่างแท้จริงเลย เลิกตัดสินคนอื่นและตระหนักว่า คุณไม่มีวันเข้าใจได้ว่าใครต้องเผชิญอะไรมาบ้างถ้าคุณไม่เคยเป็นเขา เปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้อื่นแทนที่จะมานั่งตัดสินว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ทำตัวให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
    • ถ้าคุณเป็นคนชอบตัดสินคนอื่น ขี้นินทา หรือพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนรอบข้างอยู่เสมอ คุณจะไม่สามารถหยุดเคลือบแคลงความใจดีได้เลย
    • การเป็นคนใจดีคือการยอมรับการกระทำของผู้อื่นมากกว่าที่จะคาดหวังความสมบูรณ์แบบ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

พัฒนาคุณสมบัติความเป็นคนใจดี

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องจำไว้เสมอว่า "การปฏิบัติดีต่อทุกคนที่คุณพบนั้นไม่ต่างจากการสู้รบในศึกใหญ่" ในความเห็นของ Plato ข้อความนี้คือสิ่งที่ย้ำเตือนว่าทุกคนล้วนต้องผ่านความท้าทายในชีวิต และบางครั้งในยามที่เราต้องเผชิญปัญหาหรือความโกรธเกรี้ยว เราก็มักจะไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้ ก่อนจะทำอะไรที่อาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่อคนอื่น ให้ถามคำถามง่ายๆ กับตัวเองก่อนว่า: "นี่คือการกระทำที่แสดงถึงความใจดีหรือไม่" ถ้าคุณไม่สามารถตอบว่าใช่กับตัวเองได้ นี่คือสัญญาณเตือนว่าคุณต้องเปลี่ยนการกระทำและวิธีการของคุณเดี๋ยวนี้
    • แม้ว่าคุณจะรู้สึกแย่ถึงที่สุด ก็ให้จำไว้ว่าคนอื่นเขาก็รู้สึกถึงความไม่แน่นอน ความเจ็บปวด ความยากลำบาก ความเศร้าโศก ความผิดหวัง และการสูญเสียเช่นเดียวกันกับคุณ วิธีนี้ไม่ได้ลดทอนความสำคัญของความรู้สึกที่คุณกำลังเผชิญ แต่เป็นทางที่จะทำให้คุณตระหนักได้ว่า สิ่งที่เราแสดงออกไม่ใช่ตัวตนของเราทั้งหมดหากแต่เป็นการแสดงออกถึงความเจ็บปวดมากกว่า ความใจดีเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรามองข้ามอารมณ์รุนแรงและช่วยเชื่อมโยงการแสดงออกกับตัวตนภายในที่แท้จริงของเรา
  2. ถ้าคุณเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบ ชอบการแข่งขัน หรือมีความเร่งรีบเป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิต ความใจดีต่อตนเองก็มักจะตกเป็นเหยื่อของความทะเยอะทะยาน จังหวะชีวิตที่เร่งรีบ และความกลัวว่าตัวเองจะถูกมองว่าเป็นคนขี้เกียจหรือเห็นแก่ตัว [9] อย่าลืมใช้ชีวิตอย่างช้าๆ และให้อภัยตัวเองเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปอย่างที่ใจนึก
    • เรียนรู้จากข้อผิดพลาดดีกว่ามัวมานั่งตำหนิตัวเองหรือเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น [10] คุณต้องเห็นอกเห็นใจตัวเองก่อนจึงจะสามารถมองเห็นความต้องการของผู้อื่นอย่างเข้าอกเข้าใจได้
  3. ของขวัญจากความใจดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณจะมอบให้คนอื่นได้ก็คือ การอยู่กับปัจจุบันร่วมกับพวกเขา รับฟังพวกเขาอย่างห่วงใยและตั้งใจฟังจริงๆ ปรับตารางเวลาของคุณและอย่าเป็นคนเร่งรีบตลอดเวลา การอยู่กับปัจจุบันคือการทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และคุณจะอยู่กับปัจจุบันได้ก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้เร่งรีบหรือพยายามเบียดเสียดท่ามกลางผู้คนและกิจกรรมต่างๆ เท่านั้น
    • ลดการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น การสื่อสารผ่านเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เย็นชาและเร่งรีบอย่างข้อความและอีเมลนั้นแม้จะเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน แต่คุณก็ไม่ควรให้มันกลายเป็นช่องทางการสื่อสารเดียวที่คุณใช้ หาเวลาพูดคุยกับคนอื่นแบบเห็นหน้าหรือโทรศัพท์คุยกันโดยไม่ต้องมีอะไรมาขัดจังหวะ ส่งจดหมายแทนการเขียนอีเมล และทำให้ใครบางคนประหลาดใจด้วยการใช้จิตใจที่งดงามของคุณสละเวลาชีวิตในวันนั้นมาจับปากกาเขียนจดหมายลงในกระดาษหาพวกเขา
  4. เป็นผู้ฟังที่ดี . การเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นพูดง่ายกว่าทำในโลกปัจจุบันที่ทุกอย่างหมุนไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันวิถีชีวิตที่เร่งรีบและยุ่งเหยิงกลายเป็นคุณค่าใหม่ ในขณะที่การบอกปัดใครบางคนเพราะว่าคุณยุ่งเกินไปหรือเพราะว่าคุณต้องรีบไปไหนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เห็นจนชินตา แต่การสร้างนิสัยเร่งรีบก็ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวที่จะทำให้คุณใจร้ายกับใครก็ได้ เวลาคุยกับใครให้ฝึก รับฟัง อย่างจดจ่อและตั้งใจอย่างแท้จริงจนกว่าพวกเขาจะเล่าความคิดหรือเรื่องราวของพวกเขาจบ
    • การตั้งใจฟังคนอื่นอย่างแท้จริง การสบตา การหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนสมาธิ และการให้เวลาในวันนั้นกับคนอื่นถือเป็นการแสดงความใจดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง ใช้เวลาซึมซับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดอย่างแท้จริงก่อนจะตอบคำตอบที่คิดไว้ก่อนหน้านี้หรือพูดขัดจังหวะ แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าคุณเห็นคุณค่าของสถานการณ์เฉพาะตัวที่เขากำลังเผชิญและคุณก็อยู่เคียงข้างเขาเพื่อรับฟัง
    • การเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นนักแก้ปัญหาที่ดีด้วย บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะทำได้ก็คือแค่อยู่ตรงนั้นเพื่อรับฟัง และบอกให้เขารู้ว่าคุณเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายควรทำอย่างไร
  5. ความสุข ความปีติยินดี และความกตัญญูล้วนมาจากจิตใจที่งดงามที่ทำให้คุณมองเห็นความดีในตัวผู้อื่นและสิ่งดีๆ บนโลกใบนี้ ทำให้คุณก้าวข้ามผ่านความท้าทาย ความสิ้นหวัง และความโหดร้ายที่คุณได้ประสบพบเจอ และยังช่วยรักษาศรัทธาของคุณที่มีต่อมนุษยชาติได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย การยึดมั่นในการมองโลกในแง่ดีจะทำให้การกระทำที่แสดงถึงความใจดีของคุณนั้นเป็นการกระทำที่มาจากความปลื้มปีติและความเบิกบานอย่างแท้จริง มากกว่าจะมาจากความไม่แน่ใจหรือรู้สึกว่าเป็นภาระหน้าที่ นอกจากนี้การมีอารมณ์ขันยังทำให้คุณไม่จริงจังกับตัวเองมากจนเกินไป และผ่านพ้นช่วงเวลาที่สับสนและไม่ได้ดั่งใจในชีวิตไปได้ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า
    • การเป็นคนมองโลกในแง่ดีตลอดเวลานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเพิ่งผ่านวันแย่ๆ มา แต่ทุกคนสามารถสร้างนิสัยมองโลกในแง่ดีได้ถ้าฝึกฝนมากพอ เริ่มจากการจดจ่อไปที่เรื่องดีๆ แทนเรื่องแย่ๆ วาดภาพความสุขที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าในอนาคต และใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเบิกบานมากกว่าความเศร้าโศก และการมองโลกในแง่ดีนั้นก็ไม่ต้องใช้เงินเลยสักนิด
    • การมองโลกในแง่ดีและการคิดบวกนั้นไม่เพียงแต่สร้างทัศนคติที่จะทำให้คุณเป็นคนใจดีเท่านั้น แต่ยังนำความเบิกบานมาให้คนรอบข้างคุณด้วย ถ้าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งบ่น ก็คงยากที่คุณจะนำความสุขมาสู่ผู้คนในวงจรของคุณ
    • อ่าน วิธีการมีความสุข และ วิธีการขอบคุณทุกสิ่ง เพื่อศึกษาวิธีการสร้างนิสัยมองโลกในแง่ดีเพิ่มเติม
  6. คนที่ใจดีมักเป็นคนอัธยาศัยดีด้วย ถึงคนใจดีอาจจะไม่ใช่คนที่เข้าสังคมเก่งที่สุดในห้อง แต่พวกเขาก็จะพยายามทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ และทำให้พวกเขารู้สึกสบายๆ เหมือนอยู่บ้านตัวเอง ถ้ามีเด็กใหม่ที่โรงเรียนหรือมีพนักงานใหม่ที่ทำงาน คุณอาจจะพยายามเข้าไปคุยกับเขา อธิบายว่าอะไรเป็นอะไร และชวนเขาหรือเธอมางานสังคมด้วย แม้ว่าคุณอาจจะไม่ใช่คนเข้าสังคมเก่ง แค่ยิ้มและชวนคนอื่นคุยเรื่องทั่วไปก็ทำให้คุณดูเป็นคนอัธยาศัยดีแล้ว และความใจดีประเภทนี้ก็จะไม่ถูกมองข้ามไปอย่างแน่นอน
    • คนที่อัธยาศัยดีมักเป็นคนใจดีเพราะพวกเขาจะคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดจากคนรอบข้าง พวกเขาจะคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ อย่างเป็นกันเองเหมือนเวลาคุยกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ
    • ถ้าปกติคุณเป็นคนขี้อาย คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบุคลิกภาพโดยสิ้นเชิง แค่พยายามทำตัวให้น่ารักกับคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยการให้ความสนใจแก่พวกเขา ถามไถ่ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง และแสดงความสนใจในตัวพวกเขา
  7. แม้ว่าความสุภาพจะไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความใจดีเสมอไป แต่ความสุภาพอย่างแท้จริงแสดงให้เห็นถึงความเคารพของคุณที่มีต่อคนที่คุณมีปฏิสัมพันธ์ด้วย ความสุภาพเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นอย่างนิ่มนวลและเป็นการแสดงตัวตนในแง่ดีของคุณให้คนอื่นเห็น วิธีแสดงความสุภาพอย่างง่ายๆ ก็เช่น:
    • หาวิธีเปลี่ยนคำขอร้องหรือคำตอบโต้ให้ฟังดูนิ่มนวลขึ้น เช่น พูดว่า "ไม่ทราบว่าดิฉันจะ..." แทนที่จะพูดว่า "ดิฉันจะ...ได้ไหมคะ" พูดว่า "น่าแปลกจัง" แทนที่จะพูดว่า "ไม่ยุติธรรมเลย" พูดว่า "ขอให้ดิฉันได้อธิบายใหม่นะคะ" แทนที่จะพูดว่า " ดิฉันไม่ได้พูดแบบนั้น" ลองเปลี่ยนคำพูดใหม่และความดังของเสียงดู
    • มารยาทดีเป็นเลิศ เปิดประตูค้างไว้ให้คนถัดไป เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นอย่าหยาบคายจนเกินพอดี และอย่าตีซี้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันมากจนเกินไป
    • กล่าวคำชมและหมายความตามนั้นจริงๆ
  8. คนที่ใจดีจริงๆ เขาจะแสดงออกถึงการรู้คุณคนได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจะไม่เพิกเฉยและขอบคุณคนที่ช่วยเหลือพวกเขาเสมอ พวกเขารู้ว่าต้องกล่าว "ขอบคุณ" อย่างไรและหมายความตามนั้นจริงๆ พวกเขาเขียนการ์ดขอบคุณ และสบายใจที่ได้แสดงความขอบคุณแก่คนที่ช่วยเหลือพวกเขา คนที่รู้คุณคนจะแสดงความขอบคุณคนอื่นแม้จะเป็นการกระทำเพียงเล็กน้อย เช่น ทำให้วันนั้นของพวกเขาสดใสขึ้นแทนที่จะแค่ขอบคุณที่ช่วยให้ภารกิจบางอย่างลุล่วง ถ้าคุณสร้างนิสัยรู้คุณคนรอบข้างได้มากขึ้น คุณจะพบว่าความสามารถในการเป็นคนใจดีของคุณก็เพิ่มขึ้นด้วย
    • ถ้าคุณช่างสังเกตมากขึ้นว่าคนอื่นทำดีกับคุณมากแค่ไหน คุณก็จะพร้อมที่จะทำความดีให้คนอื่นมากยิ่งขึ้น คุณจะตระหนักมากขึ้นว่าความใจดีของผู้อื่นนั้นทำให้คุณรู้สึกดีมากแค่ไหนและจะทำให้คุณอยากกระจายความรักไปยังผู้อื่นมากขึ้นด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ลงมือปฏิบัติ

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรักสัตว์และดูแลเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงคือการแสดงออกถึงความใจดี ไม่มีอะไรมากระตุ้นให้คุณเห็นใจสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยที่มนุษย์มีเครื่องมือทรงพลังมากมาย การแสดงออกถึงความรักสัตว์และเคารพคุณค่าของพวกมันเป็นการแสดงออกถึงจิตใจที่งดงามอย่างแท้จริง การใจดีกับโลกที่ค้ำจุนและเลี้ยงดูเราก็เป็นการแสดงออกถึงความใจดีที่สมเหตุสมผลเช่นเดียวกัน ไม่ทำร้ายส่วนประกอบสำคัญที่สุดในชีวิตที่ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรง
    • อุปการะหรือช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง รางวัลตอบแทนความใจดีของคุณคือการได้มีอีก 1 ชีวิตที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตของคุณเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความรัก
    • เสนอดูแลสัตว์เลี้ยงให้เพื่อนเวลาที่เพื่อนไม่อยู่บ้าน เพื่อให้เพื่อนมั่นใจได้ว่ามีคนที่รักและห่วงใยคอยดูแลสัตว์เลี้ยงให้เธอเวลาที่เธอไม่อยู่บ้าน
    • เคารพสัตว์ที่คุณดูแล มนุษย์ไม่ได้เป็น "เจ้าของ" สัตว์ แต่เรามีหน้าที่รับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ดีที่ของมันและต้องดูแลมันให้ดี
    • ให้เวลากับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นของคุณเข้ากับชุมชนท้องถิ่น ออกไปเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติกับครอบครัว เพื่อนๆ หรือคนเดียว และเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับโลกที่คุณอาศัยอยู่ แบ่งปันความรักให้ธรรมชาติร่วมกับคนอื่นๆ เพื่อปลุกความผูกพันระหว่างผู้อื่นกับธรรมชาติให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง
  2. คนที่ใจดีมีความสุขกับการได้แบ่งปันให้ผู้อื่น คุณอาจจะแบ่งปันเสื้อกันหนาวตัวโปรด แบ่งขนมแสนอร่อยของคุณให้คนอื่นครึ่งหนึ่ง หรือแบ่งปันคำแนะนำด้านอาชีพการงานให้แก่คนที่อายุน้อยกว่า เรื่องของเรื่องก็คือคุณต้องแบ่งปันสิ่งที่สำคัญกับคุณจริงๆ ไม่ใช่ให้อะไรที่คุณไม่ต้องการแล้ว การให้เพื่อนยืมเสื้อกันหนาวตัวโปรดนั้นมีความหมายมากกว่าการให้เสื้อกันหนาวเหลือใช้ตัวเก่าๆ ที่คุณไม่เคยใส่ การแบ่งปันจะทำให้คุณเป็นคนเอื้อเฟื้อมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณเป็นคนใจดีมากขึ้นด้วย
    • สังเกตว่าใครจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่คุณมีจริงๆ พวกเขาอาจจะไม่ได้มาขอตรงๆ เสมอไป แต่คุณสามารถเสนอพวกเขาได้ก่อนที่พวกเขาจะยอมรับว่าจำเป็นต้องขอคุณจริงๆ
  3. การยิ้มเป็นการแสดงออกถึงความใจดีเพียงเล็กน้อยที่สร้างความประทับใจได้อย่างยาวนาน ฝึกนิสัยยิ้มให้คนแปลกหน้า เพื่อนๆ หรือคนรู้จัก คุณอาจจะไม่ต้องถึงขั้นยิ้มค้างไว้บนหน้าตลอด แต่การยิ้มให้คนอื่นจะทำให้คนอื่นยิ้มตอบและอาจจะเป็นการสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในวันนั้นให้คนอื่น นอกจากนี้การยิ้มยังช่วยหลอกใจคุณว่าคุณกำลังมีความสุขได้มากกว่าตอนก่อนยิ้มด้วย ทุกคนเอาชนะได้ด้วยการยิ้ม และระหว่างนั้นความสามารถในการเป็นคนใจดีของคุณก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
    • การยิ้มให้คนอื่นนอกจากจะทำให้พวกเขาสบายใจแล้ว ยังทำให้คุณดูเข้าถึงได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความใจดีอีกแบบหนึ่ง การยิ้มแย้มต้อนรับผู้อื่นอยู่เสมอและทำให้คนแปลกหน้าแปลกใจด้วยการยิ้มให้ก็เป็นวิธีแสดงออกถึงความใจดีวิธีหนึ่ง
  4. คนที่ใจดีจริงๆ เขาจะสนใจผู้อื่นอย่างแท้จริง พวกเขาไม่ได้ใจดีกับคนอื่นเพียงเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการหรือแกล้งทำเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือ แต่พวกเขาทำเพราะว่าพวกเขาห่วงใยว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร และอยากให้คนรอบข้างมีความสุข สุขภาพแข็งแรงอย่างแท้จริง การจะเป็นคนใจดีกว่าเดิมได้นั้นคุณต้องพยายามเพิ่มความสนใจที่มีต่อผู้อื่นและแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณห่วงใยพวกเขาด้วยการตั้งใจฟัง ถามคำถาม และเอาใจใส่พวกเขา วิธีการสนใจผู้อื่นก็เช่น:
    • ถามคนอื่นว่าเป็นอย่างไรบ้างและตั้งใจถามจริงๆ
    • ถามคนอื่นเกี่ยวกับงานอดิเรก ความสนใจ และครอบครัว
    • ถ้าเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ ขึ้นในชีวิตของคนที่คุณห่วงใย ถามเขาว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
    • ถ้าคนที่คุณรู้จักกำลังจะสอบครั้งใหญ่หรือกำลังจะไปสัมภาษณ์งาน ให้อวยพรให้เขาหรือเธอโชคดี
    • เวลาคุยกับคนอื่น ต้องให้อีกฝ่ายได้พูดอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการสนทนา อย่าคุมบทสนทนาไว้คนเดียวและสนใจอีกฝ่ายมากกว่าตัวเอง
    • สบตาและวางโทรศัพท์มือถือให้ห่างตัวเวลาคุยกับคนอื่น ทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับพวกเขาเป็นอันดับหนึ่ง
  5. คุณสามารถโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทได้โดยไม่จำเป็นต้องมีธุระ ตั้งเป้าหมายว่าจะโทรศัพท์หาเพื่อน 1 หรือ 2 คนต่อสัปดาห์ แค่โทรศัพท์ไปถามสารทุกข์สุกดิบและถามว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง อย่าโทรศัพท์เพื่อนัดหมายหรือถามอะไรเจาะจง โทรศัพท์ไปหาแค่เพราะว่าคุณคิดถึงและนึกถึงเขาหรือเธอมาสักพักแล้ว การที่อยู่ๆ คุณก็ติดต่อเพื่อนๆ นั้นจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุณห่วงใยพวกเขาและก็จะทำให้คุณรู้สึกดีด้วย วิธีนี้เป็นการแสดงออกถึงความใจดีและความห่วงใยของคุณวิธีหนึ่ง
    • ถ้าคุณไม่ค่อยมีเวลา คุณสามารถเริ่มได้จากการสร้างนิสัยโทรศัพท์หาเพื่อนในวันเกิดของเขา อย่าขี้เกียจแล้วส่งข้อความหรือโพสต์ใน Facebook แต่ให้โทรศัพท์หาเพื่อนจากใจจริง
  6. อีกหนึ่งวิธีที่แสดงออกถึงความใจดีก็คือการบริจาคสิ่งของเข้าการกุศล แทนที่จะทิ้งของเก่าหรือเอาไปขายในราคา 20 บาทที่ตลาดนัด สู้เอาของที่คุณไม่ใช้แล้วไปบริจาคเพื่อสร้างประโยชน์ให้คนอื่นดีกว่า ถ้าคุณมีเสื้อผ้า หนังสือ หรือของใช้ในบ้านอื่นๆ ที่ยังอยู่ในสภาพดี ให้ฝึกนำสิ่งของเหล่านั้นไปบริจาคให้การกุศลแทนที่จะเก็บไว้หรือทิ้งไปเพื่อเป็นการเผยแพร่จิตใจที่งดงามของคุณไปยังผู้อื่น
    • ถ้าคุณมีเสื้อผ้าหรือหนังสือที่คนรู้จักของคุณต้องการ อย่าอายที่จะบริจาคของสิ่งนั้นให้เขา วิธีนี้ก็เป็นการแสดงออกถึงความใจดีอีกวิธีหนึ่ง
  7. "ทำดีอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่คาดหวังรางวัล ไม่คิดว่าวันหนึ่งอาจจะมีคนทำแบบนี้ให้เราบ้าง” คำพูดนี้เป็นคำพูดของเจ้าหญิงไดอาน่า หลักการทำดีอย่างไม่มีเงื่อนไขนี้เป็นการแสดงออกถึงความใจดีที่มีชีวิตชีวาเพราะเป็นความพยายามอย่างตั้งใจจริงที่จะเผยแพร่ความใจดีนี้ออกไปให้มากขึ้น และมีกลุ่มคนที่ตั้งตัวขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่พลเมืองที่สำคัญนี้โดยเฉพาะ ! [11] . ตัวอย่างการทำดีอย่างไม่มีเงื่อนไขที่คุณเองก็สามารถทำได้มีดังนี้:
    • อาสาช่วยเพื่อนบ้านตัดหญ้าในสนามหญ้าหน้าบ้าน
    • ล้างรถให้เพื่อน
    • ช่วยคนถือของหนัก
    • วางของขวัญไว้หน้าประตูบ้านคนอื่น
  8. การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและวิธีการมองโลกอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่ลองมาอ่านหลักการเปลี่ยนแปลงชีวิตด้วยตัวเองของ Aldous Huxley กันสักนิด: " หลายคนมักถามผมว่า เทคนิคการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ได้ผลดีที่สุดคืออะไร มันออกจะน่าอายอยู่สักหน่อยที่หลังจากทำวิจัยและการทดลองมาหลายต่อหลายปี คำตอบที่ดีที่สุดคำตอบเดียวที่ผมจะให้ได้ก็คือ แค่ใจดีกว่าเดิมอีกสักหน่อย" [12] จำผลสรุปงานวิจัยที่ทดลองมาหลายต่อหลายปีของ Huxley ให้ขึ้นใจและปล่อยให้ความใจดีเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้อยู่เหนือความรู้สึกและการกระทำทั้งปวงที่เป็นผลมาจากความก้าวร้าว ความเกลียดชัง การดูหมิ่น ความโกรธ ความกลัว และการไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง และฟื้นฟูความเข้มแข็งที่ปราศจากความสิ้นหวังขึ้นมาใหม่
    • คุณสามารถยึดมั่นในการเป็นคนใจดีได้ด้วยการแสดงให้เห็นว่า การเอาใจใส่ต่อผู้อื่น สิ่งแวดล้อม และตนเองนั้นเป็นวิถีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง [13] วิธีนี้ไม่ได้การันตีความสำเร็จได้ในทันที เพราะความใจดีนั้นเป็นทางเลือกในการดำเนินชีวิต เป็นจังหวะและก้าวย่างที่ดำเนินไปพร้อมๆ กับทุกอย่างที่คุณคิดและทำ
    • ความใจดีจะช่วยปลดปล่อยภาระความกังวลที่คุณแบกเอาไว้ คุณจะไม่ต้องมาคอยกังวลว่าคนอื่นจะมีมากกว่าคุณ สมควรได้รับสิ่งนี้มากกว่าหรือน้อยกว่าคุณ สูงส่งหรือต้อยต่ำกว่าคุณ เพราะความใจดีนั้นเชื่อว่าทุกคนมีค่า รวมทั้งตัวคุณด้วย
    • ความใจดีจะทำให้คุณตระหนักได้ว่า เราทุกคนล้วนลงเรือลำเดียวกัน ถ้าคุณทำร้ายคนอื่นก็เท่ากับว่าคุณกำลังทำร้ายตัวเอง และสิ่งที่คุณทำเพื่อสนับสนุนคนอื่นนั้นก็จะกลับมาสนับสนุนคุณเองด้วย
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • ถ้ามีคนแปลกหน้ายิ้มให้คุณ อย่าลังเลที่จะยิ้มตอบ มันเป็นกิริยาท่าทางที่แสดงถึงความใจดี
  • การกระทำที่แสดงถึงความใจดีต่อยอดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นส่งต่อความใจดีโดยไม่ต้องหวังผลตอบแทน เพราะสุดท้ายแล้วมันจะกลับมาหาคุณเอง
  • ถามคนที่อยู่กับคุณว่า "เป็นยังไงบ้าง" รับฟังและถามคำถามเขา ความใจดีเกี่ยวพันกับความเอาใจใส่และความเห็นอกเห็นใจ ไม่ว่าใครก็อยากมีคน "รับฟัง" ทั้งนั้น
  • อย่าคิดแค่ในระยะสั้น การกระทำที่แสดงถึงความใจดีที่คุณได้ทำในวันนั้นอาจจะสอนให้ใครบางคนแสดงความใจดีต่อไปยังผู้อื่น และพวกเขาก็จะเรียนรู้ตัวอย่างการเป็นคนใจดีจากคุณในฐานะของคนที่ได้รับความเมตตา นอกจากนี้ความใจดียังมักจะก้องกังวานเหนือจุดเริ่มต้นเสมอ หลายคนต้องประหลาดใจเมื่อได้พบว่า ความเมตตาที่พวกเขาหยิบยื่นเมื่อหลายปีก่อนได้ตราตรึงอยู่ในหัวใจของคนๆ หนึ่งและเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือศรัทธาในตัวเองมากขึ้น จำไว้เสมอว่าความใจดีนั้นคงทน
  • การเป็นคนใจดียังทำให้คุณมีเหตุผลในการใช้ชีวิตและคิดบวกมากขึ้นด้วย
  • ช่วยถือกระเป๋าสัมภาระหนักๆ ให้คนที่ดูเหมือนว่าจะถือไม่ไหว
  • ไปบ้านพักคนชราและใช้เวลาเล่นเกมสนุกๆ กับคนแก่ที่ไม่ค่อยมีคนมาเยี่ยมสักประมาณ 1 ชั่วโมง
  • ซื้อถั่วลิสงและช็อกโกแลตจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วเอาไปให้คนไร้บ้าน
  • ใจดีกับคนยากจนหรือคนไร้บ้าน ให้อาหารหรือเงินแก่พวกเขา
  • ถ้ามีคนแก่เดินอยู่ข้างคุณ อย่าเร่งให้เขาเดินออกไปให้พ้นทาง ให้พูดว่า "ขอโทษนะครับ" หรืออาจจะช่วยพาเขาไปยังที่ที่เขากำลังจะไป
  • ช่วยคนตาบอดข้ามถนน
  • คุณอาจจะไม่ได้ชอบคนทุกคน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติ แม้แต่คนที่นิสัยดีที่สุดในโลกก็ยังรำคาญได้! แค่ทำตัวสุภาพเข้าไว้ก็พอ
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่ารู้สึกว่าตัวเองจะต้องโอ้อวดความดีให้คนอื่นฟัง อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ การทำดีเพียงเพราะหวังว่าจะได้รับคำชมจากคนรอบข้างนั้นไม่ใช่ความใจดีที่แท้จริง การได้ช่วยเหลือใครสักคนที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังได้รับความช่วยเหลือจากคุณอยู่นั้นก็เป็นการกระทำที่ดีเช่นเดียวกัน
  • ถ้าคุณโกรธหรือไม่พอใจใครจริงๆ ให้จำไว้ว่าความใจดีนั้นสร้างหนี้บุญคุณแก่มนุษย์อีกคนหนึ่งได้มากกว่าการแก้แค้น ใครๆ ก็สร้างความชอบธรรมให้กับความชั่วของตัวเองได้ แต่คุณไม่สามารถวิ่งหนีการได้รับการให้อภัยผ่านความใจดีได้
  • ต้องแน่ใจว่ามีคนต้องการความใจดีของคุณจริงๆ บางครั้ง "ความช่วยเหลือ" ที่ไม่ได้มาจากการร้องขอนั้นก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี "ไม่มีความดีใดไร้บทลงโทษ" บางครั้งเราอาจจะคิดว่าเรากำลังช่วยอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าเรากำลังสร้างปัญหาเพราะว่าเราไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหานั้นมากพอ
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Piero Ferrucci, The power of kindness , p. 8 (2007), ISBN 978-1-58542-588-4
  2. Piero Ferrucci, The power of kindness , p. 9 (2007), ISBN 978-1-58542-588-4
  3. Piero Ferrucci, The power of kindness , p. 7 (2007), ISBN 978-1-58542-588-4
  4. Stephanie Dowrick, Choosing Happiness , p. 55, (2005), ISBN 1-74114-521
  5. Stephanie Dowrick, Choosing Happiness , p. 4, (2005), ISBN 1-74114-521
  6. Leo Babauta, 7 Little Habits That Can Change Your Life and How to Form Them, http://zenhabits.net/7-little-habits-that-can-change-your-life-and-how-to-form-them/
  7. Leo Babauta, 7 Little Habits That Can Change Your Life and How to Form Them, http://zenhabits.net/7-little-habits-that-can-change-your-life-and-how-to-form-them/
  8. Stephanie Dowrick, Choosing Happiness , p. 357, (2005), ISBN 1-74114-521
  9. Stephanie Dowrick, Choosing Happiness , p. 341, (2005), ISBN 1-74114-521
  1. Stephanie Dowrick, Choosing Happiness , p. 279, (2005), ISBN 1-74114-521
  2. เช่นกลุ่ม ARK (Acts of Random Kindness, Ltd.) http://www.arkhq.com/
  3. Piero Ferrucci, The power of kindness , p. 11 (2007), ISBN 978-1-58542-588-4
  4. Piero Ferrucci, The power of kindness , p. 271 (2007), ISBN 978-1-58542-588-4

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 32,508 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา