ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หลายคนชอบความนุ่มของพรม แต่มันสกปรกเร็วมาก พรมเป็นตัวดูดซับได้ดี มันจึงมักจะดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ เอาไว้ ทั้งจากของที่หกหล่น อุบัติเหตุ และกลิ่นบุหรี่ ถ้าพรมของคุณมีกลิ่นเหม็น อย่าเพิ่งคิดว่าต้องซื้อใหม่เท่านั้นนะ คุณแค่อาจต้องทำความสะอาดเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพียงใช้ของในบ้านไม่กี่อย่าง คุณก็สามารถขจัดกลิ่นเหม็นที่ติดพรมออกไปได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

จัดการกับกลิ่นทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะจัดการกับพรม ให้เก็บเศษต่างๆ ที่หกทิ้งก่อน เช็ดน้ำที่เปียก และใช้น้ำสบู่ซับๆ ตรงรอยเปื้อนที่เห็นชัด คุณต้องทำให้พรมอยู่ในสภาพดีก่อนจะจัดการเรื่องกลิ่น
  2. ผงฟูจะช่วยทำให้กลิ่นที่ติดอยู่ที่พรมจางไป คุณต้องทาผงฟูบางๆ ที่พรม ควรเตรียมผงฟูกล่องใหญ่ไว้สำหรับแต่ละห้องที่จะทำความสะอาด ถ้ามันจับตัวกันก็ให้ใช้นิ้วเกลี่ย [1]
  3. แนะนำให้ทิ้งไว้สักสองสามชั่วโมง แต่ถ้ากลิ่นที่ติดพรมนั้นแรงมาก คุณอาจต้องทาทิ้งไว้ข้ามคืน [2]
    • อย่าให้สัตว์เลี้ยงและเด็กเข้าใกล้บริเวณนั้น
  4. คอยดูถุงหรือกล่องเก็บฝุ่นในเครื่องดูดฝุ่นด้วย เพราะผงฟูจะทำมันเต็มเร็วมาก ถ้าเต็มแล้วก็ให้เททิ้ง [3]
  5. ถ้าผงฟูอย่างเดียวใช้ไม่ได้ผล คุณสามารถผสมน้ำยาทำความสะอาดสูตรเข้มข้นเองได้ โดยใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ช้อนโต๊ะ (30 มิลลิลิตร) ผงฟู ¼ ถ้วยตวง (59 มิลลิลิตร) สบู่เหลว 1 ช้อนชา (5 มิลลิลิตร) และน้ำ 1 ลิตร ผสมทั้งหมดให้เข้ากันในภาชนะแบบเปิด ลองทดสอบกับจุดเล็กๆ บนพรมก่อนจะใช้กับพรมทั้งผืน [4]
    • สวมถุงมือตลอดขั้นตอนนี้
    • ห้ามปิดฝาภาชนะหลังจากผสมน้ำยาเสร็จแล้ว
  6. ใช้สเปรย์ฉีดดีกว่าเพราะจะทำให้ฉีดได้เรียบเสมอกัน แต่อย่าลืมถอดหัวฉีดออกและอย่าทิ้งน้ำยาที่เหลือไว้ในขวดสเปรย์ที่ปิดอยู่ ถ้าจะเทก็อย่าเยอะจนพรมชุ่ม [5]
    • อย่าลืมใส่ถุงมือ โดยเฉพาะถ้าจะเทน้ำยา
  7. น้ำยาต้องใช้เวลาในการทำงาน ควรปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ถ้าคุณจะเปิดห้องเพื่อระบายอากาศ ควรระวังไม่ให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าไป [6]
  8. ถ้าพรมยังมีส่วนที่เปียกอยู่ ให้ใช้ผ้าเก่าๆ หรือผ้าสีขาวซับ ที่เหลือก็ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง [7]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ขจัดกลิ่นบุหรี่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ต้องเทจนเต็ม เหลือขอบไว้บ้างเพื่อไม่ให้มันหกออกมา นำถ้วยไปวางไว้ในห้องที่มีพรมที่ติดกลิ่นบุหรี่ มันอาจจะไม่ได้ช่วยขจัดกลิ่นบนพรมได้ทั้งหมด แต่สารเหล่านั้นจะช่วยสลายกลิ่นควันบุหรี่ภายในห้องและทำให้หายไปได้ [8]
    • ห้ามนำน้ำส้มสายชูขาวกับแอมโมเนียมาผสมกัน เพราะจะทำให้เกิดแก๊สที่เป็นอันตราย
  2. น้ำส้มสายชูขาวและแอมโมเนียจะช่วยดูดซับกลิ่นได้ แม้จะไม่ได้เทลงบนพรมก็ตาม พอครบเวลาแล้วให้นำไปเททิ้ง [9]
    • ระวังอย่าให้สัตว์เลี้ยงและเด็กมายุ่งกับถ้วยน้ำส้มสายชูหรือแอมโมเนีย
  3. ทำเหมือนการขจัดกลิ่นทั่วไป คือโรยผงฟูทิ้งไว้ข้ามคืนก่อนใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก [10]
    • อย่าให้สัตว์เลี้ยงและเด็กเข้าไปในห้องขณะกำลังทำความสะอาด
    • คุณอาจใช้ผงทำความสะอาดพรมที่มีขายทั่วไปก็ได้ ลักษณะจะเป็นเม็ดๆ มีกลิ่นหอม
  4. เทน้ำส้มสายชูกลั่นขาวใส่ในเครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ. น้ำส้มสายชูขาวใช้เป็นกรดทำความสะอาดได้อย่างดี มันจะช่วยฆ่าเชื้อโรคและขจัดกลิ่นของสารทาร์และยางไม้ในบุหรี่ [11]
    • คุณจะหาซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมาใช้ก็ได้ บางชนิดจะสามารถขจัดกลิ่นบุหรี่ได้โดยเฉพาะ
  5. ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้เครื่อง ถ้าคุณไม่สามารถหาเครื่องทำความสะอาดแบบไอน้ำได้ ลองใช้น้ำส้มสายชูขาวราดพรม กลิ่นของน้ำส้มสายชูจะระเหยไปเอง
    • เปิดพัดลมไว้ตลอด และเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ถ้าทำได้ เพื่อป้องกันเชื้อราขึ้นพรมที่เปียก
    • คุณอาจลองเช่าเครื่องทำความสะอาดพรมระบบไอน้ำจากพวกร้านอุปกรณ์หรือห้าง
  6. เปิดพัดลมทิ้งไว้ให้พรมแห้ง เลี่ยงการเดินเหยียบบนพรมขณะยังเปียกอยู่
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

กำจัดกลิ่นจากสัตว์เลี้ยง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้กระดาษชำระซับน้ำปัสสาวะ เมื่อแห้งแล้วให้นำน้ำสะอาดมาราดและซับด้วยกระดาษชำระอีกที [12]
  2. น้ำยาล้างจานสีเขียวสามารถใช้ทำความสะอาดรอยปัสสาวะสัตว์เลี้ยงที่ยังใหม่ได้ หยดน้ำยาล้างจานนิดหน่อยลงบนกระดาษชำระเปียกๆ ทำให้เกิดฟองแล้วนำไปซับบริเวณที่สกปรกเพื่อล้างคราบปัสสาวะ [13]
  3. โรยผงฟูลงไปขณะที่พรมยังเปียก ผงฟูอาจจะชื้นๆ ไปด้วยแต่ก็ไม่เป็นไร [14]
  4. ผงฟูและน้ำยาล้างจานต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการขจัดสิ่งสกปรก ถ้าเปื้อนแค่จุดเล็กๆ ให้ใช้กระดาษชำระปิดทับไว้ระหว่างขั้นตอนนี้ [15]
  5. เมื่อบริเวณนั้นแห้งแล้วให้ใช้สเปรย์ฉีดน้ำส้มสายชูขาวใส่. ไม่ต้องทำความสะอาดผงฟูก่อน บริเวณนั้นอาจมีฟองบ้างเป็นเรื่องปกติเพราะผงฟูจะทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชู ซึ่งปฏิกิริยาของสารสองตัวนี้จะช่วยขจัดกลิ่นเหม็นให้หายไป [16]
    • หรือคุณจะทำความสะอาดบริเวณที่สกปรกด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูขาวและผงฟูก็ได้ โดยนำน้ำ 1 ถ้วยตวง (237 มิลลิลิตร) น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง (237 มิลลิลิตร) และผงฟู 2 ช้อนโต๊ะ (30 มิลลิลิตร) มาผสมกันแล้วกรอกใส่ขวดสเปรย์ น้ำยานี้สามารถเก็บได้ 2-3 เดือน [17]
    • ถ้ากลิ่นเหม็นยังติดพรมอยู่ สามารถใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ราดบริเวณที่เปื้อนปัสสาวะได้ แต่ควรทดสอบกับจุดเล็กๆ ที่ไม่เด่นบนพรมก่อนเพราะมันอาจไปกัดสีพรมได้
    • ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เอนไซม์เป็นตัวสลายกลิ่นนั้นมีจำหน่ายทั่วไป แถมยังไม่ต้องทำความสะอาดเพิ่มเติมด้วย
  6. คอยดูบริเวณที่ฉีดไว้ด้วย ระหว่างอย่าให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ [18]
    • ถ้าคุณใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ให้ปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาที [19]
  7. เช็ดผงฟูออกให้หมดและซับพรมให้แห้ง เมื่อพรมแห้งแล้วลองดมดูว่ายังมีกลิ่นเหม็นติดอยู่หรือเปล่า ถ้ามี อาจต้องใช้เครื่องพ่นไอน้ำทำความสะอาดพรม [20]
    • ถ้าด้านในพรมชุ่มไปด้วยปัสสาวะ คุณอาจต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อให้กลิ่นหายไป
  8. ถ้าพรมคุณมีกลิ่นจากสัตว์เลี้ยงฝังแน่น อาจต้องทำความสะอาดหมดทั้งผืนด้วยเครื่องซักพรม คุณจะซื้อน้ำยาขจัดกลิ่นมาใช้หรือจะทำเองก็ได้โดยใช้น้ำกับน้ำส้มสายชูขาวผสมกัน เปิดเครื่องและไถไปให้ทั่วพรมแล้วปล่อยไว้ให้แห้ง คุณอาจต้องไถย้ำๆ หลายรอบเพื่อลบล้างกลิ่นออกไป
    • ถ้าพรมมีกลิ่นฝังแน่น น้ำยาทำความสะอาดชนิดที่มีเอนไซม์จะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นได้ แค่ราดน้ำยาลงบนพรมแล้วทิ้งไว้ให้แห้งเท่านั้น ใช้ง่ายมากเลย
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ขจัดกลิ่นเชื้อรา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณได้กลิ่นอับๆ จากเชื้อรา อาจเป็นไปได้ว่าในบ้านคุณมีความชื้นสูง การกำจัดกลิ่นอาจไม่พอให้กลิ่นที่ติดพรมหายไป เพราะสปอร์ของราก็ยังคงเจริญเติบโตต่อได้ ที่ควรทำคือปรับเปลี่ยนกิจวัตรเพื่อลดความชื้นในบ้านลง อย่างการเปิดพัดลมไว้ระหว่างอาบน้ำ เปิดหน้าต่างเพื่อให้ไอน้ำที่อาบหรือไอน้ำจากการทำอาหารระเหยไป และใช้เครื่องดูดความชื้น [21]
  2. ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบเปียก-แห้ง เพื่อขจัดน้ำส่วนเกินออก. ถ้าพรมคุณเปียก เครื่องดูดฝุ่นแบบเปียก-แห้งสามารถช่วยจำกัดการเจริญของเชื้อราได้โดยดูดเอาความเปียกชื้นที่เอื้อต่อการเติบโตของเชื้อราออกไป
  3. ผสมน้ำส้มสายชูขาว 1 ถ้วยตวง (237 มิลลิลิตร) กับน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง (0.5 ลิตร). ใช้น้ำผสมน้ำส้มสายชูเพื่อขจัดกลิ่นจากเชื้อรา ให้ใช้น้ำอุ่นแต่ไม่ร้อน [22]
    • อย่าเอาน้ำไปต้มบนเตา
  4. ฉีดบนพรมให้ทั่วทั้งห้อง ควรให้พรมเปียกหมาดๆ พอที่จะทำปฏิกิริยากับผงฟูได้ [23]
  5. โรยผงฟูลงไปบนพรมขณะยังเปียกหมาดๆ ผงฟูจะทำปฏิกิริยากับน้ำส้มสายชูเจือจาง [24]
    • คุณอาจสะดวกจะทำแค่พื้นที่เล็กๆ ในห้องมากกว่าทั้งห้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องและประสิทธิภาพของที่ฉีดสเปรย์ที่ใช้
  6. อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือทั้งคืน ขึ้นอยู่กับว่าคุณฉีดไปเยอะแค่ไหน และใช้พัดลมเป่าพรมให้แห้งด้วยหรือเปล่า [25]
  7. เสร็จแล้วนำไปเททิ้งถังขยะนอกบ้าน [26]
  8. เร่งให้มันแห้งเร็วขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นเชื้อรากลับมาอีก เปิดหน้าต่างด้วยก็ได้เพื่อไม่ให้ห้องอับเกินไป แต่ก็ดูสภาพอากาศด้วย
  9. ถ้าบ้านคุณได้รับความเสียหายจากน้ำหรือเชื้อรา คุณอาจต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เชื้อราเป็นปัญหาใหญ่ที่บานปลายได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเรียกผู้เชี่ยวชาญมาแก้ไขได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ยิ่งดีต่อบ้านคุณเอง [27]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าใช้วิธีเหล่านี้แล้วยังกำจัดกลิ่นเชื้อราหรือกลิ่นจากสัตว์เลี้ยงไม่ได้ พรมของคุณอาจเสียหายมากเกินไปและควรต้องเปลี่ยนใหม่
  • ห้ามใช้น้ำส้มสายชูกับพื้นหินอ่อนหรือหินธรรมชาติ กรดในน้ำส้มสายชูจะไปทำลายพื้นผิวได้
  • ถ้ามีกลิ่นบุหรี่ในบ้าน คุณควรทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ ผนัง และหน้าต่างด้วย เพื่อกำจัดกลิ่นบุหรี่ให้หมดไป
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใช้น้ำอุ่นหรือเครื่องพ่นไอน้ำทำความสะอาดคราบปัสสาวะ เพราะความร้อนจะทำให้คราบยิ่งฝังแน่น
  • ใช้ความระมัดระวังในการผสมสารทำความสะอาด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและสวมถุงมือทุกครั้ง
  • หากบ้านคุณมีสัตว์เลี้ยงหรือเด็ก ควรระวังอย่าให้มาใกล้ขณะทำความสะอาดทุกขั้นตอน
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 14,097 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา