ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หมัดระบาดแล้วได้ยุ่งกันยกใหญ่ เพราะทำคุณลำบากใจ เหมือนหมัดจะยกโขยงกันมาไม่มีจบสิ้น บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการกำจัดหมัดจากพรมให้คุณเอง นอกจากนี้ยังมี 2 - 3 เคล็ดลับสำหรับป้องกันไม่ให้หมัดกลับมากวนใจอีก

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ทำความสะอาด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้เสียบหัวดูดเล็กลง จะได้เก็บงานละเอียด อย่าไถเครื่องดูดฝุ่นไปเรื่อยเปื่อย เริ่มจากด้านหนึ่งของห้อง แล้วดูดฝุ่นไล่ไปเป็นเส้นจนครบพรมทั้งผืน เน้นหนักตามมุมห้องและบัวเชิงผนัง เพราะหมัดชอบซ่อนตัวตามมุมมืดและอับชื้น ต้องคอยดูดฝุ่นใต้เฟอร์นิเจอร์ให้ดี
    • เน้นเป็นพิเศษบริเวณที่สัตว์เลี้ยงชอบไปขลุกอยู่ รวมถึงตามบัวเชิงผนัง แถวประตู และใต้เฟอร์นิเจอร์
    • ถ้าหมัดระบาดหนัก ต้องดูดฝุ่นทุกวัน ติดต่อกัน 10 - 14 วัน [1]
  2. เน้นหนักที่ฐานและด้านใต้ หมัดชอบกระโดดขึ้นเฟอร์นิเจอร์ ถ้าไม่พลิกพรมมาดูดฝุ่น อาจกลายเป็นแหล่งกบดาน
  3. แต่ห้ามทิ้งในบ้าน ต้องเอาถุงออกจากเครื่องดูดฝุ่น ซ้อนในถุงพลาสติกอีกที มัดปากให้แน่น แล้วเอาไปทิ้งถังขยะนอกบ้าน จะได้แน่ใจว่าหมัดจะไม่กลับมาในบ้านและตามพรมอีก [2]
    • ถ้าเครื่องดูดฝุ่นเป็นแบบ canister คือเป็นกระบอก ไม่มีถุงเก็บฝุ่น ก็ต้องเอาออกมาเทฝุ่นใส่ถุงพลาสติก มัดให้แน่น แล้วเอาไปทิ้งถังขยะนอกบ้าน
  4. ถ้าไม่มี steam cleaner หรือเครื่องทำความสะอาดด้วยไอน้ำ ก็ต้องหาซื้อหรือยืมเพื่อนมาใช้ก่อน อย่าลืมอ่านคำแนะนำการใช้งานให้ละเอียดแล้วทำตามอย่างเคร่งครัด หรือถ้ามีงบก็ใช้บริการบริษัททำความสะอาดที่เขาใช้เครื่องพ่นไอน้ำซะเลย ไอน้ำอุณหภูมิสูงที่ปล่อยออกมาจะฆ่าได้ทั้งไข่และหมัดโตเต็มวัยเลย
  5. ให้ซักเครื่องด้วยความร้อนสูง แล้วอบต่อด้วยความร้อนสูงสุดของเครื่อง ทำแบบนี้ทุกวันจนหาหมัดไม่เจอ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ใช้สารเคมี วิธีธรรมชาติ และอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้ยาฆ่าแมลงที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยงและคน ใช้ในบ้านได้. ฉีดยาฆ่าแมลงแบบใช้ในบ้านที่พรม แล้วรอจนแห้งค่อยเริ่มดูดฝุ่น ดูดฝุ่นซ้ำทุก 2 - 3 วันต่อไปอีก 2 อาทิตย์ ยาฆ่าแมลงจะกำจัดหมัดโตเต็มวัยได้ แต่กำจัดไข่หมัดไม่ได้ ถ้าดูดฝุ่นก็จะช่วยลดปัญหาการแพร่พันธุ์ รอสัก 2 - 3 อาทิตย์แล้วค่อยทำซ้ำ [3]
    • ถ้าจะใช้ยาฆ่าแมลง ก็ต้องแยกหมาแมวไปไว้ที่อื่นก่อน เพราะเดี๋ยวเป็นอันตราย อย่าลืมว่ายาฆ่าแมลงเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยงด้วย กันไว้ก่อน จะได้ไม่เสียใจภายหลัง ก่อนใช้ต้องอ่านคำแนะนำที่ฉลากแล้วทำตามอย่างเคร่งครัด ยาบางตัวฉีดแล้วก็ต้องรอนานหลายชั่วโมงกว่าจะกลับเข้าห้องได้ [4]
  2. เน้นหนักบริเวณที่สัตว์เลี้ยงชอบไปขลุกอยู่ รวมถึงโถงทางเดิน แถวบัวเชิงผนัง และใต้เฟอร์นิเจอร์ ให้โรยผงบอแรกซ์หรือเกลือให้ทั่วพรม เอาให้แทรกไปตามเส้นใยเลย ถ้าใช้ผงบอแรกซ์ ให้โรยทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วค่อยดูดฝุ่นวันรุ่งขึ้น ถ้าใช้เกลือ ให้รอ 24 - 48 ชั่วโมงแล้วค่อยดูดฝุ่น ระหว่างนั้นอย่าให้หมาแมวเข้ามา จนกว่าจะดูดฝุ่นเอาเกลือหรือผงบอแรกซ์ออกไปหมด [5]
    • ถ้าใช้ผงบอแรกซ์ ต้องกันสัตว์เลี้ยงกับเด็กเล็กให้พ้นจากบริเวณ
    • ถ้าใช้เกลือ ต้องเลือกที่เม็ดละเอียดที่สุด
  3. ผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วนกับน้ำ 1 ส่วนแล้วเทใส่ขวดสเปรย์ จากนั้นปิดฝาให้แน่นแล้วเขย่าจนเข้ากัน จะใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาวหรือน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลก็ได้ เอาไปผสมน้ำแล้วฉีดพ่นพรม เน้นหนักบริเวณที่สัตว์เลี้ยงนั่งๆ นอนๆ บ่อยๆ รวมถึงบัวเชิงผนัง ทางเข้าบ้าน และใต้เฟอร์นิเจอร์ [6]
    • หมัดขยาดกลิ่นน้ำส้มสายชู ถ้าใช้กำจัดหมัดโตเต็มวัยก็ได้ผล
  4. ฝานเลมอน 1 - 3 ลูกเป็นชิ้นบางๆ แล้วเทน้ำ 2 ถ้วยตวง (ประมาณ 474 มล.) ใส่หม้อ ใส่เลมอนฝานในน้ำแล้วต้ม พอน้ำเริ่มเดือด ให้ยกหม้อลงแล้วปิดเตา แช่เลมอนไว้ข้ามคืน วันต่อมาให้เอาชิ้นเลมอนฝานออก เทน้ำเลมอนใส่ขวดสเปรย์แล้วใช้ฉีดพ่นที่พรม เน้นหนักบริเวณที่สัตว์เลี้ยงนั่งๆ นอนๆ บ่อยๆ รวมถึงบัวเชิงผนัง ทางเข้าบ้าน และใต้เฟอร์นิเจอร์
    • หมัดเกลียดกลิ่นน้ำส้มสายชู ถ้าเอาน้ำผสมเลมอนที่ว่าไปฉีดพรมก็น่าจะเห็นผลอยู่ [7]
  5. ถ้าไม่แน่ใจว่าหมัดหลบอยู่ตรงไหนของพรม ก็ให้ต้อนไปรวมกันที่กับดักหมัด โดยเติมน้ำในชามหรือถ้วยเล็กๆ แล้วหยดน้ำยาล้างจานไป 2 - 3 หยด จากนั้นคนให้เข้ากัน เอาชามที่ว่าไปวางที่พื้นแถวๆ ผนัง ข้างโคมไฟ ตกกลางคืนก็เปิดโคมไฟซะ หมัดจะโดดมาหาไฟแล้วตกไปในชามน้ำแทน น้ำยาล้างจานในน้ำจะทำให้หมัดโดดกลับออกไปไม่ได้ เช้าวันต่อมาคุณก็แค่ปิดโคมไฟ แล้วเทน้ำทิ้ง ก็เรียบร้อย [8]
    • ถ้าสัตว์เลี้ยงอยู่แถวนั้นต้องพาไปไว้ห้องอื่น แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องหาอะไรมาครอบแทน โดยเหลือช่องไว้พอให้หมัดกระโดดเข้าไป
    • จะใช้ไฟ LED แบบ nightlight ที่แสงจ้าๆ แทนก็ได้
  6. บริษัทพวกนี้จะกำจัดหมัดได้หมดจด มืออาชีพและเห็นผลกว่ากำจัดเองแน่นอน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ใช้ดินเบา (Diatomaceous Earth)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้องเป็น food grade (สัมผัสกับอาหารได้) ไม่ใช้แบบที่เอาไปปั้นหรือใช้กับสระว่ายน้ำ ถ้าเป็น food grade สัตว์เลี้ยงเผลอกินเข้าไปก็ไม่อันตราย
  2. ให้เสียบหัวดูดเล็กลง แล้วดูดฝุ่นทั่วทั้งพรม โดยเฉพาะบริเวณที่สัตว์เลี้ยงชอบไปขลุกอยู่ รวมถึงทางเข้าออกประตู และบัวเชิงผนัง
  3. เน้นหนักบริเวณที่สัตว์เลี้ยงชอบไปขลุกอยู่ รวมถึงแถวบัวเชิงผนัง แถวประตู และใต้เฟอร์นิเจอร์ ดินเบาทำจากฟอสซิลพืชทะเลเล็กๆ เลยไปบาดตัวหมัด
  4. ถ้าอยากกำจัดหมัดบนพรม ก็ต้องกำจัดหมัดที่อื่นด้วย โดยเฉพาะเบาะนอนของสัตว์เลี้ยง ให้โรยดินเบาบนเบาะนอนแล้วทิ้งไว้ 2 - 3 วัน ระหว่างนั้นต้องเก็บให้พ้นสัตว์เลี้ยง พอครบ 2 - 3 วันก็ให้ดูดฝุ่นเบาะ หรือดีกว่านั้นคือซักเครื่องแบบใช้น้ำร้อน
  5. ถ้าโรยดินเบาไปแถวบริเวณที่สัตว์เลี้ยงชอบไปขลุกอยู่ ฝุ่นดินเบาบางส่วนอาจจะติดตามขนได้ ต้องอาบน้ำให้สะอาด แต่แน่นอนว่าใครเลี้ยงแมวก็ต้องทำใจ เพราะอาบยากกว่าหมาเยอะ
    • ลองใช้แชมพูแบบ soap-free (ไม่ผสมสบู่) หรือแบบมีมอยซ์เจอไรเซอร์ เพราะดินเบาจะทำสัตว์เลี้ยงผิวแห้งเป็นพิเศษ ถ้าใช้แชมพูแบบที่ว่าจะช่วยได้ อย่าลืมสางขนด้วยหวีซี่ถี่สำหรับกำจัดไข่ ตัวอ่อน และหมัดโตเต็มวัย [9]
  6. พอผ่านไปได้ 4 - 5 วันให้ดูดฝุ่นพรม เน้นหนักบริเวณที่หมาแมวชอบไปอยู่ รวมถึงบัวเชิงผนัง ทางเข้าประตู และใต้เฟอร์นิเจอร์
  7. แต่ห้ามทิ้งในบ้าน ต้องเอาถุงออกจากเครื่องดูดฝุ่น ซ้อนในถุงพลาสติกอีกที มัดปากให้แน่น แล้วเอาไปทิ้งถังขยะนอกบ้าน จะได้แน่ใจว่าหมัดจะไม่กลับมาในบ้านและตามพรมอีก
    • ถ้าเครื่องดูดฝุ่นเป็นแบบ canister คือเป็นกระบอก ไม่มีถุงเก็บฝุ่น ก็ต้องเอาออกมาเทฝุ่นใส่ถุงพลาสติก มัดให้แน่น แล้วเอาไปทิ้งถังขยะนอกบ้าน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ป้องกันไม่ให้หมัดกลับมาแพร่พันธุ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่หมัดเดินตามพรมก็เพราะร่วงมาจากตัวสัตว์เลี้ยงนี่แหละ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเลยเป็นการสำรวจตามตัวสัตว์เลี้ยง ว่ามีหมัดหรือเปล่า ถ้าหมาแมวเกาตัวเท้าเป็นระวิง ก็เป็นไปได้มากว่ามีหมัด
  2. ให้ซื้อหวีซี่ถี่สำหรับสางหาหมัดโดยเฉพาะ มีขายตามร้านขายของใช้สัตว์เลี้ยงและตามคลินิกรักษาสัตว์ หวีสางหมัดนี้ซี่เล็กถี่มาก เลยสางหมัดจากขนสัตว์ได้ละเอียด แถมช่วยกำจัดขนที่ร่วงไม่ให้ฟุ้งกระจาย
    • หาถ้วยใส่น้ำแล้วหยดน้ำยาล้างจานไป 2 - 3 หยด สางแล้วก็เอาหวีจุ่มน้ำให้หมัดจมน้ำตาย เป็นวิธีกำจัดหมัดที่สะดวกเวลาสางขนสัตว์เลี้ยง [10]
  3. หมัดจะจมน้ำตาย ส่วนน้ำยาล้างจานก็ฆ่าตัวอ่อนได้ ถ้าใช้สบู่สำหรับกำจัดหมัดโดยเฉพาะได้ยิ่งดี แต่วิธีนี้ใช้กับแมวไม่ค่อยได้ เพราะรู้กันอยู่ว่าแมวส่วนใหญ่เกลียดน้ำ ถูกจับอาบน้ำทีไรได้แผลทุกที แต่ถ้าจะอาบให้จริงๆ ก็ต้องใส่ถุงมือหนาๆ และเสื้อแขนยาว จะได้เจ็บน้อยหน่อย
  4. พาสัตว์เลี้ยงไปหาหมอ เพื่อปรึกษาเรื่องใช้ยากินกำจัดหมัด คุณหมอจะจ่ายยา โดยแนะนำตัวยา (ของหมาหรือแมว) และปริมาณที่เหมาะสมให้ แต่ถ้าอยากซื้อให้หมาแมวกินเอง ก็ต้องอ่านฉลากให้ละเอียด ว่าสำหรับหมาหรือแมว อายุเท่าไหร่ และน้ำหนักเท่าไหร่ ห้ามละเลยเพราะสัตว์เลี้ยงอาจกินยาเกินขนาด อันตรายมาก
    • อันนี้แล้วแต่ชนิดยา เพราะยากำจัดหมัดมีทั้งแบบกินและใช้ภายนอก ถ้าเป็นยาใช้ภายนอก ปกติจะหยดที่หลังคอสัตว์เลี้ยง ตรงกลางระหว่างกระดูกสะบัก ต้องอ่านวิธีใช้ที่ฉลากให้ละเอียด จะได้รู้ว่าควรให้ยาปริมาณเท่าไหร่
    • สังเกตว่าใช้ยาแล้วสัตว์ไม่สบายตัวหรือเกิดอาการแพ้หรือเปล่า บางทีหมาหรือแมวก็แพ้ยากำจัดหมัดได้เหมือนกัน
    • ห้ามใช้ยากำจัดหมัดสลับกันระหว่างหมากับแมว และต้องใช้ตามปริมาณที่แนะนำ ห้ามให้ยาเกินขนาด
  5. flea collar จะมีสารเคมีไว้ไล่หมัด เหมาะสำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบเปิด ปล่อยไปเดินเล่นนอกบ้าน เพราะถ้าหมัดไม่มาเกาะแต่แรก ก็จะไม่ตามเข้าบ้านมาจนลงหลักปักฐานที่พรม ลองใส่ปลอกคอให้หมาดู แล้วรัดกระชับโดยที่ยังสอดนิ้วเข้าไปได้ สุดท้ายตัดปลายส่วนเกินออก
  6. หลายคนชอบใส่กระเทียมหรือ brewer's yeast นิดหน่อยในอาหารหมา เพราะเชื่อว่าใช้ไล่หมัดได้ (ไม่มาป้วนเปี้ยนแถวพรม) แต่เขาวิจัยกันมาแล้ว ว่าทำแบบนั้นเสียเวลาเปล่า [11]
    • ห้ามให้แมวกินกระเทียมเด็ดขาด ใช้ได้เฉพาะกับหมา เพราะกระเทียมอันตรายต่อแมวมาก
  7. คุณผสมสเปรย์ไล่หมัดเองได้ เอาไว้ฉีดตามพรม แค่เทน้ำใส่ขวดสเปรย์ แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยลงไป 2 - 3 หยด จากนั้นเขย่าขวดให้เข้ากัน ฉีดพ่นตามพรมได้เลย เป็นสูตรที่ปลอดภัยทั้งกับหมาและเด็กๆ แต่ไม่ปลอดภัยกับแมวนี่สิ
    • น้ำมันหอมระเหยที่ใช้ไล่หมัดได้ และไม่เป็นอันตรายต่อหมาก็เช่น มะกรูด (bergamot), ไม้สนซีดาร์ (cedar wood), ตะไคร้หอม (citronella), ยูคาลิปตัส (eucalyptus), เจอเรเนียม (geranium), ลาเวนเดอร์ (lavender), เลมอน (lemon), ตะไคร้ (lemongrass), เปปเปอร์มินต์ (peppermint), โรสแมรี่ (rosemary), ใบเสจ (sage) และส้มรสหวาน (sweet orange) [12]
    • ห้าม ใช้สเปรย์นี้กับแมว เพราะแมวแพ้น้ำมันหอมระเหยอย่างรุนแรง
  8. มีพืชบางชนิดที่หมัดไม่ชอบกลิ่น ใช้ฆ่าหมัดไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้เข้าบ้าน ลองหาซื้อพืชไล่หมัดพวกนี้มาปลูกดู โดยเฉพาะในบ้าน พืชที่ว่าก็เช่น [13]
    • แคทนิป - ตลกดีว่าหมัดเกลียดเข้าไส้ แต่แมวเลิฟเป็นที่สุด!
    • คาโมไมล์ - ทั้งสวยและหอมชื่นใจ แถมเอาดอกมาชงชาได้อีก
    • ลาเวนเดอร์ - หอมสำหรับคน แต่เหม็นสำหรับหมัดจนไม่กล้าย่างกรายเข้าบ้านคุณ ปลูกแล้วออกดอกสีม่วงอมเทา สวยน่ามอง
    • ตะไคร้ - นอกจากไล่หมัดแล้ว ยังใช้ทำอาหารได้อีกต่างหาก
    • มินต์ - นอกจากไล่หมัดได้เห็นผลแล้ว ยังใช้ทำอาหารได้! จะแต่งรสอาหารหรือเครื่องดื่มก็ได้ทั้งนั้น
    • โรสแมรี่ - เป็นสมุนไพรยอดนิยม นอกจากไล่หมัดแล้ว ยังใช้ปรุงอาหารได้สารพัดอย่าง
    • เสจ - เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่ใช้ไล่หมัดและทำอาหารได้ในเวลาเดียวกัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าอยู่ในคอนโดห้องสตูดิโอ กิน นอน นั่งเล่นห้องเดียวจบ แล้วอยากใช้ดินเบา เกลือ ผงบอแรกซ์ หรือยาฆ่าแมลง ก็ต้องทำแค่ครึ่งห้องก่อน แล้ววันต่อมาค่อยจัดการครึ่งห้องที่เหลือ ไม่งั้นทั้งคุณและสัตว์เลี้ยงจะทำอะไรไม่ได้เลย
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามปล่อยสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กไปเดินหรือนอนบนพรม ภายใน 2 - 3 วันหลังโรยหรือฉีดพ่นยากำจัดหมัด
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,170 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา