ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ราดำหรือ Stachybotrys Chartarum นั้นทั้งไม่น่ามอง และยังมีแววว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพในครัวเรือนอีกด้วย ปัญหาเรื่องราขนาดใหญ่สามารถจัดการได้อย่างเชี่ยวชาญโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่จำเป็นในการกำจัดราออกจากบ้าน ราที่มีขนาดเล็กกว่า อาจใช้แค่น้ำส้มสายชูใสกลั่นจัดการแบบออร์แกนิกก็พอแล้ว

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การกำจัดรา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ราที่เติบโตขึ้นในบ้านของคุณอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพรุนแรงได้ คนที่แพ้ราจะรู้สึกระคายเคืองในคอ ที่ตา บนผิวหนัง และในปอดได้เลย การกำจัดราจะช่วยให้บ้านสะอาด ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพมากขึ้นนั่นเอง [1]
    • เชื้อราอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้
    • เชื้อราเป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจและปอดด้วย
    • เชื้อราทำให้ไอ หายใจเสียงดัง และจะไปเพิ่มอาการโรคหอบหืดอีกเช่นกัน
  2. สวมถุงมือที่ไม่มีรูขณะที่ทำความสะอาดด้วยน้ำส้มสายชู. น้ำส้มสายชูเป็นวัสดุจากธรรมชาติและเป็นออร์แกนิก แต่การสัมผัสน้ำส้มสายชูโดยตรงอาจเป็นการระคายเคืองต่อผิวคุณได้ ให้ป้องกันด้วยการสวมถุงมือขณะที่ใช้น้ำส้มสายชูอยู่ด้วยนะ
  3. อย่าผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำเปล่าล่ะ ดูให้แน่ใจว่าคุณมีน้ำส้มสายชูพอที่จะใช้กับบริเวณที่คุณต้องการจะทำความสะอาดดี [2]
  4. ฉีดบริเวณนั้นให้ทั่วด้วยน้ำส้มสายชู ใช้ไปอย่ากลัวเปลือง ดูให้แน่ว่ามีน้ำส้มสายชูเพียงพอให้ฉีดเพื่อจะกำจัดเชื้อรา [3]
    • ถ้าคุณไม่มีขวดสเปรย์ จะใช้ผ้าที่ทิ้งได้ก็ได้ ด้วยการจุ่มผ้าลงในน้ำส้มสายชูแล้วเช็ดบริเวณที่เกิดราให้ชุ่มไปด้วยน้ำส้มสายชูเลย
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    "ถ้าคุณใช้น้ำส้มสายชูกำจัดราในห้องน้ำ อย่าฉีดมันบนฝักบัวหรือบนกระเบื้องที่ทำจากหินธรรมชาติ เพราะมันอาจเกิดกัดกร่อนได้"

    Marcus Shields

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดและเป็นเจ้าของ Maideasy
    มาร์คัสเป็นเจ้าของ Maid Easy บริษัทให้บริการทำความสะอาดบ้านพักอาศัยในฟีนิกซ์ อริโซนา รากเหง้าของความเชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดของเขาต้องย้อนไปถึงคุณย่าที่เป็นผู้ดูแลความสะอาดให้บ้านในชุมชนสมัยทศวรรษที่ 60 ถึง 70 หลังจากทำงานด้านเทคโนโลยีมาเป็นสิบปี เขากลับมาหาอุตสาหกรรมการทำความสะอาดและเปิด Maid Easy เพื่อส่งต่อเคล็ดลับวิธีการทำความสะอาดจากการทดลองแล้วได้ผลในครอบครัวไปให้กับผู้อยู่อาศัยในเมืองฟีนิกซ์
    Marcus Shields
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดและเป็นเจ้าของ Maideasy
  5. ต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อที่น้ำส้มสายชูจะได้ทำปฏิกิริยากับเชื้อราและทำลายมัน รออย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะกลับมาขัดมันออกไป
  6. โดยใช้แปรงขัดบริเวณที่ฉีดน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ ขณะที่ใช้อยู่ก็คอยล้างแปรงให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นด้วย [4]
    • การใช้แปรงขัดจะทำให้กำจัดเชื้อราได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผิวของคุณไม่สัมผัสกับน้ำส้มสายชูขณะทำความสะอาดอีกด้วย
    • หาแปรงที่มีขนาดเหมาะสมกับการทำงาน อาจต้องใช้แปรงขนาดใหญ่เพื่อขัดพื้นผิวที่มากหน่อย หรือแปรงขนาดเล็กเพื่อเข้าไปขัดในรอยแตกหรือมุม
  7. เมื่อกำจัดราออกไปแล้ว ให้ใช้น้ำอุ่นเช็ดบริเวณนั้นให้สะอาดและปล่อยให้แห้ง ถ้ารายังฝังแน่นอยู่ ให้เริ่มขั้นตอนใหม่หมดจนกว่าราจะถูกกำจัด [5]
    • น้ำส้มสายชูมักจะส่งกลิ่นไว้ด้วย ซึ่งก็จะจางหายไปเองในไม่กี่ชั่วโมง
  8. ผสมน้ำส้มสายชูกับอย่างอื่นเพื่อเพิ่มพลังการกำจัด. น้ำส้มสายชูสามารถฆ่าเชื้อราได้ 82% จากทุกสายพันธุ์ แปลว่ายังมี 18% ที่ทนต่อน้ำส้มสายชูได้หลงเหลืออยู่ ถ้าคุณรู้สึกว่าน้ำส้มสายชูไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเชื้อราเลย ก็ให้ลองผสมมันเข้ากับบอแรกซ์ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เบกกิ้งโซดา หรือเกลือดู [6]
    • ผสมน้ำส้มสายชูกับส่วนผสมอื่นแค่หนึ่งอย่างต่อครั้งพอนะ ถ้ามันไม่ได้ผลก็ค่อยไปผสมอย่างอื่นเอา
    • ห้ามผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำยาฟอกขาวเด็ดขาด มันจะทำให้เกิดควันพิษที่อันตรายขึ้นได้
    • ถ้าส่วนผสมข้างต้นยังไม่ได้ผล หรือว่ามีราขนาดใหญ่มากจริงๆ คุณอาจต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญมากำจัดราในบ้านให้แล้วล่ะ
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    "จะทำความสะอาดคราบและเชื้อราบนประตูห้องน้ำ ให้ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วเช็ดออก"

    Marcus Shields

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดและเป็นเจ้าของ Maideasy
    มาร์คัสเป็นเจ้าของ Maid Easy บริษัทให้บริการทำความสะอาดบ้านพักอาศัยในฟีนิกซ์ อริโซนา รากเหง้าของความเชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดของเขาต้องย้อนไปถึงคุณย่าที่เป็นผู้ดูแลความสะอาดให้บ้านในชุมชนสมัยทศวรรษที่ 60 ถึง 70 หลังจากทำงานด้านเทคโนโลยีมาเป็นสิบปี เขากลับมาหาอุตสาหกรรมการทำความสะอาดและเปิด Maid Easy เพื่อส่งต่อเคล็ดลับวิธีการทำความสะอาดจากการทดลองแล้วได้ผลในครอบครัวไปให้กับผู้อยู่อาศัยในเมืองฟีนิกซ์
    Marcus Shields
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดและเป็นเจ้าของ Maideasy
  9. ใส่หน้ากากกรองอากาศ N95 ด้วยถ้าจะกำจัดราจำนวนมาก. คุณสามารถหาซื้อหน้ากากกรองอากาศ N95 ได้ที่ร้านขายอุปกรณ์ใกล้บ้าน ทำตามคำแนะนำบนฉลากเพื่อสวมหน้ากากให้เข้ากับใบหน้าเมื่อคุณจะทำความสะอาดเชื้อราที่เข้ามารบกวน [7]
    • หน้ากากประเภทนี้ไม่จำเป็นสำหรับการกำจัดบริเวณเล็กๆ และการทำความสะอาดทั่วไปประจำวัน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

การป้องกันไม่ให้รากลับมาอีก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ฉีดน้ำส้มสายชูและทิ้งเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดราขึ้น. คุณไม่จำเป็นต้องล้างน้ำส้มสายชูออกหรอก ถ้าหากว่าบริเวณนั้นสะอาดอยู่แล้ว ก็ให้ฉีดน้ำส้มสายชูแล้วทิ้งเอาไว้เพื่อกันไม่ให้รากลับมาได้เลย [8]
    • เก็บขวดสเปรย์น้ำส้มสายชูเอาไว้ในห้องน้ำและฉีดในห้องน้ำทุกๆ สองสามวัน
    • ถูพื้นด้วยน้ำส้มสายชูเพื่อไม่ให้ราโตขึ้นบริเวณที่เปียกชื้น
  2. รอยรั่วอาจเกิดขึ้นบนหลังคา ท่อประปา แล้วไหลซึมเข้ามาผ่านหน้าต่างของคุณ ให้ทำความสะอาดและซ่อมปัญหาตรงนี้เพื่อทำให้บ้านแห้งและไร้เชื้อรา [9]
    • ตรวจสอบรอยรั่วบนหลังคาแล้วเปลี่ยนฝ้าหรือซ่อมบริเวณที่อาจทำให้เกิดการเปียกชื้นในบ้านได้
    • ซ่อมท่อประปาที่เกิดปัญหาให้ไวที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหยดหรือรั่ว
    • ตรวจสอบผนึกตรงหน้าต่างแล้วซ่อมอุดตรงที่อาจทำให้เกิดการเปียกชื้นได้
  3. คุณอาจต้องซื้อเครื่องลดความชื้นถ้าหากว่าอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นมาก หรือถ้าบ้านมีการระบายอากาศไม่ดีและมีแนวโน้มว่าจะดึงดูดให้เชื้อราขึ้นได้ [10]
  4. เชื้อราเติบโตขึ้นในพื้นที่ที่มืดและชื้น ฉะนั้นให้ระบายอากาศและให้แสงส่องเข้ามาบริเวณที่เปียกชื้นให้มากที่สุดเพื่อควบคุมการเกิดเชื้อรา เปิดพัดลมขณะทำอาหาร อาบน้ำ หรือซักผ้าก็ดี [11]
    • ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องซักผ้าควรมีระบบระบายอากาศอยู่ด้วย
  5. เครื่องปรับอากาศจะมีถาดรับน้ำทิ้งอยู่ ซึ่งจะสะสมน้ำเอาไว้ ให้ทำความสะอาดบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราเกิดขึ้นและถูกเป่าเข้ามาในบ้าน [12]
    • ปิดแอร์ก่อนที่จะทำความสะอาดถาดรับน้ำทิ้ง
    • ทางที่ง่ายที่สุดในการกำจัดน้ำคือให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือเครื่องดูดน้ำดูดเอาเพื่อไม่ให้น้ำหก
    • เมื่อกำจัดน้ำออกไปแล้ว ให้ขัดราขัดฝุ่นที่จับตัวออกไปจากถาดก่อนจะใส่กลับคืน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ติดฉลากเอาไว้บนขวดสเปรย์ด้วย เพื่อที่จะได้จำได้ว่าเอาไว้ใช้ทำอะไรในครั้งหน้า จะให้ดีที่สุดก็ให้เปลี่ยนน้ำส้มสายชูใหม่เมื่อจะใช้ในแต่ละครั้ง ยกเว้นว่าวางแผนจะใช้ต่อในเร็วๆ นี้
  • ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องเชื้อราที่ใหญ่จริงๆ คุณอาจอยากใช้น้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วยผสมกับน้ำเปล่าหนึ่งแกลลอนเพื่อทำความสะอาดบริเวณที่เกิดราขึ้น [13]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ถุงมือยาง
  • น้ำส้มสายชูใสกลั่นแท้ (ห้ามใช้น้ำส้มสายชูเทียม)
  • ขวดสเปรย์ (ผสมน้ำส้มสายชู 80% กับน้ำเปล่า 20%)
  • น้ำเปล่า
  • น้ำสะอาดหนึ่งถัง เอาไว้ล้างแปรง
  • ผ้าไมโครไฟเบอร์และ/หรือแปรงขนแข็ง
  • ควรใช้แว่นตานิรภัยและหน้ากากกันฝุ่น ถ้าคุณคิดว่าเชื้อราจะส่งผลไม่ดีต่อคุณ และตอนใช้แปรงอาจเป็นการสะบัดฝุ่นหรือราให้เข้าหน้าคุณได้

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,656 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา