PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

อาการผิวหนังไหม้แดดเป็นปัญหาที่พบบ่อยซึ่งมีผลกระทบต่อคนประมาณร้อยละ 42 ในแต่ละปี [1] แม้ว่าจะพบบ่อย แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้นเมื่อคุณมีอาการผิวหนังไหม้แดดมากกว่าห้าครั้งในชีวิต ผิวของคุณจะไหม้เมื่อสัมผัสกับรังสียูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) จากดวงอาทิตย์เมื่อไม่ได้รับการปกป้องจากเสื้อผ้าหรือครีมกันแดด แม้ว่าคุณจะต้องการได้รับแสงแดดประมาณวันละยี่สิบนาทีเพื่อผลิตวิตามินดีเพื่อสุขภาพของคุณ ถ้ามากกว่านั้นอาจจะเพิ่มความเสี่ยงของอาการผิวหนังไหม้แดด หนังศีรษะของคุณมักจะเป็นหนึ่งในบริเวณผิวที่คุณลืมปกป้องก่อนที่จะใช้เวลาที่ชายหาดอย่างสนุกสนานหรือตอนออกแดด หมวกธรรมดาหรือหมวกกันแดดมักจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการผิวหนังไหม้แดดบนหนังศีรษะของคุณ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

การรักษาอาการผิวหนังไหม้แดดที่บ้าน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้ว่าการอาบน้ำอุ่นอาจจะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่น้ำร้อนบนหนังศีรษะที่ได้รับความเสียหายนั้นจะยิ่งไม่เป็นที่น่าพอใจกว่าเดิม เปิดน้ำให้มีอุณหภูมิเย็นลงในขณะสระผมซึ่งจะสบายกว่าใช้น้ำร้อนบนผิวที่ไหม้แดดของคุณ [2]
    • คุณยังสามารถใช้ผ้าชุบน้ำเย็นวางไว้บนหัวของคุณในขณะที่อาบน้ำเพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายได้อีกด้วย [3]
  2. หนังศีรษะที่ไหม้แดดของคุณต้องการความชุ่มชื้นอย่างมากเพื่อช่วยรักษาให้หาย ซัลเฟตคือเกลือที่พบในแชมพูจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้หนังศีรษะของคุณแห้ง ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น อ่านฉลากส่วนประกอบในแชมพูและหลีกเลี่ยงซัลเฟตในขณะที่ผิวไหม้แดดของคุณสมานตัว [4]
    • นอกจากนี้คุณควรพยายามใช้แชมพูและครีมนวดผมที่มีกรดไขมัน 18-เอ็มอีเอ (18-MEA) ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มชื้นกับหนังศีรษะที่เสียหายของคุณ [5]
    • หลีกเลี่ยงครีมนวดผมที่มีไดเมทิโคน (dimethicone) ด้วย ซึ่งเป็นรูปแบบของซิลิโคนที่สามารถอุดตันรูขุมขนและกักความร้อนไว้บนหนังศีรษะของคุณได้ ก่อให้เกิดความเสียหายและความไม่สบายต่อไป [6]
  3. อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่ใช้ความร้อน อย่างเช่น เครื่องเป่าลมและเครื่องหนีบผมก็จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายที่ไม่จำเป็นในขณะที่หนังศีรษะของคุณไหม้แดดอีกด้วย [7] ความร้อนที่แผ่กระจายออกจากอุปกรณ์จะทำให้หนังศีรษะของคุณแห้งเกิดความเสียหายมากขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรหลีกเลี่ยงพวกมันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์โดยประมาณจนกว่าอาการผิวหนังไหม้แดดจะหายแล้ว [8]
    • ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมส่วนใหญ่มีสารเคมีที่อาจจะทำให้หนังศีรษะที่ไหม้แดดเกิดอาการระคายเคืองได้ด้วย พยายามลดผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่คุณใช้ให้น้อยลงในช่วงนี้
  4. ซึ่งสำหรับผู้ที่มีผมยาวและหนาแล้วนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ยากกว่า แต่การใช้การประคบเย็นบนหนังศีรษะของคุณยังสามารถช่วยให้ผิวของคุณเย็นลงและบรรเทาอาการไม่สบายได้อีกด้วย [9]
    • การใช้นมพร่องมันเนยเย็นแช่ลูกประคบเป็นวิธีการรักษาที่บ้านที่เป็นที่นิยมซึ่งแพทย์บางคนก็สนับสนุนเช่นกัน [10] โปรตีนในนมจะช่วยขจัดความรู้สึกไม่สบาย นอกจากนี้ความเย็นยังช่วยผ่อนคลายความเจ็บปวดอีกด้วย [11] แต่อย่างไรก็ดี คุณอาจจะต้องล้างผมของคุณอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น
  5. มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยให้หนังศีรษะที่เจ็บปวดของคุณเย็นลงและบรรเทาความเจ็บปวดอีกด้วย มอยส์เจอไรเซอร์เฉพาะที่ที่มีเจลว่านหางจระเข้หรือไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) สามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดใดๆ ได้ [12] น้ำมันมะพร้าวเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ปลอดภัยอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการอาการผิวหนังไหม้แดด [13] เลือกผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มปริมาณวิตามินอีและซี ซึ่งจะช่วยจำกัดความเสียหายต่อหนังศีรษะของคุณที่เกิดจากการถูกแดดเผา [14]
    • น้ำมันมะพร้าวอาจจะซึมแทรกผ่านเส้นผมของคุณไปยังหนังศีรษะของคุณได้ง่ายกว่า แต่ด้วยความที่เป็นน้ำมันก็จะทำให้ผมของคุณดูเป็นมันเยิ้มในขณะที่คุณใช้
    • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์หลังออกแดดที่มี ลิโดเคน (lidocaine) หรือเบนโซเคน (benzocaine) พวกมันเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยและคุณสามารถบรรเทาอาการอย่างเดียวกันได้จากมอยส์เจอไรเซอร์อื่นๆ [15]
  6. การดื่มน้ำมากๆ เป็นอีกวิธีหนึ่งเพื่อช่วยทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น ให้แน่ใจว่าคุณดื่มน้ำมากๆ ในช่วงเวลาของอาการผิวหนังไหม้แดดของคุณโดยการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละแปดแก้ว [16]
  7. ยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรืออะเซตามิโนเฟน (acetaminophen) จะบรรเทาอาการเจ็บปวดจากอาการผิวหนังไหม้แดดด้วยเช่นกัน [18] กินยาตามที่ระบุและไม่เกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน
    • ถ้าลูกของคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการผิวหนังไหม้แดด อย่าให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอสไพรินกับลูกของคุณ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เกิดภาวะที่อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตที่เรียกว่า โรคเรย์ซินโดรม (Reye's syndrome) [19]
  8. คุณควรจะรักษาให้หนังศีรษะที่ไหม้แดดของคุณให้ห่างจากแสงแดดในขณะที่มันสมานตัว [20] คุณอาจจะเลือกสวมหมวกในช่วงนี้ แต่ให้เลือกที่หลวมๆ ที่ไม่กักความร้อนไว้บนหนังศีรษะของคุณหรือกดผิวหนังที่ถูกแดดเผาของคุณ
  9. ถ้าอาการผิวหนังไหม้แดดนั้นรุนแรงพอที่จะสร้างแผลพุพองบนหนังศีรษะของคุณ อย่าไปแคะหรือเขี่ย การทำให้แผลพุพองจากการถูกแดดเผาแตกออกนั้นมีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวหนังเกิดการติดเชื้อและเป็นแผลเป็นในที่สุด [21] รักษาให้หนังศีรษะของคุณแห้งและปล่อยให้แผลพุพองหายโดยไม่ต้องทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นโดยตรงบนแผล [22]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

การตระหนักว่าจะไปพบแพทย์เมื่อไร

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. บันทึกว่าคุณรู้สึกจะเป็นลมหรือเวียนหัวหรือไม่. แม้ว่าจะไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าผิวหนังไหม้แดดแยกตัวอยู่บนหนังศีรษะของคุณ แต่ภาวะแทรกซ้อนก็อาจจะเกิดขึ้นจากผิวหนังที่ไหม้แดดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการใช้เวลากลางแดดของคุณได้นำไปสู่โรคเพลียแดดได้ด้วย [23] ถ้าคุณรู้สึกจะเป็นลมหรือมีอาการเวียนศีรษะทันทีหลังจากคุณใช้เวลากลางแดดแล้วล่ะก็ คุณควรจะพักผ่อนในที่เย็นๆ และร่มรื่นและมองหาอาการที่เป็นไปได้อื่นๆ ที่จำเป็นต้องพบแพทย์ อาการอื่นๆ นั้นได้แก่: [24]
    • ชีพจรหรือการหายใจที่เร็วขึ้น
    • ความกระหายน้ำอย่างรุนแรง
    • ไม่มีปัสสาวะ
    • ตาโหล
    • ผิวชื้น
  2. ไข้สูงเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของโรคเพลียแดดที่ต้องการการรักษาพยาบาล [25] รับการรักษาทันทีถ้าไข้ของคุณถึง 104°F (40°C) [26]
  3. เฝ้าระวังความพยายามในการทำให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอ. คุณอาจจะรู้สึกคลื่นไส้ทันทีหลังจากออกแดดเป็นเวลานานเช่นกัน ถ้าคุณมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนด้วยล่ะก็ อาจจะหมายถึงคุณไม่สามารถทำให้ร่างกายมีน้ำอย่างเพียงพอได้ ดังนั้นให้ไปพบแพทย์ที่สามารถใช้น้ำเกลือ เพื่อรักษาคุณจากการเสียน้ำ [27]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ช่วงสองสามวันแรกจะเจ็บตอนแปรงผม ให้อ่อนโยนเป็นพิเศษ
  • หมวกเป็นทางเลือกที่ดีเสมอถ้าคุณวางแผนที่จะใช้เวลาอยู่กลางแดดนานๆ
  • มีผลิตภัณฑ์ละอองน้ำที่จะช่วยป้องกันหนังศีรษะของคุณจากแสงแดดซึ่งครีมกันแดดปกติไม่สามารถจะทาได้โดยทั่วถึง
  • ตรวจสอบดูว่ายาใดๆ ของคุณทำให้เกิดความไวต่อแดดหรือไม่ ซึ่งนี่อาจจะเพิ่มโอกาสของอาการผิวหนังไหม้แดดได้
  • อยู่ให้ห่างจากแสงแดดในช่วงชั่วโมงที่แดดจัด คือระหว่าง 10:00 น -16:00 น.
โฆษณา

คำเตือน

โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,678 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา