ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การจีบโดยพื้นฐานแล้วคือ การแสดงออกอย่างมีลูกเล่นเวลาคุณรู้สึกถูกใจใครบางคน ถ้าคุณพร้อมที่จะจีบใครคนหนึ่งคุณควรรู้แล้วว่าพวกเขาดึงดูดคุณและคุณชอบเขา! นี่อาจดูเหมือนเครียดเวลาเริ่มจีบและใช้ความพยายาม แต่อย่าได้กลัวความรู้สึกประหม่าเวลาอยู่ใกล้คนที่คุณชอบ “จริงๆ” ถือเป็นเรื่องปกติ มีวิธีที่ทำให้คุณดูมั่นใจและช่วยให้การจีบประสบความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะจีบผ่านข้อความ จีบทางออนไลน์ หรือจีบต่อหน้า สิ่งสำคัญคือ การรักษาความสมดุลระหว่างการเปิดเผยความรู้สึกของคุณกับการทำให้คนที่คุณชอบสนใจคุณกลับ ถ้าคุณอยากรู้วิธีจีบและอยากได้ตัวช่วยเวลาคุณทำความรู้จักกับใครสักคนล่ะก็ บทความนี้จะให้คำแนะนำพื้นฐานแก่คุณได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

จีบตอนเจอกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การสบตาเป็นสิ่งที่ง่ายและดีที่สุดที่คุณทำเวลาเริ่มจีบ ให้คุณมองเข้าไปในตาของอีกฝ่ายและคอยเบนสายตาออกเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดเกินไป ลองดูวิธีเหล่านี้:
    • มองให้อีกฝ่ายจับได้ อย่าใช้วิธีจ้องแต่คอยมองเป็นระยะๆ ไปที่คนคนนั้น ทำแบบนี้จนกว่าเขาหรือเธอจะเห็นสายตาของคุณ ให้มองค้างไว้หนึ่งวินาที จากนั้นส่งยิ้มแล้วมองไปทางอื่นแทน
    • สบตาของอีกฝ่ายในขณะที่คุณคุย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงจุดที่มีความหมายสำคัญของบทสนทนา (เช่น สบตาตอนที่คุณกำลังพูดชมอีกฝ่าย)
    • ขยิบตาหรือยักคิ้วให้กับคนที่คุณปิ๊ง นี่ดูเสี่ยวแต่ก็ได้ผลถ้าใช้ไม่บ่อย ใช้วิธีนี้เวลาคุณกำลังมองอีกฝ่ายจากอีกมุมหนึ่งของห้อง หรือถ้าคุณกำลังคุยอยู่ในกลุ่มเพื่อนและพูดบางอย่างที่ต้องการสื่อไปยังเธอหรือเขา
    • สาวๆ อาจลองมองไปที่หนุ่มๆ ให้ทอดสายตาลงต่ำแล้วมองกลับขึ้นไปยังผู้ชายคนนั้นอีกครั้งผ่านแพขนตาของคุณ
  2. คุณอาจจะยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติถ้าคุณกำลังคุยกับคนที่คุณชอบ แต่ฟันขาวสวยของคุณนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้ตั้งแต่ก่อนบทสนทนาจะเริ่มด้วยซ้ำ คุณอาจยิ้มให้กับคนที่คุณเดินผ่านตรงทางเดิน หรือส่งยิ้มให้คนที่อยู่อีกฝั่งของห้อง คุณไม่จำเป็นต้องฉีกยิ้มถึงใบหู แค่ยิ้มบางๆ ก็เป็นอันเรียบร้อย ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ดู:
    • เผยยิ้มออกมาช้าๆ ถ้าคุณกำลังมองใครบางคนแต่ไม่ได้พูดกับพวกเขา ลองค่อยๆ เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าแทนที่จะฉีกยิ้มออกมาทันทีทันใด รอยยิ้มที่ค่อยๆ แผ่ออกมาคนมักมองว่า นี่เป็นยิ้มแบบเซ็กซี่
    • ยิ้มเวลาคุณสบตา ถ้าคุณจู่ๆ ก็มองเข้าไปในตาของใครบางคน ให้โปรยยิ้มเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดมากขึ้น (ถ้านั่นเป็นรอยยิ้มจากใจ อีกฝ่ายจะมองออกแม้ไม่ได้สายตาไม่ได้จับจ้องที่ปากของคุณ เพราะยิ้มแบบนั้นจะทำให้ตาคุณหยีออกมาเป็นยิ้มจริงใจ)
    • ลองใช้ตานอกจากใช้ปากยิ้ม นี่จะทำให้ใบหน้าของคุณสดใสขึ้นเมื่อคุณยิ้ม
  3. แนะนำตัวเองหรือทำตัวลึกลับ (ทางเลือก) ถ้าคุณไม่รู้จักคนที่คุณกำลังจีบอยู่ การแนะนำตัว (หรือไม่แนะนำ) จะเป็นสิ่งที่ทำให้การจีบดำเนินต่อไปได้อย่างดี เลี่ยงความกระตือรือร้นที่จะยิงมุกเสี่ยว ให้พูด “หวัดดี” ตามด้วยแนะนำตัวเองหรือคำถามง่ายๆ จะใช้ได้ผลมากกว่าและฝืนน้อยกว่า
    • ถ้าคนที่คุณปิ๊งไม่รู้จักชื่อคุณ และคุณเป็นคนเข้ากับง่ายอยู่แล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งลองแนะนำตัวเองแบบง่ายๆ คือ “สวัสดี ฉัน (ชื่อ) นะ แล้วคุณชื่อ…?” ดูให้ “แน่ใจ” ว่าคุณได้ชื่อของอีกฝ่าย วิธีช่วยจำคือ พูดทวนซ้ำหลังจากที่เขาหรือเธอบอกชื่อกับคุณ (เช่น “ลินหรอ ผมชอบชื่อนี้จัง”)
    • หรือถ้าคุณอยากทำตัวให้ดูน่าค้นหาอีกเล็กน้อย ลองแกล้งไม่บอกชื่อของตัวเองสักพัก ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะรู้จัก เขาหรือเธอจะถามคนอื่นๆ หรือคอยขยั้นคะยอคุณให้บอกเอง
  4. ไม่ว่าคุณจะรู้จักอีกฝ่ายหรือไม่ก็ตาม บทสนทนาเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะนำไปสู่การจีบ คนที่คุณกำลังจีบอยู่จะประทับใจในความกล้าและมั่นใจของคุณ ลองอ่านคำชี้แนะเหล่านี้ดู:
    • คุยกับคนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเริ่มต้นบทสนทนาคือ ตั้งข้อสังเกตแล้วตามด้วยคำถาม เช่น “คิดไม่ถึงเลยว่าอาทิตย์นี้ฝนจะตกหนักมาก” หรือ “ที่นี่คนเยอะจริง คุณว่าไหม?” สิ่งที่คุณพูดไม่ใช่เรื่องสำคัญ คุณแค่กำลังชวนให้อีกฝ่ายคุยกับคุณต่างหาก
    • ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่คุณรู้จัก ให้มองหาเรื่องที่คุณสองคนมีร่วมกัน ถ้าคุณเคยพบเขาหรือเธอมาก่อน ให้เริ่มชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เคยมีร่วมกันหรือความสนใจที่เหมือนกัน ตัวอย่าง คุณอาจคุยเรื่องวิชาที่พวกคุณเรียนด้วยกัน หรือพูดเรื่องรถไฟที่คุณสองคนนั่งไปทำงาน ย้ำอีกครั้งหนึ่ง หัวข้อไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ คุณกำลังชวนอีกฝ่ายให้มีปฏิสัมพันธ์กับคุณ
    • ประเมินปฏิกิริยาของพวกเขา ถ้าคนที่คุยด้วยตอบกลับด้วยท่าทางพึงพอใจ ให้คุณชวนคุยต่อ ถ้าอีกฝ่ายไม่ตอบสนอง ดูครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่หรือไม่สนใจ เขาหรือเธออาจไม่ได้สนใจที่จะคุยเล่นกับคุณ
  5. อย่าพูดเรื่องส่วนตัวมากเกินไประหว่างคุยกัน ให้พูดถึงบรรยากาศที่อยู่รอบๆ โชว์ที่คุณเพิ่งไปดูมา หรือเรื่องอื่น ให้ละเรื่องส่วนบุคคล (อย่างศาสนา เงิน ความสัมพันธ์ การศึกษา และอื่นๆ) จนกว่าอีกฝ่ายจะเริ่มสนุกกับการถกเถียงแบบมีสาระโดยไม่อินจนเกินไป พูดง่ายๆ ว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ เลี่ยงพูดคุยหัวข้อที่เกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวของทั้งสองฝ่าย (เช่น เรื่องนับถือศาสนาของเขาหรือคุณ) และควรเลือกหัวข้อที่คุณสองคนไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
    • การจีบจะราบรื่นกว่ามากเวลาคุณคุยเรื่องที่สนุกและเบาสมอง เช่น สัตว์เลี้ยง รายการเรียลลิตี้โชว์ หรือสถานที่พักผ่อนสุดโปรดของคุณ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำตัวให้ดูฉลาดน้อยลงเวลาจีบ แต่หมายถึง คุณต้องผ่อนคลายและเลี่ยงบทสนทนาที่ลึกซึ้งไปก่อน
    • มีลูกเล่น การทำตัวมีลูกเล่นหมายถึง ไม่ทำตัวจริงจังมากจนเกินไป ทำตัวติงต๊องนิดหน่อย แตะตัวคนที่คุณปิ๊งแบบเล่นๆ หรือคุยเรื่องที่ไม่ใช่หัวข้อหลักที่กำลังพูดถึงหรือคุยเรื่องนอกเหนือความคาดหมาย นี่ยังรวมถึง ไม่กดดันตัวคุณเองมากเกินไประหว่างการสนทนา
  6. . คำใบ้ที่ไม่ใช้คำพูดสามารถบอกว่าคุณรู้สึกอย่างไรได้เยอะกว่าคำพูดจากปาก ดังนั้น อย่าลืมสื่อสารออกไปว่าคุณรู้สึกอย่างไร ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู:
    • ทำร่างกายให้มี “ช่องว่าง” อย่ากอดแขนหรือไขว้ขา เพราะนี่มักเป็นสัญญาณบอกว่า คุณไม่อยากอยู่ใกล้อีกฝ่าย
    • หันตัวเข้าหาคู่สนทนา ยืนขึ้นหรือนั่งลงเพื่อที่คุณจะได้หันหน้าเข้าหาคนที่คุณกำลังจีบอยู่ หันตัวคุณไปทางเขาหรือเธอ หรือปลายเท้าชี้เข้าหาอีกฝ่าย
    • ทำลาย “กำแพงห้ามแตะตัว” ให้เริ่มการสัมผัสด้วยลักษณะเป็นกันเอง แตะต้นแขนของเขาหรือเธอขณะที่คุยอยู่ หรือเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วเดินเฉียด “แบบไม่ได้ตั้งใจ”
    • เล่นผมของคุณ (ผู้หญิง) การเล่นผมมักเป็นสัญญาณของความประหม่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีถ้าคุณชอบอีกฝ่าย คุณเกือบ “อยาก” ให้เขาหรือเธอรู้ว่าคุณกำลังประหม่า เพราะนั่นแปลว่าคุณสนใจพวกเขา วิธีสื่อสารออกไปอย่างจงใจคือ ค่อยๆ ใช้นิ้วม้วนผมเป็นเกลียวขณะที่คุณพูด
  7. สองสามครั้งแรกที่คุณเริ่มถูกเนื้อต้องตัวคนที่คุณแอบชอบ ระวังไม่ให้ “จับ” ตัวเขาหรือเธอ พื้นที่ที่คุณสัมผัสควรจะยาวมากพอที่จะดูไม่เหมือนถูกโดยบังเอิญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่คุณแตะ ให้เลี่ยงการคว้ามือหรือแขน ลองใช้ท่าทางอย่าง ปัดฝุ่นที่มองไม่เห็นออกจากแขนอีกฝ่าย หรือยื่นขาออกไปแตะเท้าหรือเข่าของอีกฝ่าย “โดยไม่ได้ตั้งใจ” แล้วค้างไว้แบบนั้น
    • การแตะตัวทั้งหมดนี่อาจถูกปฏิเสธได้โดยไม่ทำให้คุณขายหน้าหรือรู้สึกขุ่นเคือง ดังนั้น หากคนที่คุณปิ๊งยังไม่พร้อมสำหรับการแตะเนื้อต้องตัว คุณก็จะไม่ได้บังคับให้พวกเขาต้องต่อต้านคุณเรื่องอื่นไปด้วย
  8. นี่อาจดูเหมือนคุณจงใจมากไป แต่เขาหรือเธอจะรับรู้ว่าคุณสนใจที่จะออกเดท วิธีนี้ทำได้ง่ายที่สุดก่อนที่คุณจะเริ่มมิตรภาพแบบเพื่อนและนำไปสู่การถูกจำกัดในโซนของความเป็นเพื่อน รวบรวมความมั่นใจ และ “อย่า” ให้โอกาสนั้นหลุดมือ คุณจะไม่มีวันรู้ว่าคุณจะมีโอกาสนั้นอีกเมื่อไหร่ นี่เป็นบางเทคนิคให้คุณลองนำไปใช้ได้:
    • สบตาอีกฝ่ายระหว่างที่คุณเอ่ยปากชมเขา การมองไปทางอื่นอาจทำให้คุณดูไม่จริงใจโดยไม่เจตนาแทน
    • พูดโทนเสียงต่ำลงและเบาเล็กน้อย เวลาที่ชมคนด้วยเสียงที่ต่ำลงกว่าเสียงพูดปกติเล็กน้อยจะทำให้ดูสนิทสนมและเซ็กซี่ยิ่งขึ้น อีกอย่างนี่อาจทำให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้เพื่อเงี่ยหูฟังคุณ
    • ใช้ความสนใจของคนที่คุณชอบมีต่อคนอื่นทำให้คุณเป็นต่อ ถ้าคุณรู้ว่าคนคนนั้นกำลังเดท (หรือสนใจ) คนอื่นอยู่ คุณอาจใช้ข้อมูลนี้ให้เป็นประโยชน์เวลาพูดชมพวกเขา
    • ลองร้อยเรียงคำชมให้กลายเป็นบทสนทนา ตัวอย่าง ถ้าผู้หญิงที่คุณชอบ กำลังพูดว่าวันนี้เป็นวันที่แย่ คุณอาจพูดว่า “ผมเกลียดเห็นคนสวยๆ อย่างคุณไม่มีความสุข มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?"
    • ระวังเวลาชมเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา . หญิงสาวอาจชอบเวลาที่คุณสังเกตเห็นตาของเธอ แต่เธออาจมองว่าคุณเป็นพวกโรคจิตถ้าคุณเอ่ยปากว่าเธอมีรูปร่างดีตั้งแต่เนิ่นๆ ให้ชมลักษณะภายนอกเหล่านี้ไปก่อนเพื่อความปลอดภัย:
      • ตา
      • รอยยิ้ม
      • ริมฝีปาก
      • ผม
      • มือ
  9. จำไว้ว่ากุญแจเพื่อสร้างอุปสงค์หรือความต้องการคือ ทำให้อุปทานไม่เพียงพอ ดังนั้น พยายามจำกัดปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเป้าหมายที่คุณจีบ อย่าคุยกับเขาหรือเธอทุกวัน ทำให้การคุยเป็นโอกาสพิเศษและเก็บเอาไว้ไม่กี่ครั้งในแต่ละสัปดาห์
    • อย่าให้การคุยยาวเกิน 5 หรือ 10 นาที ยิ่งคุยนานมากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะเริ่มเข้าสู่ความเงียบน่าอึดอัดยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
    • ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาหาคุณ หลังจากที่คุณเป็นฝ่ายลงแรงเริ่มต้นปฏิสัมพันธ์และจุดประกายความสนใจแล้ว ลองถอยห่างออกมาแล้วดูว่าเขาหรือเธอจะมาหา “คุณ” เพื่อสานต่อสัมพันธ์หรือเปล่า นี่อาจเป็นวิธีที่ดีในการประเมินความสนใจเช่นเดียวกับเพิ่มความหนักแน่น
  10. ถ้าการจีบคุณประสบความสำเร็จ และคุณต้องการรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม ถึงเวลาที่จะดูว่าคุณจะเปลี่ยนการคุยให้กลายเป็นเดทได้หรือไม่ ลองศึกษาวิธีเหล่านี้ได้:
    • ถามอีกฝ่ายว่ามีแผนสำหรับวันต่อไปไหม อย่างเช่น คุณอาจพูดว่า “งั้นคืนวันเสาร์คุณมีแพลนทำอะไรหรือ” พยายามใช้คำถามปลายเปิด แทนที่จะใช้คำถามที่ตอบว่าใช่หรือไม่ คุณอาจได้คำตอบในรูปแบบนั้น อย่าถามเขาหรือเธอว่า “คืนนี้” จะทำอะไร หรือแม้แต่ถามถึงวันพรุ่งนี้ พยายามหาวันที่ห่างออกไปสองสามวันเพื่อที่คุณจะได้ดูไม่สิ้นหวังจนเกินไปนัก
    • ลองแนะนำอีเว้นท์มาอันหนึ่งแล้วถามเขาหรือว่าสนใจที่ไปด้วยกันไหม นี่เป็นวิธีเข้าหาที่ดีที่สุดถ้าคุณกำลังพยายามเดทเป็นกลุ่ม คุณอาจพูดขึ้นมาว่า “พวกเรากำลังจะไปดูหนังวันศุกร์นี้ ถ้าคุณไปด้วยฉันจะรู้สึกดีมากเลย”
    • ตรงไปตรงมา ถ้าคุณรู้สึกมั่นใจมากเกินไป ให้พุ่งเข้าใส่โดยไม่ต้องเสแสร้ง ตัวอย่าง คุณอาจพูดว่า “ฉันอยากจะพาคุณไปออกเดทจัง คุณพอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ล่ะ?”
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

จีบผ่านข้อความหรือคุยแชท

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าปล่อยตัวเองให้ประหม่าจนคุณลืมทักษะการพูดคุยขั้นพื้นฐานไปเสียหมด พยายามทำตัวตามปกติและเริ่มบทสนทนาแบบสบายๆ ไม่กดดันนัก ถ้าคุณไม่เคยคุยแชทออนไลน์มาก่อน คุณอาจเจอข้ออ้างที่จะคุยกับเขา เช่น ถามการบ้านหรือคุยเรื่องทีมกีฬาที่คุณทั้งสองคนชอบ ถ้าคุณส่งข้อความหาคนนั้นเป็นครั้งแรก แน่ใจว่าเขาหรือเธอรู้ว่าคุณเป็นใครและพวกเขาไม่รู้สึกกลัวคุณ นี่เป็นวิธีที่จะเริ่มบทสนทนาผ่านการส่งข้อความหรือพิมพ์คุย:
    • "ไง เป็นไงบ้าง?"
    • "เธอเห็น/ได้ยิน [ตามด้วยเหตุการณ์ที่คุณสองคนรู้]?"
    • "อาทิตย์นี้เป็นยังไงบ้าง?"
  2. คนส่วนใหญ่มักรู้สึกสบายใจเวลาพูดเรื่องของตัวเองเพราะนั่นเป็นหัวข้อที่พวกเขารู้ดีที่สุด แทนที่จะใช้วิธีง่ายๆ และพูดถึงแต่ “คุณ” ไม่รู้จบสิ้น ชวนให้อีกคนคุยเกี่ยวกับเรื่องเขาหรือเธอ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถและควรให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวคุณบ้างเป็นบางครั้งเพื่อช่วยให้พวกเขาถามคำถามเกี่ยวกับตัวคุณกลับ กุญแจคือ ทิ้งค้างไว้ให้พวกเขาไล่ตามสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวคุณเอง
    • กลวิธีนี้มักใช้เพื่อวัตถุประสงค์สองข้อ: ไม่เพียงแต่ช่วยให้บทสนทนาไปต่อได้เรื่อยๆ แต่ยังเปิดช่องให้คุณรู้จักเกี่ยวกับคนที่คุณชอบเพิ่มขึ้น
    • คุณไม่ต้องรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายก่อนที่จะดำเนินขั้นตอนนี้ ถ้าคุณไม่รู้จักเขาหรือเธอดีนัก คุณสามารถถาม:
      • "วันนี้เป็นยังไงบ้าง?"
      • "แล้ว ปกติเวลาว่างคุณทำอะไรหรอ?"
    • ถ้าคุณรู้จักอีกฝ่ายบ้าง ให้ความสนใจกับงานอดิเรกหรือเรื่องที่สนใจที่คุณรู้ ตัวอย่าง บางทีเขาอาจชอบบาสเกตบอลมากๆ หรือคุณรู้ว่าเธอเป็นคนชอบอ่าน ให้เริ่มต้นด้วยคำถามเช่น “เธอได้ดูเกมเมื่อคืนนี้หรือเปล่า?” หรือ “เธออ่านหนังสือดีๆ เล่มไหนบ้างช่วงนี้?” เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี.
  3. รู้ว่าควรกดดันเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเวลาไหน. คุณจะทำให้บทสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนานและน่าสนใจโดยไม่เซ้าซี้เรื่องส่วนตัวอีกฝ่ายมากจนเกินไปก็ได้ อย่างเช่น ถามคนที่คุณจีบว่าทำไมถึงได้ชอบการวิ่งระดับชาติก็นับเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม การถามเขาหรือเธอให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือกับเพื่อนสนิทมากขึ้นอาจเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป คุณอาจพูดแทรกไว้ในตลก หรือพูดกระเซ้าเพื่อไม่ให้ดูเป็นงานมากจนเกินไปหรือเหมือนคุณกำลังสัมภาษณ์งานอีกฝ่าย นี่เป็นวิธีการบางส่วนในการถามข้อมูลเชิงหยอกเย้า:
    • "ตกลงว่าคุณกะอยู่ออนไลน์ทั้งคืน หรือมีแผนที่น่าเร้าใจกว่านี้ตอนหัวค่ำล่ะ?"
    • "คืนนี้จะออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือเปล่า?"
    • "ฉันเห็นแมวเหมียวน่ารักในรูปโปรไฟล์ของคุณด้วย คุณอยู่กับเจ้าเหมียวบ่อยที่สุดหรือเปล่าคะ/ครับ"
  4. . อย่าปอดแหกแล้วข้ามขั้นตอนนี้ไป นี่อาจดูเหมือนยาก แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เช่นกัน คำชมจะสื่อว่าคุณกำลังสนใจอยากออกไปเดท และกันคุณออกห่างจากโซนของความเป็นเพื่อน ถ้าคุณลืมเอ่ยปากชมคนที่คุณจีบและพูดคุยกันแค่แบบเพื่อนล่ะก็เมื่อถึงเวลานั้นมันอาจสายเกินไป นี่เป็นคำชมพื้นฐานที่คุณสามารถนำไปใช้ได้:
    • ถ้าคุณยังไม่รู้จักคนที่ปิ๊งดีพอแต่กำลังพยายามทำความรู้จักให้มากขึ้น ใช้คำชมในทำองนี้ เช่น พูดว่า “รู้สึกคุยกับคุณได้สบายใจจัง” หรือ “ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่าจะได้รู้จักกับคนที่น่าสนใจขนาดนี้อย่างคุณ”
    • ลองร้อยเรียงคำชมให้กลายเป็นบทสนทนา ตัวอย่าง ถ้าผู้หญิงที่คุณชอบกำลังพูดว่าวันนี้เป็นวันที่แย่ คุณอาจพูดว่า “ผมเกลียดเห็นคนสวยๆ อย่างคุณไม่มีความสุข มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?"
  5. ถ้าคำแนะนำที่กล่าวมาทั้งหมดไม่จูงใจคุณ ลองทุ่มสุดตัวแล้วเอ่ยปากชมคนที่คุณจีบแบบตรงๆ ลองวิธีพวกนี้ ใช้คำบรรยายที่เหมาะกับคนนั้นมากที่สุด หรือใช้แทนตัวคุณเอง:
    • "ผมหวังว่าคุณจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนงาม/คนสวย/คนที่น่าทึ่ง/คนโปรดที่ผมอยากคุยด้วย/อื่นๆ"
    • "ขอโทษถ้าพูดตรงเกินไปนะ แต่ผมอยากจะบอกว่าคุณน่ะยอดเยี่ยม/เป็นคนน่าทึ่ง/คนสวยมาก/อื่นๆ"
  6. เลี่ยงพูดชมด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยมตั้งแต่เพิ่งรู้จักกัน ปล่อยให้อีกฝ่ายคาดเดาระดับคำชมของคุณไม่ออกนี่จะยิ่งเพิ่มความน่าดึงดูด ทำให้คุณดูลึกลับขึ้นอีกหน่อย เป้าหมายคือ ทำให้อีกฝ่ายสงสัยว่าคุณชอบพวกเขา “มากแค่ไหน” ไม่ใช่คุณชอบพวกเขาหรือไม่ ถ้าคุณแค่พูดเปิดเผยว่า “ฉันรู้สึกปิ๊งคุณเข้าอย่างจัง” หรือ “ฉันคิดมาตลอดว่าคุณเป็นคนฮอต” นั่นแปลว่า คุณไม่ได้ทำตัวลึกลับเป็นการแลกเปลี่ยน
    • แทนที่จะทำแบบนั้น คุณสามารถส่งข้อความที่เขียนว่า “วันนี้คุณใส่สเวทเตอร์ตัวใหม่แล้วดูน่ารักนะ” หรือความเห็นอื่นที่เป็นมิตรและดูหยอกเย้าแต่ไม่แบไต๋จนหมด
  7. หว่านล้อมให้คนที่ปิ๊งนั้นหันมาตามจีบคุณแทนที่จะลงมือทำเอง. ถึงแม้ว่าการจีบควรเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้ว่าคุณชอบเขาหรือเธอ แต่คุณไม่ควรทำให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังเป็นฝ่ายออกแรงอยู่เพียงฝ่ายเดียว คุณควรจะน่าดึงดูดใจมากพอเพื่ออีกคนจะรู้สึกว่าคุณน่ะน่าสนใจ แต่ปล่อยให้เขาหรือเธอรู้สึกสงสัยว่าอันที่จริงคุณแคร์แค่ไหน เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ พยายามเอ่ยปากชมด้วยความเป็นกลางแทนที่จะเป็นความเห็นแบบส่วนตัว นี่เป็นตัวอย่างของคำชมแบบเป็นกลางกับเป็นส่วนตัว:
    • "ฉันชอบตาของคุณจัง มันสวยมากๆ" คำชมนี้อาจดูไม่มีอะไรเมื่อมองแบบผิวเผิน และคงจะถูกใจคนฟัง แต่ว่าจุดบอดที่พบได้ในการชมแบบโรแมนติกคือ มักใช้คำว่า “ฉันชอบ/รัก *ใส่คุณลักษณะที่นี่* คำพวกนี้บ่งบอกอีกฝ่ายว่าพวกเขาชนะใจของคุณได้เรียบร้อยแล้ว มันยอดเยี่ยมถ้าคุณได้สร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงแล้ว แต่ถ้าใช้เร็วไปนี่อาจทำให้คุณดู “เป็นของตาย”
    • "คุณมีตาที่สดใสและสวยมากๆ" ถึงแม้ทั้งสองประโยคในทางเทคนิคแล้วคือ คุณกำลังสื่อว่าคุณชอบดวงตาของอีกฝ่าย แต่ประโยคนี้เป็นเหมือนการสังเกตมากกว่าความเห็นส่วนตัว นี่บอกเป็นนัยๆ ว่า คุณกำลังชมพวกเขามีเสน่ห์แต่ไม่ได้ยืนยันออกไปโต้งๆ ทำแบบนี้คนฟังจะรู้สึกพึงพอใจพร้อมกับสงสัยว่าพวกเขาดูน่าดึงดูดมากแค่ไหนสำหรับคุณ
  8. เพราะคุณไม่สามารถใช้ภาษากายสื่อสารผ่านข้อความหรือพิมพ์แชทได้ คุณจะต้องพึ่งคำพูดของคุณเพื่อให้บรรยากาศดูผ่อนคลายและสนุก ลองใช้มุกวงใน (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่คุณสองคนเคยเจอ) การประชด (“ช่าย ฉันมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าคุณดูเหมือนผีเสื้อสมุทรตอนเช้า) และการพูดเกินจริง (“คุณคงทำนี่ได้ดีกว่าฉันเป็นล้านเท่า”) ในตอนเริ่มต้น
    • ให้อีกฝ่ายรู้ว่าคุณแค่ล้อเล่น ข้อเสียของการใช้ข้อความในการสื่อสารคือ คุณไม่สามารถอ่านความรู้สึกเบื้องหลังคำพูดได้ ถ้าคุณกำลังจะจีบใครสักคนด้วยการแหย่พวกเขา ต้องทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้ว่าคุณแค่พูดเล่น คุณอาจใช้หน้าอีโมติค่อนขยิบตา พิมพ์ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด (ภาษาอังกฤษ) หรือเครื่องหมายตกใจเพื่อให้พวกเขารับรู้ แค่อย่าใส่พวกอีโมติค่อนมากจนเกินพอดีหรืออีกฝ่ายจะรู้สึกว่านี่ดูไม่เข้าท่า
      • ถ้าคุณส่งอะไรที่อาจถูกแปลความหมายไปผิดๆ ได้ ให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจตรงกับคุณ พิมพ์บางอย่างเช่น “(ล้อเล่น)” เพื่อป้องกันไว้ก่อน
  9. แม้คุณจะอยากส่งข้อความหาอีกคนต่อไปเรื่อยๆ แต่เป็นการดีที่สุดที่จะถอนตัวออกมาก่อนบทสนทนาจะเริ่มกร่อย (อย่างที่มักจะเป็นเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง) วิธีที่ดีที่สุดคือ ให้คุณถอยออกมาก่อนที่การเงียบแบบน่าอึดอัดจะเกิดขึ้น จบบทสนทนาด้วยความข้อความดีๆ จะทำให้คู่สนทนาของคุณเฝ้ารอครั้งต่อไปที่คุณพร้อมจะแชทด้วย
    • กำหนดว่าคุณจะได้พูดคุยกับอีกฝ่ายเมื่อไหร่ก่อนออกไป ลองพูดว่า “งั้น พรุ่งนี้ฉันออกไปเจอเธอได้ไหม?” หรือ “เดี๋ยวจะกลับมาคุยต่อนะ”
    • ถ้าคุณกำลังแชทออนไลน์ บอกว่าคุณรู้สึกสนุกกับการคุยก่อนที่คุณจะออฟไลน์ นี่ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แค่พิมพ์สั้นๆ ว่า “รู้สึกยอดเยี่ยม” หรือ “ฉันรู้สึกดีที่ได้คุยกับคุณ” ก็เพียงพอแล้ว ถ้าคุณกำลังส่งข้อความ คุณอาจจะพิมพ์ให้ดูสบายๆ กว่านี้ก็ได้
    • ระวังอย่าชมคนที่คุณจีบมากเกินไป คำชมของคุณจะหมดความหมายถ้าคุณเอ่ยปากชมข้อดีของอีกฝ่ายในทุกๆ เรื่อง เก็บไว้ชมเรื่องที่มีความหมายต่อคนคนนั้นมากจริงๆ เช่น ชมเรื่องทักษะที่เจ้าตัวรู้สึกภูมิใจ
  10. จำไว้ว่าการจีบควรจะสนุกและอย่าดูเหมือนคุณชอบอีกฝ่ายมากจนความพยายามของคุณคว้าน้ำเหลว ไม่ใช่ว่าทุกจังหวะจะต้องเพอร์เฟคเต็มสิบ มองโลกในแง่บวกและเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น เช่นเดียวกับเรื่องอื่น การจีบจะพัฒนาขึ้นเมื่อผ่านการฝึกฝน การจีบคุณไม่ต้องใช้อิทธิฤทธิ์ ใช่ว่าทุกครั้งจะจบลงที่การออกเดทเสมอไป บางครั้งคุณอาจแค่อยากหยอดเพื่อความสนุก โดยไม่ได้หวังว่านั่นจะนำไปสู่ก้าวไหนต่อ
    • การจีบช่วยให้คุณพบปะผู้คนหน้าใหม่ รู้สึกผ่อนคลาย และเรียนรู้ที่จะเข้ากับคน คุณไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองเพื่อให้นี่มีความหมายอะไรบางอย่างหรือเพื่อความสมบูรณ์แบบ
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • อย่าบ่นเวลาจีบ จำไว้ว่าโลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณ ถ้าคุณบ่นมากไป คนอื่นจะมองว่าคุณเป็นคนหดหู่และเขาจะเลี่ยงคุณ นี่รวมถึงการต่อว่าตัวเองอยู่เป็นเนืองนิจ ซึ่งไม่ใช่การถ่อมตัวแต่เป็นการหมกมุ่นเรื่องของตัวเองอีกรูปแบบหนึ่ง
  • อย่าใช้มือถือ (แปลว่า งดส่งข้อความ) ในขณะที่คุณกำลังจีบคนคนหนึ่งอยู่ นี่แสดงให้เห็นว่าคุณสนใจที่จะคุยกับคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นมากกว่า หรือคุณกำลังคบหาดูใจกับคนอื่นอยู่แล้ว
  • ถ้าคุณกำลังจีบสาวและคิดเรื่องการทำลายกำแพงห้ามแตะตัว ให้ลองหยั่งเชิงโดยไม่ให้ดูโจ่งแจ้งเกินไป ตัวอย่าง ยื่นมือให้อีกฝ่ายตอนที่เธอกำลังเสียการทรงตัว เช่น เธอกำลังจะเข้าหรือออกจากตัวรถ หรือตอนที่เธอเดินข้ามหลุมบ่อหรือพื้นผิวที่ไม่เสมอกัน สังเกตว่าเธอยอมรับการช่วยเหลือของคุณไหม? หรือเธอรีบปล่อยมือออก?
  • อย่าจีบคนที่คุณไม่ได้รู้สึกสนใจเชิงชู้สาวด้วย เว้นเสียแต่ว่าคุณแน่ใจ 100% ว่าพวกเขาไม่ได้สนใจคุณแบบนั้น ไม่อย่างนั้นคุณเสี่ยงที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจผิด ซึ่งอาจทำให้เกิดช่วงเวลาอับอายและน่าอึดอัดตามมา
  • การจีบต้องดูกาลเทศะ เช่น ในงานศพมักไม่ใช่สถานที่สำหรับจีบ การจีบในที่ทำงานก็มักไม่ได้รับการยอมรับ ถ้าคุณเกิดจีบที่ทำงาน ให้คุณแสดงนิสัยที่ดีที่สุดละอย่าเซ้าซี้หากอีกฝ่ายไม่สนใจด้วย
  • ปล่อยวางความต้องการทั้งหลายแหล่ที่อาจผุดขึ้นมา ความต้องการเป็นจุดเริ่มต้นของความลุ่มหลง และความลุ่มหลงเป็นสิ่งที่น่ากลัว ผู้คนที่เอาแต่ใจมักเป็นคนไม่พอดีและเอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะความสุขทั้งหมดของพวกเขาขึ้นอยู่กับผู้อื่นมากกว่าจะตระหนักถึงคุณค่าในตัวพวกเขาเอง ถ้าคุณสัมผัสได้ว่าคุณจะรู้สึกขาดใจถ้าอีกฝ่ายไม่อยากเป็นเพื่อนหรือคู่รักกับคุณล่ะก็ความสนุกจากการจีบก็จะหายไป
  • ใช้วิธีจีบให้เหมาะสมกับสถานที่ ตัวอย่าง การพบกันในห้องสมุดหรือโถงเต้นรำที่อึกทึกอาจไม่เอื้อในการพูดคุยนัก หากเจอแบบนี้ ส่งยิ้ม แสดงท่าทีสนใจ และรอคอยโอกาสที่เข้ามาให้คุณได้เจอกันอีกครั้งตรงที่วางชามตักน้ำพั้นช์หรือในลอบบี้ อย่างไรก็ตาม อย่าตามพวกเขาไปทั่วเพราะคุณอาจประหม่าเกินไปที่จะเข้าหาอีกฝ่าย และนี่จะทำให้คุณดูน่ากลัว คุยกับพวกเขาทันทีที่คุณมีโอกาส
  • ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่าย ลองให้เบอร์โทรศัพท์ของคุณแทน ถ้าพวกเขาสนใจคุณจริง พวกเขาจะโทรมาหาคุณ คุณอาจจะให้อีเมล์ของคุณไปด้วยก็ได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 41,486 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา