บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้เน็ตมือถือดาวน์โหลดแอพใน iPhone จาก App Store แบบไม่ต้องต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ให้คุณเอง
ขั้นตอน
-
เปิด Settings ของ iPhone. ที่เป็นไอคอนรูปฟันเฟืองสีเทา ปกติอยู่ในหน้า Home
-
แตะ Wi-Fi . ที่เป็นตัวเลือกทางด้านบนของเมนู Settings
-
เลื่อนสวิตช์ Wi-Fi ไปที่ Off. สวิตช์จะกลายเป็นสีขาว เท่ากับปิด Wi-Fi ใน iPhone เรียบร้อย ระหว่างนี้จะไม่มีสัญญาณเน็ตจนกว่าคุณจะเปิด Cellular Data
-
แตะปุ่ม back. ตรงมุมซ้ายบนของหน้าจอ เพื่อกลับไปยังเมนู Settings
-
แตะ Cellular . ที่เป็นตัวเลือกใต้ Wi-Fi ใน Settings พอดี
-
เลื่อนสวิตช์ Cellular Data ไปที่ On. สวิตช์จะกลายเป็นสีเขียว เท่ากับเปิด Cellular Data หรือเน็ตมือถือแล้ว จากนี้คุณก็เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แบบไม่ต้องใช้ Wi-Fi ค่าบริการจะเป็นไปตามแพ็คเกจรายเดือนที่คุณสมัครไว้
-
เลื่อนลงไป แล้วแตะสวิตช์ App Store ให้ไปที่ On. สวิตช์จะกลายเป็นสีเขียว ปกติตัวเลือกนี้จะอยู่ในหัวข้อ USE CELLULAR DATA FOR คุณใช้เน็ตมือถือเปิด App Store ใน iPhone แล้วดาวน์โหลดแอพต่างๆ แบบไม่ต้องต่อ Wi-Fi ได้เลย
-
กดปุ่ม Home ของ iPhone. ที่เป็นปุ่มวงกลมใต้กรอบจอ เพื่อปิด Settings แล้วกลับไปที่หน้า Home
-
เปิด App Store. ไอคอนของ App Store จะเป็นตัว A สีขาวบนพื้นฟ้า ปกติอยู่หน้า Home
-
หาแอพที่จะดาวน์โหลด. คุณ browse หาได้ทั้ง Featured (แอพแนะนำ), Categories (ตามหมวดหมู่) และ Top Charts (แอพที่คนนิยมโหลด) โดยดูจาก toolbar ที่ท้ายหน้าจอ หรือใช้ฟังก์ชั่น Search ของ App Store ก็ได้ ถ้าจะหาแบบระบุชื่อแอพ
-
เริ่มดาวน์โหลด. ดาวน์โหลดแอพตามปกติเหมือนตอนต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ถ้าไม่ได้เปิด Wi-Fi แล้วให้ App Store ใช้ cellular data แทนใน Settings เวลา iPhone ดาวน์โหลดแอพ ก็จะใช้เน็ตมือถือตามแพ็คเกจรายเดือนของคุณโฆษณา
-
เปิด Settings ของ iPhone. ที่เป็นไอคอนรูปฟันเฟืองสีเทา ปกติอยู่ในหน้า Home
-
แตะ Cellular .
-
เลื่อนสวิตช์ Cellular Data ไปที่ On. สวิตช์จะกลายเป็นสีเขียว เท่ากับเปิด Cellular Data หรือเน็ตมือถือแล้ว จากนี้คุณก็เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้แบบไม่ต้องใช้ Wi-Fi ค่าบริการจะเป็นไปตามแพ็คเกจรายเดือนที่คุณสมัครไว้
-
แตะ Personal Hotspot . Personal Hotspot ให้คุณกระจายสัญญาณเน็ตจากมือถือไปยังอุปกรณ์ใกล้เคียง ผ่าน Wi-Fi, Bluetooth หรือ USB ทำให้คอมต่อเน็ตโดยใช้ iPhone และเน็ตมือถือได้
-
เลื่อนสวิตช์ Personal Hotspot ไปที่ On. สวิตช์จะกลายเป็นสีเขียว
- ถ้าปิด Wi-Fi ใน iPhone จะมีให้ Turn on Wi-Fi หรือ Use Bluetooth and USB Only
-
เชื่อมต่อคอมกับ iPhone.
- ถ้าจะต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ให้หาแล้วเลือก iPhone ใน Wi-Fi settings ของคอม
- ถ้าใช้ Bluetooth ให้ pair (เชื่อมต่อ) iPhone กับคอมก่อน แล้วหาและเลือก iPhone จาก Bluetooth settings ของคอม
- ถ้าใช้สาย USB ให้เสียบ iPhone กับคอม แล้วหาและเลือก iPhone จากรายชื่อ network services ใน settings ของคอม
-
เปิด iTunes ในคอม. คุณดาวน์โหลดแอพต่างๆ ของ iPhone จาก App Store ในคอมได้ผ่าน iTunes
-
ดาวน์โหลดแอพจาก App Store ใน iTunes ตามปกติ. iTunes ให้คุณ browse เลือกแอพต่างๆ ของ iPhone ใน App Store ของคอม แล้วดาวน์โหลดแอพเพื่อ sync กับ iPhone ทีหลังได้ คอมจะใช้ iPhone เป็น personal hotspot ต่อเน็ต แล้วใช้เน็ตมือถือดาวน์โหลดแอพ
-
sync iPhone กับ iTunes. ถ้าไม่ได้ตั้งให้ iPhone sync แอพในคอมอัตโนมัติ ก็ต้อง sync เอง โดยคลิก iPhone icon ล่างปุ่ม Play ของ iTunes คลิก Apps ในเมนู navigation ทางซ้าย คลิกปุ่ม Install ข้างแอพ แล้วคลิก Apply ที่มุมขวาล่างของ iTunes
- ถ้ามีปัญหา sync iPhone กับคอมไม่ได้ ให้ลองอ่านวิธี sync ผ่าน USB หรือ Wi-Fi เพิ่มเติมในเน็ตดู
โฆษณา
-
เปิด Settings ของ iPhone. ที่เป็นไอคอนรูปฟันเฟืองสีเทา ปกติอยู่ในหน้า Home
-
เลื่อนลงไปแตะ iTunes & App Store .
-
เลื่อนสวิตช์ Updates ไปที่ On. สวิตช์จะกลายเป็นสีเขียว ปกติตัวเลือกนี้จะอยู่ในหัวข้อ AUTOMATIC DOWNLOADS เท่านี้ iPhone ก็จะดาวน์โหลดอัพเดทใหม่ของแอพที่มีในเครื่องโดยอัตโนมัติ
-
เลื่อนสวิตช์ Use Cellular Data ไปที่ On. สวิตช์จะกลายเป็นสีเขียว เท่านี้ iPhone ก็ใช้เน็ตมือถือดาวน์โหลดอัพเดทของแอพโดยอัตโนมัติ
- iPhone จะยังใช้ Wi-Fi ดาวน์โหลดอัพเดท ถ้าต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi ไว้ เครื่องจะใช้เน็ตมือถือก็ต่อเมื่อตัดการเชื่อมต่อ Wi-Fi แล้วเท่านั้น
โฆษณา
คำเตือน
- คุณดาวน์โหลดแอพใน App Store โดยไม่ใช้ Wi-Fi ไม่ได้ ถ้าแอพใหญ่เกิน 100 MB เพราะเป็นข้อจำกัดของระบบที่ iOS ของ iPhone กำหนดมา ซึ่งไปเพิ่มเพดานตรงนี้เองไม่ได้
- บางค่ายมือถือจะปิดฟังก์ชั่น Personal Hotspot ไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจรายเดือนและ/หรือ settings ของเครื่อง
- App Store ใน iTunes จะต่างจาก App Store ใน Mac ตรงที่คุณดาวน์โหลดแอพของ iPhone ใน iTunes แล้ว sync กับ iPhone ได้ทีหลัง
- ต้องล็อกอินด้วย Apple ID ของตัวเองก่อน ถึงจะเปิด auto-update หรือดาวน์โหลดอัพเดทอัตโนมัติได้
โฆษณา
โฆษณา