ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มีเหตุผลมากมายว่าทำไมคุณจึงอยากรู้ว่าเพื่อนของคุณเป็นเกย์หรือไม่เป็น อย่างไรก็ดี มีสิ่งสำคัญบางสิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่คุณต้องเข้าใจก่อนที่จะเดินหน้าหาความจริง เพศวิถีของคนๆ หนึ่งเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก และเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ ด้วย และการพยายามหาความจริงในเรื่องนี้ของคุณอาจสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหาก็ได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ข้อเท็จจริงที่ต้องรู้

ดาวน์โหลดบทความ
  • จงรู้ไว้ว่ามันมีสัญญาณทางกายบางอย่าง ที่สามารถช่วยพิสูจน์ว่าคนๆ นั้นเป็นเกย์หรือไม่ แต่มนุษย์ไม่ทันสังเกตเห็น มันไม่มีสัญญาณภายนอกใดๆ ที่จะช่วยระบุชัดว่าคนๆ นั้นเป็นเกย์ได้ 100% ทุกครั้งไป แม้แต่ปัญญาประดิษฐ์ที่ผ่านการฝึกมาให้ตรวจหาสิ่งนี้ ก็มีความแม่นยำในการตรวจจับสิ่งนี้อยู่ที่ 90% ขณะที่มนุษย์ตอบถูกไม่ถึง 60% ไม่มีสัญญาณทางกายหรือพฤติกรรมใดที่จะเป็นตัวใบ้ได้ชัดเจน ไม่มีเลย วิธีเดียวที่จะรู้แน่ก็คือ มีคนมาบอกคุณ พฤติกรรมบางอย่างหรือลักษณะทางกายบางอย่างอาจเป็นสิ่งที่มักจะพบในคนที่เป็นเกย์มากกว่าชายแท้อยู่สักหน่อย แต่คุณก็ไม่ควรใช้ลักษณะที่ว่ามาใส่สีตีไข่ให้ความรู้สึกที่คุณมีต่อคนๆ นั้นเปลี่ยนไป
  • บางครั้งคนเราก็มีเหตุผลที่ดีในการไม่เปิดเผยตัวตน คุณอาจจะอยากรู้เอามากๆ ว่าเพื่อนเป็นเกย์หรือไม่ แต่มันอาจมีเหตุผลที่ดีที่พวกเขาเลือกจะเก็บงำเพศวิถีของตน การที่จะ "ยอมรับ" ว่าตนเป็นเกย์ ถึงแม้จะเป็นการยอมรับกับคุณ คุณก็อาจจะทำให้เพื่อนตกอยู่ในอันตรายได้ ตัวอย่างเช่น ครอบครัวของเขาอาจเกลียดคนรักเพศเดียวกันอย่างรุนแรง และการคิดแล้วว่าเพื่อนเป็นเกย์ คุณอาจเปิดเผยตัวตนของเขาโดยบังเอิญด้วยการปฏิบัติต่อเขาต่างไปจากคนอื่น หรือบังเอิญบอกเป็นนัยไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • การที่เขาสนใจผู้ชายไม่ได้แปลว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง หากคุณพยายามที่จะหาความจริงว่าเพื่อนเป็นเกย์ เพราะคุณอยากจะออกเดทกับเขา (โดยที่คุณเป็นผู้หญิง) คุณต้องจำไว้ว่า แต่เพราะเขาอาจจะสนใจผู้ชาย ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สนใจผู้หญิง นั้นเป็นเหตุว่าทำไม การถามจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า หรือแค่ลองดูว่าอะไรๆ มันมีการพัฒนาอะไรมั้ยในความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา แทนที่จะมาตัดสินเอาเอง
  • ถึงแม้เขาจะเป็นเกย์ นั่นก็ไม่ควรมีผลอะไรกับความรู้สึกนึกคิดที่คุณมีต่อเขา สิ่งสำคัญอีกสิ่งที่ต้องจำไว้คือ มันไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอกว่าเขาจะเป็นเกย์หรือไม่ ข้อมูลเรื่องนี้ไม่ควรจะมีผลอะไรกับความคิดที่คุณมีต่อเขา หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับเขา เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไร มันจึงไม่ได้สำคัญอะไรนักที่คุณจะรู้เพศวิถีของเขา และการด่วนตัดสินคนอื่นมีแต่จะสร้างปัญหาต่างๆ ตามมา
  • เพศสภาพของใครก็เป็นเรื่องของเขา สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เพศสภาพของเขา เป็นเรื่องของเขา ก็เหมือนกับที่คุณจะไม่นั่งต่อหน้าใครสักคน และดูเขาจูบคนรัก (หรือมองดูเขาทำกิจกรรมที่ลึกซึ้งกว่านี้) คุณไม่มีความจำเป็นต้องลุกล้ำชีวิตด้านนั้นของเขา สิ่งที่คุณทำได้ คือ ถามเขา และให้เจ้าตัวตัดสินใจเองว่าเขาอยากจะตอบหรือไม่
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

อ่านวิธีมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คอยฟังเวลาที่เพื่อนของคุณพูดคุยกับคนอื่น และดูว่าเขาพูดถึงชายหนุ่มคนอื่นๆ อย่างไรบ้าง เขาชอบพูดชมว่าผู้ชายคนอื่นๆ ดูดีดูหล่อหรือไม่ เขาแสดงความปลาบปลื้มในตัวดาราชายคนโปรดบนโทรทัศน์ หรือเซเล็บคนดังที่กำลังเป็นกระแสฮอตคนล่าสุดบ้างมั้ย เขาเกิดอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเวลาเห็นนักฟุตบอลหนุ่ม หรือหนุ่มฮอตประจำออฟฟิศหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบอกว่าเขามีความชอบที่อาจจะมากกว่าความชื่นชมธรรมดาๆ อยู่สักหน่อย
    • เช่น หากเขาบอกว่า "เนี่ย นี่เราออกไปเที่ยวเล่นกับเจค็อบทั้งอาทิตย์เลย เค้านิสัยดี เรารู้สึกเป็นธรรมชาติมากเวลาอยู่กับเค้า"
  2. คุณอาจจะต้องสังเกตภาษาที่แสดงความไม่สนใจผู้หญิง หรือการที่ภาษาของเขาไม่แสดงออกถึงความสนใจผู้หญิงอย่างที่คนทั่วไปมักใช้กัน นี่อาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าเขาเป็นเกย์ ผู้ชายทั่วไปมักจะรู้สึกเขินอาย และพูดอะไรไม่ออกเมื่ออยู่ใกล้สาวที่ตนชอบ หากคุณไม่เห็นสัญญาณเหล่านี้เลย เป็นไปได้ว่าเขาอาจเป็นเกย์
    • ตัวอย่างเช่น เขาดูลังเลใจเอามากๆ หรือทำตัวแปลกๆ เวลาที่คุณเสนอตัวช่วยหาคู่เดตให้เขามั้ย
  3. คอยสังเกตพฤติกรรมลับๆ ล่อๆ น่าละอายหรือสร้างความอับอาย. เวลาที่ใครสักคนปิดบังเพศวิถีของตน พวกเขาจะต้องปิดบังหลายสิ่งเกี่ยวกับตัวเองมาก เพื่อนของคุณอาจจะไม่ได้ยอมรับว่าตนเป็นเกย์ แต่แค่ไม่ใช่กับคุณ ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาต้องซ่อนอีกตัวตนหนึ่งของเขาทั้งหมดเลย คอยสังเกตสัญญาณว่าพวกเขาเก็บงำอะไรเอาไว้ หรือคอยดูว่าพวกเขาดูมีความละอายใจ หรืออับอายในเรื่องอะไรบ้าง เพราะนั่นอาจเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเขาเป็น
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณเชิญเขามาทำอะไรสักอย่างช่วงเดียวกันกับที่มีเทศกาลชาวเกย์แล้วเขาบอกว่าเขาไม่ว่าง นั่นอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ได้
  4. หนึ่งในทฤษฏีที่ว่าทำไมคนบางคนเกิดมาเป็นเกย์นั้น เกิดจากฮอร์โมนที่พวกเขาได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ระดับของฮอร์โมนที่พวกเขาได้รับอาจส่งผลให้เจ้าตัวมีอากัปกิริยาต่างๆ ที่อาจเป็นตัวบ่งชี้กลายๆ ว่าผู้ชายคนนั้นอาจเป็นเกย์ คอยสังเกตท่าทางการเดินที่ดูกระตุ้งกระติ้ง รูปร่าง [1] หรือความยาวของนิ้วมือ [2] . สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่า เขาได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนมากกว่าปกติตอนอยู่ในมดลูก ซึ่งมันอาจจะไปกระทบต่อการพัฒนาของสมอง อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญอย่างที่สุด คือ ที่ว่ามานี้ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ 100% มีปัจจัยอื่นอีกมากที่อาจมีส่วนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทางร่างกาย ดังนั้นจงอย่าใช้เรื่องนี้มาฟันธง
    • สำหรับผู้หญิง นิ้วนางและนิ้วชี้จะยาวเท่าๆ กัน ในขณะที่นิ้วนางของผู้ชายจะยาวกว่า ส่วนนิ้วของเกย์หนุ่มมักจะยาวเท่าๆ กันมากกว่าชายแท้ อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยอื่น (เช่น การมีพี่ชาย) ที่อาจทำให้ตัวชี้วัดนี้ไม่ช่วยให้คำตอบอะไรได้เลย
  5. คุณควรพิจารณาว่า สัญญาณต่างๆ เหล่านี้สามารถบ่งชี้ความเป็นไปได้อื่นๆ อะไรอีกบ้าง เป็นไปได้ว่า เพื่อนชายของคุณจะไม่ได้เป็นเกย์ แต่กลับมีลักษณะบางอย่างที่เข้ากับคนบางกลุ่มตามสเกลวัดเพศวิถีอย่าง Kinsey Scale เขาอาจจะเป็น:
    • ไบเซ็กชวล คือ เขาสนใจทั้งผู้ชายและผู้หญิง
    • อะเซ็กชวล คือ เขาไม่ได้มีความต้องการทางเพศโดยธรรมชาติ
    • เขาก็อาจแค่ไม่ได้สนใจในตัวคุณ หากคุณกำลังสงสัยว่าทำไมเขาไม่พัฒนาความสัมพันธ์กับคุณสักที
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เลี่ยงความผิดพลาดที่มักจะเกิด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้บางคนในหมู่ชาวเกย์อาจจะดัดเสียงพูดหรือวิธีพูด การที่เพื่อนของคุณพูดด้วยวิธีเดียวกัน หรือ ด้วยวิธีที่ "ดูสาว" ก็ยังไม่ใช่วิธีที่ดีนักที่จะตัดสินเขา ผู้ชายบางคนแค่เป็นคนพูดจาอ่อนหวาน อ่อนโยน หรือมีวิธีพูดที่ออกสาวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
    • ตัวอย่างเช่น เขาอาจแค่เป็นคนขี้อายหรือโตมาในหมู่คนที่มีวิธีพูดแบบนั้น
  2. สิ่งที่ชายคนหนึ่งชอบทำก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนักที่จะตัดสินว่าเขาเป็นเกย์หรือไม่เช่นกัน ทุกคนสามารถสนุกกับสิ่งที่แตกต่างกันไป ก็เหมือนกันกับที่หญิงสาวคนหนึ่งอาจจะชอบดูฟุตบอล ผู้ชายก็ชอบสิ่งที่เหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำกันทั่วไปในหมู่ผู้หญิงหรือกลุ่มชาวเกย์
    • ตัวอย่างของกิจกรรมที่เขาอาจจะชอบทำ และไม่ได้ทำให้ความชายแท้ของเขาเปลี่ยนไปแต่อย่างใด ได้แก่: สเก็ตลีลา เต้นรำ และละครเวที
  3. หนังที่เขาดูและเพลงที่เขาฟังไม่ใช่วิธีที่ยุติธรรมเท่าไหร่ที่จะใช้ตัดสินว่าเขาเป็นชายแท้ หรือมีความเกย์ยิ่งกว่าเอลตัน จอห์น และก้อง ปิยะรวมกันเสียอีก คุณต้องดูอย่างอื่น ไม่ใช่แค่คอลเลคชันเพลงเอ็มพี 3 ของเขา
    • ตัวอย่างของสื่อบันเทิงที่เขาอาจชอบทั้งที่เป็นชายแท้ได้ ได้แก่: เลดี้ กาก้า ละครเพลง และหนังรักสำหรับผู้หญิง
  4. อย่าตัดสินเขาจากรูปลักษณ์ การแต่งกาย หรือวิธีที่เขาดูแลตนเอง. มีการเหมารวมบางอย่างที่ว่า หากผู้ชายแต่งตัวดี หรือใช้เวลามากๆ ไปกับการทำผม แสดงว่าเขาคนนั้นเป็นเกย์อย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ผู้ชายที่ทุ่มเท ให้ความใส่ใจกับรูปลักษณ์ของตน ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรนักสำหรับยุคนี้ ทำให้สิ่งนี้เป็นวิธีที่ไม่ดีเอาเสียเลยที่จะใช้ตัดสินใคร
    • เช่นเดียวกัน คุณไม่ควรทึกทักเอาเอง เพียงเพราะเขาดูแมนสุดๆ และไม่รู้ว่าควรใช้หวีด้านไหนหวีผม แปลว่า เขาจะต้องเป็นชายแท้แน่นอน
  5. บางที คุณอาจจะคิดไปเองว่า เพียงแค่ผู้ชาย ออกไปเที่ยวสังสรรค์กับผู้หญิงอย่างเดียว หรือเพียงแค่เพื่อนสนิทของเขาเหมือนจะเป็นเกย์ แปลว่าเขาจะเป็นด้วย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ยุติธรรมเท่าไหร่เลย ต่างคนก็ต่างมองหามิตรภาพที่แตกต่างกัน และเขาก็อาจจะรู้สึกดีกว่าที่จะมีเพื่อนแบบที่เขามีอยู่นี้
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

พูดคุยอย่างให้ความเคารพกันและกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาเวลาที่ดีที่คุณสองคนจะได้พูดคุยกัน นี่เป็นเรื่องส่วนตัว และคุณคงไม่อยากจะทำให้เขาต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนต่อหน้าคนอื่นๆ คุณควรหาทางพูดคุยเรื่องจริงจังนี้ โดยเริ่มจากการคุยเรื่องหนักๆ เรื่องอื่นก่อน สิ่งสำคัญคือต้องให้เขารู้สึกสบายๆ และสร้างความคาดหวังที่ว่า คุณทั้งคู่สามารถแชร์ความรู้สึกส่วนตัวลึกๆ ให้อีกฝ่ายฟังได้ให้เกิดขึ้น
    • ตัวอย่างเช่น ให้คุยเรื่องปัญหาครอบครัว หรืออาจจะเป็นเรื่องการเมือง และความกังวลต่ออนาคตของคุณ
  2. แสดงให้เขารู้ว่าคุณโอเคหากมีเพื่อนเป็นเกย์. ให้คุณยกเรื่องที่ทำให้เขารับรู้ว่า การมีเพื่อนเป็นเกย์เป็นสิ่งที่คุณรับได้มาพูดคุยกันอย่างเนียนๆ และเขาไม่ต้องปิดบังตัวตนของเขาเวลาอยู่กับคุณ คุณอาจพูดถึงเพื่อนเกย์อีกคนหนึ่ง หรือพูดถึงบุคคคลสมมติที่อาจเปิดตัวว่าเป็นเกย์ หากว่าคุณไม่ได้รู้จักเกย์สักคนเลย
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจลองพูดว่า "ฉันชื่นชมคนอย่าง นีล แพทริค แฮร์ริสมากๆ เขาทำได้ดีมากในการทำให้พวกหัวโบราณเห็นว่า คนที่เป็นเกย์สามารถเป็นอะไรได้มากกว่าอะไรแย่ๆ ที่คนพวกนั้นเหมารวมว่าชาวเกย์เป็น และมันชัดเลยว่าเขามีความสุขในตอนนี้ ฉันอยากให้ใครๆ ต่างรู้สึกว่า พวกเขาสามารถเปิดเผยตัวตนของเขา และภาคภูมิใจอย่างที่เขาทำให้เราเห็น"
  3. คุณอาจพูดถึงประสบการณ์ที่คนอื่นๆ มีเกี่ยวกับการเปิดตัว ทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นกังวลเกี่ยวกับผลเสียที่อาจจะตามมารบกวนจิตใจเขา นี่จะเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมที่จะอยู่ข้างเขาหากเขาต้องการใครสักคน
    • ลองพูดว่า "ก่อนที่แอนดี้จะเปิดตัว ฉันก็กังวลอยู่ เขาดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย...เหมือนกับว่า เขาไม่ชอบตัวเองเอามากๆ และทุกคนต่างก็ร้ายกับเขาหลังจากที่รู้ว่าเขาเป็น ฉันไม่ต้องการให้ใครต้องมาเจออะไรแบบนี้"
  4. หลังจากที่คุณได้เตรียมการให้พร้อมแล้ว และแสดงให้เขาเห็นแล้วว่า คุณเป็นคนที่ไว้ใจได้ และน่าจะเป็นคนที่เขาคุยด้วยได้ ก็ให้คุณให้เวลาและโอกาสเขาที่จะบอกคุณ เขาอาจจะไม่บอกคุณ ณ ตอนนั้น เขาอาจจะไม่คุยกับคุณในสัปดาห์นั้น แต่หากเขาเป็นเกย์ เขาอาจจะบอกคุณเมื่อเขาสบายใจ และรู้สึกว่าเขาเชื่อใจคุณได้จริงๆ
    • สิ่งสำคัญ คือ การรักษาบรรยากาศของความไว้เนื้อเชื่อใจกัน หากคุณอยากให้เขาบอกคุณ อย่าปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับใครทั้งนั้น เพราะการเผยความลับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เป็นการส่งสัญญาณว่าคุณก็อาจจะเอาเรื่องเขาไปพูดเช่นกัน
  5. แน่นอนว่า หากเขาไม่พูดอะไร หรือหากคุณไม่อยากจะตั้งข้อสันนิษฐานอะไรไปเรื่อยจากพฤติกรรมของเขาล่ะก็ ถามเขาไปเลย มันไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะถาม นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรู้ว่าใครสักคนเป็นเกย์หรือไม่ และมันแย่น้อยกว่าการเที่ยวตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับพวกเขา มันอาจน่ากระอักกระอ่วน แต่โอกาสของคุณคือ หากเขาเชื่อใจคุณ เพื่อนคนนี้ของคุณจะพูดความจริงกับคุณ
    • ลองพูดประมาณว่า "นายยังคงเป็นเพื่อนของฉันไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แต่ฉันต้องถามเพราะไม่อยากจะคิดไปเอง และสรุปเอาเองอย่างผิดๆ: ตกลงนายเป็นเกย์มั้ย"
    • ลองทำท่า Bend and snap เหมือนอย่างนางเอกในหนังเรื่อง Legally Blonde ที่สามารถแก้ปัญหามากมายได้เวลาที่คุณใช้มันอย่างถูกที่ถูกทาง
    โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าถามโต้งๆ ว่า "นายเป็นเกย์รึเปล่า" นั่นอาจแสดงถึงความไม่ใส่ใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย
  • หากเขาบอกว่าใช่ อย่าไปตัดสินอะไรเขา อย่าอย่างเด็ดขาด
  • เวลาที่ทำความรู้จักเขา อย่าทำไปเพียงเพื่อนต้องการรู้ว่าเขาเป็นเกย์หรือไม่เท่านั้น จงทำเช่นนั้นต่อเมื่อคุณเป็นห่วงเขาและต้องการจะเป็นเพื่อนกับเขาเท่านั้น
  • หากเขาไม่ต้องการให้คุณบอกใครต่อใคร นั่นเป็นเพราะเขามีเหตุผลของเขา ไม่ว่าคุณจะทำอะไร จงอย่า บอกใครเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าเขาอนุญาตให้คุณพูดต่อได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 42,899 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา