ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ต้นไม้ในร่มเป็นสิ่งที่ทำให้ห้องต่างๆ ในบ้านน่าอยู่มากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นของตกแต่งที่มีสีสันสวยงามแล้ว ต้นไม้ในร่มยังช่วยทำให้อากาศบริสุทธิ์ ทำให้สุขภาพดีขึ้น และช่วยให้คุณมีสมาธิมากขึ้นด้วย [1] หากต้นไม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ได้รับน้ำและอาหารในปริมาณที่เหมาะสม รับรองว่าต้นไม้ในร่มจะอยู่กับคุณไปได้อีกนาน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

รดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าดินของคุณแห้งเกินไปหรือแฉะเกินไป มันก็จะไปทำลายรากของต้นไม้และทำให้ต้นไม้ไม่โต และในบางกรณีการรดน้ำน้อยเกินไปหรือมากเกินไปก็อาจจะทำให้ต้นไม้ตายได้ ต้นไม้ที่มีใบหนาเขียวชอุ่มต้องการน้ำมากกว่าต้นไม้ที่เป็นใบมันเงาหรือใบหยาบ [2] ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าต้องรดน้ำต้นไม้ในร่มบ่อยแค่ไหน แต่สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ระบุว่าต้นไม้ของคุณคือต้นอะไร และปฏิบัติตามแนวทางการรดน้ำต้นไม้ด้วยการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ชนิดนั้นๆ โดยเฉพาะ
    • ถ้าเริ่มจะมีราขึ้นบนผิวดินหรือมีน้ำเจิ่งอยู่ก้นกระถาง แสดงว่าคุณรดน้ำมากเกินไป
    • รดน้ำเมื่อสีดินจางลงหรือแตกระแหง [3]
    • พืชตระกูลพืชอวบน้ำต้องเว้นระยะห่างให้ดินแห้งระหว่างการรดน้ำแต่ละครั้ง
    • ถ้าคุณสังเกตเห็นว่ามีน้ำขังอยู่ข้างในหรือข้างใต้กระถาง ให้เทน้ำออกมาเพื่อที่ต้นไม้จะได้ไม่จมอยู่ในน้ำ น้ำขังอาจทำให้ต้นไม้ตายได้
  2. เอานิ้วจิ้มลงไปเพื่อดูว่าข้างใต้ดินชื้นแค่ไหน. ถ้าคุณเอานิ้วจิ้มลงไปในดินจนถึงข้อนิ้ว คุณจะรู้ว่าต้นไม้ต้องการน้ำเพิ่มหรือเปล่า ถ้าดินยังชื้นอยู่ คุณก็ไม่ต้องรดน้ำ เพราะการรดน้ำมากเกินไปอาจทำให้รากเน่าซึ่งคุณก็ต้องไปแก้ปัญหาต่อ แต่ถ้ามันแห้งก็แสดงว่าคุณต้องรดน้ำแล้ว [4]
    • ขั้นตอนนี้แตกต่างกันไปในพืชแต่ละชนิด โดยเงื่อนไขที่ว่านี้ใช้ได้กับต้นไม้ส่วนใหญ่แต่ไม่ใช่ทุกชนิด
    • สัญญาณของการรดน้ำมากเกินไปได้แก่ ใบเปลี่ยนสี ใบไม่เจริญเติบโต ใบร่วง และดินนิ่มเละ
    • สัญญาณของการขาดน้ำได้แก่ ใบเจริญเติบโตช้า ขอบใบเป็นสีน้ำตาลและแห้ง และใบที่อยู่ข้างใต้เป็นสีเหลืองและหยิก
  3. น้ำที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียสเหมาะกับการนำมารดน้ำต้นไม้มากที่สุด [5] คุณสามารถใช้เทอร์โมมิเตอร์ในการวัดอุณหภูมิของน้ำ หรือจะวางน้ำทิ้งไว้หลังจากเทออกมาแล้วรอจนกว่าจะถึงอุณหภูมิห้องก็ได้
    • ถ้าน้ำร้อนเกินไปมันอาจไปทำลายรากและทำให้ต้นไม้ช็อก ซึ่งอาจจะทำให้ต้นไม้ในร่มตายได้
    • น้ำที่เย็นเกินไปจะไปหยุดการเจริญเติบโตของต้นไม้ ซึ่งจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของต้นไม้ในปัจจุบันและอนาคต
  4. ใช้เครื่องวัดความชื้นมือถือเพื่อให้รู้ว่าระดับความชื้นของดินอยู่ที่เท่าไหร่. เครื่องวัดความชื้นเป็นอุปกรณ์ที่วัดความชื้นของต้นไม้ได้แม่นยำที่สุด กลไกของอุปกรณ์จะแหย่เข้าไปในดินที่อยู่ข้างใต้และบอกค่าความชื้นของดิน [6]
    • คุณสามารถหาซื้อเครื่องวัดความชื้นได้ทางออนไลน์ ในร้านขายอุปกรณ์บ้านและสวน และห้างสรรพสินค้าบางแห่ง
  5. ปริมาณการระบายน้ำของกระถางที่คุณใช้ปลูกต้นไม้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการรดน้ำมากเกินไปหรือน้อยเกินอาจทำลายหรือทำให้ต้นไม้ตายได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องดูให้ดีว่าใต้กระถางมีรูระบายน้ำอยู่
    • วัสดุอย่างพลาสติก โลหะ และแก้วจะดูดซึมน้ำได้น้อยกว่าเซรามิกหรือดินเหนียว เพราะฉะนั้นเวลาซื้อกระถางต้นไม้ให้นึกถึงข้อนี้เอาไว้ด้วย [7]
    • คุณต้องดูให้ดีว่าใต้กระถางมีรูเพื่อที่น้ำจะได้ระบายออกได้ ถ้าคุณปลูกต้นไม้ในกระถางตกแต่ง (ที่ไม่มีรู) น้ำก็จะขังอยู่ข้างในและอาจทำให้ต้นไม้ตายได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ดูแลต้นไม้ในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้นไม้ต้องการแสงแดดในการสังเคราะห์แสง [8] ลักษณะ ระยะเวลา และความเข้มข้นของแสดงแดดล้วนมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้
    • อย่าให้ต้นไม้ได้รับแสงแดดโดยตรง แต่ให้ต้นไม้ได้รับแสงโดยอ้อมมากๆ ด้วยการนำไปวางไว้ในห้องที่เปิดไฟสว่าง สำหรับต้นไม้บางชนิดแสงฟลูออเรสเซนต์สามารถทดแทนแสงแดดได้
    • ให้ไม้ดอกได้รับแสงวันละ 12-16 ชั่วโมง
    • ให้ไม้ใบได้รับแสงวันละ 14-16 ชั่วโมง [9]
  2. ต้นไม้ใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมค่อนข้างนาน เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรย้ายที่มันบ่อยๆ [10] รวมถึงไม่วางไว้ในที่ที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
    • การย้ายต้นไม้จากที่มืดไปยังบริเวณที่ได้รับแสงแดดเต็มๆ แบบฉับพลันจะส่งผลเสียต่อต้นไม้ [11] ถ้าคุณอยากย้ายที่วาง ให้นำต้นไม้ไปวางไว้ในที่ใหม่วันละ 1 ชั่วโมง ค่อยๆ เพิ่มเวลาการวางต้นไม้ในที่ใหม่จนกว่าต้นไม้จะปรับตัวได้เต็มที่
  3. อากาศแห้งอาจทำให้ต้นไม้บางอย่างเจริญเติบโตได้ดี เช่น กระบองเพชร แต่ต้นไม้ส่วนใหญ่ต้องการความชื้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้เมืองร้อน คุณอาจจะซื้อเครื่องทำความชื้นแบบที่มีละอองน้ำเย็นมาไว้ในห้อง และต้องวางให้ใกล้พอที่ต้นไม้จะได้รับความชุ่มชื้นจากอากาศ แต่ก็ต้องไม่ให้ใบหรือดอกเปียก
    • อีกทางเลือกหนึ่งที่ถูกกว่าการซื้อเครื่องทำความชื้นก็คือ ใส่ก้อนกรวดไว้ในถาด เติมน้ำลงไปให้พอปริ่มๆ ก้อนกรวด พอน้ำระเหยมันก็จะเพิ่มความชื้นให้กับห้อง
    • นอกจากนี้คุณก็สามารถเติมน้ำกลั่นลงไปในขวดสเปรย์แล้วฉีดพรมต้นไม้เพื่อเพิ่มความชื้นได้ด้วย
    • ใบไม้เหี่ยวเป็นสีน้ำตาลและดอกตูมที่ไม่ค่อยโตคือสัญญาณที่บอกว่า ต้นไม้ของคุณได้รับความชื้นต่ำ
    • การวางต้นไม้หลายๆ ต้นไว้ด้วยกันช่วยเพิ่มความชื้นได้ [12]
  4. ต้นไม้ในบ้านส่วนใหญ่เจริญเติบโตได้ดีในปุ๋ยสูตร 10-10-10 ต้นไม้ในบ้านต้องการสารอาหารจากดินปลูกและปุ๋ยในการมีชีวิตรอด ถ้าคุณไม่ย้ายกระถางหรือเติมสารอาหารใหม่เข้าไปในดิน ต้นไม้ก็จะตายในที่สุด ตัวเลขแรกคือไนโตรเจน ตัวที่สองคือฟอสฟอรัส และตัวที่สามคือโพแทสเซียม
    • ถ้าคุณปลูกไม้ดอก คุณอาจจะซื้อปุ๋ยที่มีค่าโพแทสเซียมสูง
    • ถ้าคุณปลูกไม้ใบ คุณควรซื้อปุ๋ยหรือดินปลูกที่มีไนโตรเจนสูง
    • นอกจากนี้พืชยังต้องการสารอาหารรองที่ต้องหมั่นเติมด้วยการใส่ดินปลูกหรือปุ๋ยเพื่อให้ต้นไม้มีชีวิตอยู่ได้ [13]
    • ต้นกระบองเพชรหรือพืชอวบน้ำต้องใช้ดินผสมพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อให้ระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องใช้กระถางที่ฐานมีรูเยอะๆ ด้วย วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ความชุ่มชื้นถูกกักเก็บไว้ในดิน ซึ่งอาจทำให้ต้นไม้ตายได้ [14]
  5. ต้นไม้บางชนิดต้องตัดแต่งรากตามรอบเวลาที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นคุณต้องศึกษาว่าคุณควรตัดแต่งต้นไม้บ่อยแค่ไหน ต้นไม้ที่ไม่ได้ตัดแต่งอาจจะโตมากเกินไป และรากของต้นไม้เองก็อาจจะขยายใหญ่เกินกระถางหรือแจกัน การตัดแต่งต้นไม้เป็นประจำจะทำให้ต้นไม้แข็งแรงและทำให้คุณไม่ต้องย้ายกระถางด้วย [15]
    • ตัดกิ่งที่ตายแล้วหรือก้านที่แมลงชอบมาตอม
    • ตัดแต่งเหนือโหนดใบที่ 45 องศาเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและได้ต้นไม้ที่แข็งแรงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น [16]
  6. การเทกาแฟหรือชาลงใส่กระถางต้นไม้จะทำให้แมลงวันพากันมาทำลายต้นไม้ และน้ำตาลก็จะทำให้ต้นไม้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงชั้นดีเช่นกัน [17]
    • แม้บางคนจะอ้างว่า การนำกากกาแฟใส่ต้นไม้นั้นดีสำหรับต้นไม้ แต่การใส่กากกาแฟให้ต้นไม้ที่ทดกรดได้ต่ำอาจทำให้ต้นไม้ตายได้ [18]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รู้จักต้นไม้ของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีสารานุกรมออนไลน์มากมายที่บอกรายละเอียดว่า คุณควรจะดูแลต้นไม้ในบ้านแต่ละชนิดอย่างไร รวมถึงระดับความชื้นที่แนะนำ แนวทางในการสัมผัสแสงแดด และแนวทางในการรดน้ำต้นไม้ [19] เนื่องจากต้นไม้ในบ้านแต่ละชนิดมีความต้องการที่แตกต่างกัน คุณจึงต้องศึกษาว่าอะไรที่เหมาะกับต้นไม้ในบ้านของคุณมากที่สุด
    • ต้นไม้ในบ้านส่วนใหญ่จะมีป้ายที่บอกชื่อทั่วไปกับชื่อวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าไม่มีให้ถามคนขายต้นไม้ที่คุณไปซื้อเขามา ชื่อวิทยาศาสตร์จะประกอบด้วยสองส่วนคือสกุลและชนิด เช่น Spathiphyllum wallisii คือชื่อวิทยาศาสตร์ของดอกเดหลี ชื่อต้นไม้หลายต้น เช่น พอยน์เซตเทียและบีโกเนีย เป็นทั้งชื่อทั่วไปและชื่อวิทยาศาตร์ ถ้าคุณเห็นเครื่องหมาย x ชื่อที่สาม หรือชื่อที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูด แสดงว่าเป็นพันธุ์ปลูก พันธุ์ผสม หรือชนิดย่อย (พูดง่ายๆ ก็คือเป็นสายพันธุ์พิเศษนั่นเอง)
    • แต่ต้นไม้บางชนิดก็จะบอกแค่ชื่อทั่วไป เช่น ไม้ใบทั่วไป ปาล์มต่างๆ หรือกระบองเพชรทะเลทราย การอ้างอิงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้จะช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้ที่จะระบุสกุล (หากไม่สามารถระบุชนิดที่แน่นอนได้) ได้ด้วยการสังเกต
    • ถ้ามีคนให้ต้นไม้ในบ้านคุณมาและคุณไม่แน่ใจว่ามันเป็นชนิดไหน ให้ดูภาพถ่ายในหนังสือดอกไม้ สารานุกรม คู่มือต้นไม้ในบ้าน และหารูปที่ตรงกับต้นไม้ของคุณมากที่สุด
    • หาชื่อชนิดและพันธุ์ปลูกที่ถูกต้องเพื่อให้คุณแน่ใจได้ว่าคุณได้ต้นไม้ที่ถูกต้อง ในหนึ่งสกุลอาจจะมีชนิดและพันธุ์ปลูกเป็นล้านๆ ชนิด หรือพันธุ์ปลูกบางชนิดปลูกในบ้านได้ง่ายกว่าชนิดอื่นๆ หรือชนิดดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีขนาดและอัตราการเจริญเติบโตที่แตกต่างกันด้วย โพบางชนิดเมื่อเวลาผ่านไปก็โตไปเป็นต้นไม้ใหญ่ และบางชนิดก็เป็นเถาเลื้อย เช่นเดียวกับกลุ่ม ฟิโลเดนดรอน และ แอนธูเรียม
  2. รู้ว่าพืชที่คนขายบอกว่าเป็นต้นไม้ในร่มหรือต้นไม้ในบ้านไม่ได้อายุยืนทุกชนิด. ต้นไม้หลายชนิดที่ขายตามท้องตลาดว่าเป็นต้นไม้ในบ้านจริงๆ แล้วไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมในร่ม ซึ่งจริงๆ แล้วหลายคนซื้อต้นไม้ชนิดนี้ไปโดยไม่รู้และมันก็ตาย ทำให้เสียกำลังใจและไม่อยากซื้อต้นไม้ในร่มมาปลูกอีก
    • ไม้ดอกในบ้านหลายชนิดมีชีวิตอยู่เพียงฤดูเดียวหรือปีเดียว ม่วงเทพรัตน์และพริกประดับจะตายหลังจากออกดอกและต้องถอนทิ้ง สับปะรดประดับตายหลังจากออกดอกแต่จะผลิตต้นพันธุ์ขนาดเล็กที่สามารถแยกออกจากต้นแม่แล้วมาลงกระถางใหม่หรือทิ้งไว้อย่างนั้นได้
    • ต้นไม้ชนิดอื่นๆ เช่น กุหลาบหนู ไฮเดรนเยีย และคริสต์มาสจริงเป็นไม้พุ่มหรือต้นไม้ที่ทนทานและอายุยืนหลายปี ชอบอยู่ข้างนอกเหมือนไม้กลางแจ้งทั่วไป เช่นเดียวกับทิวลิป ลิลี แดฟโฟดิล และไม้ดอกประเภทหัวที่ออกหัวในฤดูใบไม้ร่วงและผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ
    • ต้นไม้อื่นๆ หลายชนิดเป็นไม้พุ่มเมืองร้อน ไม้ดอกประเภทหัว และไม้อายุยืนที่หลังจากผ่านช่วงที่ออกดอกสวยงามไปแล้ว จะมีช่วงเวลาที่ออกดอกไม่ค่อยสวยนักและต้องอาศัยการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้กลับไปออกดอกสวยเหมือนเดิมอีกครั้ง ต้นพอยน์เซตเทีย (ที่ขายช่วงคริสต์มาส) ที่เป็นที่นิยมมากๆ บอนสี และไม้ดอกประเภทหัวฤดูร้อน/เมืองร้อนหลายชนิด เช่น ว่านสิบแสน แกลดิโอลัส และคาลล่า ลิลีคือตัวอย่างของต้นไม้พวกนี้
    • นอกจากนี้ก็ยังมีต้นไม้อื่นๆ ที่เมื่อผ่านไปปีหรือสองปีก็ไม่สวยเหมือนเดิมอีกแล้วไม่ว่าจะดูแลดีแค่ไหนและต้องปลูกใหม่ ฤาษีผสม นกกระทา ผักแพวแดง และบีโกเนียเร็กซ์เป็นตัวอย่างของต้นไม้กลุ่มนี้
    • ต้นไม้ส่วนใหญ่ที่ขายปนชนิดกันมาในตะกร้าหรือกระถางต้องนำมาแยก เพราะมันปลูกมาเป็นกลุ่มเพื่อความสวยงาม ไม่ใช่เป็นข้อกำหนดของชนิดต้นไม้ แต่ไม่รวมการปลูกสวนทะเลทรายหรือการปลูกสวนพืชเมืองร้อนในขวดแก้วแบบพิเศษ
  3. ใบไม้และไม้ดอกสำหรับเลี้ยงในบ้านนั้นแตกต่างกันและต้องการสารอาหารรวมถึงระดับน้ำและแสงแดดที่แตกต่างกัน [20]
    • ชนิดของต้นไม้ในร่มที่คนชอบต้นไม้ในบ้านไปเจอส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกของกลุ่มใหญ่ที่เรีกว่าพืชดอกหรือไม้ดอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าพืชดอกทุกชนิดจะให้ดอกที่สวยงามหรือผลิดอกได้ตามปรารถนา นอกจากนี้หลายๆ ชนิดหากปลูกในบ้านก็จะเจริบเติบโตไม่ถึงอายุให้ผล
    • พืชดอกที่ปลูกเอาดอกและหรือเอาผลได้แก่ มะลิ เดหลี ว่านสิบแสน พอยน์เซตเทีย ดอกหน้าวัว และว่านสี่ทิศชนิดต่างๆ กล้วยไม้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในกลุ่มนี้
    • พืชดอกที่ปลูกเอาใบได้แก่ แก้วกาญจนา คล้า เศรษฐีเรือนใน วาสนา ตีนตุ๊กแกฝรั่ง รวมทั้งต้นไม้กลุ่มปาล์มและโพ
    • ต้นไม้บางชนิดให้ทั้งใบและดอกที่สวยงาม สกุล บีโกเนีย ที่เป็นสกุลใหญ่นั้นเป็นตัวอย่างที่ดีของต้นไม้ชนิดนี้ ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นๆ ที่จัดอยู่ในประเภทนี้ได้แก่ กระบองเพชร พืชอวบน้ำ และพันธุ์ปลูกหลายๆ พันธุ์ที่ผสมเพื่อให้ได้ใบหลายสีหรือสลับสี
    • พืชเมล็ดเปลือยคือพืชที่ไม่ให้ดอก แต่จะให้ถุงเมล็ดที่เรียกว่าโคร พืชพวกสน เช่น สนและสพรูซ คือตัวอย่างของพืชกลุ่มนี้ สนฉัตร "ต้นคริสต์มาส" ที่เป็นที่นิยม และหางลิงที่เป็นต้นไม้ชนิดที่ใกล้เคียงกันก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ต้นสาคูเองก็ไม่ใช่ต้นปาล์ม แต่เป็นสมาชิกในกลุ่มปรงร่วมกับ "กวักมรกต" ต้นไม้เหล่านี้ใช้เวลาหลายปีกว่าจะให้โคน จึงจัดว่าเป็นไม้ใบ
    • เฟิร์นจัดอยู่ในกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับพืชดอกหรือพืชเมล็ดเปลือย เฟิร์นรวมถึงต้นไม้บางชนิดเรียกว่ามอสส์ ซึ่งจะผลิตสปอร์แต่ไม่ให้ดอกหรือโคน จึงถือเป็นไม้ใบด้วย
    • ต้นไม้บางชนิดก็มีการนำมาขายในลักษณะที่ต่างไปจากของจริง บางบริษัทและคนขายต้นไม้บางคนจะเอาดอกไม้ไปติดไว้ที่กระบองเพชรหรือต้นไม้อื่นๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่ามันกำลังออกดอก ไผ่กวนอิมไม่ใช่ชนิดของหญ้าหรือไผ่ แต่เป็นชนิดของ วาสนา หรือต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้บางบริษัทยังทาสีหรือย้อมสีดอกไม้หรือใบของต้นไม้เพื่อให้คนซื้อคิดว่ามันเป็นสีธรรมชาติของต้นไม้จริงๆ การย้อมสีดอกไม้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การทาสีลงบนต้นไม้จะทำให้ต้นไม้ไม่ได้รับแสงแดดที่ต้นไม้ต้องใช้ในการเปลี่ยนเป็นอาหาร
  4. ต้นไม้เมืองร้อนบางชนิดต้องการสภาพแวดล้อมที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้เจริญเติบโต ในขณะที่ต้นไม้อื่นๆ อย่าง เจอราเนียม สาคู พลูด่าง และบัวดอยเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการการเอาใจใส่มากนัก ทนทาน และดูแลง่าย กระบองเพชรและพืชอวบน้ำส่วนใหญ่ก็มีรูปทรงสวยงาม และไม้ใบหลายชนิดก็เลี้ยงง่ายเช่นกัน [21]
    • ต้นไม้อื่นๆ ที่ต้องการแสงแดดน้อยได้แก่ลิ้นมังกร ดราแคนนา และเศรษฐีเรือนใน [22]
    • แก้วกาญจนาหรือเขียวหมื่นปี ( อโกลนีมา ) ที่ใช้ในการตกแต่งตามที่สาธารณะทั่วไปนั้นก็เป็นต้นไม้เลี้ยงง่ายที่ต้องการแสงน้อยแต่แค่ไม่ชอบที่ชื้นแฉะ เมื่อเวลาผ่านไปใบด้านล่างจะร่วง แต่ก็เกิดรากได้ง่ายเมื่อนำไปแช่น้ำ
    โฆษณา

คำเตือน

  • ต้นไม้บางชนิดมีสารเคมีในใบที่เป็นพิษกับสัตว์เลี้ยงและสัตว์ตัวเล็กๆ ต้นไม้ที่ว่านี้ได้แก่เดหลี ยี่โถ และบอนสี [23] ถ้าบ้านของคุณมีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง อย่าลืมค้นหาต้นไม้ในบ้านที่คุณจะนำมาปลูกในเว็บไซต์เพื่อดูว่ามีข้อควรระวังในเรื่องนี้หรือไม่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,428 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา