ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

รีโมทอเนกประสงค์ (universal remote) ของ Philips เป็นอุปกรณ์ที่อเนกประสงค์สมชื่อ เพราะรีโมทเดียวใช้ควบคุมได้หลากหลายอุปกรณ์ ตั้งแต่ทีวี เครื่องเล่น DVD เครื่องเล่น Blu-ray กล่อง set-top ไปจนถึงกล่องเคเบิลทีวี ส่วนขั้นตอนการตั้งค่าแรกเริ่มนั้นก็จะต่างกันไปตามรุ่นที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กัน คือกดปุ่มที่รีโมทค้างไว้จนไฟกะพริบ จากนั้นใส่โค้ดตามยี่ห้ออุปกรณ์ แล้วลองกดปุ่มดูว่าใช้รีโมทได้ไหม ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย คือคนมักใส่โค้ดถูกยี่ห้อแล้ว แต่ผิดรุ่น ถ้าสรุปแล้วคุณใส่โค้ดผิด ก็ไม่เป็นไร แค่ลองใหม่ โดยใช้โค้ดของยี่ห้อเดียวกัน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ตั้งค่าครั้งแรก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติรีโมทอเนกประสงค์ของ Philips จะ sync กันได้กับทีวี เครื่องเล่น DVD เครื่องเล่น Blu-ray และกล่องเคเบิลทีวีส่วนใหญ่ได้ แต่ถึงจะใช้กับยี่ห้อดังๆ ส่วนใหญ่ได้ แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าบางยี่ห้อที่ใช้ไม่ได้ผลก็มี แบบนี้ให้อ่านคู่มือหรือลองหาข้อมูลเพิ่มเติมในเน็ตดู ว่าอุปกรณ์ที่มีจะใช้กับรีโมทนี้ได้ไหม [1]
    • ปกติรีโมทอเนกประสงค์จะล้าง memory settings หลัง sync กับ 3 อุปกรณ์ขึ้นไป เพราะงั้นแนะนำให้ใช้รีโมท 2 อันแยกกัน ถ้ามีมากกว่า 3 อุปกรณ์
    • คุณเช็ครายชื่อยี่ห้ออุปกรณ์ที่ใช้กันได้ จากในคู่มือของรีโมทได้เลย ที่สำคัญคือจะมีโค้ดต่างๆ ที่จำเป็นเขียนไว้ด้านหลังด้วย
  2. ไม่ว่าจะเป็นทีวี เครื่องเล่น DVD หรืออุปกรณ์อื่นๆ ให้เสียบปลั๊กแล้วเปิดเครื่อง รอ 2 - 3 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าเปิดเครื่องเต็มที่พร้อมใช้ ย้ำว่าต้องเปิดอุปกรณ์ที่จะ sync กับรีโมทไว้ตลอดจนจบขั้นตอนการตั้งค่า [2]
    • เช็คก่อนว่าตัวรีโมทใส่ถ่านแล้ว ค่อยเริ่มขั้นตอนติดตั้งและตั้งค่า ปกติตอนซื้อจะไม่มีถ่านติดมาด้วย รีโมทจะใช้ถ่าน AA ส่วนใหญ่น่าจะมีกันทุกบ้านอยู่แล้ว
  3. สำรวจรีโมทว่ามีปุ่ม setup ที่ด้านซ้ายบนหรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้ แต่ถ้ามี แสดงว่าเป็นรีโมทรุ่นเก่าหน่อย ให้ชี้รีโมทไปที่อุปกรณ์ แล้วกดปุ่ม setup ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที พอไฟ LED สีแดงติดขึ้นมาที่ด้านบน ก็ปล่อยปุ่มนี้ได้เลย [3]
    • บางทีไฟ LED ก็เป็นสีฟ้า แต่รีโมทรุ่นเก่าส่วนใหญ่จะใช้ไฟสีแดง
  4. กดปุ่มอุปกรณ์ที่จะใช้ค้างไว้ 5 วินาที จนไฟ LED สีฟ้าหรือแดงติดขึ้นมา. จะเห็นแถวของปุ่มต่างๆ ที่ด้านบน แสดงรายชื่ออุปกรณ์ที่ sync กับรีโมทได้ ตัวเลือกที่มีแน่ๆ ก็เช่น TV, DVD หรือ DVR ให้กดปุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่จะตั้งค่าแล้วใช้รีโมทด้วย พอไฟ LED ด้านบนติดเป็นสีฟ้าหรือแดง ก็เลิกกดได้เลย [4]
    • ถ้าเป็นรีโมทรุ่นเก่า ก็ไม่ต้องรอจนไฟติดหลังกดปุ่มอุปกรณ์นั้นค้างไว้ บางทีไฟก็กะพริบ บางทีก็ไม่ แค่กดปุ่มค้างไว้ 5 วินาที แล้วไปตั้งโปรแกรมต่อไป

    เคล็ดลับ: ปกติปุ่มของอุปกรณ์ต่างๆ จะเห็นเด่นชัด ถ้า TV, VCR และ DVD ก็ตรงตัว ส่วน STB คือ set-top box เป็นปุ่มที่ต้องกด ถ้าจะ sync รีโมทกับกล่องเคเบิลทีวีใหม่ หรือกล่อง streaming ต่างๆ (เช่น Roku และ TiVo) สุดท้าย BD คือ Blu-ray

    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใส่โค้ดของทีวี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดคู่มือของรีโมทอเนกประสงค์ แล้วพลิกไปด้านหลัง จะเจอตารางรวมชื่อยี่ห้อ และมีโค้ดที่เกี่ยวข้อง พอเจอยี่ห้ออุปกรณ์ที่ใช้แล้ว ก็ดูรายชื่ออุปกรณ์ แล้วหาโค้ดเฉพาะของรุ่นนั้นๆ ได้เลย แนะนำให้ขีดเส้นใต้หรือจดโค้ดในคู่มือไว้ ต่อไปจะได้หาเจอง่ายๆ [5]
    • ยี่ห้อที่คนนิยมใช้กันก็เช่น Samsung, Westinghouse และ LG พวกนี้จะมีโค้ดประมาณ 20 - 30 โค้ด ให้เจาะเลือกตามอุปกรณ์ ต่อไปจะได้ไม่เสียเวลาสุ่มโค้ดเยอะแยะอีก
    • ถ้าเป็นรีโมทและทีวีรุ่นใหม่ๆ จะเห็นรายชื่อโค้ดที่ใช้ได้ โผล่มาในหน้าจอ หลังคุณกดปุ่มอุปกรณ์เพื่อตั้งโปรแกรม
    • ปกติอุปกรณ์รุ่นเก่าๆ จะใช้โค้ด 4 หลัก ถ้าเป็นอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ จะใช้โค้ด 5 หลัก

    เคล็ดลับ: ถ้าสุดท้ายแล้วโค้ดของอุปกรณ์ใช้ไม่ได้ ให้ลองทำตามขั้นตอนดูใหม่ โดยใช้โค้ดของอุปกรณ์รุ่นอื่นที่ยี่ห้อเดียวกัน บางทีก็มี patch และอัพเดทใหม่ของระบบ ที่ทำให้ใช้โค้ดกับบางอุปกรณ์ไม่ได้

  2. ถ้ารีโมทไม่ได้มาพร้อมคู่มือ ลองหาอ่านในเน็ตเพิ่มเติมดู. คุณหาโค้ดอุปกรณ์ของรีโมทอเนกประสงค์ในเน็ตได้ด้วย ถ้าซื้อรีโมทมาแล้วไม่มีคู่มือ หรือเคยมีแต่หาไม่เจอ ให้พิมพ์หมายเลขรุ่นของ universal remote พร้อมคำว่า “device codes” ใน search engine ที่ถนัด น่าจะเจอโค้ดที่ต้องการ [6]
    • ปกติหมายเลขรุ่นจะอยู่ที่ด้านหลังของรีโมท
  3. ใส่โค้ดโดยกดแป้นตัวเลข เพื่อให้อุปกรณ์สแกนเจอรีโมท. ใช้แป้นตัวเลขที่รีโมท กดโค้ด 4 - 5 หลักที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ อันนี้แล้วแต่รุ่นของรีโมทที่ใช้ ปกติไฟสีฟ้าหรือแดงของรีโมทจะดับไปหลังกรอกโค้ดถูกต้องแล้ว [7]
    • ถ้าโค้ดใช้ไม่ได้ จะยังกรอกโค้ดใหม่ไม่ได้ในทันที รีโมทรุ่นเก่าส่วนใหญ่ ต้องทำขั้นตอนตั้งค่าใหม่อีกรอบ ถ้าไฟสีฟ้าหรือแดงที่รีโมทกะพริบ 1 ครั้งแล้วติดนิ่ง แสดงว่าโค้ดไม่ถูกต้อง แต่ก็ใส่โค้ดใหม่ได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้รีโมท

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รีโมท SR 4 หลัก เป็นรุ่นพิเศษ ต้องรีเซ็ตก่อนใช้งาน ให้กดปุ่ม standby ค้างไว้ และเลิกกดได้เมื่อทั้งอุปกรณ์และรีโมทดับไป เท่านี้ก็รีเซ็ตรีโมทและอุปกรณ์ เพื่อ sync ทั้ง 2 อย่างได้แล้ว [8]
    • กว่ารีโมทและอุปกรณ์จะดับไป ก็ใช้เวลาประมาณ 5 - 60 วินาที
  2. ลองกดปุ่มที่ใช้บ่อยๆ เพื่อทดสอบว่ารีโมททำงานไหม. คุณเช็คได้ว่าตั้งโปรแกรมสำเร็จไหม โดยลองกดปุ่มรีโมทที่ใช้บ่อยเวลาบังคับอุปกรณ์นั้น เช่น เปลี่ยนช่อง เพิ่ม-ลดเสียง หรือเลือก input จะได้รู้ว่าใช้การได้หรือเปล่า ถ้าอุปกรณ์นั้นตอบสนองต่อปุ่มที่กดไป ก็แปลว่า sync รีโมทกับอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว [9]
    • แต่ก็มีบางปุ่มของรีโมทอเนกประสงค์ยี่ห้อ Philips ที่ไม่ได้เอาไว้ใช้อะไรกับอุปกรณ์เลย เช่น ปุ่ม “record” หรือปุ่มอัด อาจจะใช้กับกล่องเคเบิลทีวีหรือเครื่อง DVR ได้ แต่ใช้กับทีวีหรือ receiver ไม่ได้
    • ขยับต้นไม้หรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ออกไป จะได้ไม่บังสัญญาณรีโมท ควบคุมอุปกรณ์ได้สะดวกยิ่งขึ้น
  3. ทำซ้ำตามขั้นตอน กับอุปกรณ์อื่นๆ อีก 1 - 2 เครื่องตามต้องการ. อันนี้แล้วแต่เวอร์ชั่นที่ใช้ บางทีก็ตั้งโปรแกรมให้ใช้รีโมทอเนกประสงค์ Philips อันเดียว กับอุปกรณ์ได้ 2 - 8 เครื่องเลย แต่บางทีก็น้อยกว่า 4 อุปกรณ์ ถ้าอุปกรณ์อื่นอยู่แถวๆ เครื่องที่เพิ่งตั้งโปรแกรม ให้ถอดปลั๊กเครื่องที่ตั้งโปรแกรมแล้ว ระหว่างตั้งโปรแกรมเครื่องใหม่ จะได้ไม่ผิดพลาด [10]

    เคล็ดลับ: ตอนถอดถ่านรีโมทอเนกประสงค์ของ Philips ตัว memory settings หรือโปรแกรมที่ตั้งไว้ จะอยู่ได้ไม่เกิน 5 นาที ถ้าเกิน 5 นาที ต้องตั้งโปรแกรมอุปกรณ์ต่างๆ ใหม่เลย

    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จริงๆ แล้วหลายปีที่ผ่านมา Philips ออกรีโมทมาหลายรุ่นหลายแบบด้วยกัน บางรุ่นก็ต้องทำขั้นตอนแตกต่างไปเล็กน้อย แนะนำให้อ่านคู่มือก่อนเริ่มตั้งโปรแกรม จะได้รู้ว่าแต่ละรีโมทมีขั้นตอนแตกต่างกันอย่างไร
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,158 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา