ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ความสะอาดของเครื่องซักผ้ามีผลต่อความสะอาดและความหอมของเสื้อผ้าที่ซักเช่นกัน ถ้าเครื่องซักผ้าสะอาด เสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วก็จะมีกลิ่นหอมและสะอาดไปด้วย แต่ถ้าเครื่องซักผ้าเริ่มสกปรก เสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วก็จะพลอยเริ่มมีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับจากเชื้อราไปด้วย ถ้าเครื่องซักผ้าเริ่มมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แสดงว่าถึงเวลาต้องทำความสะอาดแล้ว ใช้เบคกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูดับกลิ่นทีไม่พึงประสงค์ หมั่นทำความสะอาด ดูแล และบำรุงรักษาเครื่องซักผ้าให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ จะได้ไม่มีสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมและเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นอีก

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ดับกลิ่นด้วยเบคกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำน้ำและเบคกิ้งโซดามาผสมกันจากนั้นเทลงในช่องใส่ผงซักฟอก. นำน้ำ 1/4 ถ้วย (59 มิลลิลิตร) มาผสมกับเบคกิ้งโซดา1/4 ถ้วย (59 มิลลิลิตร) จากนั้นเทน้ำยาที่ได้ลงในช่องใส่ผงซักฟอกของเครื่องซักผ้า [1]
    • อย่าเทน้ำยาลงในถังซักผ้าโดยตรง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    "ตรวจดูท่อระบายน้ำหรือตัวกรองก่อนว่าสกปรกหรือเปล่า เพราะท่อระบายน้ำหรือตัวกรองที่สกปรกเป็นสาเหตุของกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อยู่บ่อยครั้ง"

    Ashley Matuska

    เจ้าของ Dashing Maids
    แอชลีย์ มาตุสกาเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง Dashing Maids ผู้ให้บริการทำความสะอาดที่เน้นด้านความยั่งยืนในเดนเวอร์ โคโลราโด เธอทำงานทางด้านนี้มาเกิน 5 ปี
    Ashley Matuska
    เจ้าของ Dashing Maids
  2. ใช้น้ำส้มสายชูกลั่นทำความสะอาดภายในเครื่องซักผ้า นำน้ำส้มสายชู 2 ถ้วย (470 มิลลิลิตร) เทลงในถังซักผ้าโดยตรง [2]
    • ก่อนที่จะเทน้ำส้มสายชูลงในถังซักผ้า ตรวจดูภายในเครื่องซักผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างในนั้น
  3. พอเทน้ำที่ผสมเบคกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูลงไปเรียบร้อยแล้ว เดินเครื่องซักผ้าให้ทำงานตามปกติ ทำงานจนครบทุกขั้นตอนของการซัก ไม่ใช่แค่ปั่นหรือล้างอย่างเดียว [3]
    • เลือกโปรแกรมซักด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน
    • ขอย้ำอีกครั้งว่าต้องไม่มีเสื้อผ้าอยู่ในถังซักขณะที่เครื่องซักผ้าทำงาน ไม่อย่างนั้นเสื้อผ้าเหล่านั้นจะพลอยมีกลิ่นเหมือนน้ำส้มสายชูไปด้วยหลังจากซักเสร็จแล้ว
  4. ใช้ฟองน้ำเช็ดทำความสะอาดข้างในถังซักเพื่อกำจัดกลิ่นน้ำส้มสายชู. พอเครื่องซักผ้าทำงานเสร็จแล้ว ใช้ฟองน้ำเช็ดทำความสะอาดข้างในเครื่องซักผ้าเพื่อกำจัดกลิ่นน้ำส้มสายชูที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดไป
    • ใช้ฟองน้ำเช็ดทำความสะอาดข้างในเครื่องซักผ้าให้ทั่วทุกซอกทุกมุม
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เช็ดทำความสะอาดด้านนอกและขอบยาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนที่จะทำความสะอาดเครื่องซักผ้า เราต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าเครื่องซักผ้าไม่มีไฟเข้าอย่างแน่นอน ถอดปลั๊กเครื่องซักผ้าออกจากเต้ารับเพื่อความปลอดภัย [4]
    • การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าขณะที่เครื่องยังเปิดใช้งานอยู่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่เราหรือสร้างความเสียหายให้แก่เครื่องซักผ้าได้
  2. การสะสมของเชื้อราที่ส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่องซักผ้าเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ใช้ฟองน้ำหรือผ้าที่สะอาดเช็ดบริเวณด้านนอกของเครื่องซักผ้า นำน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย (240 มิลลิลิตร) มาผสมกับน้ำยาฟอกขาวหนึ่งช้อนโต๊ะและนำฟองน้ำจุ่มลงไป บีบฟองน้ำเพื่อเอาน้ำส่วนเกินออกก่อนที่จะใช้ฟองน้ำเช็ดทำความสะอาดบริเวณด้านนอกของเครื่องซักผ้า [5]
    • อย่าลืมสวมถุงมือยางทุกครั้งที่ต้องใช้น้ำยาฟอกขาว
    • พยายามให้น้ำที่ผสมน้ำยาฟอกขาวเข้าถึงทุกซอกทุกมุมของเครื่องซักผ้า ใช้สำลีก้านจุ่มน้ำที่ผสมน้ำยาฟอกขาวทำความสะอาดในบริเวณที่เข้าถึงได้ยาก
  3. กำจัดสิ่งสกปรกออกจากขอบยางประตูของเครื่องซักผ้า เอาขอบยางประตูออกจากเครื่องซักผ้าและใช้ผ้าหรือกระดาษชำระอเนกประสงค์ที่เปียกหมาดๆ เช็ดสิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่ออกไป เรายังสามารถใช้น้ำอุ่นที่ผสมน้ำยาฟอกขาวเล็กน้อยกำจัดสิ่งสกปรกได้อีกด้วย [6]
    • ขอบยางประตูที่สกปรกก็เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เครื่องซักผ้ามีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ การทำความสะอาดขอบยางประตูเป็นประจำสามารถช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ [7]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็ดทำความสะอาดข้างในเครื่องซักผ้าเป็นประจำ. ถ้าเราไม่ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเลย เครื่องซักผ้าก็จะเริ่มมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ วิธีป้องกันการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์คือเช็ดทำความสะอาดข้างในเครื่องซักผ้าเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปสะสม [8]
    • ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดข้างในเครื่องซักผ้า เช็ดให้สะอาดทุกซอกทุกมุม
    • เราอาจใช้น้ำส้มสายชูช่วยฆ่าเชื้อโรคในเครื่องซักผ้าด้วยก็ได้
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Ashley Matuska

    เจ้าของ Dashing Maids
    แอชลีย์ มาตุสกาเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้ง Dashing Maids ผู้ให้บริการทำความสะอาดที่เน้นด้านความยั่งยืนในเดนเวอร์ โคโลราโด เธอทำงานทางด้านนี้มาเกิน 5 ปี
    Ashley Matuska
    เจ้าของ Dashing Maids

    การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเดือนละครั้งช่วยป้องกันการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ แอชลี่ย์ มาตุชกา เจ้าของ Dashing Maids แนะนำว่า: "เดินเครื่องซักผ้าให้ทำงานในโปรแกรมซักด้วยน้ำร้อนเดือนละครั้งและเดินเครื่องซักผ้าให้ทำงานโดยมีน้ำส้มสายชูใส่ในช่องใส่ผงซักฟอกหรือถังซักทุก 3 เดือน จะช่วยให้เครื่องซักผ้าสะอาดและป้องกันการเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้"

  2. เทน้ำยาฟอกขาว 2 ถ้วย (470 มิลลิลิตร) ลงในช่องใส่ผงซักฟอกของเครื่องซักผ้า เดินเครื่องซักผ้าให้ทำงานโดยเลือกโปรแกรมซักด้วยน้ำร้อน แต่หยุดการทำงานไว้เมื่อน้ำเข้าถังซักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสามารถหยุดการทำงานของเครื่องซักผ้าด้วยการกดปุ่มหยุด ดึงลูกบิด หรือใช้วิธีอื่นๆ ที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งาน [9]
    • ปล่อยให้น้ำร้อนและน้ำยาฟอกขาวอยู่ในเครื่องซักผ้าประมาณ 30 นาที
    • จากนั้นให้เครื่องซักผ้าทำงานต่อจนเสร็จ น้ำยาฟอกขาวที่ยังหลงเหลืออยู่จะได้ถูกชะล้างออกไป
    • เราต้องล้างน้ำยาฟอกขาวให้หมดก่อนใช้เครื่องซักผ้าครั้งต่อไป ถ้ามีน้ำยาฟอกขาวหลงเหลืออยู่ ก็อาจทำให้เสื้อผ้าที่ซักในเครื่องซักผ้าโดนน้ำยาฟอกขาวและเกิดรอยด่างได้
  3. ใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกสูตรซักเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง. น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกสูตรซักเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยรักษาความสะอาดของเครื่องซักผ้าได้ดีกว่าเพราะน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกแบบนี้จะเกิดฟองระหว่างการซักน้อยกว่าน้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกแบบทั่วไป การเกิดฟองน้อยกว่าจะช่วยให้ล้างเสื้อผ้าหรือเครื่องซักผ้าได้สะอาดมากกว่า [10]
    • การใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกสูตรซักเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นประจำจะช่วยให้เครื่องซักผ้ามีกลิ่นหอมสดชื่นนานขึ้นและไม่ต้องทำความสะอาดเครื่องซักผ้าบ่อยๆ
    โฆษณา

สิ่งของที่ต้องใช้

  • เบคกิ้งโซดา
  • น้ำส้มสายชู
  • น้ำยาฟอกขาว
  • ผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาด
  • ฟองน้ำ
  • น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกสูตรซักเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,196 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา