ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การที่คุณจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากแมวจรจัดสักตัวหนึ่งอาจทำได้ยาก แต่ก็คุ้มค่า หากคุณพบเห็นแมวจรจัดสักตัวหนึ่งแถวละแวกบ้าน ซึ่งคุณรู้สึกว่ากระตุ้นความสนใจให้อยากรับเลี้ยง สิ่งแรกที่คุณจะต้องเรียนรู้คือ การเข้าไปมีส่วนร่วมกับมันในรูปแบบที่ไม่ใช่การคุกคาม คุณต้องรู้ข้อเท็จจริงต่างๆ เรื่องพฤติกรรมของแมว รวมทั้งรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำและสิ่งต่างๆ ที่ห้ามทำในเวลามีปฏิสัมพันธ์กับแมวจรจัดด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำให้แน่ใจว่าไม่ใช่แมวดุร้าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องรู้ความแตกต่างระหว่างแมวจรจัดกับแมวดุร้าย. เวลาคุณพบแมวสักตัวหนึ่งที่นอกบ้าน หากไม่ใช่แมวจรจัดก็อาจเป็นแมวนิสัยดุร้าย การรับมือกับแมวดุร้ายนั้นยากกว่าการรับมือกับแมวจรจัดมาก และบางครั้งก็ไม่อาจทำให้มันไว้ใจคุณได้เลย ก่อนที่คุณจะเดินหน้าเข้าไปใกล้แมวตัวนั้น จงคิดให้ตกเสียก่อนว่ามันน่าจะเป็นแมวจรจัดหรือเป็นแมวดุร้าย
    • แมวดุร้ายอาจเกิดในป่าหรือเกิดนอกบ้าน พวกมันไม่เคยเป็นสัตว์เลี้ยงหรืออาศัยอยู่ในบ้าน ส่วนแมวจรจัดนั้นเคยเป็นสัตว์เลี้ยงมาก่อน แต่เกิดหลงทางหรือถูกเจ้าของทอดทิ้ง [1]
    • แมวดุร้ายแสดงพฤติกรรมดุร้ายมากกว่าแมวจรจัด พฤติกรรมของพวกมันคล้ายกับแรคคูนหรือกระรอกมากกว่า ส่วนแมวจรจัดเป็นมิตรมากกว่าและเข้าใกล้ได้มากกว่า กับมีแนวโน้มที่จะใช้เวลามากกว่าอยู่แถวที่พักอาศัยและบริเวณใกล้ๆ ตัวบ้าน [2]
    • แมวจรจัดมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นแมวดุร้าย หากได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเป็นเวลานานๆ คุณจึงอาจต้องมีปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวเป็นเวลานานกับแมวสักตัวหนึ่ง เพื่อตัดสินใจได้ว่ามันคือแมวจรจัดหรือแมวดุร้าย [3]
  2. จงใส่ใจเป็นพิเศษกับพฤติกรรมและรูปร่างหน้าตาของแมว. พฤติกรรมและคุณลักษณะทางกายภาพของแมวจะให้เบาะแสว่ามันถูกทอดทิ้งหรือเกิดนอกบ้าน
    • น่าแปลกใจทีเดียวที่สัตว์เลี้ยงซึ่งดูกระเซอะกระเซิงมีโอกาสมากกว่าที่จะเป็นแมวจรจัด แมวที่เพิ่งถูกเจ้าของทิ้งขว้างเมื่อไม่นานมานี้ จะมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับป่า และน่าจะมีเนื้อตัวสกปรกมากกว่า กับมีอาการขาดสารอาหารมากกว่าแมวดุร้าย [4]
    • แม้หากแมวจะวิ่งหนีเมื่อคุณพยายามจะลูบคลำตัวมัน แต่หากมันยังยอมเข้าใกล้คุณ มันน่าจะเป็นแมวจรจัด เพราะแมวดุร้ายไม่ค่อยจะยอมเข้าใกล้มนุษย์ [5]
    • วิธีหนึ่งที่ใช้ตัดสินใจได้อย่างแน่นอนว่าเป็นแมวจรจัดหรือแมวดุร้ายคือจับขังกรง เมื่อแมวจรจัดถูกจับใส่กรง มันจะส่งเสียงร้อง ถูไถ เล่น และยกหางด้วยท่าทางเป็นมิตร ขณะที่แมวดุร้ายอาจแสดงพฤติกรรมเช่นเดียวกันนี้ในยามอยู่นอกกรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีผู้ที่ให้อาหารมันอยู่ด้วย แต่จะไม่มีวันยอมแสดงพฤติกรรมแบบนี้ในระหว่างถูกขังกรง [6]
  3. คุณอาจพบว่าแมวซึ่งคุณคิดว่าเป็นแมวจรจัดนั้น อันที่จริงคือแมวดุร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นแมวดุร้ายที่มีวัยเกิน 7 เดือนแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกให้เชื่อง สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ (ASPCA) แห่งอเมริกา ได้แนะนำให้ใช้วิธีดักจับ (Trap) จับตอน (Neuter) และปล่อยกลับ (Return) หรือเรียกย่อๆ ว่า TNR อันเป็นวิธีที่มีมนุษยธรรมในการควบคุมประชากรของอาณาจักรแมวดุร้าย
    • โครงการ TNR จะดักจับแมวที่ดุร้ายอย่างมีมนุษยธรรม ตรวจร่างกายพวกมันเพื่อหาอาการผิดปกติทางการแพทย์ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้จนครบชุด ทำหมันแมวตัวเมียหรือตอนตัวผู้ ก่อนจะปล่อยตัวพวกมันกลับเข้าป่า การนำเอาแมวดุร้ายมาเลี้ยงในบ้านอาจเป็นประสบการณ์ที่สร้างความบอบช้ำทางใจ เนื่องจากโดยพื้นฐานนั้น แมวเหล่านี้เป็นแมวป่า ตามปกติทางโครงการ TNR จะพิจารณาใช้ทางเลือกตามหลักจริยธรรมมากกว่า [7]
    • คุณสามารถจัดตั้งโครงการ TNR ในพื้นที่ของคุณ โดยติดต่อขอข้อมูลจากสมาคมควบคุมสัตว์หรือสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ (ASPCA) หรือสมาคมมนุษยธรรม (Humane Society) ในท้องถิ่น อย่าพยายามจัดการกับแมวดุร้ายด้วยตัวคุณเอง นอกเสียจากคุณจะได้ผ่านการฝึกมาเป็นพิเศษ และมีประสบการณ์ในการจัดการกับสัตว์ป่า แมวดุร้ายยังอาจเป็นพาหะนำเชื้อโรคหลายชนิด ซึ่งรวมทั้งโรคกลัวน้ำ และจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวเวลาตกใจ พวกมันสมควรรับมือโดยมืออาชีพด้านควบคุมสัตว์เท่านั้น [8]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การล่อหลอกแมวจรจัดเข้าบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การให้อาหารเป็นวิธีได้ผลดีที่สุดเพื่อให้แมวจรจัดมีปฏิสัมพันธ์กับคุณ แมวน่าจะหิวโหยและมันจะตอบสนองในแง่บวกหากคุณให้อาหารแก่มัน การทำเช่นนี้เปิดโอกาสให้คุณเข้าใกล้แมวได้มากขึ้น และทำให้มันคุ้นเคยกับการมีคุณอยู่ด้วย
    • จงเลือกใช้อาหารกลิ่นแรง ยิ่งทำให้แมวตรวจพบอาหารได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น แมวมีประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นดี ตามปกตินั้น อาหารกระป๋องจะมีกลิ่นฉุนกว่าอาหารแห้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารรสปลา เช่น ปลาแซลมอนและปลาทูน่า อย่างไรก็ตาม อย่าทิ้งอาหารของคนไว้ให้แมว เช่น ปลาทูน่ากระป๋องหรือปลากระป๋อง การทำเช่นนี้อาจทำให้ระบบย่อยอาหารของแมวมีปัญหาที่คาดไม่ถึง และคุณคงไม่ต้องการให้แมวจรจัดยุ่งเกี่ยวกับอาหารอันไม่เป็นที่น่าพอใจซึ่งคุณทิ้งไว้
    • ทิ้งอาหารไว้นอกบ้านในบริเวณที่คุณเคยเห็นแมวจรจัด ความต่อเนื่องมีความสำคัญ จงทิ้งอาหารไว้ในที่เดิมๆ ทุกวัน แล้วแมวตัวนั้นก็จะเรียนรู้ที่จะมาแถวนี้เมื่อมันหิว
    • หลังจากสี่หรือห้าวัน จงอยู่นอกบ้านในตอนที่แมวมากินอาหาร อาจต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์หรือประมาณนั้น เพื่อที่แมวจะไว้ใจคุณมากพอที่จะเข้าใกล้คุณ จงอดทน อย่าพยายามบังคับให้แมวมีปฏิสัมพันธ์กับคุณ [9]
    • อย่าลูบคลำหรือมีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพกับแมวในระหว่างนี้ นอกเสียจากว่าแมวจะสัมผัสตัวคุณโดยถูไถกับขาของคุณหรือใช้จมูกดุนคุณเบาๆ แมวจรจัดมักจะเคยถูกกระทำทารุณโดยเจ้าของเดิม จึงอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่แมวจรจัดจะพร้อมเปิดรับคนใหม่ และพวกมันยังอาจตื่นตกใจได้ง่ายๆ ด้วย หากคุณกดดันเรื่องสัมผัสเพื่อจับจองตัวมัน แมวอาจระวังตัวในเรื่องที่จะกลับมากินอาหารอีก [10]
  2. แม้ว่าแมวจรจัดบางตัวอาจจะเดินเข้ามาในบ้านของใครบางคนด้วยตัวมันเอง แต่ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องไม่เชื่อใจคน กับดักแมวแบบมีมนุษยธรรมมักเป็นทางเลือกดีที่สุดเพื่อนำแมวเข้ามาในบ้านอย่างปลอดภัย
    • สำหรับในสหรัฐฯ นั้น สมาคมมนุษยธรรมมักจัดหากับดักชนิดปลอดภัยให้กับคนที่ไปเยือน ผู้กำลังพยายามจับแมวจรจัด เจ้าหน้าที่ของสมาคมยังสามารถอธิบายวิธีใช้กับดักที่ถูกต้องให้ด้วย ทางเลือกดีที่สุดคือไปยังศูนย์พักพิงสัตว์ในท้องถิ่นของคุณ และขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่เรื่องกับดักแมว [11]
    • หากไม่มีศูนย์พักพิงสัตว์ในพื้นที่ของคุณ คุณอาจซื้อกับดักแมวออนไลน์ได้ อย่างไรก็ตาม จงรอบคอบเพราะคุณต้องการกับดักแบบมีมนุษยธรรม ซึ่งจะไม่ทำให้แมวอึดอัดหรือเป็นอันตราย จงตรวจสอบกับดักทั้งหมดกับเว็ปไซต์ของ ASPCA เพื่อให้แน่ใจว่ากับดักเหล่านี้เป็นชนิดที่มีมนุษยธรรมและปลอดภัย [12]
  3. ถึงแม้คุณจะได้ทิ้งอาหารล่อมันไว้ในกับดักแล้ว แมวจะยังไม่เดินเข้าไปในกับดักง่ายๆ กระบวนการทำให้แมวยอมเข้าไปในกับดักอย่างปลอดภัยต้องใช้เวลา
    • เมื่อแมวดูเหมือนจะสบายอกสบายใจที่มีคุณอยู่ด้วย ให้เริ่มนำเอากับดักซึ่งเป็นลังขนาดใหญ่มากับคุณด้วยในตอนเข้าไปตรวจดูแมว เป็นกับดักแบบมีจรรยาบรรณ ซึ่งไม่ได้ทำให้แมวเป็นอันตรายทางกาย สามารถหาซื้อได้ในเว็ปไซต์ของอเมซอน หรือตามร้านขายสัตว์เลี้ยงในท้องถิ่น
    • ใช้เวลาหนึ่งหรือสองสัปดาห์ในการวางอาหารแมวให้ใกล้กับดักมากขึ้นและมากขึ้น จนในที่สุด ให้วางอาหารข้างในลังเลยแต่คอยดูให้ประตูเปิดอยู่ในระหว่างที่แมวกินอาหาร เป้าหมายของคุณคือทำให้แมวรู้สึกสบายอกสบายใจยามเข้าไปอยู่ในลัง ดังนั้น เวลาที่คุณปิดประตูลงกลอน มันจะรู้สึกชอกช้ำทางใจน้อยลง [13]
    • จงค่อยๆ ย้ายอาหารให้เข้าไปอยู่ในลังไม้ลึกมากขึ้น เมื่อถึงจุดที่แมวกำลังเดินอย่างสบายอกสบายใจเข้าไปในกับดัก ก็ให้ปิดฝาลังและใส่กลอน [14]
  4. หากคุณต้องการจะได้ความไว้วางใจจากแมว คุณจำเป็นต้องใช้ชีวิตร่วมกับแมวจรจัดเป็นเวลายาวนาน แต่ก่อนที่คุณจะสามารถทำเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าแมวปลอดจากโรคใดๆ ที่อาจเป็นอันตรายสำหรับคุณหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ในบ้านของคุณ
    • ก่อนการตรวจร่างกาย ให้กักกันโรคแมวตัวนั้นจากคนและสัตว์อื่นๆ โดยหากทำได้ ให้เก็บมันไว้ในห้องปิด ใส่แมวในกรงที่ใหญ่ขึ้น หรือกรงซึ่งเก็บไว้ในโรงรถที่มีเครื่องทำความร้อน (ในกรณีที่เป็นเมืองหนาว) จะเป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะแมวอาจมีหมัดแมว หรือเห็บที่คุณไม่ต้องการให้เข้าไปเพ่นพ่านอยู่ในบ้านของคุณ
    • สัตวแพทย์สามารถตรวจหาไมโครชิปในตัวแมวได้ เป็นชิประบุตัวตนของแมวที่ฝังไว้ใต้บ่าของแมว ซึ่งสามารถใช้เพื่อตามหาเจ้าของ ๆ ของมันได้ [15]
    • สัตวแพทย์ยังอาจตรวจสอบร่างกายของแมวในระดับพื้นฐาน และฉีดวัคซีนที่จำเป็นต่างๆ ให้ด้วย นอกจากนี้ สัตวแพทย์ยังอาจตรวจหาอาการป่วยที่พบได้ทั่วไปในหมู่แมวจรจัด เช่น หมัดแมว โรคพยาธิหนอนหัวใจ โรคเอดส์แมว และโรคลูคีเมียแมว [16]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การได้รับความไว้วางใจจากแมวที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรับแมวจรจัดสักตัวเข้าบ้าน แตกต่างกันมากกับการรับเลี้ยงแมวจากศูนย์พักพิงแมว แมวตัวใหม่ของคุณน่าจะขี้อาย และรู้สึกไม่มั่นคงมากกว่าเรื่องเขตแดนและพื้นที่ จงสร้างห้องสำหรับแมวสักห้องหนึ่ง เพื่อที่แมวจะได้รู้สึกสะดวกสบายในบ้านของคุณ และในทางกลับกัน มันก็จะเริ่มเชื่อใจคุณ
    • จัดเตรียมเสบียงต่างๆ เช่น อาหาร น้ำ ที่นอน ของเล่น และกล่องห้องน้ำแมวเอาไว้ให้แล้ว สิ่งใดที่คุณคิดได้ว่าจะทำให้แมวรู้สึกสะดวกสบาย และปลอดภัยมีความสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ [17]
    • ห้องนี้สมควรตั้งอยู่ในส่วนเงียบสงบของบ้าน และไม่สมควรมีคนเข้าไปใช้ห้อง จนกว่าแมวจะได้ปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่แล้ว จงจัดวางเก้าอี้หรือเก้าอี้นอนสักตัวหนึ่ง โดยมีผ้าห่มสักผืนหนึ่งพาดคลุมอยู่ เพื่อที่แมวจะได้มีสถานที่ซ่อนตัวเวลารู้สึกว่าถูกคุกคาม [18]
    • จงใช้เวลาในห้องดังกล่าวทุกวัน เพื่อที่แมวจะได้คุ้นเคยกับการมีคุณอยู่ด้วย จงเคาะประตูก่อนจะเข้าไปในห้องและพูดบางสิ่งเช่น "กำลังเข้ามาแล้วนะ" ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน [19]
  2. แมวจรจัดต้องการเวลาเพื่อปรับตัวเรื่องมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ จงอย่าพยายามบังคับให้มันทำสิ่งใดเร็วเกินไป และจงปล่อยให้แมวเป็นผู้นำในเรื่องปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน
    • หลีกเลี่ยงการสบตากับแมว แมวชอบจ้องมองคน แต่จงอย่าเข้าร่วมแข่งขันจ้องตากับแมวจรจัด เพราะการจ้องมองเป็นสัญญานอย่างหนึ่งของความก้าวร้าว เพื่อสื่อสารถึงแมวว่าคุณไม่ได้ตั้งใจจะทำอันตรายมัน จงหลับตาของคุณนานสี่ถึงห้านาที ก่อนจะหันไปมองทางอื่น [20]
    • ปล่อยให้แมวเข้าใกล้คุณ จงรอให้แมวเข้ามาสัมผัสกับร่างกายของคุณก่อนที่คุณจะพยายามลูบคลำมัน แมวจะแสดงความเป็นมิตรโดยถูไถตัวมันกับผู้คนและดุนด้วยจมูกเบาๆ จงรอจนกว่าแมวจะแสดงกิริยาเช่นนั้นกับคุณ หลังจากนั้นจึงทดลองสัมผัสแมวตัวนั้น [21]
    • หากแมวต้องการที่ซ่อนตัว จงปล่อยให้มันทำ มันอาจจะต้องการอยู่ใต้เก้าอี้นอน หรือเก้าอี้นานสักสี่ถึงห้าวัน โดยจะออกมาเพียงแค่เพื่อกินอาหารเท่านั้น จงปล่อยให้มันทำเช่นนั้น และอย่าพยายามคะยั้นคะยอให้มันออกมาก่อนที่มันจะพร้อม
    • เมื่อแมวเปิดรับสัมผัสทางกาย จงหลีกเลี่ยงการสัมผัสท้องของมัน ท้องเป็นส่วนเปราะบางของแมว และการแตะต้องบริเวณนั้นอาจทำให้มันลดความไว้วางใจในตัวคุณลงได้มาก
  3. หลังจากแมวได้ใช้เวลาสี่ถึงห้าสัปดาห์ในห้องนิรภัยสำหรับมัน และดูเหมือนว่ามันไม่เครียดแล้วเวลาอยู่กับคุณ จงปล่อยให้มันออกสำรวจส่วนที่เหลือของบ้าน
    • ปล่อยให้แมวไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ จงปล่อยให้มันสำรวจบ้านภายใต้เงื่อนไขของมันเอง คอยจับตาดู แต่อย่าเข้าไปเกะกะมากเกินไป ในระหว่างที่แมวกำลังตรวจสอบเขตแดนใหม่ของมัน [22]
    • หากคุณมีสัตว์เลี้ยงอื่นๆ จงปล่อยให้พวกมันฟังเสียงและดมกลิ่นกันและกัน ก่อนที่จะปล่อยให้มีปฏิสัมพันธ์ทางร่างกาย จงให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยงที่อยู่มาก่อนใกล้กับประตูห้องนิรภัยของแมว และส่งเสริมให้พวกมันตะปบกันอย่างเป็นมิตร และเล่นกันภายใต้ประตูห้อง [23]
    • คุณสามารถทดลองแทนที่ประตูด้วยผ้าม่านประตูแบบชั่วคราว เพื่อให้สัตว์ตัวอื่นๆ มองเห็นแมวตัวที่มาใหม่ ในระหว่างที่ยังมีสิ่งขวางกั้นทางกายภาพอยู่ การทำแบบนี้อาจเป็นประโยชน์หากแมวจรจัดขี้อายมากเป็นพิเศษ [24]
    • คอยดูแลการมีปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้าในขั้นต้นใดๆ กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ และเฝ้ามองหาสัญญาณต่างๆ ของความก้าวร้าว [25]
    • จงทำให้แน่ใจว่าแมวสามารถเข้าไปในห้องนิรภัยของมันได้เสมอ เพื่อที่มันจะได้สามารถหลบไปไหนได้สักแห่งในเวลาที่รู้สึกไม่ปลอดภัย และหากมันต้องการสถานที่สำหรับหลบซ่อนตัว
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าวางนมหรือครีมเพื่อล่อแมว เพราะแมวส่วนใหญ่มีเอนไซม์ที่ทำให้ย่อยนมวัวไม่ได้ การกินนมหรือครีมจึงอาจทำให้มีอาการท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน และท้องร่วง
  • แม้การมีเฟอร์นิเจอร์ในห้องนิรภัยของแมวจะทำให้ห้องดูดี แต่บางครั้งเก้าอี้โยกอาจทำให้แมวบาดเจ็บได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกแมว อย่าปล่อยแมวไว้ตามลำพังในห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้
  • ลงแจ้งความในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือทางวิทยุพร้อมอธิบายรูปพรรณสัณฐานของแมว เพราะมีความเป็นไปได้ว่ามันอาจพลัดหลงมา และเจ้าของกำลังตามหาอยู่
โฆษณา

คำเตือน

  • การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญ จงนำแมวจรจัดไปฉีดวัคซีนในทันทีที่คุณรับพวกมันเข้าบ้าน โรคบางชนิด เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ไม่อาจรักษาให้หายได้หากว่าโรคเริ่มแสดงอาการแล้ว
  • แมวจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถูกคุกคาม และมันสามารถเป็นพาหะนำโรคที่เป็นอันตรายมาสู่มนุษย์และสัตว์ชนิดอื่นๆ ได้ด้วย จงรอบคอบให้มากๆ เรื่องรับมือกับแมวจรจัด และจงปล่อยให้มันเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาคุณก่อนจะดีกว่า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 66,186 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา