ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณคงเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าว่านหางจระเข้เป็นพืชที่แข็งแรงทนทาน ถ้าอย่างนั้นทำไมต้นว่านหางจระเข้ที่คุณปลูกจึงกลับเริ่มเหี่ยวเฉาลงซะอย่างนั้น ปัญหาต้นว่านหางจระเข้แห้งเหี่ยวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มาลองดูสาเหตุหลักๆ ของอาการเหี่ยวเฉาของใบว่านหางจระเข้เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับต้นว่านหางจระเข้ของคุณให้ตรงจุดกันดีกว่า เพียงได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ ต้นว่านหางจระเข้ที่คุณปลูกก็สามารถกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

1

ต้นว่านหางจระเข้ได้รับน้ำมากเกินไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การรดน้ำมากเกินไปจะทำให้รากเน่าจนส่งผลให้ใบเหี่ยวเฉา. ลองใช้นิ้วมือคุ้ยดินบริเวณรอบๆ โคนต้นว่านหางจระเข้ หากรู้สึกว่าดินชุ่มน้ำจนเกินไปหรือมีน้ำท่วมขัง แสดงว่าต้นว่านหางจระเข้ของคุณกำลังได้รับน้ำมากเกินไป ลองลดปริมาณน้ำที่รดลงเพื่อเพิ่มการคายความชื้นของต้นว่านหางจระเข้ [1]
    • ต้นว่านหางจระเข้ส่วนใหญ่ต้องการการรดน้ำทุกๆ 2-3 วันหรือเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น
    โฆษณา
2

ต้นว่านหางจระเข้ได้รับน้ำไม่เพียงพอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองใช้มือสัมผัสหน้าดินและรดน้ำเพิ่มหากรู้สึกว่าแห้งเกินไป. แม้ว่าต้นว่านหางจระเข้จะชื่นชอบสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความชื้น แต่หากได้รับน้ำไม่เพียงพอ ใบอาจเริ่มแห้งเหี่ยวและลู่ลงมาได้ รดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะให้ดินพอมีความชุ่มชื้นหรือหยุดรดน้ำทันทีเมื่อเห็นน้ำไหลออกจากก้นกระถาง [2]
    • เว้นระยะเวลาในการรดน้ำแต่ละครั้งเพื่อให้ต้นว่านหางจระเข้ได้คายความชื้นออกมาเสียก่อน
3

อุณหภูมิในบริเวณโดยรอบต่ำเกินไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้นว่านหางจระเข้อาจเหี่ยวเฉาหากอุณหภูมิเย็นกว่า 10°C. ต้นว่านหางจระเข้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่แห้งและร้อน ดังนั้นหากอากาศในบริเวณโดยรอบเย็นเกินไป ต้นว่านหางจระเข้ของคุณอาจเริ่มเหี่ยวเฉาลงได้ หากเป็นไปได้ ให้คุณย้ายต้นว่านหางจระเข้เข้ามาปลูกภายในบ้านหรือนำไปตั้งไว้ในบริเวณที่อากาศอุ่นกว่า [3]
    • หากคุณไม่สามารถย้ายต้นว่านหางจระเข้เข้ามาปลูกภายในบ้านได้และอุณหภูมิในพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่ลดต่ำลงอย่างมาก ให้คุณใช้ผ้าขนนุ่มหรือพลาสติกกันกระแทกคลุมโคนต้นว่านหางจระเข้ไว้เพื่อปกป้องรากจากความเย็นจัด [4]
    โฆษณา
4

ต้นว่านหางจระเข้สัมผัสความร้อนมากเกินไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งเกินไป ต้นว่านหางจระเข้อาจเริ่มแห้งเหี่ยวหรือลู่ลงมาได้. แม้ว่าต้นว่านหางจระเข้จะชื่นชอบอากาศที่ร้อน แต่หากอุณหภูมิในบริเวณโดยรอบสูงเกินกว่า 35°C ความร้อนอาจกลับกลายเป็นผลเสียต่อต้นว่านหางจระเข้ไปแทน คุณควรย้ายต้นว่านหางจระเข้ไปปลูกไว้ในบริเวณที่อากาศเย็นหรือมีร่มเงามากกว่า หรือหากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ให้คุณรดน้ำมากขึ้นเพื่อให้ใบชุ่มชื้นมากพอและไม่ลู่ลง [5]
    • หากสภาพอากาศในพื้นที่ที่คุณอาศัยอยู่แห้งและร้อนจัดกว่าปกติ คุณอาจต้องปรับตารางการรดน้ำให้บ่อยครั้งกว่าเดิม
5

ต้นว่านหางจระเข้ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปลูกต้นว่านหางจระเข้ไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงนาน 6 ชั่วโมงต่อวันเพื่อการเจริญเติบโตที่ดีที่สุด. คุณอาจสังเกตเห็นว่าต้นว่านหางจระเข้ของคุณจะเหี่ยวเฉาลงเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย หากเป็นไปได้ ให้คุณย้ายต้นว่านหางจระเข้ไปปลูกไว้ในบริเวณภายในบ้านหรือสวนที่มีแสงแดดส่องถึงมากกว่า [6]
    • หากคุณปลูกต้นกระบองเพชรไว้ตรงริมหน้าต่างที่มีแสงแดงส่องเข้ามา ให้คุณหมุนกระถางให้ด้านอื่นๆ หันออกไปทางหน้าต่างบ้างทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้ต้นว่านหางจระเข้ได้รับแสงแดดทั่วถึงทั้งต้น ไม่เช่นนั้นใบด้านหนึ่งอาจเริ่มเหี่ยวเฉาลงได้หากปล่อยให้ต้นว่านหางจระเข้ได้รับแสงแดดอยู่เพียงด้านเดียว
    โฆษณา
6

ต้นว่านหางจระเข้จำเป็นต้องถูกค้ำยันไว้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยุงต้นว่านหางจระเข้ไว้เพื่อรอให้ต้นเจริญเติบโตและยืนต้นได้อย่างแข็งแรง. หากใบว่านหางจระเข้แห้งเหี่ยวลงหมดทุกใบ ให้คุณใช้ไม้ไผ่ผ่าซีก 3-4 อันปักลงไปในดินรอบโคนต้นโดยขอให้เพื่อนช่วยจับใบว่านหางจระเข้ทั้งหมดไว้ให้ตั้งตรง จากนั้นพันรอบด้วยเชือกเป็นช่วงๆ เพื่อยึดไม้ไผ่ทั้งหมดเข้าด้วยกันให้มีลักษณะเหมือนคอกที่กั้นต้นว่านหางจระเข้ไว้ [7]
    • หลังจากที่เพื่อนปล่อยมือออกจากใบ ต้นว่านหางจระเข้จะถูกพยุงไว้ด้วยไม้ไผ่และเชือก
    • คุณสามารถค้ำยันต้นว่านหางจระเข้ไว้เช่นนี้จนกว่ารากจะยึดเกาะกับดินได้ดีพอและใบสามารถตั้งตรงได้โดยไม่จำเป็นต้องพยุงไว้อีก
    • หากไม่อยากลงมือทำไม้ค้ำยันเอง คุณอาจหาซื้อโครงพยุงต้นไม้สำเร็จรูปแทนได้เช่นกัน ซึ่งสามารถติดตั้งได้ง่ายๆ เพียงนำโครงห่วงล้อมต้นว่านหางจระเข้ไว้และปักเสาลงไปในดิน
7

กระถางที่ใช้ปลูกต้นว่านหางจระเข้ตื้นเกินไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ย้ายต้นว่านหางจระเข้มาปลูกในกระถางที่มีก้นลึกและระบายน้ำได้ดี. สาเหตุที่ต้นว่านหางจระเข้เหี่ยวเฉาอาจเป็นเพราะว่าต้นว่านหางจระเข้ของคุณเติบโตจนมีขนาดต้นสูงใหญ่แต่รากกลับไม่สามารถชอนไชลงใต้ผิวดินได้ลึกพอที่จะยึดเกาะได้อย่างมั่นคง ลองหากระถางใบใหม่ที่มีขนาดใหญ่เท่ากับตุ้มดินของต้นว่านหางจระเข้เป็นอย่างน้อย รวมทั้งอย่าลืมเลือกใช้ดินที่มีเนื้อร่วนซุยและสามารถระบายน้ำได้ดี [8]
    • กระถางดินเผาเป็นตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะสำหรับการปลูกว่านหางจระเข้ เพราะมีรูพรุนรอบกระถางที่ช่วยถ่ายเทความชื้นหลังการรดน้ำได้ดี จึงไม่ทำให้รากเปียกชุ่มจนเกินไป
    โฆษณา
8

บังคับต้นว่านหางจระเข้ให้ชูตั้งตรง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในบางครั้งต้นว่านหางจระเข้อาจเติบโตในแนวนอนได้บ้าง. หากต้องการให้ต้นว่านหางจระเข้เติบโตขึ้นโดยที่ใบชูตั้งตรงอย่างสวยงาม ให้คุณเริ่มลงมือปลูกต้นว่านหางจระเข้จากต้นเล็กๆ ใช้ลวดผูกต้นไม้เคลือบพลาสติกเส้นบางที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์ทำสวนทั่วไปพันรอบและจับปลายลวดทั้งสองฝั่งดึงเข้าหากันเพื่อรวบใบว่านหางจระเข้ทั้งหมดให้รวมกันแน่นและตั้งขึ้น ยึดไว้ด้วยลวดเช่นนี้เพื่อให้ต้นว่านหางจระเข้เติบโตขึ้นในลักษณะตั้งตรงตามที่ต้องการ [9]
  2. 2
    เพื่อเป็นการบังคับให้ต้นว่านหางจระเข้เติบโตในทิศทางที่ต้องการ ให้คุณใช้ลวดพันรอบไว้อย่างน้อย 2-3 วัน เพราะหากคุณแกะลวดออกเร็วเกินไป ต้นว่านหางจระเข้อาจเริ่มเติบโตออกทางด้านข้างแทน
    โฆษณา
9

แยกหน่อเล็กๆ ที่แตกออกมาไปปลูกในกระถางใบอื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ต้นว่านหางจระเข้อาจแตกหน่อรวมเป็นกอจนเบียดกันแน่นในกระถาง. นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ เพียง แยกหน่อเล็กๆ ที่แตกออกมาบริเวณโคนต้นเดิมออกมา เริ่มจากใช้ช้อนพรวนดินขุดนำหน่อพร้อมรากแยกออกมาจากต้นใหญ่ พักทิ้งไว้ประมาณ 2 วันในห้องที่มีอากาศอุ่นเพื่อให้ปลายรากแข็งขึ้นก่อนนำลงปลูกในกระถางที่ใหญ่กว่าขนาดต้นเล็กน้อย [10]
    • คุณอาจใช้วิธีขยับหน่อไปมาให้คลายออกจากดินก่อนดึงให้หลุดออกแทนการใช้ช้อนพรวนขุดออกมาได้เช่นกัน
    • ต้นว่านหางจระเข้บางสายพันธุ์อาจไม่เติบโตในลักษณะสูงใหญ่หรือตั้งตรงเหมือนสายพันธุ์อื่นๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าต้นว่านหางจระเข้ที่คุณปลูกเป็นสายพันธุ์ที่แตกหน่อเป็นกอตามบริเวณโคนต้น [11]
10

ต้นว่านหางจระเข้กำลังถูกแมลงศัตรูพืชกัดกิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตรวจสอบว่ามีแมลงตัวเล็กๆ อย่างเพลี้ยหอยหรือเพลี้ยแป้งเกาะอยู่บนใบหรือไม่. แมลงศัตรูพืชเหล่านี้เข้าทำลายต้นว่านหางจระเข้ของคุณด้วยการดูดเอาความชื้นจากใบออกไปจนทำให้ใบเริ่มอ่อนแอปวกเปียกลง ในบางกรณีคุณสามารถไล่แมลงศัตรูพืชได้ง่ายๆ เพียงฉีดน้ำลงไปแรงๆ แต่หากไม่ได้ผล ให้คุณใช้สารกำจัดศัตรูพืชที่ไม่มีสารเคมี เช่น น้ำมันใบสะเดา ฉีดพ่นให้ทั่วใบเพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืชโดยเร่งด่วน [12]
    โฆษณา
11

ต้นว่านหางจระเข้เกิดการติดเชื้อรา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตรวจสอบรากที่อยู่ใกล้ใบชั้นนอกว่าหลุดขาดง่ายหรือไม่. หากต้นว่านหางจระเข้ของคุณมีอาการรากเน่า รากจะเริ่มมีลักษณะเปื่อยยุ่ยและดูคล้ำกว่าปกติ หากคุณสามารถดึงต้นว่านหางจระเข้ให้หลุดออกมาจากกระถางได้ง่าย คุณจะเห็นว่ารากเกือบทุกส่วนชื้นแฉะและหลุดขาดติดอยู่กับดินในกระถาง อีกทั้งยังอาจมีกลิ่นเหม็นเน่าอีกด้วย โชคร้ายที่ต้นว่านหางจระเข้ที่เป็นโรครากเน่ามีอัตราการรอดที่ต่ำ ดังนั้นคุณอาจจำเป็นต้องเริ่มปลูกต้นว่านหางจระเข้ต้นใหม่และรดน้ำให้น้อยลงกว่าเดิม [13]
    • หากคุณต้องการให้ต้นว่านหางจระเข้ของคุณรอดตายจากอาการรากเน่า ให้คุณขุดต้นว่านหางจระเข้ขึ้นมาจากดินและตัดรากส่วนที่เน่าออกไปให้หมด จากนั้นนำลงปลูกในกระถางใบใหม่ที่ระบายน้ำได้ดีพร้อมบรรจุดินปลูกใหม่
  1. Artemisia Nursery. เรือนเพาะชำและร้านต้นไม้. การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ. 7 สิงหาคม 2020.
  2. https://libanswers.nybg.org/faq/283653
  3. https://www.plantsrescue.com/aloe-vera/
  4. https://extension.umd.edu/resource/root-rots-indoor-plants

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,769 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา