ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กิ่งกุหลาบแสนสวยสื่อถึงความงามตามแบบฉบับของมันอยู่เสมอ แต่พอผ่านช่วงที่สวยที่สุดไปแล้ว เสน่ห์ของดอกกุหลาบก็เริ่มจะโรยรา แต่ถึงอย่างนั้นก็มีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยยืดอายุของดอกกุหลาบได้ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบในสวนหรือดอกกหุลาบในแจกันที่อยู่ในห้องครัวก็ตาม แค่คุณรดน้ำสะอาดให้ดอกกุหลาบมากๆ ให้อาหารพืชที่สมดุลหรือกลูโคสเล็กน้อย และวางไว้ในที่ที่อุณหภูมิคงที่ เท่านี้คุณก็มั่นใจได้แล้วว่าดอกกุหลาบจะยังคงสวยสดงดงามไปอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ดูแลดอกกุหลาบที่ตัดจากต้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะนำดอกกุหลาบที่ตัดไว้มาโชว์ ให้ใช้น้ำอุ่นกับสบู่ที่มีสารต้านแบคทีเรียล้างแจกันให้สะอาด ภาชนะที่สะอาดมีผลต่อการคงความสดของดอกไม้มากๆ เพราะแจกันที่สกปรกจะสะสมเชื้อโรค แร่ธาตุ และสารเคมีที่มากับน้ำประปา [1]
    • ถ้าคุณใช้แจกันใบเดิมเป็นประจำ ให้ล้างแจกันก่อนนำไปใช้ใหม่อยู่เสมอ
    • คุณต้องแน่ใจว่าด้านในของแจกันสะอาดหมดจด เพราะสิ่งตกค้างจากดอกไม้ก่อนหน้านี้จะทำให้ดอกกุหลาบดอกใหม่เหี่ยวเร็วขึ้น
  2. ใช้น้ำดื่มบรรจุขวดเติมความชุ่มชื้นให้ดอกกุหลาบที่ตัดมา หรือลงทุนซื้อระบบทำน้ำบริสุทธิ์เพื่อกรองน้ำประปา ดอกกุหลาบจะอยู่ได้นานที่สุดในน้ำที่มีค่า pH ที่เป็นกลางมากที่สุด ซึ่งจะไม่ทำให้มันแห้งเหี่ยวหรือสีซีดเหมือนเวลาอยู่ในน้ำกระด้างหรือน้ำอ่อน [2]
    • ถ้าคุณใช้น้ำประปาเติมแจกัน ให้นำน้ำทิ้งไว้ในตู้เย็น 1 คืนเพื่อให้คลอรีนเจือจางก่อนนำดอกกุหลาบมาใส่
    • ถ้าจำเป็น เม็ดฟู่ฆ่าเชื้อโรคในน้ำก็ช่วยควบคุมค่า pH ของน้ำประปาได้ ใส่เม็ดฟู่ลงไปในน้ำตามจำนวนที่ระบุไว้โดยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่คุณใส่ลงไปในแจกัน และทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนค่อยปักดอกกุหลาบลงไป [3]
  3. น้ำตาลทรายทั่วไปเป็นสิ่งที่ให้สารอาหารแก่ดอกไม้ที่ตัดออกมาได้ง่ายที่สุดและได้ผลที่สุด โดยทั่วไปคือใส่น้ำตาลลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตร ดอกกุหลาบจะดูดซึมสารละลายน้ำตาลผ่านก้านแล้วเปลี่ยนไปเป็นกลูโคสที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้เซลล์และเนื้อเยื่อของดอกกุหลาบแข็งแรงและอวบอิ่ม [4]
    • อย่าใช้น้ำตาลเทียมอย่างสารให้ความหวาน ขัณฑสกร หรือหญ้าหวาน เพราะสารเหล่านี้ไม่ได้สลายตัวทางเคมีในลักษณะเดียวกับน้ำตาล จึงไม่ได้ช่วยให้ดอกกุหลาบคงความสดได้นาน
    • อย่าลืมว่าดอกไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการอาหารเหมือนกัน แม้ว่ามันจะถูกตัดออกมาเสียบไว้ในแจกันเพื่อใช้ตกแต่งบ้านก็ตาม
  4. วางดอกกุหลาบให้ห่างจากแสงแดดโดยตรงและความร้อน. การเก็บดอกไม้ที่ตัดแล้วไว้ในที่ๆ อากาศเย็นจะช่วยรักษาความสดของดอกไม้เช่นเดียวกับผักผลไม้ที่ถูกเด็ดออกมา พูดง่ายๆ ก็คือยิ่งอากาศรอบๆ เย็นเท่าไหร่ ดอกกุหลาบที่ตัดมาก็จะยิ่งคงความสดได้มากเท่านั้น พยายามกลั้นใจไม่วางมันตรงขอบหน้าต่างหรือตรงแสงแดดที่สวยราวกับภาพวาดเป็นเวลานาน เพราะความร้อนจะทำให้ดอกไม้เหี่ยวเร็ว [5]
    • คุณอาจจะลองเอาดอกกุหลาบแช่ตู้เย็นไว้ข้ามคืน หรือตอนไหนก็ได้ที่คุณไม่ได้นำออกไปตั้งไว้ข้างนอก แค่ระวังอย่าแช่ดอกไม้รวมกับผักและผลไม้ เพราะแก๊สที่ออกมาจากผักผลไม้แช่เย็นจะทำให้ดอกกุหลาบเหี่ยวเร็ว [6]
    • ถ้าคุณวางดอกกุหลาบไว้ในห้องที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ก็ให้วางไว้ตรงที่ๆ มีอากาศถ่ายเท เช่น ข้างทางเข้าใหญ่ หน้าต่างที่เปิดอยู่ หรือช่องลมแอร์
  5. ขณะที่ผักและผลไม้กำลังแก่ มันจะปล่อยก๊าซเอธิลีนซึ่งเป็นสารประกอบก๊าซที่ทำให้ผักผลไม้สุก ถ้าคุณวางดอกกุหลาบใกล้ผักผลไม้มากเกินไป ก๊าซเอธิลีนที่ลอยอยู่ในอากาศก็จะทำให้ดอกกุหลาบเหี่ยวเร็วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ถ้าคุณจะวางของตกแต่งไว้ตรงกลาง ก็ควรเลือกชามผลไม้หรือไม่ก็ดอกกุหลาบที่เพิ่งตัดใหม่ๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่อย่าเลือกทั้งสองอย่าง [7]
    • ถ้าเป็นไปได้ให้เก็บผักผลไม้และอาหารสดอื่นๆ ไว้ในตู้เย็นแทน
    • แต่ในทางกลับกัน การวางดอกกุหลาบไว้ใกล้ๆ ผักและผลไม้ก็จะทำให้ดอกไม้บานเร็วขึ้นถ้าคุณตัดมันตอนที่ยังไม่บานเต็มที่
  6. ช่วงอายุของดอกกุหลาบจะนับถอยหลังทันทีที่คุณตัดมันออกมาจากต้น ดังนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาสักนาทีเดียว ให้ตัดดอกไม้ที่คุณจะนำมาตกแต่งบ้านในตอนเช้าขณะที่ดอกกุหลาบยังมีน้ำเต็มที่อยู่ เพราะยิ่งข้างนอกอากาศร้อนเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสูญเสียความชื้นที่มีค่ามากขึ้นเท่านั้น [8]
    • ถ้าคุณยังดึงดันว่าจะตัดดอกกุหลาบตอนบ่ายหรือตอนเย็น คุณต้องตัดทันทีหลังจากรดน้ำดอกกุหลาบจึงจะยังสดอยู่ได้
    • เมินดอกกุหลาบที่ดูปวกเปียกหรือห้อยลงมาที่ร้านขายดอกไม้หรือซูเปอร์มาร์เก็ตได้เลย เพราะเป็นไปได้มากๆ ว่าเขาจะตัดมันมาตอนที่มันยังไม่ได้รับน้ำมากพอ [9]
  7. กฎกำปั้นทุบดินคือพอน้ำเริ่มขุ่นก็เปลี่ยนใหม่ได้เลยไม่ว่าจะเพิ่งเปลี่ยนน้ำไปเมื่อไหร่ก็ตาม การเปลี่ยนน้ำในภาชนะเป็นประจำจะป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและทำให้ดอกกุหลาบมีน้ำสะอาดไปหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ และยังช่วยให้ดอกไม้ทั้งแจกันส่งกลิ่นหอมด้วย [10]
    • อย่าลืมเติมน้ำตาลลงไปในน้ำใหม่เล็กน้อยด้วย
    • ถ้าจำเป็นให้เพิ่มระดับน้ำตอนเปลี่ยนน้ำใหม่ด้วย เพื่อให้ระดับน้ำอยู่ตรงกลางก้านเป็นอย่างน้อย [11]
  8. เล็มก้านออก 1 นิ้วทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำแจกัน. ใช้กรรไกรตัดกิ่งหรือใบมีดที่สะอาดและคมตัดก้านออกในแนวเฉียง ส่วนที่ตัดออกเป็นมุมเฉียงจะเพิ่มพื้นผิวที่สัมผัสกับน้ำ ทำให้ดอกกุหลาบที่หิวกระหายสามารถดูดซึมน้ำได้ดีขึ้น [12]
    • อุปกรณ์ต้องสะอาดและตัดทีเดียวขาด ใบมีดทื่อๆ จะทำให้ก้านแตก และความชื้นไหลจะผ่านเซลล์ที่ถูกทำได้ยาก [13]
    • การเล็มก้านกุหลาบบ่อยๆ เพียงอย่างเดียวก็ช่วยยืดอายุดอกกุหลาบได้มากขึ้นอีก 1 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ดูแลดอกกุหลาบในสวน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดินที่ร่วนซุยจะระบายน้ำได้ดีกว่า หมายความว่าดอกกุหลาบของคุณจะไม่เน่าหรือได้รับน้ำมากเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ดอกกุหลาบเติบโตเพราะมันต้องการความชื้นมากกว่าดอกไม้อื่นๆ หลังจากรดน้ำดอกกุหลาบแล้ว คุณจะสังเกตได้เลยว่าดินจะเริ่มแห้งภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง [14]
    • ดอกกุหลาบหลายสายพันธุ์จะชอบดินที่มีค่า pH อยู่ที่ 5.5-7 คุณสามารถทดสอบค่า pH ของดินได้ด้วยชุดทดสอบดินที่บ้าน ซึ่งมีขายตามศูนย์เพาะพันธุ์ไม้ ศูนย์ขยายพันธุ์พืช และร้านขายต้นไม้ทั่วไป [15]
    • ถ้าคุณอยู่ในที่ที่อากาศเปียกชื้นตลอดทั้งปี ให้ลองผสมทรายหรือกรวดปริมาณ 1/3 ลงไปในดินที่จะปลูกเพื่อให้ดินระบายน้ำได้ดีขึ้น
  2. โรยสารวัสดุธรรมชาติอย่างปุ๋ยหมักสวน ปุ๋ยขี้วัวหรือปุ๋ยคอก หรือพีทมอสลงบนดินหนาสัก 2-3 นิ้วในฤดูร้อนช่วงที่ต้นไม้เจริญเติบโตได้มากที่สุด สารเสริมเหล่านี้อุดมไปด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และสารอาหารอื่นๆ ที่ดอกกุหลาบต้องการเพื่อให้เจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงและสีสันสดใส [16]
    • หลังจากผ่านฤดูแรกไปแล้ว ให้ใส่ปุ๋ยดอกกุหลาบทุก 1-2 เดือน
    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวนที่ศูนย์เพาะพันธุ์พืชใกล้บ้านหรือร้านขายต้นไม้เพื่อดูว่าสารอินทรีย์ไหนที่มีประโยชน์กับดอกกุหลาบสายพันธุ์ที่คุณปลูกมากที่สุด
  3. คลุมหญ้าหนา 2-3 นิ้วให้ทั่วแปลง แล้วเหลือรอบฐานไว้ 5-6 นิ้วเพื่อให้ดินระบายน้ำ หญ้าที่ขายเป็นถุงๆ ทั่วไปก็ใช้ได้ หรือคุณจะลองหาส่วนผสมสำเร็จรูปสำหรับต้นกุหลาบโดยเฉพาะเลยก็ได้ [17]
    • ถ้าจะประหยัด ก็ให้ใช้ขยะในสวนอย่างใบไม้ เศษหญ้า หรือแม้แต่ก้อนหินเล็กๆ มาใช้คลุมดินแทนได้
    • คุณต้องคลุมหญ้าใหม่ปีละครั้งเมื่อหญ้าที่คลุมไว้เดิมเริ่มหนาไม่ถึง 2 นิ้ว [18]
  4. ปริมาณน้ำที่ต้องรดจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดของต้น (รวมถึงลักษณะเฉพาะของดิน) เป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้ดีคือรดน้ำให้ทั่วแต่อย่ารดมากเกินไป หลังจากนั้นก็ลองเอานิ้วแตะดินดู ถ้าดินเริ่มแห้งก็ถึงเวลาต้องรดน้ำใหม่แล้ว [19]
    • อย่าลืมว่าต้นกุหลาบที่ปลูกในกระถางจะแห้งเร็วกว่าต้นที่ปลูกในแปลงมาก ซึ่งหมายความว่ามันต้องรดน้ำบ่อยกว่า
    • กุหลาบเป็นต้นไม้ที่ต้องการน้ำมากก็จริง แต่ก็ระวังอย่ารดน้ำมากเกินไป เพราะความชื้นที่มากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ดอกเฉา โรคพืช หรือรากเน่าที่อาจทำให้ต้นกุหลาบที่แข็งแรงดีตายได้ง่ายๆ [20]
  5. ตัดดอกที่เหี่ยวแล้วออกเพื่อกระตุ้นการเติบโตของดอกใหม่. ถ้าคุณสังเกตว่าดอกไม้ดอกเก่าเริ่มจะห้อยลงมาหรือกลีบหลุดแล้ว ให้ใช้กรรไกรตัดกิ่งเล็มตรงปลายกลุ่มใบไม้ 5 ใบแรก การตัดดอกไม้ที่ตายแล้วหรือกำลังจะตายทันทีที่คุณเห็นเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้ดอกกุหลาบยังคงเจริญเติบโตและสวยงาม [21]
    • ก่อนที่จะลงมือเล็มต้นกุหลาบ ให้สวมถุงมือยาวคลุมถึงข้อศอกเพื่อป้องกันไม่ให้มือและแขนโดนหนามตำ [22]
    • อย่าลังเลที่จะเล็มใบไม้ ก้าน หรือหน่อที่ดูไม่แข็งแรงออกไปด้วย
    • คุณควรตรวจตราต้นกุหลาบวันละ 2 ครั้งในช่วงที่กำลังออกดอกเพื่อดูว่ามีดอกไหนโรยราหรือเปล่า
  6. เวลาที่ต้นกุหลาบเป็นโรคพืช พวกมันจะใช้พลังงานต่อสู้กับสาเหตุของโรคมากกว่าจะเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ คอยสังเกตสัญญาณเตือนอย่างกลีบร่วงหล่น ดอกเหี่ยวแห้ง และสีซีด หลังจากตัดใบไม้ที่เป็นโรคหรือเน่าเปื่อยออกแล้ว ให้ฉีดยาฆ่าเชื้อราที่เป็นสารเคมีหรือสมุนไพรที่ต้นกุหลาบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิม [23]
    • ความชื้นตกค้างคือตัวเชื้อเชิญแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นอันตราย ซึ่งคุณสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการปลูกต้นกุหลาบไว้ในที่ๆ ได้รับแสงแดดโดยตรงที่จะช่วยให้ต้นกุหลาบแห้งสนิทก่อนถึงเวลารดน้ำครั้งต่อไป
    • โรคที่พบบ่อยที่มีผลต่อดอกกุหลาบได้แก่ โรคใบไหม้ โรคราสนิม และโรคใบจุดสีดำ โรคเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับอาการที่มองเห็นได้ เช่น ตุ่มหรือจุดดำ หรือการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราใต้ใบ [24]
  7. ช่วงเวลาที่เหมาะจะเล็มพุ่มกุหลาบให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากที่สุดก็คือช่วงปลายฤดูหนาวก่อนที่ต้นกุหลาบจะเริ่มออกดอกใหม่ เล็มไม้ที่ตายแล้วหรือก้านแก่ๆ ลงไปจนถึงไส้ในของไม้ที่เป็นสีขาวอมเขียว และอย่าลังเลที่จะตัดออกมากกว่าที่คุณคิดว่าควรตัด เพราะโดยทั่วไปแล้วคุณสามารถตัดต้นกุหลาบออก 1 ใน 3 หรือตัดให้เหลือแค่ครึ่งหนึ่งของขนาดเดิมก็ยังได้ [25]
    • การตัดแต่งกิ่งคือการกำจัดต้นไม้ส่วนที่ตายแล้วเพื่อให้ส่วนที่งอกใหม่เจริญเติบโตได้เช่นเดียวกับการตัดดอกที่เฉาแล้วทิ้งไป
    • นอกจากนี้การตัดแต่งกิ่งที่มีแบบแผนยังทำให้คุณได้โอกาสปรับแต่งรูปทรงและลักษณะของพุ่มกุหลาบด้วย [26]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณดูแลเอาใจใส่ดอกกุหลาบเป็นอย่างดี ดอกกุหลาบที่ตัดจากต้นอาจอยู่ได้ถึง 2 สัปดาห์ และพุ่มกุหลาบก็จะยังคงสภาพเดิมและใหญ่ขึ้นได้ในทุกฤดูกาล
  • ถ้าทำได้อย่าปลูกต้นกุหลาบตรงดินที่เคยปลูกต้นกุหลาบมาก่อน เพราะการกลับไปปลูกในจุดเดิมจะทำให้ต้นไม้ใหม่เจริญเติบโตช้า และโรคที่พบได้บ่อยก็อาจจะระบาดทางดินได้
  • ถ้าคุณปลูกกุหลาบหลายต้น ควรให้แต่ละพุ่มห่างกัน 30 นิ้วเพื่อไม่ให้ศัตรูพืชหรือโรคพืชแพร่จากต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง
  • ควรย้ายหรือคลุมดอกกุหลาบ (ด้วยผ้าบางๆ) เพื่อป้องกันดอกกุหลาบจากความหนาวที่มากับแอร์เย็นจัด
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

ดอกกุหลาบที่ตัดจากต้น

  • แจกันสะอาด
  • น้ำสะอาด
  • กรรไกรตัดกิ่งหรือใบมีดคมๆ
  • น้ำตาล

ดอกกุหลาบในสวน

  • ดินที่ระบายน้ำได้ดี
  • วัสดุเสริมอินทรีย์
  • หญ้าแห้ง
  • น้ำ
  • กรรไกรตัดกิ่งและอุปกรณ์เล็มกิ่งอื่นๆ
  • ยาฆ่าเชื้อราที่เป็นสารเคมีหรือสมุนไพร

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,017 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา