กิ่งกุหลาบแสนสวยสื่อถึงความงามตามแบบฉบับของมันอยู่เสมอ แต่พอผ่านช่วงที่สวยที่สุดไปแล้ว เสน่ห์ของดอกกุหลาบก็เริ่มจะโรยรา แต่ถึงอย่างนั้นก็มีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยยืดอายุของดอกกุหลาบได้ไม่ว่าจะเป็นดอกกุหลาบในสวนหรือดอกกหุลาบในแจกันที่อยู่ในห้องครัวก็ตาม แค่คุณรดน้ำสะอาดให้ดอกกุหลาบมากๆ ให้อาหารพืชที่สมดุลหรือกลูโคสเล็กน้อย และวางไว้ในที่ที่อุณหภูมิคงที่ เท่านี้คุณก็มั่นใจได้แล้วว่าดอกกุหลาบจะยังคงสวยสดงดงามไปอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์
ขั้นตอน
-
เริ่มจากแจกันสะอาดๆ. ก่อนจะนำดอกกุหลาบที่ตัดไว้มาโชว์ ให้ใช้น้ำอุ่นกับสบู่ที่มีสารต้านแบคทีเรียล้างแจกันให้สะอาด ภาชนะที่สะอาดมีผลต่อการคงความสดของดอกไม้มากๆ เพราะแจกันที่สกปรกจะสะสมเชื้อโรค แร่ธาตุ และสารเคมีที่มากับน้ำประปา [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณใช้แจกันใบเดิมเป็นประจำ ให้ล้างแจกันก่อนนำไปใช้ใหม่อยู่เสมอ
- คุณต้องแน่ใจว่าด้านในของแจกันสะอาดหมดจด เพราะสิ่งตกค้างจากดอกไม้ก่อนหน้านี้จะทำให้ดอกกุหลาบดอกใหม่เหี่ยวเร็วขึ้น
-
เติมน้ำกลั่นหรือน้ำบริสุทธิ์ลงไปในแจกัน. ใช้น้ำดื่มบรรจุขวดเติมความชุ่มชื้นให้ดอกกุหลาบที่ตัดมา หรือลงทุนซื้อระบบทำน้ำบริสุทธิ์เพื่อกรองน้ำประปา ดอกกุหลาบจะอยู่ได้นานที่สุดในน้ำที่มีค่า pH ที่เป็นกลางมากที่สุด ซึ่งจะไม่ทำให้มันแห้งเหี่ยวหรือสีซีดเหมือนเวลาอยู่ในน้ำกระด้างหรือน้ำอ่อน [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณใช้น้ำประปาเติมแจกัน ให้นำน้ำทิ้งไว้ในตู้เย็น 1 คืนเพื่อให้คลอรีนเจือจางก่อนนำดอกกุหลาบมาใส่
- ถ้าจำเป็น เม็ดฟู่ฆ่าเชื้อโรคในน้ำก็ช่วยควบคุมค่า pH ของน้ำประปาได้ ใส่เม็ดฟู่ลงไปในน้ำตามจำนวนที่ระบุไว้โดยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่คุณใส่ลงไปในแจกัน และทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนค่อยปักดอกกุหลาบลงไป [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใส่น้ำตาลลงไปในแจกัน 2 ช้อนโต๊ะ. น้ำตาลทรายทั่วไปเป็นสิ่งที่ให้สารอาหารแก่ดอกไม้ที่ตัดออกมาได้ง่ายที่สุดและได้ผลที่สุด โดยทั่วไปคือใส่น้ำตาลลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตร ดอกกุหลาบจะดูดซึมสารละลายน้ำตาลผ่านก้านแล้วเปลี่ยนไปเป็นกลูโคสที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้เซลล์และเนื้อเยื่อของดอกกุหลาบแข็งแรงและอวบอิ่ม [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าใช้น้ำตาลเทียมอย่างสารให้ความหวาน ขัณฑสกร หรือหญ้าหวาน เพราะสารเหล่านี้ไม่ได้สลายตัวทางเคมีในลักษณะเดียวกับน้ำตาล จึงไม่ได้ช่วยให้ดอกกุหลาบคงความสดได้นาน
- อย่าลืมว่าดอกไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการอาหารเหมือนกัน แม้ว่ามันจะถูกตัดออกมาเสียบไว้ในแจกันเพื่อใช้ตกแต่งบ้านก็ตาม
-
วางดอกกุหลาบให้ห่างจากแสงแดดโดยตรงและความร้อน. การเก็บดอกไม้ที่ตัดแล้วไว้ในที่ๆ อากาศเย็นจะช่วยรักษาความสดของดอกไม้เช่นเดียวกับผักผลไม้ที่ถูกเด็ดออกมา พูดง่ายๆ ก็คือยิ่งอากาศรอบๆ เย็นเท่าไหร่ ดอกกุหลาบที่ตัดมาก็จะยิ่งคงความสดได้มากเท่านั้น พยายามกลั้นใจไม่วางมันตรงขอบหน้าต่างหรือตรงแสงแดดที่สวยราวกับภาพวาดเป็นเวลานาน เพราะความร้อนจะทำให้ดอกไม้เหี่ยวเร็ว [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณอาจจะลองเอาดอกกุหลาบแช่ตู้เย็นไว้ข้ามคืน หรือตอนไหนก็ได้ที่คุณไม่ได้นำออกไปตั้งไว้ข้างนอก แค่ระวังอย่าแช่ดอกไม้รวมกับผักและผลไม้ เพราะแก๊สที่ออกมาจากผักผลไม้แช่เย็นจะทำให้ดอกกุหลาบเหี่ยวเร็ว [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณวางดอกกุหลาบไว้ในห้องที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ก็ให้วางไว้ตรงที่ๆ มีอากาศถ่ายเท เช่น ข้างทางเข้าใหญ่ หน้าต่างที่เปิดอยู่ หรือช่องลมแอร์
-
วางดอกไม้ให้ห่างจากผักและผลไม้. ขณะที่ผักและผลไม้กำลังแก่ มันจะปล่อยก๊าซเอธิลีนซึ่งเป็นสารประกอบก๊าซที่ทำให้ผักผลไม้สุก ถ้าคุณวางดอกกุหลาบใกล้ผักผลไม้มากเกินไป ก๊าซเอธิลีนที่ลอยอยู่ในอากาศก็จะทำให้ดอกกุหลาบเหี่ยวเร็วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ถ้าคุณจะวางของตกแต่งไว้ตรงกลาง ก็ควรเลือกชามผลไม้หรือไม่ก็ดอกกุหลาบที่เพิ่งตัดใหม่ๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่อย่าเลือกทั้งสองอย่าง [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าเป็นไปได้ให้เก็บผักผลไม้และอาหารสดอื่นๆ ไว้ในตู้เย็นแทน
- แต่ในทางกลับกัน การวางดอกกุหลาบไว้ใกล้ๆ ผักและผลไม้ก็จะทำให้ดอกไม้บานเร็วขึ้นถ้าคุณตัดมันตอนที่ยังไม่บานเต็มที่
-
ตัดดอกกุหลาบตอนเช้าตรู่. ช่วงอายุของดอกกุหลาบจะนับถอยหลังทันทีที่คุณตัดมันออกมาจากต้น ดังนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาสักนาทีเดียว ให้ตัดดอกไม้ที่คุณจะนำมาตกแต่งบ้านในตอนเช้าขณะที่ดอกกุหลาบยังมีน้ำเต็มที่อยู่ เพราะยิ่งข้างนอกอากาศร้อนเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสูญเสียความชื้นที่มีค่ามากขึ้นเท่านั้น [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณยังดึงดันว่าจะตัดดอกกุหลาบตอนบ่ายหรือตอนเย็น คุณต้องตัดทันทีหลังจากรดน้ำดอกกุหลาบจึงจะยังสดอยู่ได้
- เมินดอกกุหลาบที่ดูปวกเปียกหรือห้อยลงมาที่ร้านขายดอกไม้หรือซูเปอร์มาร์เก็ตได้เลย เพราะเป็นไปได้มากๆ ว่าเขาจะตัดมันมาตอนที่มันยังไม่ได้รับน้ำมากพอ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 1-3 วัน. กฎกำปั้นทุบดินคือพอน้ำเริ่มขุ่นก็เปลี่ยนใหม่ได้เลยไม่ว่าจะเพิ่งเปลี่ยนน้ำไปเมื่อไหร่ก็ตาม การเปลี่ยนน้ำในภาชนะเป็นประจำจะป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและทำให้ดอกกุหลาบมีน้ำสะอาดไปหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ และยังช่วยให้ดอกไม้ทั้งแจกันส่งกลิ่นหอมด้วย [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าลืมเติมน้ำตาลลงไปในน้ำใหม่เล็กน้อยด้วย
- ถ้าจำเป็นให้เพิ่มระดับน้ำตอนเปลี่ยนน้ำใหม่ด้วย เพื่อให้ระดับน้ำอยู่ตรงกลางก้านเป็นอย่างน้อย [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เล็มก้านออก 1 นิ้วทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำแจกัน. ใช้กรรไกรตัดกิ่งหรือใบมีดที่สะอาดและคมตัดก้านออกในแนวเฉียง ส่วนที่ตัดออกเป็นมุมเฉียงจะเพิ่มพื้นผิวที่สัมผัสกับน้ำ ทำให้ดอกกุหลาบที่หิวกระหายสามารถดูดซึมน้ำได้ดีขึ้น [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อุปกรณ์ต้องสะอาดและตัดทีเดียวขาด ใบมีดทื่อๆ จะทำให้ก้านแตก และความชื้นไหลจะผ่านเซลล์ที่ถูกทำได้ยาก [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การเล็มก้านกุหลาบบ่อยๆ เพียงอย่างเดียวก็ช่วยยืดอายุดอกกุหลาบได้มากขึ้นอีก 1 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น
โฆษณา
-
ปลูกดอกกุหลาบในแปลงที่ดินระบายน้ำได้ดี. ดินที่ร่วนซุยจะระบายน้ำได้ดีกว่า หมายความว่าดอกกุหลาบของคุณจะไม่เน่าหรือได้รับน้ำมากเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ดอกกุหลาบเติบโตเพราะมันต้องการความชื้นมากกว่าดอกไม้อื่นๆ หลังจากรดน้ำดอกกุหลาบแล้ว คุณจะสังเกตได้เลยว่าดินจะเริ่มแห้งภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ดอกกุหลาบหลายสายพันธุ์จะชอบดินที่มีค่า pH อยู่ที่ 5.5-7 คุณสามารถทดสอบค่า pH ของดินได้ด้วยชุดทดสอบดินที่บ้าน ซึ่งมีขายตามศูนย์เพาะพันธุ์ไม้ ศูนย์ขยายพันธุ์พืช และร้านขายต้นไม้ทั่วไป [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณอยู่ในที่ที่อากาศเปียกชื้นตลอดทั้งปี ให้ลองผสมทรายหรือกรวดปริมาณ 1/3 ลงไปในดินที่จะปลูกเพื่อให้ดินระบายน้ำได้ดีขึ้น
-
ใช้สารอินทรีย์เพิ่มอาหารของดิน. โรยสารวัสดุธรรมชาติอย่างปุ๋ยหมักสวน ปุ๋ยขี้วัวหรือปุ๋ยคอก หรือพีทมอสลงบนดินหนาสัก 2-3 นิ้วในฤดูร้อนช่วงที่ต้นไม้เจริญเติบโตได้มากที่สุด สารเสริมเหล่านี้อุดมไปด้วยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และสารอาหารอื่นๆ ที่ดอกกุหลาบต้องการเพื่อให้เจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงและสีสันสดใส [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- หลังจากผ่านฤดูแรกไปแล้ว ให้ใส่ปุ๋ยดอกกุหลาบทุก 1-2 เดือน
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวนที่ศูนย์เพาะพันธุ์พืชใกล้บ้านหรือร้านขายต้นไม้เพื่อดูว่าสารอินทรีย์ไหนที่มีประโยชน์กับดอกกุหลาบสายพันธุ์ที่คุณปลูกมากที่สุด
-
คลุมหญ้ารอบๆ ต้นกุหลาบเพื่อกักเก็บความชื้น. คลุมหญ้าหนา 2-3 นิ้วให้ทั่วแปลง แล้วเหลือรอบฐานไว้ 5-6 นิ้วเพื่อให้ดินระบายน้ำ หญ้าที่ขายเป็นถุงๆ ทั่วไปก็ใช้ได้ หรือคุณจะลองหาส่วนผสมสำเร็จรูปสำหรับต้นกุหลาบโดยเฉพาะเลยก็ได้ [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าจะประหยัด ก็ให้ใช้ขยะในสวนอย่างใบไม้ เศษหญ้า หรือแม้แต่ก้อนหินเล็กๆ มาใช้คลุมดินแทนได้
- คุณต้องคลุมหญ้าใหม่ปีละครั้งเมื่อหญ้าที่คลุมไว้เดิมเริ่มหนาไม่ถึง 2 นิ้ว [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
รดน้ำต้นกุหลาบวันละ 1-2 ครั้ง. ปริมาณน้ำที่ต้องรดจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดของต้น (รวมถึงลักษณะเฉพาะของดิน) เป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้ดีคือรดน้ำให้ทั่วแต่อย่ารดมากเกินไป หลังจากนั้นก็ลองเอานิ้วแตะดินดู ถ้าดินเริ่มแห้งก็ถึงเวลาต้องรดน้ำใหม่แล้ว [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าลืมว่าต้นกุหลาบที่ปลูกในกระถางจะแห้งเร็วกว่าต้นที่ปลูกในแปลงมาก ซึ่งหมายความว่ามันต้องรดน้ำบ่อยกว่า
- กุหลาบเป็นต้นไม้ที่ต้องการน้ำมากก็จริง แต่ก็ระวังอย่ารดน้ำมากเกินไป เพราะความชื้นที่มากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ดอกเฉา โรคพืช หรือรากเน่าที่อาจทำให้ต้นกุหลาบที่แข็งแรงดีตายได้ง่ายๆ [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ตัดดอกที่เหี่ยวแล้วออกเพื่อกระตุ้นการเติบโตของดอกใหม่. ถ้าคุณสังเกตว่าดอกไม้ดอกเก่าเริ่มจะห้อยลงมาหรือกลีบหลุดแล้ว ให้ใช้กรรไกรตัดกิ่งเล็มตรงปลายกลุ่มใบไม้ 5 ใบแรก การตัดดอกไม้ที่ตายแล้วหรือกำลังจะตายทันทีที่คุณเห็นเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้ดอกกุหลาบยังคงเจริญเติบโตและสวยงาม [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ก่อนที่จะลงมือเล็มต้นกุหลาบ ให้สวมถุงมือยาวคลุมถึงข้อศอกเพื่อป้องกันไม่ให้มือและแขนโดนหนามตำ [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าลังเลที่จะเล็มใบไม้ ก้าน หรือหน่อที่ดูไม่แข็งแรงออกไปด้วย
- คุณควรตรวจตราต้นกุหลาบวันละ 2 ครั้งในช่วงที่กำลังออกดอกเพื่อดูว่ามีดอกไหนโรยราหรือเปล่า
-
กำจัดโรคพืชเมื่อเห็นสัญญาเริ่มแรก. เวลาที่ต้นกุหลาบเป็นโรคพืช พวกมันจะใช้พลังงานต่อสู้กับสาเหตุของโรคมากกว่าจะเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ คอยสังเกตสัญญาณเตือนอย่างกลีบร่วงหล่น ดอกเหี่ยวแห้ง และสีซีด หลังจากตัดใบไม้ที่เป็นโรคหรือเน่าเปื่อยออกแล้ว ให้ฉีดยาฆ่าเชื้อราที่เป็นสารเคมีหรือสมุนไพรที่ต้นกุหลาบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิม [23] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ความชื้นตกค้างคือตัวเชื้อเชิญแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นอันตราย ซึ่งคุณสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการปลูกต้นกุหลาบไว้ในที่ๆ ได้รับแสงแดดโดยตรงที่จะช่วยให้ต้นกุหลาบแห้งสนิทก่อนถึงเวลารดน้ำครั้งต่อไป
- โรคที่พบบ่อยที่มีผลต่อดอกกุหลาบได้แก่ โรคใบไหม้ โรคราสนิม และโรคใบจุดสีดำ โรคเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับอาการที่มองเห็นได้ เช่น ตุ่มหรือจุดดำ หรือการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราใต้ใบ [24] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Missouri Botanical Garden ไปที่แหล่งข้อมูล
-
เล็มต้นกุหลาบในช่วงที่ต้นหยุดออกดอก. ช่วงเวลาที่เหมาะจะเล็มพุ่มกุหลาบให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากที่สุดก็คือช่วงปลายฤดูหนาวก่อนที่ต้นกุหลาบจะเริ่มออกดอกใหม่ เล็มไม้ที่ตายแล้วหรือก้านแก่ๆ ลงไปจนถึงไส้ในของไม้ที่เป็นสีขาวอมเขียว และอย่าลังเลที่จะตัดออกมากกว่าที่คุณคิดว่าควรตัด เพราะโดยทั่วไปแล้วคุณสามารถตัดต้นกุหลาบออก 1 ใน 3 หรือตัดให้เหลือแค่ครึ่งหนึ่งของขนาดเดิมก็ยังได้ [25] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การตัดแต่งกิ่งคือการกำจัดต้นไม้ส่วนที่ตายแล้วเพื่อให้ส่วนที่งอกใหม่เจริญเติบโตได้เช่นเดียวกับการตัดดอกที่เฉาแล้วทิ้งไป
- นอกจากนี้การตัดแต่งกิ่งที่มีแบบแผนยังทำให้คุณได้โอกาสปรับแต่งรูปทรงและลักษณะของพุ่มกุหลาบด้วย [26] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าคุณดูแลเอาใจใส่ดอกกุหลาบเป็นอย่างดี ดอกกุหลาบที่ตัดจากต้นอาจอยู่ได้ถึง 2 สัปดาห์ และพุ่มกุหลาบก็จะยังคงสภาพเดิมและใหญ่ขึ้นได้ในทุกฤดูกาล
- ถ้าทำได้อย่าปลูกต้นกุหลาบตรงดินที่เคยปลูกต้นกุหลาบมาก่อน เพราะการกลับไปปลูกในจุดเดิมจะทำให้ต้นไม้ใหม่เจริญเติบโตช้า และโรคที่พบได้บ่อยก็อาจจะระบาดทางดินได้
- ถ้าคุณปลูกกุหลาบหลายต้น ควรให้แต่ละพุ่มห่างกัน 30 นิ้วเพื่อไม่ให้ศัตรูพืชหรือโรคพืชแพร่จากต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง
- ควรย้ายหรือคลุมดอกกุหลาบ (ด้วยผ้าบางๆ) เพื่อป้องกันดอกกุหลาบจากความหนาวที่มากับแอร์เย็นจัด
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
ดอกกุหลาบที่ตัดจากต้น
- แจกันสะอาด
- น้ำสะอาด
- กรรไกรตัดกิ่งหรือใบมีดคมๆ
- น้ำตาล
ดอกกุหลาบในสวน
- ดินที่ระบายน้ำได้ดี
- วัสดุเสริมอินทรีย์
- หญ้าแห้ง
- น้ำ
- กรรไกรตัดกิ่งและอุปกรณ์เล็มกิ่งอื่นๆ
- ยาฆ่าเชื้อราที่เป็นสารเคมีหรือสมุนไพร
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://scvrs.homestead.com/preserveroses.html
- ↑ https://www.prestigeflowers.co.uk/flower_press/flowers-vase-fresher-longer-37107/
- ↑ http://survival-mastery.com/skills/water-purifying/water-purification-tablets.html
- ↑ https://www.realsimple.com/home-organizing/gardening/gardening-flowers/keep-cut-flowers-fresh
- ↑ http://web.extension.illinois.edu/cfiv/homeowners/980207.html
- ↑ http://scvrs.homestead.com/preserveroses.html
- ↑ https://extension.illinois.edu/hortihints/0302a.html
- ↑ http://scvrs.homestead.com/preserveroses.html
- ↑ http://www.rose.org/water-your-key-to-success/
- ↑ https://www.rodalesorganiclife.com/garden/keep-cut-flowers-alive-longer/slide/4
- ↑ http://web.extension.illinois.edu/cfiv/homeowners/980207.html
- ↑ https://www.rodalesorganiclife.com/garden/keep-cut-flowers-alive-longer/slide/1
- ↑ http://www.finegardening.com/article/tips-for-cutting-garden-roses-to-bring-them-in-the-house
- ↑ https://www.almanac.com/plant/roses
- ↑ https://www.almanac.com/plant/roses
- ↑ https://extension.illinois.edu/roses/site.cfm
- ↑ https://www.heirloomroses.com/info/care/how-to/protect-roses-with-mulch-3/
- ↑ https://grilloservices.com/grillo-blog/diy-tips-on-how-to-mulch-your-garden-landscape-beds-like-a-pro/
- ↑ https://scvrs.homestead.com/WaterRightAmount.html
- ↑ https://www.almanac.com/plant/roses
- ↑ https://www.bhg.com/gardening/how-to-garden/how-to-deadhead-roses/
- ↑ https://www.almanac.com/plant/roses
- ↑ https://www.todayshomeowner.com/how-to-control-black-spot-fungus-disease-on-roses/
- ↑ http://www.missouribotanicalgarden.org/Portals/0/Gardening/Gardening%20Help/Visual%20Guides/Rose%20Problems.pdf
- ↑ https://www.bhg.com/gardening/flowers/roses/tips-for-pruning-roses/
- ↑ http://www.abc.net.au/gardening/factsheets/how-to-prune-roses/9434872
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,017 ครั้ง
โฆษณา