ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แม้ว่าจะระวังตัวเป็นอย่างดีแล้ว แต่ในบางครั้งเราอาจถูกแมลงต่อยหรือกัดได้ และเมื่อถูกแมลงกัดต่อยก็จะทำให้เกิดความเจ็บปวดและความรำคาญ การเรียนรู้วิธีการรักษาแผลที่ถูกแมลงกัดต่อยสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและเร่งกระบวนการรักษาได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

รักษาแผลที่ถูกแมลงกัดต่อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนเริ่มทำการรักษาแผลที่ถูกแมลงกัดต่อย ให้ไปยังที่ที่ปลอดภัยและห่างจากจุดที่คุณถูกต่อย และตรวจดูบริเวณและจำนวนครั้งที่โดนต่อย [1]
    • ออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วและเงียบๆ
  2. ใช้เล็บมือหรือบัตรเครดิตค่อยๆ ขูดเอาเหล็กในออกมา หลีกเลี่ยงการใช้แหนบดึงเหล็กในออก เนื่องจากอาจทำให้พิษหลั่งออกมามากขึ้น [2]
    • เนื่องจากเหล็กในมักมีลักษณะเป็นเงี่ยง จึงทำให้ติดอยู่ในผิวหนังได้
    • ตัวต่อจะไม่ปล่อยเหล็กในออกมา
  3. ล้างแผลเบาๆ ด้วยสบู่และน้ำเปล่า เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ [3]
    • ทำความสะอาดแผลอย่างเบาๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการแย่ลง
  4. ทายาต้านฮิสตามีนชนิดครีมบนบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ การประคบเย็นหรือวางน้ำแข็งไว้ด้านบนก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ดีเช่นเดียวกัน [4]
    • หลีกเลี่ยงการเกาแม้ว่าจะรู้สึกคัน เพราะการเกาจะทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น
    • ทายาไฮโดรคอร์ติโซนชนิดครีมหรือขี้ผึ้งวันละ 2 ครั้งติดต่อกัน 2-3 วัน หากผิวหนังบริเวณนั้นมีอาการคันหรือบวม ให้ทานยาต้านฮิสตามีน เช่น Benadryl หรือ Zyrtec และไม่ควรใช้ยาต้านฮิสตามีนทั้งแบบรับประทานและแบบทาร่วมกัน
    • หากมีอาการเจ็บปวด ให้ลองทานยาแก้ปวด เช่น ไอบูโพรเฟน แอสไพรีน หรืออะเซตามีโนเฟน
    • จุ่มผิวหนังบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บในน้ำเย็น โดยเติมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำเปล่า 1 ควอท [5]
  5. คุณอาจมีอาการบวม คัน หรือเจ็บปวด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นเมื่อถูกแมลงกัดต่อย ควรสังเกตดูหากมีปฏิกิริยาข้างเคียงที่รุนแรงใดๆ ซึ่งจะมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น หายใจลำบาก คลื่นไส้ ลมพิษ หรือกลืนลำบาก [6]
    • ปฏิกิริยาข้างเคียงปกติอาจทำให้เกิดความรำคาญอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
    • หากมีปฏิกิริยาข้างเคียงที่รุนแรง ให้รีบเข้ารับการรักษาอย่างรีบด่วน
  6. สังเกตดูว่ามีสัญญาณเตือนของอาการที่แย่ลงหรือไม่ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยทันทีหากสังเกตเห็นอาการใดๆ ที่แย่ลงหรือเริ่มรู้สึกว่าผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการติดเชื้อ [7]
    • สัญญาณเตือนของการติดเชื้อ ได้แก่ มีรอยแดง การบวม หรืออาการเจ็บปวดเพิ่มขึ้น มีแผลพุพองหรือน้ำเหลืองบนบริเวณที่เกิดแผล หรือมีรอยแดงกระจายไปทั่วหรือเป็นริ้วๆ จากบาดแผล
    • ควรดูแลแผลแมลงกัดต่อยที่เกิดขึ้นบริเวณคอหรือปากเป็นพิเศษ เพราะการเกิดการบวมในบริเวณนี้อาจทำให้หายใจไม่ออกได้ ให้รีบพบแพทย์โดยทันทีหากมีอาการหายใจไม่ออก
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ควบคุมปฏิกิริยาภูมิแพ้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไปพบแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้. ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาภูมิแพ้จากแผลที่ถูกแมลงกัดต่อย การรับรู้เกี่ยวกับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกแมลงกัดต่อยจะช่วยให้คุณสามารถดูแลและจัดการกับแผลแมลงกัดต่อยที่อาจเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต [8]
  2. ใช้อีพิเนฟฟินแบบปากกา (Epinephrine Pen) หากคุณมีปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่รุนแรง. การใช้อีพิเนฟฟินโดยทันทีจะช่วยระงับอาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับคำแนะนำในการใช้ที่ถูกต้องก่อนเริ่มใช้อีพิเนฟฟิน [9]
    • มีเพียงแพทย์เท่านั้นที่สามารถสั่งจ่ายอีพิเนฟฟินได้
    • ปรึกษาแพทย์ว่าเมื่อใดที่คุณควรใช้อีพิเนฟฟิน
    • ผู้ที่มักมีอาการภูมิแพ้ที่รุนแรงควรพกอีพิเนฟฟินติดตัวไว้เสมอเมื่อออกไปข้างนอก
    • หากคุณเริ่มรู้สึกมีอาการต่อไปนี้ ได้แก่ รู้สึกแน่นบริเวณหน้าอก มีอาการบวมที่ริมฝีปาก เปลือกตา หรือลำคอ หายใจหอบ ลมพิษ อาเจียน เวียนศีรษะหรือหน้ามืด มีอาการสับสน หัวใจเต้นเร็ว หรือหายใจยาก ให้ใช้อีพิเนฟฟินโดยเร็วที่สุด และเข้ารับการรักษาแบบฉุกเฉินโดยทันที [10]
  3. ทานยาต้านฮิสตามีนเมื่อมีปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่ไม่รุนแรง. ทานยาต้านฮิสตามีนเพื่อลดปฏิกิริยาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากแผลแมลงกัดต่อย เช่น การบวม การคัน หรือรอยแดง [11]
    • ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  4. ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับผู้ที่มีปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างรุนแรง. หากคุณพบเจอผู้ที่มีปฏิกิริยาข้างเคียงอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นจากแผลแมลงกัดต่อย ให้ทำการปฐมพยาบาลโดยเร็วที่สุด โดยการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ [12]
    • หากจำเป็นต้องใช้อีพิเนฟฟิน ให้ถามผู้ป่วยว่าพกอีพิเนฟฟินติดตัวหรือไม่ รวมถึงถามวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง
    • คลายเสื้อผ้าออกให้หลวมขึ้น
    • พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนหรือเลือดออกจากช่องปาก
    • พยายามอย่าขยับตรงบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บและให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหัวใจ เพื่อลดการกระจายของพิษ [13]
    • โทรเรียกรถพยาบาลและเริ่มทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) หากผู้ป่วยหยุดหายใจหรือไม่มีการตอบสนอง ซึ่งผู้ที่ทำการช่วยฟื้นคืนชีพจะต้องได้รับการฝึกฝนมาแล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแมลงกัดต่อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดแขนและขาเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกแมลงกัดต่อย และถึงแม้คุณยังคงโดนกัด เสื้อผ้าก็จะช่วยเพิ่มการป้องกันให้คุณได้มากขึ้น [14] [15]
  2. หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสและฉีดน้ำหอมจนฉุน. เสื้อผ้าสีสดใสหรือกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนจะดึงดูดแมลงให้เข้ามามากขึ้น ดังนั้น จึงควรสวมเสื้อผ้าสีกลาง และอย่าฉีดน้ำหอมเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง [16]
    • ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงไม่สามารถช่วยป้องกันจากการถูกแมลงกัดต่อยได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงแนะนำให้ทาผลิตภัณฑ์ไล่ยุงหากคุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกแมลงกัดต่อย
  3. เมื่ออยู่ในที่กลางแจ้ง ให้คอยสังเกตรังของแมลงต่างๆ โดยมักพบตามต้นไม้หรือบนพื้นดิน และควรสังเกตดูตามบริเวณพื้นดินที่มีแมลงรวมเป็นฝูงหรือบินรอบๆ [17]
    • ให้หลีกเลี่ยงบริเวณนั้นหากรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย
    • อย่าก่อกวนรังของแมลง
    • โทรเรียกผู้เชี่ยวชาญให้มากำจัดแตน ตัวต่อ หรือแมลงที่กัดต่อยอื่นๆ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

โฆษณา

คำเตือน

  • หากมีปฏิกิริยาข้างเคียงที่ผิดปกติใดๆ (นอกจากอาการคันเป็นครั้งคราว การบวมเล็กน้อยตรงบริเวณที่ถูกต่อย หรืออาการเจ็บปวด) ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยทันที
  • เรียกรถพยาบาลและใช้อีพิเนฟฟิน หากคุณเคยมีประวัติการเกิดปฏิกิริยาข้างเคียงอย่างรุนแรงใดๆ เช่น หายใจลำบาก มีอาการบวมที่ริมฝีปาก เปลือกตา หรือลำคอ เวียนศีรษะ หน้ามืดหรือมีอาการสับสน หัวใจเต้นเร็ว ลมพิษ คลื่นไส้ เป็นตะคริว หรืออาเจียน หรือหากเด็กถูกแมงป่องกัด [19]
  • เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีไม่ควรรับประทานแอสไพริน [20]
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • น้ำแข็งหรือน้ำเย็น
  • สารโซเดียมไบคาร์บอเนต
  • ยาต้านฮิสตามีน
  • ไอบูโพรเฟน แอสไพริน หรืออะซิตะมิโรเฟน

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,915 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา