ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กระเป๋าสตางค์หายนั้นเป็นเรื่องชวนหงุดหงิด ทั้งยังน่าอาย แถมถ้าเกิดมันไปตกอยู่ในมือคนที่คิดไม่ดี อาจส่งผลเสียทั้งเงินและชื่อเสียงของคุณ หากคุณไม่สามารถตามหากระเป๋าสตางค์ที่หายไปได้ทันท่วงทีแม้ใช้กลยุทธการค้นหาที่ดีแล้ว จงรีบดำเนินการเพื่อความปลอดภัยทั้งข้อมูลประจำตัวและเครดิตการเงินจะช่วยคุณได้เยอะ ลองหาคำแนะนำตามบทความนี้เพื่อช่วยให้สิ่งที่ทำหายไปกลับมาอยู่ในการควบคุมของคุณได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

รับมือเรื่องกระเป๋าสตางค์ที่หาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ค้นหาตลอด 24 ชั่วโมงก่อนโทรไปยกเลิกบัตรเครดิตหรือร้องขอบัตรใหม่. คุณมีเวลา 48 ชั่วโมงในการรายงานบัตรหายก่อนที่จะต้องรับผิดชอบการใช้จ่ายใดๆ ดังนั้น จงใช้เวลาอย่างชาญฉลาด ถ้าคุณ “รู้” ว่าบัตรถูกขโมยไป ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปในทันที
    • ค้นดูตามเสื้อผ้า กระเป๋าถือ และกระเป๋าย่อยต่างๆ
    • โทรศัพท์ไปถามสถานที่ล่าสุดที่แวะไป เช่น ร้านอาหารหรือบาร์
    • ค้นบ้านอย่างเป็นระบบ วนเป็นวงกลมจากผนังห้องเข้ามากลางห้อง
  2. เข้าเว็บแล้วเช็คดูว่ามีการทำธุรกรรมทุจริตหรือเปล่า. ตรวจบัญชีธนาคารกับบัตรเครดิตทางอินเทอร์เน็ตว่ามีการไปรูดซื้อสินค้าอะไรนับแต่บัตรหายหรือไม่ ถ้ามี แสดงว่าบัตรถูกขโมยไปแน่นอน
  3. โทรศัพท์หาธนาคารและให้ทางนั้นทราบว่าบัตรหายไปแล้ว รายงานการใช้ธุรกรรมทุจริตทันที บันทึกวันเวลาของการทำรายการทุกรายการเผื่อในกรณีมีข้อโต้แย้ง [1]
  4. โทรหาธนาคารหรือสถาบันผู้ออกบัตรเพื่อขอบัตรใหม่ ถ้าคุณมีบัตรเสริม ให้ตัดมันทิ้งไป คุณอาจต้องจัดเตรียมข้อมูลทางบัญชีธนาคารเพื่อยืนยันว่าบัตรหายจริง
    • ธ. กรุงเทพ : 1333, 02-645-5555
    • ธ. กสิกรไทย : 02-888-8888
    • ธ. ไทยพาณิชย์ : 02-777-7777
    • อเมริกัน เอ็กซ์เพรส : 02-273-5544 [2]
  5. โทรแจ้งบริษัทเครดิตบูโรและขอให้มีการแจ้งเตือนการใช้บัตรบนไลน์เครดิตของคุณ. มันจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงคะแนนเครดิตของคุณ หมายเลขมีดังนี้ (เฉพาะในสหรัฐอเมริกา):
    • Equifax : 1-800-685-1111
    • TransUnion : 1-800-888-4213
    • Experian : 1-888-397-3742 [3]
  6. โทรหาหรือเช็คออนไลน์กับทางกรมการขนส่งทางบกว่าถ้าใบขับขี่หายต้องทำอย่างไร ต้องใช้เอกสารใดประกอบบ้าง และมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ [4]
  7. โทรหาบริษัทประกันชีวิตและขอหมายเลขบัญชีใหม่. คุณควรทำไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันภัยรถยนต์เพื่อหลีกเลี่ยงการสวมรอยที่สามารถเป็นไปได้ [5]
  8. เข้าแจ้งความรายงานข้าวของมีค่าที่สูญหายกับทางตำรวจ. พวกเขาจะแจ้งให้คุณทราบถ้าเกิดมีของหลุดออกมา การมีใบแจ้งความยังทำให้ติดต่อกับธนาคารหรือบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้นหากเกิดมีอะไรผิดพลาดหรือมีใครมาสวมรอยเป็นคุณ
    • คุณควรแจ้งความไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็มีหลักฐานแสดงโต้แย้งกับทางธนาคารได้ [6]
  9. ถ่ายเอกสารบัตรทั้งหมดเพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต. มันจะบรรเทาความรุนแรงของการทำกระเป๋าหายให้ง่ายขึ้นเยอะเลยเพียงคุณมีสำเนาของเอกสารทุกชิ้นกับบัตรทุกใบ [7]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ตามหากระเป๋า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณเคยโมโหเพราะหารีโมทหรือกล่องขนมไม่เจอหรือเปล่า แล้วก็บันดาลโทสะขึ้นไปอีกเพราะดูเหมือนไม่มีใครในบ้านจะวางของให้ถูกต้องตามที่ควรวางเลย แต่ในที่สุดก็ต้องสงบอารมณ์ลงไปและนึกได้ว่าจริงๆ แล้วรีโมทหรือกล่องขนมมันก็อยู่ในที่ที่มันควรอยู่นั่นแหละ เพียงแต่คุณดันมองไม่เห็นมันเอง?
    • ยามที่เราลนลานเวลาทำอะไรหายสักอย่าง โดยเฉพาะถ้าเป็นของสำคัญอย่างกระเป๋าสตางค์ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เราจะสติแตกและแทบมองข้ามร่องรอยที่เห็นได้ชัด หรือกระทั่งของที่วางอยู่ตรงหน้าเราเองด้วยซ้ำ [8]
    • หายใจเข้าลึกๆ สักหลายๆ หน แล้วพยายามทำใจให้โล่ง อย่ามัวแต่คิดกังวลกับปัญหาต่างๆ ที่ต้องเจอถ้ามันหายไปจริงๆ ให้คิดเน้นแต่กระเป๋า มันควรอยู่ที่ไหน และมันน่าจะอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วลงมือค้นหา
  2. การหาครั้งแรกอาจทำตอนสติแตกเลยไร้ประโยชน์ ตอนนี้ที่พอจะสงบขึ้นได้บ้าง ให้เลือกจุดที่กระเป๋าควรอยู่ ในกระเป๋ากางเกงที่พาดอยู่บนเก้าอี้หรือเปล่า หรือบนโต๊ะข้างเตียง โต๊ะทำงาน แล้วลงมือหาให้ละเอียด [9]
    • ค้นบริเวณใกล้เคียงจุดนั้นด้วย พื้นรอบๆ โต๊ะข้างเตียง ลิ้นชักโต๊ะข้างๆ หรือกระเป๋ากางเกงช่องอื่นๆ เป็นต้น
  3. คิดถึงที่สุดท้ายที่คุณจำได้ว่ายังมีกระเป๋าติดตัว เช่น ตอนจ่ายเงินซื้อกาแฟ หรือหยิบขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียง เป็นต้น และตามรอยย้อนกลับไปจนถึงจุดที่นึกออกนั้น
    • หาตามเสื้อผ้าทุกตัวที่สวมใส่ในช่วงเวลานั้น และตรวจกระเป๋าเสื้อกางเกงให้ถี่ถ้วน ให้แน่ใจว่าตรวจพวกเสื้อคลุมหรือกระเป๋าถือด้วย
    • การย้อนรอยกลับไปยังจุดเริ่มจำได้อาจช่วยฟื้นความจำให้คุณ ดังนั้น ให้ย้อนตามจริงอย่างละเอียดแม้มันจะดูไม่น่าเป็นที่ซึ่งคุณจะทำกระเป๋าหายเลยก็ตาม
    • คิดดูว่ามีใครสักคนอาจเผลอ (โดยไม่ได้มีเจตนาร้าย) หยิบกระเป๋าสตางค์ของคุณไปหรือเปล่า อาจเป็นเด็กซนสักคน? เพื่อนที่ช่วยถือของให้? ลองติดต่อทุกคนที่มีสิทธิสัมผัสกระเป๋าของคุณ [10]
  4. คุณเพิ่งไปร้านอาหาร โรงละคร ออฟฟิศ หรือกระทั่งบ้านเพื่อนบ้างหรือเปล่า โทรถามว่ามีใครเห็นกระเป๋าบ้างไหม
    • คุณอาจต้องอธิบายลักษณะของกระเป๋า การรู้ชื่อบนบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิตนั้นน่าจะเพียงพอต่อการยืนยันว่ามันเป็นของคุณแล้ว แต่การสามารถให้รายละเอียดรูปคนในครอบครัวหรือบัตรสะสมแต้มร้านไอศกรีมก็ช่วยยืนยันได้ดีเหมือนกัน
    • อย่าทึกทักเอาว่าทางร้านจะโทรกลับมาหาคุณถ้าพวกเขาพบกระเป๋า เขาอาจเก็บมันไว้ตรงส่วนของหายแล้วลืมไปเลย หรือบางที่อาจมีนโยบายไม่โทรด้วยเหตุผลเพื่อความเป็นส่วนตัว คือไม่ต้องการจะโทรไปบ้านลูกค้าถ้าไม่อนุญาต
  5. ขยายขอบเขตการค้นหาออกไปจากสถานที่ซึ่งกระเป๋าสตางค์น่าจะอยู่มากที่สุด เช่น ทั่วห้องนอนทั้งห้อง ทั่วชั้นบนของบ้านทั้งชั้น ทั่วบ้านทั้งหลัง
    • ตรวจดูบริเวณที่มีคนเข้าออกพลุกพล่านภายในบ้าน/ที่ทำงานซึ่งปกติคุณมักไม่วางกระเป๋าตรงนั้นแต่อาจจะเผลอทำก็ได้ เช่น ห้องครัว ห้องรับแขก เป็นต้น [11]
    • ค้นทั่วห้องอย่างมีระบบโดยการใช้วิธีค้นแบบกริด (แบ่งพื้นที่ห้องเป็นส่วนเล็กๆ แล้วค้นไปทีละส่วน) หรือค้นแบบวงก้นหอย (ค้นจากรอบห้องแล้วขยับเข้าไปที่ศูนย์กลางเรื่อยๆ) [12]
    • สำหรับวิธีการค้นหาแปลกๆ กว่านี้ให้ดูที่บทความวิธีหาของหายในวิกิฮาว
  6. สันนิษฐานว่ากระเป๋าถูกขโมยหากหาไม่เจอภายในหนึ่งวัน. ไม่ อย่าเพิ่งโทรก่อนที่จะได้พยายามค้นหากระเป๋าอย่างสุดความสามารถแล้ว เพราะมันคงชวนให้โมโหน่าดูถ้าต้องพบกระบวนการยกเลิกบัตรต่างๆ นานา แล้วมาเจอทีหลังว่ากระเป๋ามันอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ [13] แต่ก็อย่างที่บอก เน้นปลอดภัยไว้ดีกว่าการต้องมาเสียใจถ้าคุณไม่สามารถตามหากระเป๋าได้ทันท่วงที
    • ความรับผิดชอบที่คุณต้องมีสำหรับบัตรเดบิตที่ถูกขโมยไปจะเริ่มขึ้นหลังจากผ่านไป 48 ชั่วโมง และบัตรอื่นๆ อาจมีเส้นตายในการรับแจ้งเหตุระงับเช่นกัน [14] และถึงแม้คุณจะไม่ต้องรับผิดชอบในการใช้ผ่านบัตรเครดิต แต่หยุดการถูกนำบัตรหลอกไปรูดตั้งแต่ต้นนั้นง่ายกว่าต้องมาจัดการแก้ไขทีหลังตั้งเยอะ
    • เริ่มต้นทำการแจ้งเตือนตามที่บอกไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องภายในบทความนี้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ปกป้องอัตลักษณ์กับการเงินของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพราะกฎหมายที่ใช้ควบคุมบัตรเดบิตกับบัตรเครดิตนั้นแตกต่างกัน คุณควรโทรแจ้งเรื่องนี้ก่อนภายใน 48 ชั่วโมงตั้งแต่ทำกระเป๋าหายเพื่อป้องกันการนำไปทำธุรกรรมทุจริต
    • ในสหรัฐนั้น หากคุณได้แจ้งเตือนไปยังธนาคารผู้ออกบัตรภายใน 48 ชั่วโมงแล้ว ความรับผิดชอบสูงสุดของคุณจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท และ 12,500 บาทภายใน 60 วัน หลังจากนั้นความรับผิดชอบจะไม่จำกัดจำนวนหากมีใครใช้บัตรของคุณ [15]
    • เนื่องจากบัตรเดบิตจะผูกกับบัญชีธนาคารของคุณ และบัญชีนั้นอาจเชื่อมต่อกับบัญชีอื่นๆ ด้วย นอกจากร้องขอบัตรเดบิตใบใหม่พร้อมหมายเลขใหม่แล้ว ให้ร้องขอการย้ายไปเปิดบัญชีใหม่ด้วย
    • พึงจดจำพวกค่าใช้จ่ายตัดบัญชีอัตโนมัติที่คุณใช้ผ่านบัตรเดบิตหรือบัญชีที่ผูกกับบัตรนั้น (ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟฟ้า หรือค่าประกันชีวิต เป็นต้น) คุณอาจจำเป็นต้องปรับข้อมูลการชำระเงินให้ตรงกับปัจจุบันขึ้นเมื่อเปลี่ยนหมายเลขบัญชี
    • ใช่ มันดูเป็นภาระ แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้บัญชีมันเหือดแห้งแล้วต้องกระโดดมาแก้ปัญหาทีหลัง
  2. คุณไม่จำเป็นต้องแจ้งยกเลิกบัตร ซึ่งกลายเป็นต้องไปผ่านขั้นตอนสมัครใหม่แต่ต้น แค่แจ้งว่าหาย/ถูกขโมยไป ก็จะได้บัตรใหม่พร้อมหมายเลขใหม่ในบัญชีเดิมได้แล้ว [16]
    • คุณไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขโมยบัตรเครดิตไปทำธุรกรรมทุจริตถ้าคุณติดต่อกับบริษัทผู้ออกบัตรก่อนที่บัตรจะถูกนำไปใช้ มิเช่นนั้นก็จะต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าบัตรถูกขโมยไปใช้จริงซึ่งจะมีขั้นตอนยุ่งยากกว่ามาก [17]
    • บันทึกหมายเลขฝ่ายบริหารงานลูกค้าของบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต (หรือธนาคารผู้ออกบัตร) ไว้ในโทรศัพท์เพื่อจะสามารถติดต่อด่วนได้
    • อย่าลืมพวกบัตรเครดิตที่ออกโดยร้านค้าด้วย [18]
  3. ใช่ละ ถึงการตามหากระเป๋าสตางค์ให้คุณจะไม่ใช่หน้าที่สำคัญแรกๆ ที่ตำรวจจะทำ แต่การเข้าแจ้งความก็เป็นการช่วยปกป้องตนเองไว้ก่อน
    • การแจ้งความจะทำให้มีบันทึกเอกสารอย่างเป็นทางการถึงการสูญหายและการพยายามค้นหาของคุณ มันจะมีค่ามากในเวลาต้องไปพิสูจน์กับทางประกันหรือทางธนาคาร เป็นทางออกของปัญหาธุรกรรมทุจริตต่างๆ ปัญหาการสวมรอยบัตรประจำตัว หรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
    • ให้ข้อมูลที่ตรงตามจริงและละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยตีกรอบด้านเวลากับสถานที่ เก็บใบแจ้งความไว้กับตัว [19]
  4. โทรแจ้งกับทางบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติจำกัดเพื่อปกป้องเครดิตของคุณ. เนื่องจากข้อมูลส่วนนี้จะถูกแชร์กันระหว่างธนาคาร ทางที่ดีจึงควรป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหลาย (ถ้าในสหรัฐ ให้ติดต่อบริษัทเครดิตบูโรใหญ่ทั้งสามแห่ง อันได้แก่ Transunion, Equifax, และ Experian)
    • ธุรกรรมทุจริตใดๆ จะถูกแจ้งในบัญชีของคุณ หมายความว่าความพยายามใดที่จะใช้เครดิตจะต้องถูกให้มีการระบุตัวตน [20]
    • อะไรก็ตามที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายของการตามล้างตามเช็ดความเสียหายต่อคะแนนเครดิตของคุณจากธุรกรรมทุจริตนั้นคุ้มค่ากับเวลาและแรงที่เสียไปแน่นอน
    • มีทางเลือกที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับบริการติดตามเฝ้าดูธุรกรรมทุจริต บางครั้งจะถูกนำเสนอทางบัตรเครดิต ซึ่งจะเตือนคุณทันทีหากมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดธุรกรรมทุจริต
  5. อย่าหวังว่าตำรวจจะเชื่อเรื่องที่ว่าคุณทำกระเป๋าสตางค์หายถ้าคุณถูกเรียกตรวจ [21]
    • ในสหรัฐซึ่งใช้ใบขับขี่แทนบัตรประชาชนนั้น แต่ละรัฐยังมีนโยบายและกระบวนการทำบัตรใหม่แทนบัตรที่ถูกขโมยแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่ต้องไปทำด้วยตนเองพร้อมจ่ายค่าทำใหม่
    • ส่วนบัตรประจำตัวอื่นๆ เช่น บัตรนักศึกษา บัตรพนักงาน ก็จำเป็นต้องทำใหม่เช่นกัน
  6. พยายามจดจำให้ได้มากที่สุด แล้วดูว่าคุณจำเป็นต้องแจ้งหรือทำอะไรใหม่บ้าง
    • อย่าลืมพวกบัตรส่วนลดของร้านค้าหรือกระทั่งบัตรห้องสมุด พวกมันอาจดูด้อยค่าเมื่อเทียบกับบัตรเดบิตและบัตรเครดิต แต่มันอาจเป็นช่องทางสืบเสาะหาข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ ซึ่งคุณคงไม่อยากให้ไปตกอยู่ในมือของใคร
    • พูดง่ายๆ ก็คือ คุณต้องการทำทุกอย่างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเพื่อทำให้ข้อมูลที่อยู่ในกระเป๋าที่สูญหายนั้นไร้ประโยชน์เท่าที่จะทำได้ ทั้งทางด้านการเงินและการปกป้องอัตลักษณ์ของคุณ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าเก็บเงินสดทั้งหมดไว้ในกระเป๋า หาซื้อคลิปหนีบธนบัตรไว้เก็บบางส่วน หรือเก็บไว้ในที่ปลอดภัยภายในบ้าน แล้วพกไปแต่เฉพาะที่คุณคิดว่าจำเป็น ด้วยวิธีนี้คุณจะลดปริมาณจำนวนเงินที่ต้องหายไปถ้าเกิดกระเป๋าสตางค์หล่นหาย
  • ให้แน่ใจว่าได้หมั่นตรวจดูในระหว่างวันว่ากระเป๋ายังอยู่ติดตัว แค่แป๊บเดียวก็ทราบแล้ว แถมยังมีโอกาสหาเจอได้มากถ้าหากมันหาย ให้ทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัย: ทุกครั้งที่จะลุกขึ้นไปไหน หรือในระหว่างเดิน เป็นต้น แตะกระเป๋าหลังกางเกงหรือแง้มดูในกระเป๋าถือก็ทำให้อุ่นใจได้แล้ว
  • หากคุณเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ในกระเป๋าด้านหลังกางเกง ให้แน่ใจว่ากระเป๋ากางเกงนั้นไม่ยืดออก กระเป๋าสตางค์จะยังอยู่ในนั้นถ้าตัวกระเป๋าไม่หนาเกินไปและกระเป๋ากางเกงก็ไม่รัดแน่นเกิน
  • แยกบัตรออกมาเก็บในกระเป๋าเก็บบัตร เวลาที่ทำกระเป๋าสตางค์หายจะได้ยังมีบัตรไว้ใช้ และถ้าทำบัตรหาย ก็ยังมีเงินสดใช้
  • ถ้าคุณเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ข้างหลังกางเกง พยายามใส่กางเกงที่ช่องกระเป๋าด้านหลังเป็นแบบมีกระดุมติด และติดกระดุมนั้นด้วย
  • อย่าเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้หลังกางเกงเวลาไปเที่ยวหรืออยู่ท่ามกลางฝูงชน เว้นแต่จะมีโซ่คล้องเอาไว้ การเพิ่มความปลอดภัยเช่นนี้แทบทำลายโอกาสพวกนักล้วงกระเป๋าไปเลย หรือถ้าจะปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก ก็ให้ใช้กระเป๋าสตางค์แบบคาดเอว
  • จดเบอร์โทรศัพท์กับข้อความสั้นๆ บนเศษกระดาษหรือบัตรและใส่ไว้ในจุดที่มองเห็นได้ง่ายในช่องกระเป๋าสตางค์ ทำให้มันสะดวกต่อคนที่มีใจซื่อสัตย์ได้คืนกระเป๋าแก่คุณ
  • ให้แน่ใจว่าคุณได้จดหมายเลขบัญชีสำคัญๆ ก่อนทำกระเป๋าหาย หรือตรวจใบแจ้งค่าใช้จ่ายสำหรับดูหมายเลขบัญชีกับข้อมูลติดต่อ ในกรณีที่ทำกระเป๋าหาย หมายเลขเหล่านี้จะมีความสำคัญมาก
  • จุดดีๆ ที่ควรตรวจหากระเป๋าก็คือเสื้อผ้าทุกชิ้นที่เพิ่งสวมใส่ (ตามช่องกระเป๋าต่างๆ เป็นอาทิ) และในเครื่องซักผ้า
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าเก็บเลขรหัสลับส่วนตัวหรือพาสเวิร์ดใดๆ ไว้ในกระเป๋า


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 31,367 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา