ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

จินตนาการว่าคุณกำลังสนุกกับการวิ่งอยู่ในสวนสาธารณะ หรือปั่นจักรยานอยู่แถวๆ บ้าน ในตอนที่จู่ๆ ก็มีสุนัขตัวหนึ่งซึ่งคุณไม่คุ้นเคย วิ่งถลันเข้ามา ขู่คำราม และเตรียมพร้อมจะพุ่งเข้าใส่คุณ คุณสมควรจะทำอย่างไร? มีทั้งวิธีที่ถูกและวิธีที่ผิดในอันที่จะรับมือกับการโจมตีของสุนัข จงทำให้ตัวคุณเองปลอดภัยด้วยการที่คุณยังคงสงบ และใช้มาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้าย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ยับยั้งการโจมตี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีความจริงอยู่บางส่วนในคำกล่าวดั้งเดิมที่ว่า พวกสุนัขกับสัตว์อื่นๆ สามารถ “สัมผัสได้ถึงความกลัว” (sense fear) หากคุณเริ่มร้อนใจและวิ่งหนีหรือกรีดร้อง คุณอาจทำให้สุนัขรู้สึกมั่นใจมากขึ้นที่จะโจมตี หรือที่แย่กว่านั้นก็คือ คุณอาจจะมองดูเหมือนเป็นภัยคุกคามต่อสุนัข ซึ่งล้วนไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีสำหรับคุณเลย
  2. เมื่อสุนัขเข้าใกล้ จงยืนนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบโดยวางสองมือไว้ข้างตัวเหมือนกับเป็นต้นไม้ และเบนสายตาของคุณไปทางอื่น [1] ในหลายๆ กรณีนั้น สุนัขจะหมดความสนใจและเดินจากไป หากคุณเมินเฉยกับมัน
    • อย่าแกว่งแขนไปรอบๆ หรือเตะขาไปมา เพราะสุนัขอาจเข้าใจผิดว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวคือภัยคุกคาม
    • อย่าสบตากับสุนัข เพราะอาจทำให้มันพุ่งเข้าใส่คุณได้
    • ยืนเฉียงๆ จากสุนัข และคอยชำเลืองดูให้มันอยู่ในสายตาของคุณ แทนที่จะยืนเผชิญหน้าและสบตากับมัน การทำแบบนี้จะส่งสัญญาณไปถึงสุนัขว่าคุณไม่ใช่ภัยคุกคาม
    • อย่าเสี่ยงให้สุนัขกัดมือและแขนของคุณด้วยการยื่นออกไป จงกำนิ้วเป็นกำปั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกกัด อย่างไรก็ตาม สุนัขอาจเข้าใกล้ตัวคุณมากทีเดียว หรือถึงกับทำจมูกฟุตฟิตสูดดมตัวคุณ โดยที่มันไม่ได้จะกัดคุณจริงๆ
  3. หากคุณวิ่งหนีจะปลุกสัญชาติญาณการล่าเหยื่อของสุนัขในอันที่จะไล่ล่าและจับสัตว์อื่น มันอาจไล่ตามคุณอย่างแข็งขัน ทั้งที่ความตั้งใจในตอนแรกของมันคือแค่หยอกเล่น ยิ่งกว่านั้น คุณจะไม่อาจวิ่งได้เร็วกว่าสุนัขส่วนใหญ่หากคุณวิ่งด้วยขาของคุณเอง ถึงหากคุณถีบจักรยาน สุนัขหลายตัวก็ยังสามารถไล่ตามคุณได้ทัน [2]
  4. หากสุนัขยังคุกคามคุณ จงเสนอบางสิ่งที่มันสามารถเคี้ยวเล่นได้ เช่น เป้สะพายหลัง หรือขวดน้ำ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แขนขาของคุณ การทำเช่นนี้จะเบนความสนใจของสุนัขได้นานพอที่คุณจะมีเวลาหลบหนี
    • คุณอาจต้องการจะพกอาหารอร่อย หรือของเล่นติดตัวไปด้วย หากต้องเดินทางเข้าไปในถิ่นที่รู้กันว่าเป็นถิ่นของเหล่าสุนัขที่เป็นอันตราย หากมีสุนัขที่โกรธเกรี้ยวเข้าประชิด ให้คุณโยนอาหารหรือของเล่นออกไปไกลๆ ตัว สุนัขจะตามอาหารหรือของเล่นไป แทนที่จะตามคุณ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ปกป้องและคุ้มครองตัวคุณเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จงเผชิญหน้ากับสุนัขและออกคำสั่งว่า “ถอยไป”(back away) . หากสุนัขยังคงมีพฤติกรรมก้าวร้าว และการทำเป็นไม่สนใจมัน หรือพยายามทำให้มันสงบใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป จงเผชิญหน้ากับมันและจงสั่งด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามให้มันจากไปเสีย
    • ใช้เสียงที่เข้มแข็ง ทุ้ม และสั่งการอย่างเชื่อมั่น
    • ยังคงหลีกเลี่ยงการสบตากับสุนัขต่อไป
    • สุนัขอาจจะเริ่มท้อใจ หรือรู้สึกว่าถูกข่มขู่และผละจากไป
  2. หากสุนัขเริ่มกัดคุณ คุณต้องปกป้องตัวเอง โดยตีหรือเตะมันที่ลำคอ จมูก และท้ายทอย การทำเช่นนี้จะทำให้สุนัขชะงักงัน ช่วยให้คุณมีเวลาที่จะหนีไป [3]
    • คุณสามารถขึ้นเสียงได้แล้วในตอนนี้. จงตะโกนขอความช่วยเหลือในระหว่างที่กำลังต่อสู้กลับ ซึ่งหวังว่าคนอื่นๆ จะได้ยินและมาช่วยคุณ อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงการกรีดร้องเพราะอาจชี้นำให้สุนัขเพิ่มการจู่โจมให้แรงขึ้นอีก
    • หากคุณมีไม้หรืออาวุธอื่น คุณสามารถ (และสมควร) ใช้ตีสุนัข แต่อย่าตีบนกระหม่อม เพราะสุนัขส่วนใหญ่มีกะโหลกหนามาก รังแต่จะทำให้มันโกรธมากยิ่งขึ้น หากเป็นไปได้ สเปรย์พริกไทยหรือดอกจันทน์เทศใช้งานได้ดีในการป้องกันสุนัขที่เข้าจู่โจม
    • จงต่อสู้ราวกับว่าชีวิตคุณขึ้นอยู่กับมัน เพราะเป็นเช่นนั้นจริงๆ การจู่โจมจากสุนัขอาจถึงตายได้ แน่นอนว่าในขณะที่คุณไม่อยากทำร้ายสุนัขโดยไม่จำเป็น คุณสมควรใช้พละกำลังตามที่จำเป็น หากคุณกำลังถูกมันจู่โจมอย่างหนัก
  3. ใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดของคุณเพื่อให้เกิดผลกระทบกับสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกดด้วยจุดแข็งๆ บนร่างกายของคุณ เช่น เข่า หรือ ข้อศอก สุนัขเป็นนักกัดผู้มุ่งร้าย แต่ไม่สามารถตะลุมบอนกับคุณได้ ดังนั้น จงพยายามอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ และหักกระดูกพวกมันอย่างรวดเร็วพอใช้ จงขึ้นคร่อมบนตัวสุนัขและรวม พลังกดบนบริเวณต่างๆ เช่น ลำคอ หรือซี่โครง ในขณะคอยระวังให้ใบหน้าของคุณอยู่ห่างจากระยะที่สุนัขจะขีดข่วน/กัด
    • หากคุณกำลังมองหาหนทางแก้ปัญหา แบบมีมนุษยธรรมมากขึ้นสักวิธีหนึ่ง และสามารถจัดการได้ จงใช้น้ำหนักบางส่วนของร่างกายคุณกดทับแผ่นหลังของสุนัข และส่งแรงกดออกไปทางข้างหน้า ไปยังท้ายทอย เพื่อไม่ให้สุนัขสามารถขยับตัวได้จนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
  4. หากคุณล้มลงบนพื้นเมื่อถูกสุนัขจู่โจม จะไม่เพียงทำได้ยากมากขึ้น ที่คุณจะต่อสู้เพื่อขับไล่สุนัขที่โกรธเกรี้ยวให้ออกไปให้พ้น ยังจะทำให้พื้นที่ซึ่งสำคัญมากแถวแผ่นอก ศีรษะ และลำคอของคุณ เป็นส่วนที่เปราะบางต่อการถูกโจมตีมากขึ้นด้วย เหล่านี้คือจุดสำคัญที่สุดบนร่างกายของคุณที่ต้องปกป้อง เพราะการถูกสุนัขกัดในจุดเหล่านี้จะสร้างความเสียหายได้มากที่สุด และจะมีโอกาสสูงสุดที่จะทำให้คุณถึงตายได้ด้วย
    • ปกป้องอวัยวะสำคัญๆ ของคุณ [4] ด้วยการพลิกตัวคว่ำหน้า งอเข่าขึ้น และยกมือสองข้าง (ที่กำเป็นกำปั้น) ขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้าง
    • ต่อต้านแรงกระตุ้นให้กรีดร้องหรือกลิ้งตัวหนี เพราะการทำเช่นนี้ อาจจะยิ่งกระตุ้นให้สุนัขได้ใจมากยิ่งขึ้น [5]
  5. เมื่อสุนัขหมดความสนใจในตัวคุณแล้ว ให้ออกจากบริเวณที่เกิดเหตุอย่างช้าๆ ด้วยการถอยหลังออกมา อย่าเคลื่อนไหวแบบปุบปับ [6] การที่คุณจะยังคงสงบและนิ่งสามารถเป็นบททดสอบประสาทของคุณอย่างแท้จริง ภายใต้สถานการณ์ที่แสนจะตึงเครียดนี้ แต่เป็นสิ่งดีที่สุดที่จะทำได้ ตราบใดที่สุนัขยังไม่ได้กำลังกัดคุณอยู่จริงๆ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

รับมือกับผลที่ตามมา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณถูกกัด จงทำให้แน่ใจว่าได้ดูแลบาดแผลทุกแห่งโดยทันที เพราะแม้แต่บาดแผลขนาดเล็กก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ จงจัดการตามกระบวนการของการปฐมพยาบาลพื้นฐาน สำหรับบาดแผลที่เกิดจากการจู่โจมของสุนัข
    • ใช้แรงกดอย่างอ่อนโยนเพื่อหยุดเลือดออกที่มีปริมาณไม่มาก. จงใช้ผ้าสะอาดหรือแผ่นผ้าก๊อซที่ปลอดเชื้อโรค หากเลือดออกอย่างหนัก หรือเลือดไม่หยุดไหลหลังจากกดไว้นานหลายนาที ให้หามืออาชีพทางการแพทย์มาช่วยทำการรักษาที่เหมาะสม
    • ล้างบาดแผลให้สะอาดหมดจด ใช้น้ำอุ่นกับสบู่เพื่อทำความสะอาดแผลอย่างอ่อนโยน
    • ตกแต่งบาดแผล โดยใช้พลาสเตอร์ปิดแผลที่ปลอดเชื้อโรค (สำหรับทุกบาดแผลที่มีขนาดเล็ก) หรือใช้ผ้าพันแปลปลอดเชื้อโรค สำหรับบาดแผลฉีกขาดที่มีขนาดใหญ่กว่า
    • ตรวจดูอย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณใดๆ ของการติดเชื้อ ซึ่งรวมทั้ง การที่แผลเป็นสีแดง อุ่น มีความอ่อนนุ่มมากกว่าเดิม หรือมีน้ำหนองไหลซึมออกมา จงไปพบแพทย์หากเกิดอาการใดอาการหนึ่งเหล่านี้ขึ้น
  2. มีความสำคัญที่จะตัดสินใจว่าสุนัขตัวที่ทำร้ายคุณเป็นโรคพิษสุนัขบ้า? หรือมีประวัติเรื่องความก้าวร้าว? จงแจ้งเจ้าหน้าที่ในทันทีหลังเกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้สุนัขไปทำอันตรายคนอื่นอีก และจะได้จับมันมาทดสอบหาโรคต่างๆ ด้วย
    • หากสุนัขตัวที่จู่โจมคุณเป็นสุนัขจรจัด มันอาจทำร้ายคนอื่นๆ ด้วย การนำมันออกจากบริเวณนั้นคือหนทางดีที่สุดที่จะรับประกันความปลอดภัยของตัวคุณเองกับคนอื่นๆ
    • หากเป็นสุนัขที่มีเจ้าของอยู่ในบริเวณใกล้เคียง คุณจะจัดการกับสถานการณ์หลังเหตุการณ์สงบลงอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับคุณ หากคุณได้รับบาดเจ็บ คุณอาจต้องการการดำเนินคดีทางกฎหมาย มีหลายรัฐในสหรัฐ ที่มีกฎหมายระบุว่าเจ้าของสุนัขต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของสุนัขของตน
  3. หากคุณถูกกัดโดยสุนัขแปลกหน้า สุนัขที่พบในเวลาต่อมาว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า หรือสุนัขที่มีดูเหมือนมีน้ำลายฟูมปาก หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่คุณจะต้องไปพบแพทย์ในทันทีเพื่อรับการรักษา และใช้มาตรการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าซึ่งหากเป็นแล้วอาจถึงตายได้
    • วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าต้องฉีดเป็นชุด หากจำเป็น สมควรเริ่มฉีดในทันทีที่ทำได้หลังจากที่คุณถูกกัด
    • ถือกันว่าประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ "ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า" ดังนั้น การฉีดวัคซีนจึง "ไม่น่าจะจำเป็น" หากคุณถูกสุนัขกัดในยุโรป
    • หากคุณไม่ได้ฉีดวัคซีนโรคบาดทะยักแม้สักหนึ่งเข็มในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คุณอาจต้องฉีดยาป้องกันบาดทะยักเพิ่มเติมด้วย
    • โดยทั่วไปนั้น บาดแผลสำคัญใดๆ ที่เกิดจากการถูกสุนัขทำร้ายสมควรได้รับการตรวจสอบโดยมืออาชีพทางการแพทย์
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ป้องกันไว้ก่อนถูกโจมตี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สุนัขส่วนใหญ่ไม่ก้าวร้าว แต่ค่อนข้างจะอยากรู้อยากเห็น หรือเพียงแค่ปกป้องบริเวณที่ถือว่าเป็นอาณาเขตของมัน ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น จึงมีความสำคัญที่คุณจะสามารถบอกได้ว่า สุนัขเพียงแค่กำลังเล่น หรือกำลังก้าวร้าวอย่างแท้จริง ในขณะที่สุนัขบางสายพันธุ์ถูกระบุเป็นพิเศษว่าดุร้าย สุนัขขนาดกลางและขนาดใหญ่ตัวใดๆ ก็อาจเป็นอันตรายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น จงอย่าเมินเฉยต่อสัญญาณเตือน เพียงเพราะคุณคิดว่าสายพันธุ์นั้นปราศจากอันตราย หรือเป็นมิตร จงมองหาสัญญาณทั่วไปของความก้าวร้าว (และความไม่ก้าวร้าวด้วย): [7]
    • การขู่คำราม เห่า และแยกเขี้ยว คือการแสดงความก้าวร้าวอย่างชัดเจน และคุณสมควรรับมือกับมันในแบบนั้น
    • สุนัขที่กำลังโกรธอาจมีดวงตาที่ขยายใหญ่จนเห็นตาขาวมากกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมันไม่อาจมองเห็นได้อย่างปกติ
    • หากหูแนบลู่หัวไปทางด้านหลัง คือสัญญาณบ่งชี้ความก้าวร้าว ขณะที่โดยทั่วไปนั้น หูที่ตกตามปกติ หรือหูที่ตั้งขึ้นบ่งบอกว่ามันไม่สนใจใยดีคุณ
    • หากสุนัขเข้าหาคุณด้วยร่างกายที่ผ่อนคลาย และกลางลำตัวของมันลาดโค้งลง สุนัขตัวนั้นอาจไม่ได้กำลังจะจู่โจมคุณ
    • สุนัขที่ร่างกายตึงเครียด แข็งทื่อ (หัว บ่า และสะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน) อาจหมายความว่ามันกำลังจะจู่โจม
    • การก้าวเดินช้าๆ อย่างไม่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเป็นสุนัขขี้เล่น และกำลังตรวจสอบคุณ ในขณะที่หากมันวิ่งเข้าหาคุณอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องอาจบ่งบอกถึงอันตราย
  2. ส่วนใหญ่ที่สุนัขจู่โจมเป็นผลมาจากการยับยั้งชั่งใจได้ไม่มากพอ ฝึกมาไม่ดี หรือคุณไปยั่วให้มันโกรธ โชคร้ายที่โลกไม่มีวันที่จะกำจัดพวกเจ้าของสุนัขเลวๆ ได้หมดสิ้น จึงฉลาดกว่าที่คุณจะเตรียมตัวให้พร้อม สามัญสำนึกน่าจะเตือนไม่ให้คุณยั่วสัตว์ไม่ว่าชนิดใดก็ตาม
    • อย่ารบกวนสุนัขที่กำลังกินอาหารหรือดูแลลูก สุนัขจะป้องกันตัวมากเป็นพิเศษในช่วงเวลาเหล่านี้
    • หลีกเลี่ยงการยิ้มให้กับสุนัข คุณอาจคิดว่ากำลังทำหน้าเป็นมิตรด้วยการยิ้มกว้างจนเห็นฟัน แต่สุนัขที่ก้าวร้าวจะมองว่าคุณยิงฟันเพื่อท้าสู้
    • สุนัขที่ถูกล่ามโซ่ หรือใช้เชือกผูกไว้กับวัตถุที่อยู่นิ่งๆ เป็นเวลานานๆ มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะก้าวร้าว ดังนั้น จงอย่าเข้าไปหาในระยะเอื้อมถึง
  3. จงตั้งสมมุติฐานว่าสุนัขแปลกหน้าทุกตัวเป็นภัยคุกคาม. โดยทั่วไปนั้น นโยบายดีที่สุดเกี่ยวกับการจู่โจมโดยสุนัขคือ จงทำทุกสิ่งที่คุณทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงพวกมันตั้งแต่เริ่มแรก หากเห็นสุนัขที่อาจเป็นอันตราย จงอยู่ห่างๆ
    • รายงานต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีสุนัขตัวใดๆ ที่ดูน่าจะอันตราย หรืออาจจะเป็นสุนัขจรจัดในแถวบ้านของคุณ
    • สอนลูกๆ ของคุณไม่ให้เข้าใกล้สุนัขที่ไม่คุ้นเคย จนกว่าจะแน่ใจว่าพวกมันปลอดภัย
    • การที่คุณรักษาระยะห่างจากสุนัขแปลกหน้าทุกตัว จนกว่าจะพบหลักฐานว่าพวกมันปลอดภัย ช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงส่วนใหญ่ของการเผชิญหน้ากับสุนัขที่เป็นอันตราย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากคุณอยู่กับเด็กเล็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องเดินผ่านสุนัขตัวโต คุณอาจคิดว่าจำเป็นที่จะอุ้มเด็กไว้ ในขณะที่ก้มตัวลงไปอุ้มเด็กนั้น จงขยับตัวอย่างช้าๆ อย่าจ้องตาสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่คุณกำลังย่อตัว จงบอกเด็กน้อยให้อยู่นิ่งๆ เงียบๆ และให้มองมาที่คุณ
  • สอนเด็กๆ ด้วยเทคนิคที่ช่วยให้จดจำได้ง่ายว่า “ห้ามวิ่งหนีสุนัข จงยืนเป็นต้นไม้หรือท่อนซุง” ในกรณีที่เด็กๆ อาจเผชิญหน้ากับสุนัขก้าวร้าวสักตัวหนึ่ง
  • หากกำลังถีบจักรยาน จงลงจากจักรยาน และใช้จักรยานกั้นขวางระหว่างตัวคุณกับสุนัข การทำเช่นนี้จะช่วยสร้างกำแพงปกป้องตัวคุณ หากสุนัขจู่โจมคุณ (ไม่ใช่เพียงแค่เห่า) ให้ใช้จักรยานเป็นอาวุธโจมตีสุนัข โดยจับตรงด้ามจับ (แฮนด์จักรยาน) กับตรงเบาะนั่ง เพื่อเหวี่ยงล้อจักรยานกระแทกสุนัข อย่าทำจักรยานหลุดมือ เพราะหากเป็นเช่นนั้น คุณจะสูญเสียอุปกรณ์ป้องกันตัวเองอันมีค่า
  • หากสงสัยอยู่แล้วว่าอาจจะต้องเผชิญกับสุนัขที่มุ่งร้าย จงพกสเปรย์พริกไทย แตรลม หรือกระป๋องเครื่องอัดอากาศ ( a can of compressed air) เพื่อทำให้สุนัขตกใจจนเลิกจู่โจมคุณ จงเล็งที่ใบหน้าของมัน แต่หากเล็งพลาด ก็อาจจะเพียงพอหากคุณฉีดสเปรย์ใกล้กับใบหน้าหรือบนตัวสุนัข เพราะจมูกสุนัขไวมาก ในกรณีเช่นนี้ ให้ฉีดสเปรย์ซ้ำแล้วซ้ำอีกหากจำเป็น จนกว่าสุนัขจะหยุดจู่โจม
  • สุนัขสัมผัสได้ถึงความกลัวของคุณ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ป้องกันตัวของคุณเช่นกัน นอกเสียจากว่าสุนัขจะก้าวร้าวจริงๆ (เป็นโรคพิษสุนัขบ้า มีประวัติเคยถูกกระทำทารุณ หรือคับข้องใจ ฯลฯ)
  • ห้ามหันหลังให้กับสุนัข จงคอยดูให้สุนัขอยู่ในสายตาเสมอ แต่อย่าสบตากับมันตรงๆ อย่าพยายามดูเหมือนว่าคุณกำลังเป็นภัยคุกคามยิ่งกว่ามัน หรือเคลื่อนไหวปุบปับใดๆ จงเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ และแน่วแน่ อย่าเข้าใกล้สุนัข หรือหันหลังให้มันจนกว่าสุนัขตัวนั้นจะหยุดแสดงท่าทีก้าวร้าวแล้ว
  • หากสุนัขเห่าหอนใส่คุณ จงเดินต่อไปอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง เพื่อออกไปให้พ้นจากบริเวณดังกล่าว และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จงหลีกเสี่ยงการสบตากับสุนัข
  • หากสุนัขกำลังวิ่งเข้าหาคุณ ไว้ว่าคุณจะกำลังทำอะไรอยู่ อย่าวิ่งหนี มันอาจไม่ได้บ้า แต่เพียงแค่เล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับคุณ หรือพยายามจะรู้จักคุณ หากคุณพยายามวิ่งหนี อาจทำให้มันไม่พอใจ เพียงแค่เพราะสุนัขมองดูดุร้าย หรือส่งเสียงเหมือนกับว่าดุร้าย ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำร้ายคุณ สุนัขก็ต้องการความรักเช่นกัน!
  • หากหูทั้งคู่ของสุนัขลู่ไปด้านหลังแนบหัว บ่งบอกว่ามันกลัว แต่หากหูตั้งและชี้มาทางคุณ มีความน่าจะเป็นมากกว่า ว่ามันแสดงถึงความเหนือกว่า หรือก้าวร้าว
  • หากคุณถูกกัด จงอย่าเสี่ยง รีบไปโรงพยาบาล แผลที่ถูกสุนัขกัดสามารถแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้า และ/หรือโรคติดเชื้อได้
โฆษณา

คำเตือน

  • บรรดาเจ้าของของสุนัขที่ก้าวร้าวอาจเลวร้ายได้ยิ่งกว่าสุนัข หากคุณจำเป็นต้องทำให้สุนัขที่จู่โจมคุณบาดเจ็บ หรือฆ่ามัน จงรีบออกมาจากบริเวณนั้น และแจ้งตำรวจโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้
  • สุนัขทุกตัวแตกต่างกัน บางครั้งสุนัขจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ในรูปแบบที่คุณไม่อาจคาดเดาได้ถูกต้อง เคล็ดลับต่างๆจะช่วยให้คุณหลบหลีกจากอันตรายในสถานการณ์ส่วนใหญ่ แต่คุณอาจจะต้องปรับตัวรับมือกับการโจมตีอย่างกะทันหัน ดังนั้น จงตื่นตัวอยู่เสมอ
  • จงระมัดระวังเวลาใช้สเปรย์พริกไทย หรือดอกจันทน์เทศ (mace) มีโอกาสน้อยที่จะพ่นถูกใบหน้าของสุนัขก่อนที่มันจะสามารถโจมตีคุณได้ และหากคุณอยู่ใต้ลม คราบละอองสเปรย์ที่ฉีดอาจส่งผลกระทบต่อคุณ และถึงหากคุณฉีดสเปรย์ถูกใบหน้าของมัน ก็อาจเพียงแค่ทำให้มันโกรธได้เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากว่ามันเป็นสุนัขดุร้าย
  • หากสุนัขดูเหมือนป่วย หรือหากมันล้มป่วยภายใน 10 วันหลังเกิดเหตุ สมควรตรวจสอบในทันทีว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่ หากผลตรวจเป็นบวก คุณจะต้องฉีดยาหลายเข็ม
  • จงจำไว้ว่าสุนัขบางสายพันธุ์ “กระดิกหางช้า” (ตัวอย่างเช่น สุนัขสายพันธุ์อาคิตะ ซึ่งเป็นมิตรมากๆ จะเริ่มกระดิกหางเมื่ออยู่ห่างเรา 6 ฟุต (2 เมตร) ดังนั้น จงอย่าทึกทักเอาเองว่าสุนัขที่กำลังเข้ามาใกล้กำลังจะจู่โจมคุณ เพียงเพราะมันไม่ได้กระดิกหาง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 13,054 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา