ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
อาการปวดฟันเกิดจากสองสาเหตุหลัก หนึ่งคือการเกิดโพรงขึ้นที่ฟันและขยายออกไปเรื่อยๆ จนถึงปลายเส้นประสาทก่อนที่ฟันจะตาย อีกสาเหตุได้แก่การติดเชื้อในรากฟัน (ฝีที่ปลายรากฟัน) โดยคุณสามารถบรรเทาและขจัดอาการปวดฟันได้แต่มีเพียง ทันตแพทย์เท่านั้นที่จะช่วยรักษาต้นตอของอาการเจ็บฟันของคุณได้
ขั้นตอน
-
กลั้วปากของคุณด้วยน้ำอุ่น. ถือเป็นหนึ่งในวิธีแรกๆ ที่คุณต้องทำเพื่อให้แน่ใจว่าปากของคุณสะอาดและไม่มีเศษอาหารไปทำให้จุดที่คุณปวดระคายเคือง การใช้น้ำเย็นหรือร้อนเกินไปจะทำอันตรายต่อปากของคุณได้ ดังนั้นการใช้น้ำอุ่นจึงเหมาะสมกว่า [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใช้ไหมขัดฟันขัดบริเวณซอกฟันของคุณเบาๆ เพื่อกำจัดเศษอาหารและแบคทีเรียที่ติดอยู่ในฟันออก หลีกเลี่ยงการขัดที่มากเกินไปในบริเวณที่ปวดเพราะอาจทำให้คุณเจ็บและมีเลือดออก
-
ใช้ยาแก้ปวดที่จำหน่ายตามร้านทั่วไป. บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาคือการใช้ยาแก้ปวดจนกว่าคุณจะได้ไปพบกับทันตแพทย์ โดยยาแก้ปวดส่วนใหญ่จะช่วยลดอาการปวดฟันของคุณเป็นอย่างดี แต่หากคุณยังปวดฟันอย่างมากเนื่องจากตัวยาไม่ได้ผล คุณก็ควรไปพบทันตแพทย์- ยาแอสไพรินเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยบรรเทาปัญหาบริเวณเหงือกของผู้ใหญ่
- อะเซตามิโนเฟน (ไม่ใช่แอสไพริน) เป็นยาที่เหมาะกับเด็กและวัยรุ่น
-
ใช้การประคบเย็นบริเวณปากหรือแก้มด้านนอก. วิธีนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันโดยการทำให้ชา ใช้การประคบเย็นร่วมกับยาแก้ปวดจนกว่าฤทธิ์ของยาแก้ปวดจะบรรเทาอาการได้
-
กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ. น้ำเกลือช่วยฆ่าแบคทีเรียและบรรเทาอาการปวดฟันให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้ออีกด้วย ผสมเกลือ 1 ช้อนชา (5กรัม) กับน้ำอุ่นในแก้วขนาดกลาง 240 มิลลิลิตร [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กลั้วไปรอบๆ ปากและบ้วนออกมา ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้กลืนมันลงไป
-
เช็ดบริเวณที่ปวดด้วยน้ำมันกระเทียมและน้ำมันมะกอก. แช่สำลีในส่วนผสมของน้ำมันกระเทียมและน้ำมันมะกอกไม่กี่หยดและใช้มันในบริเวณที่ปวด [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ถุงชาอุ่นๆ วางบริเวณที่ปวด. สารแทนนินธรรมชาติที่อยู่ในชาสามารถระงับการปวดได้ วิธีนี้เหมาะกับอาการบวมหรือระคายเคืองบริเวณเหงือกของคุณ ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนใช้ว่าถุงชาของคุณไม่ร้อนจนเกินไปไม่เช่นนั้นคุณจะเจ็บบริเวณที่ใช้มากยิ่งขึ้น
- การใช้ถุงชามากเกินไปอาจทำให้เกิดคราบฟันได้ ควรใช้เท่าที่จำเป็น
-
ใช้น้ำเปอร์ออกไซด์ล้างปาก. วิธีใช้เหมือนกับน้ำเกลือ น้ำเปอร์ออกไซด์ช่วยขจัดสารปนเปื้อนและขัดขวางการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยมันเหมาะสมในการใช้กับฟันที่อักเสบหรือติดเชื้อในช่องปาก โดยคุณสามารถใช้มันได้เป็นระยะๆ ตลอดทั้งวันจนกว่าคุณจะได้ไปพบทันตแพทย์ฉุกเฉิน
- วิธีนี้ไม่สามารถใช้แทนการแปรงฟันและขัดฟันได้
-
ใช้ผักหนึ่งชนิดในการบรรเทาและขจัดอาการปวด. มีผักหลายชนิดที่คุณสามารถหั่นและนำมาวางบริเวณที่ปวดเพื่อช่วยขจัดอาการปวดและช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อของฟันคุณ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผักเหล่านี้ไม่สามารถแทนที่การไปหาทันตแพทย์เมื่อคุณยังมีอาการปวดอยู่ได้ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แปะชิ้นแตงกวาเย็นที่หั่นบางๆ บริเวณที่คุณปวด
- หั่นมันฝรั่งดิบหรือสดเป็นชิ้นๆ โดยต้องปอกเปลือกก่อนและนำมันมาวางบนจุดที่ปวดในปากของคุณ
- นำแผ่นหัวหอมที่หั่นสดๆ ไปวางในปากบริเวณที่คุณเจ็บ จำเป็นต้องใช้แผ่นหัวหอมที่หั่นสดๆ เพราะหัวหอมจะมีน้ำของมันเพื่อช่วยรักษา
-
เคี้ยวใบมิ้นต์. คุณสามารถเคี้ยวใบมิ้นต์หรือนำใบมิ้นต์แห้งไปวางบนบริเวณที่ปวด แต่หากคุณปวดฟันเกินกว่าจะเคี้ยวได้ คุณต้องนำใบมิ้นต์แห้งหรือใบมิ้นต์บดไปวางบริเวณที่ติดเชื้อแทนโฆษณา
-
ทำความสะอาดฟันของคุณเป็นประจำ. นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการรักษาสุขภาพฟันและป้องกันไม่ให้ฟันของคุณเกิดความเจ็บปวด หากคุณไม่ได้ทำความสะอาดและขัดฟันทุกวัน คราบพลัคและแบคทีเรียจะก่อตัวขึ้นอันเป็นสาเหตุของฟันผุและการติดเชื้อ [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- “ไหมขัดฟันเป็นสิ่งเดียวที่ฟันของคุณต้องการ” การใช้ไหมขัดฟันจะช่วยให้ฟันของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงและปราศจากแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคและอาการปวด คุณต้องมั่นใจว่าไม่ลืมที่จะขัดฟันวันละหนึ่งครั้ง
- แปรงฟันอย่างน้อยสองครั้งต่อวัน สัก 30 นาทีก่อนหรือหลังอาหาร การแปรงฟันก่อนหรือหลังอาหารที่เร็วเกินไปจะทำให้สารเคลือบฟันของคุณเสียหาย
-
ป้องกันฟันผุด้วยฟลูออไรด์. คุณสามารถพบฟลูออไรด์ได้ตามสิ่งต่างๆ จากธรรมชาติ เช่น แหล่งน้ำหรือผักบางชนิด ตรวจสอบและดูว่าน้ำประปาในบ้านของคุณมีฟลูออไรด์หรือไม่ หากคุณไม่สามารถหาได้ ไปขอทันตแพทย์สั่งยาฟลูออไรด์เม็ดหรืออาหารเสริมให้แก่คุณ (มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบปี)
- ยาสีฟันส่วนใหญ่จะมีฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบสำคัญ แต่คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ยาสีฟันมาถูกตามที่ต้องการ
-
กินอาหารเพื่อสุขภาพ. สิ่งที่คุณรับประทานเข้าไปจะส่งผลที่แตกต่างต่อสุขภาพฟันของคุณเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น อาหารบางชนิดยังยากที่จะนำมันออกจากซอกฟัน ดังนั้นควรให้ความใส่ใจกับสิ่งที่คุณรับประทานเพื่อให้ฟันของคุณมีสุขภาพที่ดี
- หลีกเลี่ยงน้ำตาลและแป้งให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะสารอาหารทั้งสองนี้เป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือน้ำตาล
- คุณจำเป็นต้องพกไหมขัดฟันหรือไม่จิ้มฟันอยู่เสมอเพื่อใช้มันจัดการกับเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันหลังรับประทานอาหาร
- จบมื้ออาหารของคุณด้วยสลัดหรือแอปเปิ้ลหนึ่งผลเพราะพวกมันจะทำหน้าที่เป็นยาสีฟันตามธรรมชาติให้กับคุณ
-
ตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์ปีละ 2 ครั้ง. การตรวจสุขภาพฟันถือเป็นสิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามไป โดยทันตแพทย์จะตรวจพบอาการฟันผุและปัญหาในช่องปากอื่นๆ ในระยะแรกๆ ทำให้พวกมันไม่ลุกลามจนเกิดเป็นปัญหาใหญ่โฆษณา
-
คุณควรไปพบแพทย์หากคุณมีอาการปวดที่รุนแรง. เมื่อยาที่ซื้อตามร้านขายยาทั่วไปไม่สามารถบรรเทาอาการปวดของคุณได้ ดังนั้นคุณจึงควรไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์เพื่อรักษาเพราะอาการของคุณอาจจะอยู่กรณีฉุกเฉิน [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- มันเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งหากคุณมีอาการปวดที่รุนแรงหรือมีอาการบวม
- อาการมีไข้เป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อในช่องปาก โดยฟันผุทั่วไปจะไม่ทำให้เป็นไข้
-
รีบไปพบทันตแพทย์หากคุณมีอาการปวดหลังฟันถูกดึงออกไป. หากมีอาการปวดสองหรือสามวันหลังจากถอนฟัน คุณจำเป็นต้องรีบไปพบทันตแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง อาการนี้เรียกว่า “โรคกระดูกเบ้าฟันอักเสบ” ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่เบ้าฟันสัมผัสกับอากาศ
-
รีบไปพบทันตแพทย์หากฟันของคุณเสียหายและมีอาการปวด. ซึ่งอาจเป็นเพราะได้รับการบาดเจ็บจากบาดแผล ในกรณีนี้คุณควรรีบไปพบทันตแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฟันคุณอาจกำลังผุและคุณอาจสูญเสียฟันอย่างถาวรซึ่งถือว่าเป็นกรณีฉุกเฉินทางทันตแพทย์โฆษณา
คำเตือน
- การใช้ยากานพลูหลายครั้งต่อวันเป็นเวลาหลายเดือน “อาจจะ” เป็นสาเหตุให้เส้นประสาทเสียหายอย่างถาวร ดังนั้นหากคุณมีอาการปวดเป็นเวลานานกว่าสัปดาห์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษา
- “ห้าม” บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่คุณใช้ยาแก้ปวด
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.webmd.com/first-aid/toothache-treatment
- ↑ http://www.webmd.com/oral-health/tc/toothache-and-gum-problems-home-treatment
- ↑ http://drstonedds.com/how-to-stop-toothache-pain/# .U869-qjd1e5
- ↑ http://survivallife.com/2013/02/07/21-home-remedies-for-a-toothache/#
- ↑ http://www.webmd.com/oral-health/toothache?page=4
- ↑ http://www.webmd.com/oral-health/toothache?page=2
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,592 ครั้ง
โฆษณา
