ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณเคยมีความคิดที่จะหนีไปบ้างไหม? มันเป็นก้าวที่ใหญ่ในชีวิตทีเดียว คุณอาจจะต้องการเวลาสำหรับคิดว่าคุณต้องการจะ “หนี” จริงๆ หรือไม่ มีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนอายุน้อยอยากจะหนีออกจากบ้าน บางเหตุผลก็ดี บางเหตุผลก็ไม่ค่อยดี จำไว้ว่าต้องคิดถึงสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้ สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญที่คนอายุน้อยๆ ควรจะเข้าใจก็คือการหนีออกจากบ้านจริงๆ นั้นยากลำบากกว่าและไม่ได้เต็มไปด้วยเรื่องตื่นเต้นเร้าใจอย่างที่พวกเขาคิดไว้เท่าไหร่นัก จะมีค่ำคืนหนาวเย็นที่ไม่ได้หลับไม่นอน อันตรายและความหิวโหย และความรู้สึกทั่วไปเหมือนกับว่าคุณกำลังหลงทางและไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน สิ่งนั้นได้ถูกกล่าวเอาไว้ อาจจะมีเหตุผลที่เหมาะสมที่จะหนีหายไป อ่านบทความนี้เพื่อให้คุณได้ชั่งตวงผลลัพธ์และเตรียมสมองให้พร้อมหากคุณพบว่านั่นคือสิ่งถูกต้องที่เรียกร้องคุณ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หยุดก่อนและคิดถึงการกระทำที่เป็นไปได้ของคุณ. ทำไมคุณถึงจะอยากหนีออกจากบ้าน? มีเหตุผลดีๆ บ้างไหมที่ทำให้คุณอยากหนีไป หรือว่าคุณแค่เบื่อหรือเหนื่อยกับสถานการณ์ที่เจออยู่ มันมีความแตกต่างระหว่างการหนีออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ดี (คุณตกอยู่ในอันตรายทางร่างกาย) และหนีออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ไม่ดี (คุณเพิ่งจะทะเลาะกับพ่อแม่มา) อย่าด่วนตัดสินใจเพราะความโกรธ คุณอาจจะมานั่งเสียใจภายหลังได้
  2. คิดถึงคนทุกคนที่คุณอาจจะไปสร้างผลกระทบให้เมื่อคุณหนีไป. มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราไม่ได้เกี่ยวพันกันด้วยเรื่องของความต้องการและความจำเป็นเท่านั้น แต่เรายังเพิ่มความพึงพอใจจากการอยู่ใกล้ชิดกันด้วย พยายามนึกถึงคนที่จะจะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของคุณ คุณเป็นหนี้พวกเขานะ คุณอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่พวกเขาคิดถึงคุณตลอดเวลาแหล่ะ
    • นึกถึงพ่อแม่ของพวกคุณเข้าไว้ แม้ว่าคุณจะไม่ค่อยจะอยากก็เถอะ พ่อแม่ของคุณรักคุณอย่างที่สุด พวกเขาเห็นตัวของพวกเขาในตัวของคุณ และเขาต้องการให้คุณมีอนาคตที่ดีมากกว่าที่เขาต้องการเพื่อตัวพวกเขาเองเสียอีก การทะเลาะและความไม่ลงรอยกันที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ไม่ได้ทำให้ความรักที่พวกเขามีต่อคุณเปลี่ยนแปลงไปเลย
    • คิดถึงคนที่เหลือในครอบครัว พี่ชาย/น้องชายของคุณ พี่สาว/น้องสาวของคุณ ลุง ป้า น้า อา คุณย่า คุณยาย คุณปู่ คุณตา พวกเขาต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าแค่ความเป็นมิตร มันเป็นไปได้สูงที่ครอบครัวของคุณจะเจ็บปวดและต้องรับผิดชอบในการหนีออกจากบ้านของคุณ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยก็ตาม
    • นึกถึงเพื่อนของคุณ เพื่อนของคุณเป็นเลือดล่อเลี้ยงชีวิตในวงสังคมของคุณ เขาหัวเราะกับคุณ เขาทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเมื่อคุณรู้สึกแย่ บางครั้งเขาอาจจะคิดว่าคุณเป็นพี่ชายหรือน้องชาย การหนีไปอาจจะหมายถึงการทิ้งเขาเอาไว้ข้างหลัง
    • นึกถึงผู้ให้คำแนะนำอื่นๆ อาจจะเป็นอาจารย์ หรืออาจจะเป็นเพื่อนของแม้ เราหลายคนมีคนให้คำแน่นำที่จะดูแลพวกเรา พวกเขาอยากจะเห็นเราประสบความสำเร็จและปลอดภัย การตัดสินใจของคุณจะต้องมีผลกับพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
  3. ทำความเข้าใจด้วยว่าในหลายกรณีการหนีออกจากบ้านเป็นเรื่องผิดกฎหมาย. แม้ว่ารัฐส่วนใหญ่จะไม่ลงโทษเยาวชน (บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี) ในเรื่องการหนีออกจากบ้าน แต่บางรัฐก็ถือว่ามันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ในรัฐจอร์เจีย, ไอดาโฮ, เนบลาสก้า, เซาท์ แคโรไลนา, เท็กซัส, เวอร์จิเนียร์ตะวันตก, และ วอมมิ่ง ถือว่าการหนีออกจากบ้านเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบและหมายความว่ามันเป็นเรื่องผิดกฎหมายถ้าคุณอายุต่ำกว่า 18 ปี [1]
    • อย่างไรก็ตาม ถ้าพ่อแม่หรือผู้ปกครองของคุณได้พยายามทำร้ายคุณ คุณควรหนีและนี่ก็เป็นเรื่องถูกกฎหมายอย่างที่สุด แต่คุณต้องทำอย่างถูกวิธี บอกอาจารย์หรือผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้ให้เรียกตำรวจ ตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณมีที่ให้พักสักคืนหรือสองคืนก่อนคุณจะหนีออกจากบ้าน คุณจะได้ไม่ต้องไปตกอยู่ในสถานที่ประหลาดๆ
    • คุณอาจจะกังวลว่าบ้านอุปการะจะแย่กว่าการอยู่กับพ่อแม่ของคุณแม้ว่าพวกเขาจะทำร้ายคุณก็ตามที แต่มันก็ดีกว่าที่จะเสี่ยง คุณอาจจะมีโอกาสได้อยู่กับสมาชิกอื่นในครอบครัวหรือเพื่อนถ้าคุณจัดการเรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้า
    • แม้ว่าคุณจะหนีออกจากบ้านในรัฐที่การหนีออกจากบ้านไม่ได้เป็นเรื่องผิดกฎหมายแต่คุณก็อาจจะไปจบลงที่ศาลได้เช่นกัน กว่า 30 รัฐตัดสินใจว่าเด็กที่หนีออกจากบ้านติดๆ คือ “เด็กที่ต้องการชี้แนะ” (Child in Need of Supervision) หรือ CHINS ซึ่งเป็นกระบวนการที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็กมีชีวิตที่ดีกว่า ถึงอย่างนั้นก็ตาม เยาวชนที่อยู่ระกระบวนการ CHINS ก็อาจต้องเสียค่าปรับ การกักบริเวณ หรือการตรวจหาสารเสพติดเบื้องต้น [2]
  4. ถ้าคุณทำได้ ก็ควรระบุให้ได้กว่าแรงจูงใจที่ทำให้คุณหนีออกจากบ้านคืออะไร. อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ว่าทำไมเด็กถึงอยากจะหนีออกจากบ้าน ระบุเหตุผลว่า “ทำไม” จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้ก่อนที่มันจะแย่ลงไปอีกแล้วทำให้คุณรู้สึกเหมือนถูกผลักดันให้ต้องหนีออกมา นี่คือสถิติจำนวนหนึ่ง
    • 47% ของเด็กที่หนีออกจากบ้านจะมีปัญหากับผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ มีผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่จะให้คำปรึกษาคุณเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของคุณกับพ่อแม่คุณหรือไม้ ถ้าไม่มีให้ลองโทรหาบริการปกป้องเยาวชน (Child Protective Service) ดู
    • มากกว่า 50% ของเด็กที่หนีออกจากบ้านที่อยู่ในสถานสงเคราะห์บอกว่าพ่อแม่ของพวกเขาบอกให้ออกมาหรือไม่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะออกมาแต่ก็ไม่ได้สนใจ ถ้าถ้าพ่อแม่ของคุณขอให้คุณออกจากบ้านหรือบอกว่าเขาไม่สนใจเรื่องที่คุณจะออกมา ให้โทรหาหรือเข้าไปปรึกษาบริการปกป้องเยาวชน (Child Protective Service) การต้องการใครสักคนที่ใส่ใจคุณไม่ใช่การทรยศพ่อแม่ของคุณ คุณสมควรได้รับสิ่งนี้
    • 80% ของเด็กผู้หญิงที่หนีออกจากบ้านหรือเด็กผู้หญิงไร้บ้านจะได้รับรายงานกว่าถูกทำร้ายทางร่างกายหรือทางเพศ ถ้าคุณคือผู้เหยื่อในการทำร้ายร่างกายหรือทางเพศ ให้หาผู้ใหญ่สักคนที่คุณจะบอกความลับนี้ได้ (อาจเป็นพ่อแม่ของคุณหรือไม่ใช่ก็ได้) และไปทำบันทึกประจำวันกับตำรวจเสีย
  5. เขียนรายการของข้อดีและข้อเสียของการหนีออกจากบ้าน. บ่ายครั้งการใช้ความคิดลงบนกระดาษจะให้ผลลัพธ์ในทางปลอบประโลม และทำให้หลายสิ่งหลายอย่างชัดเจนขึ้นระหว่างทำ นี่คือข้อดีและข้อเสียที่เป็นไปได้ในการหนีออกจากบ้าน
    • ข้อดี:
      • เสรีภาพที่เป็นไปได้จากการถูกละเลย การถูกทำร้าย (ทางกาย ทางวาจา และทางคำพูด) และ/หรือ การล่วงละเมิด
      • โอกาสในการเดินทาง พบเห็นสถานที่ใหม่ๆ เจอคนใหม่ๆ
      • เสรีภาพที่เพิ่มขึ้นและความเป็นไปได้ในเรื่องความเป็นผู้ใหญ่และการเติบโต ไม่ว่าจะได้มายากสักแค่ไหนก็ตาม
      • การพัฒนาเรื่องการพึ่งพาตัวเรื่อง เชาว์ในเรื่องความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด
    • ข้อเสีย:
      • ความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นของการต้องอยู่ข้างนอกตอนกลางคืน อยู่บนถนน ใต้สะพานหรือชายคา หรือแม้กระทั่งบนหลังคา
      • ความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นของความเครียด การแยกตัวตัดขาด และการไม่มีอำนาจ (32% ของเด็กที่หนีออกจากบ้านพยายามฆ่าตัวตายเมื่อถึงจุดหนึ่งในชีวิตของพวกเขา)
      • ความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นในเรื่องความรุนแรง ยาเสพติด โรค และการค้าประเวณีตามข้างทาง
      • ความรู้สึกเหมือนคุณไม่มีใครให้พูดด้วย ไม่มีใครสนใจ และเหมือนกับว่าสิ่งที่คุณทำไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ
  6. ให้เวลาสักหนึ่งสัปดาห์เพื่อให้อารมณ์ของคุณเย็นลงก่อนจะตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ. บ่อยครั้ง เราใช้อารมณ์ในการตัดสินใจขณะที่เราคิดว่าเรากำลังมีเหตุผล รอสักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะทำอะไร เพื่อที่ได้จะปล่อยให้อารมณ์ของคุณเย็นลงและให้เวลาคุณได้คิดจริงเกี่ยวกับการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนชีวิตได้ หาใครสักคนที่เชื่อใจได้แล้วพูดคุยเรื่องนี้กับพวกเขา สัปดาห์หนึ่งให้หลัง สมองที่ใช้เหตุผลของคุณจะมีเวลาได้ตัดสินใจ นอกเสียจากว่าปัญหายังเกิดขึ้นกับคุณอยู่เรื่อยและคุณเชื่อว่าการหนีออกจากบ้านเป็นทางเดียว นี่เป็นกรณีที่ต่างออกไป และคุณควรจะชั่งน้ำหนักของผลที่จะตามมาของการหนีออกจากบ้านหากพ่อแม่ของคุณตามหาคุณจนเจอ พ่อแม่บางคนจะโมโหคุณมากกว่าจะพยายามช่วยเหลือคุณ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

เริ่มต้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คิดว่าคุณจะทำอย่างไรถ้าส่วนไหนของแผนคุณเกิดผิดพลาดขึ้นมาและหาข้ออ้างเอาไว้สำหรับทึกอย่าง นี่คือบางสิ่งที่คุณควรจะพิจารณา
    • จะทำอย่างไรถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา?
    • จะทำยังไงถ้าถูกจับได้?
    • จะกินอะไร?
    • จะรักษาความสะอาดอย่างไร?
    • จะอยู่ห่างถนนและหนทางที่อันตรายอย่างไร?
  2. ลองหาที่ที่ปลอดภัยที่จะอยู่กับคนที่คุณไว้ใจ. ถ้าคุณมีใครสักคนจะช่วยคุณในการหนีออกจากบ้าน อย่างน้อยคุณจะมีที่พักสักพักใหญ่ คุณพร้อมระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีความเป็นไปได้ คุณจะไปหาที่พังพิงที่ไหน?
  3. เดินทางอย่างเบาสบาย นำ “เฉพาะ” ของที่จำเป็นจริงๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำสถิติเรื่องถือของหนัก นำอาหาร เงิน เสื้อผ้าสำรองสำหรับเปลี่ยน เสื้อแจ็คเก็ตหรือเสื้อโค้ต หากอากาศหนาว เสื้อผ้าที่มีกระเป๋า แปรงสีฟัน สบู่ แชมพู และอื่นๆ ที่คุณอาจจะต้องการ ถ้าคุณไม่อยากถูกจำได้ก็ให้เอาแต่เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใส่ไป นื่คือสิ่งของบางอย่างที่อาจเป็นประโยชน์กับการเดินทางของคุณ
    • มีดอเนกประสงค์
    • แผนที่
    • ร่ม
    • กุญแจใส่รหัส
    • ผ้าห่ม
  4. พยายามนำเงินติดตัวไปด้วยแต่อย่าให้มากจนสังเกตได้. อาจจะซัก 100 บาทเป็นค่าเดินทางและค่าพาหนะอื่นๆ และอีก 1000 บาทเผื่อเอาไว้ หากคุณวางแผนที่จะขโมยเงินก็ให้หยิบมาจากจุดที่จะไม่ถูกพ่อกับแม่จับได้
    • ถ้าคุณมีบัตรเครดิตก็ให้พกมาด้วยอย่างแน่นอนที่สุด เพราะมันถูกขโมยยาก ใช้ได้ยาก และคุณจะยกเลิกมันเมื่อไหร่ก็ได้ เตรียมตัวเอาไว้ด้วยว่าพ่อกับแม่ของคุณอาจจะยกเลิกมัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะเป็นหลังจากที่เขารู้ว่าคุณหนีออกมาแล้ว อย่าใช้เหมือนมันเป็นแหล่งรายได้เดียวที่คุณมี นอกจากนั้น การใช้บัตรเครดิต/เดบิตจะระบุตำแหน่งที่ซ่อนของคุณ ธนาคารจะสามารถติดตามคุณจากประวัติการใช้และดูว่าคุณเคยไปอยู่ในร้านหรือห้างไหน เช่นเดียวกันกับโทรศัพท์มือถือ พวกเขาสามารถตามหาที่ๆ คุณอยู่ได้ คุณควรจะรู้เรื่องพวกนี้เอาไว้แล้วใช้มันอย่างฉลาด
  5. ดูให้แน่ใจว่าคุณมีเวลามากพอที่จะหนีไปก่อนที่ใครจะรู้ว่าคุณจากไปแล้ว ปฏิบัติการหลังจากออกมาโรงเรียนในตอนเช้า หรือว่าเมื่อทุกคนไม่อยู่บ้านและคุณรู้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมาภายในเวลาอันใกล้ เมื่อตกลงใจแล้วให้ออกมาอย่างคล่องแคล่ว สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการคือให้คนที่อยู่ละแวกบ้านเห็นว่าคุณกำลังหนี
  6. คุณอาจจะอยากได้วิธีการออกไปอย่างเร็วและง่ายดาย รถบัสประจำทางเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หรือรถบัสทางไกลถ้าคุณอยากจะออกไปจากเมืองนั้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

กลยุทธ์เอาตัวรอดระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่าคนจะต้องอยากรู้ว่าคุณมาจากไหนหรือว่าคุณทำอะไรอยู่ คุณอาจจะต้องการเวลาสำหรับคิดเรื่องนี้ นึกถึงอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลและสมจริง “แต่อย่าบอกว่าคุณหนีออกจากบ้านมา”
    • ทำให้เป็นเรื่องเรียบง่าย คุณจะต้องจำเอาไว้ว่าคุณไปที่ไหนตามเพราะคำพูดจะหลุดออกไปได้เร็วในโลกนี้เกี่ยวกับทุกเรื่อง ดังนั้นคุณควรจะเล่าเรื่องของคุณแบบเดียวกันตลอดการเป็นคนหนีออกจากบ้านของคุณเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย หลีกเลี่ยงความไม่สม่ำเสมอด้วยการคิดรายละเอียดเอาไว้ล่วงหน้า
    • ถ้าคุณจริงจังขนาดจะหนีออกจากบ้านอย่างถาวรให้เปลี่ยนชื่อเลย สนุกกับมันแต่อย่าให้ประสาทนัก แต่คิดหน่อยว่าชื่อทั่วไปจะดีที่สุดเพราะมันจะจำได้ยาก และเป้าหมายของคุณคือจะไม่ถูกจำได้
  2. สถานที่เหล่านี้มักจะมีอาหารสำหรับชิมสำหรับคนทั่วไปซึ่งคุณจะแอบไปหยิบกินได้ แต่ว่าดูให้แน่ใจว่าคุณจะเอารถเข็นไปด้วยและทำเหมือนว่ามาซื้อของและอย่าอยู่นาน นอกจากนั้นคุณยังจะสามารถใช้ห้องน้ำสาธารณะเพื่อล้างเนื้อล้างตัวและทำธุระส่วนตัว
    • มันอาจจะไม่น่าดึงดูดใจเท่าไหร่ แต่คุณสามารถไปคุ้ยถังขยะที่หลังร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆ คุณตะต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนทิ้งอะไรมาบ้าง คุ้ยมากเท่าไหร่ระบบของคุณจะยิ่งเคยชินกับอาหารที่ผ่านเวลาที่ดีที่สุดของมันไปแล้ว ในช่วงเริ่มต้นอาจจะไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ แต่มันจะดีขึ้น
  3. ถ้าคุณไม่มีที่อยู่คุณอาจจะต้องหาที่พักพิงที่อื่น พยายามหาที่ซึ่งปลอดภัยเหมาะสมใต้สะพาน หรือตามซอกตึกร้างบางแห่ง หรือไม่ก็ในอาคารสาธารณะที่เปิด 24 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้การ ลองมองหน้าที่พักของคนไร้บ้านใกล้ๆ แล้วดูว่าว่างหรือเปล่า
    • ถ้าคุณต้องการที่ที่จะอยู่สำหรับต้องการฆ่าเวลา ห้องสมุดสาธารณะ โบสถ์ ตึกของมหาวิทยาลัย สนามบิน สถานีรถไฟ เป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้ สถานที่พวกนี้ปลอดภัยและมีคนมากพอที่จะทำให้คุณไม่เป็นที่สนใจ
    • ในช่วงหน้าหนาว คุณอาจจะต้องพยายามหาตึกที่มีลิฟต์ถ้าคุณอยู่ในย่านตัวเมือง ลองขึ้นบันไดที่อยู่ข้างทางเดินใกล้ลิฟต์ขึ้นไปชั้นสูงสุด คุณจะเจอพื้นที่ที่ดีและอบอุ่นที่คนไม่ค่อยจะเข้าไปแถวนั้น
    • อยู่ให้ห่างจากป่าหรือทะเลทราย สถานที่พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะกันดาร และคุณอาจจะตกเป็นเหยื่อง่ายขึ้น พอกันกับที่มันเหมือนจะโรแมนติก การจะใช้ชีวิตอยู่นอกตัวเมืองทุกวันนี้ยากกว่ามาก ยิ่งเฉพาะคุณไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสายพันธุ์ของสัตว์และพืช พยายามหาที่ๆ มีคนอื่นอยู่เพราะว่าจะปลอดภัยกว่า
  4. คุณอาจจะต้องการเงินเมื่อถึงจุดหนึ่ง ดังนั้นเรียนรู้วิธีที่จะขอทาน. การขอทานก็คือการขอเงินจากคนอื่น มันไม่น่าภูมิในนักและคนบางคนก็อาจจะทำเป็นไม่เห็นคุณไปเลย แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้องคุณก็จะทำสำเร็จ และอาจจะได้มากพอจนสามารถเก็บบางส่วนเอาไว้ได้ด้วย
    • เลือกสถานที่ที่ใช่ หาที่ที่คนเดินเยอะ เช่น พื้นที่หน้าห้างร้าน ร้านสะดวกซื้อ หรือสถานที่ที่คนจะออกมาพร้อมกับเงินทอน ขอเงินเป้าหมายของเรา “หลังจาก” พวกเขาออกมาจากร้านค้าไม่ใช่พวกเขาก่อนเข้าไป หรืออีกทางหนึ่งก็คือคนขับรถตามสี่แยกที่พลุกพล่าน ดูให้แน่ใจว่าคุณอยู่ข้างซ้ายของตัวรถซึ่งเป็นข้างของคนขับ
    • ยิ้มและขอเงินทอนจากคนพวกนั้นอย่างสุภาพและเรียบร้อย คุณจะไม่ได้เงินเยอะถ้าคุณดูดุร้ายหรือคุกคามหรือไม่มีความสุข เมื่อใครสักคนให้เงินคุณ ขอบคุณพวกเขาแล้วยิ้มด้วยท่าทีที่เป็นมิตร
  5. บางคนอาจจะคิดว่าการปลอมสำเนียงเป็นเรื่องดึงดูด แต่จริงๆ แล้วนี่คือความคิดที่ไม่ดีเลย สำเนียงคนต่างถิ่นจะทำให้คนหันมาสนใจคุณ และคนจะอยากรู้เกี่ยวกับตัวคุณและวัฒนธรรมของคุณมากขึ้น ในขณะที่คุณควรจะพยายามทำเป็นไม่มีตัวตนที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกเหนือจากนั้นการแปลงสำเนียงยังยากมากๆ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า “คุณ” คิดว่าสำเนียงของคุณแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับว่า “คนอื่น” คิดว่ามันดีแค่ไหน
  6. ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ยากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วก็คือการรักษาสุขลักษณะอาหารการกินและความสะอาด เป็นที่รู้กันว่าโรงพยาบาลเป็นที่ที่มีห้องน้ำสะอาดเป็นพิเศษและมีความเป็นส่วนตัว นี่คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้คุณรักษาความสะอาดของตัวเองเอาไว้เมื่อกำลังใจของคุณไม่ค่อยจะดี
    • ใช้ห้องน้ำที่ร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ มันจะไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ แต่ว่าจะไม่มีคนเดินเข้าเดินออกมากนัก (ลองคิดดูสิว่าคุณใช้ห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อบ่อยขนาดไหนกัน) คุณอาจจะสามารถล้างเนื้อล้างตัวได้ที่นี่และใช้สบู่ที่เขามีไว้ให้
    • ใช้เจลหล่อลื่นเวลาโกนขนหรือจัดทรงผม มันอาจจะฟังดูแปลแต่มันใช้การได้นะ บีบเจลเล็กน้อยลงบนผิวแล้วใช้น้ำนิดหน่อย โกนคนและล้างมีดโกนอย่างรวดเร็ว ถ้าอยากจะจัดทรงผมในตอนเช้า ใช้การพลิกแพลงเล็กน้อยมันก็จะไม่ได้ดูแปลกตาในภายหลัง
    • อาบน้ำที่สระน้ำสาธารณะ วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย ถ้าคุณทำเหมือนว่าตัวเองเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยมักจะไม่ขอดูบัตรนักศึกษา แต่นี่ก็จะไม่ได้ผลเสมอไป แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลอง โดยเฉพาะถ้าคุณทำแบบนี้บ่อยๆ จนคนเชื่อว่าคุณเป็นคนที่นั่น
  7. คิดแผนการเอาไว้และทางเลือกที่เหมาะสมไม่มีแล้วก็ให้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านแทน หรือหากคุณตั้งใจจะหนีออกจากบ้านจริงจัง พยายามเริ่มชีวิตใหม่ หางาน หาที่พัก (ไม่ว่าจะย่ำแย่ขนาดไหนแต่สิ่งที่คุณต้องการที่สุดคือสถานที่กำบังจากอากาศ) และหาเพื่อนในเมืองใหม่ สังคมใหม่
  8. ควบคุมความเดือดเนื้อร้อนใจอย่างมีประสิทธิภาพ. เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณย่ำแย่และคุณไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน คุณจะเริ่มรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ พยายามควบคุมอารมณ์ พยายามควบคุมอารมณ์นั้นก่อนที่มันจะทำให้คุณทำอะไรหุนหันพลันแล่น หาอาหารดีๆ ใส่ท้อง แม้ว่ามันจะหมายถึงการใช้เงินทุกสตางค์ที่คุณมี หายใจเข้าลึกๆ แม้ว่ามันจะเหมือนกับการใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ นึกถึงช่วงเวลาที่คุณรู้สึกมีพลังและมีเสบียงพรักพร้อมและพร้อมจะเผชิญโลกทั้งใบ ควบคุมความรู้สึกย่ำแย่โดยการควบคุมทัศนคติของคุณเอง มันไม่มีปัญหาใดที่จะไม่ถูกทำให้ชะงักงันได้ด้วยจินตนาการและความกล้าหาญหรอก
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ป้องกันตัวเองจากอันตราย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จำเอาไว้เสมอว่าถ้าคุณตัดสินใจจะโบกรถคนขับอาจจะทำสิ่งไม่ดีกับคุณได้ เขาอาจจะทิ้งคุณกลางทางหรือทำร้ายร่างกายคุณ แต่ในทางกลับกัน ก็มีคนดีๆ อยู่และเขาอาจจะยินดีรับคุณติดรถไปได้ มันเป็นเรื่องของการดูท่าทีคนขับและการตัดสินใจ
    • พยายามโบกรถที่มีผู้หญิงท่าทางใจดี ครอบครัวที่มีเด็กมาเยอะๆ หรือรถที่มีผู้โดยสารหลายคน เขาอาจจะต้องถามคุณว่าคุณจะไปที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ ดังนั้นเตรียมคำโกหกเอาเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ให้พร้อม อย่าบอกพวกเขาว่าคุณหนีออกจากบ้าน และพูดคุยกับพวกเขาให้น้อยที่สุด
    • ถ้ามีคนที่ดูหยาบๆ หรือน่ากลัวเสนอจะไปส่งคุณ ถามเขา “ก่อน” ว่าเขาจะไปไหน เมื่อเขาตอบ ให้บอกว่าคุณจะไปที่อื่นที่ไม่ใช่แถวนั้น และเป็นที่ที่ไกลๆ ถ้าเขาบอกว่าเขาจะพาคุณไปได้ ให้ปฏิเสธอย่างสุภาพแล้วเลิกคุยกับเขาเลย รอจนกว่าเขาจะออกรถไป
  2. ถ้าคุณอยู่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำก็ให้นึกเอาไว้เสมอว่าคนพวกนี้อาจจะทำอันตรายคุณได้ พกอะไรสักอย่างที่จะใช้ป้องกันตัวเองได้ไปด้วย อย่างไรก็ตาม ระวังอันตรายและหลีกเลี่ยงอันตรายแทนที่จะเผชิญหน้ากับมันจะดีกว่า
    • เดินหนีคนที่มีท่าทางอันตรายต่อคุณ ลุกขึ้นให้ตัวตรงและสูง ทำใจให้นิ่ง แต่อย่าต่อล้อต่อเถียงหรือทำให้เขาโกรธ พยายามไปในที่สาธารณะ ที่ที่สว่างและมีคนเยอะๆ คนมากๆ มีความแข็งแกร่งกว่าเสมอล่ะ
  3. อย่าให้ใครก็ตามมาทำอะไรที่คุณไม่สะดวกใจด้วยและถ้าคุณย่ำแย่มากขนาดที่คุณจะต้องหันไปพึ่งสิ่งนี้ล่ะก็ มองหาความช่วยเหลือเสีย องค์กรการกุศลท้องถิ่นและโบสถ์จะช่วยคุณโดยที่ไม่ถามอะไรให้มากความ
    • การค้าประเวณีเป็นผลลัพธ์ที่พบบ่อยจากการหนีออกจากบ้าน ที่จริงแล้ว งานวิจัยในปี 1988 เสนอว่า 43% ของคนที่หนีออกจากบ้าน ทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ถูกบังคับให้เข้าร่วมการค้าประเวณีหลังจากที่ออกจากบ้านไปแล้ว นั่นเกือบครึ่งเชียวนะ [3]
    • เพราะการค้าประเวณีมีโอกาสสูง และเพราะเงื่อนไขของสถานการณ์ที่ยากลำบาก คนที่หนีออกจากบ้านมักจะได้รับเชื้อเอดส์ หรือ HIV มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นจงระวังตัวให้มาก
  4. คนไร้บ้านที่เป็นเด็กมักจะจบลงที่การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้สามารถนำพามาซึ่งเชื้อโรค เช่น เอดส์/HIV หรือว่าการตายจากการใช้เกินขนาด นี่เป็นเพียงแง่หนึ่งของผลข้างเคียงอื่นๆ จากการใช้ยาและ/หรือแอลกอฮอล์ จงระวังตัวและอย่าใช้ยาเสพติด ไม่ว่าคุณจะรู้สึกแย่แค่ไหนก็ตาม
  5. คนไร้บ้านมักจะถูกควบคุมตัว ส่วนมากจะมาจากสาเหตุเรื่องการก่อความรำคาญ การเตร็ดเตร่ การบุกรุก คุณต้องหลีกเลี่ยงที่จะใช้เวลามากมายของคุณไปในห้องขัง ดังนั้นระมัดระวังเวลาไปไหน ภาพลักษณ์ของคุณ และการแสดงออกของคุณ
  6. หลายคนกลายเป็นคนไร้บ้านเพราะพวกเขาแค่เผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก คนพวกนี้สามารถเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีคนไร้บ้านอีกหลายคนที่ย่ำแย่และมีสภาพจิตแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ โดยเฉพาะในอเมริกา ที่เป็นที่รู้กันว่าการดูแลปัญหาทางจิตยังไม่ดีพอ คนป่วยทางจิตหลายคนจึงไปจบลงด้วยการอาศัยอยู่ข้างถนน คนพวกนี้อาจเป็นอันตรายและอาจคุกคามคุณได้โดยไม่มีเหตุผล พยายามหลีกเลี่ยงการต้องอยู่ในหมู่คนไร้บ้านคนอื่นๆ เพื่อทำให้ตัวคุณเองปลอดภัย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใส่หมวกหรืออะไรก็ตามที่จะผิดหน้าหรือศีรษะของคุณได้พอดีเมื่อเดินทางบนรถไฟเพราะกล้องวงจรปิดตามสถานีรถไฟท้องถิ่นจะถูกตรวจสอบตลอด
  • ในอีกทางหนึ่ง อย่าอยู่ในสถานที่ที่พ่อแม่ของคุณหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ว่าจะหาคุณยังไง บ้านของแฟน บ้านของญาติ หรือบ้านของเพื่อน เป็นที่แรกๆ ที่พวกเขาจะไปตรวจดู
  • นี่อาจจะชัดเจนมากอยู่แล้ว แต่ก็หลีกเลี่ยงจะไปอยู่ในที่ๆ คนรู้จักจะเจอคุณแล้วไปแจ้งกับตำรวจได้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณควรจะอยู่ห่างๆ บ้าน
  • อย่าสติแตกหากคุณไปอยู่ในข่าว ถ้าคุณเป็นบุคคลที่กำลังสูญหายก็อาจจะมีข่าวประกาศเรื่องคุณ ถ้าคุณเห็นตัวเองเป็นข่าวตามที่สาธารณะ ก็ให้เลี่ยงออกมาจากตรงที่มีทีวีเงียบๆ
  • อย่าบอกเพื่อนคุณว่าคุณกำลังหนีอยู่ เขาอาจไปบอกกับพ่อแม่ของคุณ นอกเหนือเสียจากว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์และจะช่วยคุณหลบหนี
  • พยายามอย่าใส่อะไรที่คนจำได้ อย่างเช่น ถ้าคุณชอบใส่หมวกหมีบ่อยๆ ก็อย่าหยิบมาใส่!
  • ถ้าคุณแบกของเอาไว้ในกระเป๋าเป้ ก็ใส่ของไปแค่ให้ดูเหมือนว่าเป็นกระเป๋าของเด็กนักเรียนที่จะไปโรงเรียนจนถึงผู้ใหญ่
  • ถ้าอาหารหมด ให้เดินเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ตและเข้าไปที่ชั้นขายของอย่างเนียนที่สุด หยิบอาหารบางอย่างมาแล้วเข้าไปกินในห้องน้ำ ทิ้งบรรจุภัณฑ์ให้หมด แล้วออกมาโดยอย่าให้ใครสังเกตเห็น ออกมากับกลุ่มคนได้จะยิ่งดี และอย่าเข้าไปในร้านเดียวกันถึงสองครั้ง พนักงานในร้านจะจับสังเกตคุณได้
  • สุภาพ แต่อย่าเป็นมิตรอย่างมากับทุกคนเพราะเขาจะอยากรู้เรื่องของคุณขึ้นมา
  • หากคุณตั้งใจจะหนีออกมาอย่างถาวร คุณควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสีย นึกถึง “การเริ่มต้นสดใหม่” เปลี่ยนชื่อเป็นก้าวแรกที่ดี เปลี่ยนส่งผมและการแต่งหน้าจะทำให้คุณแตกต่างจากคุณคนเก่า ลองเสื้อผ้าใหม่ด้วยก็ดี
  • เอาอะไรที่ทำฆ่าเวลาได้ไปด้วยเมื่อคุณตั้งใจหลบหนี คุณอาจจะเบื่อได้
  • อยู่ในที่ที่คุณรู้ว่าพ่อแม่ของคุณและเจ้าหน้าที่จะไม่ไปหาคุณแถวนั้น อย่างเช่นคนรู้จักที่ไว้ใจได้หรือเพื่อนที่ครอบครัวของคุณไม่รู้จัก
  • สิ่งนี้สำคัญที่สุด อย่าอัพเดตอะไรในเครือข่ายสังคมออนไลน์! อย่าเพิ่มเพื่อนใหม่ในบัญชีเก่า แค่ปล่อยมันไว้ไม่ต้องไปปิดมัน เผื่อเอาไว้น่ะ เปิดบัญชีใหม่ด้วยชื่อปลอมถ้าคุณต้องการแต่ให้จำเอาไว้ว่ามันเสี่ยงนะ
  • คุณสามารถใช้ห้องน้ำสาธารณะตามห้างร้าน และสามารถดูแลความสะอาดของคุณได้ที่สระน้ำสาธารณะหรือห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในโรงยิม
  • ทิ้งโน้ตไว้ พ่อกับแม่ของคุณจะได้รู้ว่าคุณไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่ก็อย่าให้ข้อมูลเยอะนักล่ะ
  • คุณอาจจะลองเปลี่ยนสับไปอยู่บ้านเพื่อนแต่ละคน เริ่มจากสักที่ที่คนจะไม่มองหาคุณ เมื่ออยู่ได้สักพักหรือเมื่อมีใครเริ่มสังเกตเห็นคุณ ให้ย้ายไปอยู่กับคนอื่น ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณอาจจะต้องการแผนที่ในบ้านต่างๆ ที่คุณอยู่เพื่อที่จะได้กำหนดทางออกได้ตอนที่เกิดเหตุฉุกเฉิน คุณต้องดูให้แน่ใจด้วยนะว่าไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ตามบ้านที่จะทำให้เจ้าหน้าที่เอามาสืบหาคุณได้
  • ถ้าคุณมีทักษะในการเดินป่า ตุณอาจจะเอาเต็นท์มาด้วยและไปอาศัยอยู่ในป่าสักพัก แต่นี่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาอย่างถาวรที่ดีหรอกนะ จริงๆ แล้ว
  • ถ้า/เมื่อถูกจับได้ ให้บอกเหตุผลที่หนีออกมาอย่างซื่อสัตย์
  • คุณอาจจะเก็บเสื้อผ้ามาชุดเดียวแล้วอยู่นอกบ้านสักหนึ่งคืน พ่อแม่คุณจะรู้ว่าคุณจะสื่ออะไรและคุณเองก็จะได้หลีกเลี่ยงอันตรายของการออกมาได้ดีด้วย
  • หนีออกจากบ้านไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก แต่มันจะปลอดภัยกว่าถ้าคุณไปอยู่บ้านเพื่อนแทนที่จะไปนอนอยู่ข้างถนน
  • จำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการหนีออกมาแค่ไหน คุณก็มีโอกาสจะจบลงด้วยการกลับไปบ้านในท้ายที่สุด
  • หลีกเลี่ยงที่ที่คุณชอบไปอยู่ที่นั่นมาก่อน ร้านอาหารหรือโถงที่คุณชอบไปจะมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแน่นอน
  • จงระวังอยู่เสมอ แม้ว่าคุณจะไม่รู้ แต่คนอาจจะจำหน้าคุณได้เมื่อคุณไปได่สักพักแล้ว จับตาดูเอาไว้ พยายามหากลุ่มเพื่อนหรือกลุ่มของคนที่หนีออกจากบ้าน มันอาจจะดูเหลือเชื่อแต่มันจะมีตึกนิรนามที่ว่างอยู่แถวนั้น ไม่ใช่ทุกคนจะไว้ใจได้ ฉะนั้นระมัดระวังด้วย
  • อย่าเอาของไปเยอะเพราะมันจะถ่วงน้ำหนักคุณ อย่างไรก็ตาม ให้เอาเสื้อผ้าไปสักสองหรือสามชุด ถ้าคุณใส่ชุดเดิมตลอด มันจะง่ายต่อการถูกติดตาม คนที่เคยจะคุณจะพูดว่า “อ๋อ เด็กวัยรุ่นผมที่น้ำตาลเหรอ ที่ใส่เสื้อยืดสีชมพูกับกางเกงยีนหรือเปล่า เขาไปทางโน้นแน่ะ” (หรือไม่ก็อธิบายลักษณะทางกายภาพด้วย) ถ้าใครพูดว่า “ผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีแดงเหรอ?” หรือ “ผู้หญิงที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินเหรอ?” คุณก็จะถูกตามหาได้ยากขึ้น
  • อย่าลืมอาหารกับน้ำ
  • เอาเพื่อนไปด้วยถ้าเป็นไปได้ เพื่อที่จะช่วยดูละสติของคุณและตัวคุณเองให้ปลอดภัย
  • เอาเสื้อผ้าเผื่อไปด้วย คุณไม่อยากเป็นพวกซกมกหรอก โดยทั่วไปแล้วกางเกงยีน กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว ถุงเท้า รองเท้า และอาหารเผื่อไว้ด้วยถ้าคุณมี อย่าโบกรถเพราะคุณไม่รู้จักพวกเขาและมันเสี่ยงมาก
  • ถ้าคุณไม่อยากให้ใครหาเจอ บางครั้งมันจะช่วยได้ถ้าคุณทำตัวเหมือนเพศตรงข้าม จะง่ายกว่าสำหรับผู้หญิงที่จะใส่เสื้อผ้าที่ผู้ชายใส่ ผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิงจะยากหน่อยแต่ก็ทำได้ถ้าหาเสื้อผ้าที่เหมาะสม การเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกจะช่วยได้ถ้าคุณพยายามหลีกเลี่ยงการถูกสังเกตเห็น
  • ทำให้แน่ใจว่าคุณทำตัวไม่เด่นและไม่ดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเองเท่าที่จะทำได้
  • พกอาหารแห้งที่คุณสามารถกินได้ทีละส่วน อาหารกระป๋องอย่างเช่นข้าวโพด ฝักถั่ว หรือเม็ดถั่วก็เป็นอาหารที่เหมาะจะพกออกมาด้วย
โฆษณา

คำเตือน

  • เตรียมตัวไว้เมื่อเงินและอาหารของคุณหมด เพราะจะมีช่วงเวลาที่สิ่งนี้เกิดขึ้นแน่ และคุณจะต้องไปพึ่งอาหารลองชิมตามร้านสะดวกซื้อ ห้องน้ำสาธารณะ และที่นอนในร้านขายเครื่องนอน ถ้านั่นจะเป็นไปได้
  • ระว่างถ้าคุณหลบอยู่ใรบ้านของคนอื่นเพราะเจ้าของบ้านจะโดนข้อหาให้ที่หลบซ่อนคนหนีออกจากบ้าน
  • ใช้ความคิดตัดสินเบื้องต้นที่มีติดตัวมา คุณอาจจะเสี่ยงที่จะถูกจับได้ ถูกจี้ ถูกข่มขืน หรือถูกฆาตกรรม เมื่อคุณหนีออกมาจากบ้าน นี่เป็นสิ่งที่คุณจะนึกเสียใจไปชั่วชีวิต
  • อย่าเอามือถือไปด้วย (นอกเสียจากว่าคุณเปลี่ยนเบอร์หรือซิมการ์ดได้) บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต มากับคุณด้วย เพราะว่าจะทำให้คนตามหาที่อยู่คุณได้ ถ้าคุณอยากจะโทรหาใครให้ยืมมือถือคนอื่นหรือใช้มือถือสาธารณะ ถ้าคุณจะซื้ออะไรก็ให้จ่ายด้วยเงินสด
  • คิดให้หนัก อย่าหนีออกจากบ้านแค่เพราะความสนุก
  • เอาอะไรที่คุณทำได้ถนัดไปด้วยเผื่อจะทำเป็นงานได้
  • อย่าหนีออกจากบ้านเพียงเพราะสถานการณ์ที่บ้านไม่ดี คิดถึงมันก่อน หากมันมีโอกาสที่จะดีขึ้นได้ทันเวลาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหนี แต่หากไม่มี ก็ทำสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุด
  • ทิ้งครอบครัวที่รักคุณเอาไว้ข้างหลังคือส่วนที่ยากที่สุด ดังนั้นให้แน่ใจว่าคุณกำลังทำสิ่งนี้ (ถ้าคุณตั้งใจจะหนีไปจริงๆ) ด้วยเหตุผลที่ถูกต้องไม่ใช่เพียงเพราะคุณต้องการความสนใจ
  • ถ้าคุณต้องถูกลงโทษและคุณไม่คิดว่ามันยุติธรรม ให้คิดถึงสิ่งที่คุณทำ และคุณทำไปกี่ครั้งแล้ว นอกจากนี้ให้คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่มีต่อครอบครัว คุณอาจจะยกโทษให้พวกเขาและไม่หนีไปในที่สุด
  • สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การหนีออกจากบ้านจะทำให้พ่อแม่และญาติพี่น้องของคุณเสียใจได้มากกว่าที่คุณคิดไว้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • เงิน (1000 บาทหรือมากกว่า)
  • อาหาร
  • เสื้อผ้า
  • น้ำ
  • ไฟฉาย (พร้อมกับถ่านสำรอง)
  • ไม้ขีด/ไฟแช็ก
  • ผ้าห่ม
  • มีดพก
  • โรลออนดับกลิ่น (ไม่จำเป็นแต่ก็ควรมี)
  • แปรงสีฟัน/ยาสีฟัน
  • กระดาษชำระ
  • มือถือ (แบบเติมเงิน) อย่าลืมปิดจีพีเอสด้วย
  • สิ่งให้ความบันเทิง (หนังสือ เกมมือถือ คอมพิวเตอร์พกพาและที่ชาร์ต) ถ้าคุณตัดสินใจจะเอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปด้วย ให้แน่ใจว่าจะพกติดตัวไว้เพื่อที่มันจะได้ไม่ถูกขโมย
  • กระดาษโน้ต (อย่าเขียนว่าคุณอยู่ที่ไหน)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 120,727 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา