ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มันอาจรู้สึกเหมือนโลกกำลังจะแตกเวลาที่คุณรักใครและเขาไม่รักตอบ ความเจ็บที่คุณเผชิญมันจริงแท้เหลือเกิน วิทยาศาสตร์เผยว่าการอกหักกระตุ้นความเจ็บปวดในสมองเช่นเดียวกับทางร่างกาย [1] คุณไม่สามารถควบคุมความรู้สึกแต่คุณสามารถเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านความเจ็บปวดจากการอกหักและใช้ชีวิตต่อไปได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

การให้พื้นที่กับตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันเจ็บปวดเวลาที่คุณรักใครและเขาไม่รักตอบ “การอกหัก” คือความรู้สึกทางร่างกายที่แท้จริงและความเจ็บปวดจากการอกหักจะกระตุ้นระบบประสาทซึ่งเกี่ยวโยงกับอัตราการเต้นของหัวใจและการเกร็งของกล้ามเนื้อ [2] มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะเจ็บปวดเวลาที่คุณรักใครและเขาไม่รักตอบ การยอมรับว่าความรู้สึกของคุณปกติจะช่วยให้คุณจัดการกับมัน
    • การอกหักสามารถสั่งงานในสมองได้เช่นเดียวกับการติดยาเสพติด [3] [4]
    • นักจิตวิทยาประเมินว่าประมาณ 98% ของมนุษย์เคยเจอการอกหัก การรู้ว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่อกหักอาจจะไม่ช่วยให้ความเจ็บปวดหายไป แต่มันจะง่ายต่อการทนเมื่อรู้ว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่ต้องเผชิญสิ่งนี้ [5]
    • การอกหักสามารถก่อให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ [6] หากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณต้องรับการช่วยเหลือทางจิตทันที: [7]
      • การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการกินหรือนอน
      • ความรู้สึกสิ้นหวังหรือไร้ประโยชน์
      • การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
      • การไม่สามารถควบคุมความคิดเชิงลบ
      • ความคิดที่จะทำร้ายตัวเอง
  2. ความโศกเศร้าไม่ใช่เรื่องที่ผิดตราบใดที่คุณเศร้าไม่นาน ที่จริงแล้วการปล่อยให้ตัวเองเศร้านั้นดีกว่าการเก็บซ่อนอารมณ์ [8] การปฏิเสธหรือการกลั้นความรู้สึก เช่น การพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่” หรือ “ไม่เคยรักเขาอยู่แล้ว” จะทำให้เรื่องแย่ลงในระยะยาว [9]
    • พยายามหาเวลาจัดการกับความเศร้าเพราะมันจะช่วยเยียวยาความเศร้าของคุณ เช่น เมื่อคุณรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักคุณ คุณควรหาเวลาอยู่กับตัวเองแม้จะแค่ไปเดินเล่น 15 นาทีที่ทำงานก็ตาม
    • อย่าจมปลักอยู่กับความสิ้นหวัง หากคุณไม่ได้ออกจากบ้านมาหลายสัปดาห์ ไม่ได้อาบน้ำและใส่เสื้อผ้าเน่าๆ ที่ควรเอาไปเผาทิ้ง คุณอาการหนักแล้ว ความเศร้าเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ถ้าคุณไม่พยายามดึงตัวเองกลับมาตั้งต้นชีวิตใหม่ คุณจะไม่มีวันลืมหรือเลิกรักคนๆ นั้นได้เลย
  3. ปฏิกิริยาฉับพลันในการรับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักคุณในแบบที่คุณรักเขาอาจจะเป็น “ฉันจะทำให้เขารักฉัน” การคิดแบบนี้ปกติที่สุดแต่มันไม่ถูกและไม่มีประโยชน์ สิ่งเดียวในชีวิตที่คุณควบคุมได้คือการกระทำและปฏิกิริยาโต้ตอบของคุณ คุณไม่สามารถเกลี้ยกล่อม ทะเลาะหรือบังคับให้คนอื่นรู้สึกสิ่งที่เข้าไม่ต้องการได้ [10] [11] [12]
    • มันจะดีอีกด้วยหากคุณพึงจำไว้เสมอว่าคุณไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ตลอดเวลา แต่คุณสามารถฝึกควบคุมปฏิกิริยาที่มีต่อความรู้สึกได้
  4. ส่วนหนึ่งของการสร้างพื้นที่ส่วนตัวเพื่อระบายความเศร้าและเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปก็คือการไม่มีอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ในชีวิต คุณไม่ต้องตัดเขาออกจากชีวิตโดยสิ้นเชิงแต่คุณต้องออกห่างจากเขาสักพัก [13]
    • คุณไม่ต้องทำตัวโหดร้าย แค่ขอเวลาจากอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อให้คุณก้าวผ่านความรู้สึกที่กำลังถาถม หากอีกฝ่ายหนึ่งหวังดีกับคุณ เขาจะทำตามที่คุณขอถึงแม้มันไม่ใช่เรื่องที่น่าพึงพอใจก็ตาม
    • หากคนที่คุณกำลังหยุดรักคือคนที่ให้กำลังใจคุณมาตลอดในอดีต คุณต้องหาเพื่อนคนอื่นมาทำหน้าที่แทน ขอเพื่อนคนนั้นให้เป็นที่พึ่งในยามที่คุณรู้สึกอยากคุยกับคนที่คุณกำลังหลบหน้าอยู่
    • เลิกเป็นเพื่อนกับคนๆ นั้นในสื่อโซเชียลทั้งหลายหรือไม่ก็ซ่อนโพสต์ของเขา ลบเบอร์ของเขาออกจากโทรศัพท์มือถือเพื่อที่คุณจะได้ไม่พยายามติดต่อกับเขา คุณคงไม่อยากถูกเตือนให้นึกถึงว่าเขากำลังทำอะไรอยู่เพราะมันจะทำให้ยากต่อการตีตัวออกห่าง
  5. การระบายอารมณ์สามารถช่วยให้คุณยอมรับว่าคุณกำลังก้าวผ่านวิกฤตชีวิตและยังดีกว่าการเก็บสะสมไว้นานเข้าจนมันระเบิด [14] เรามักทำใจลำบากอย่างน้อยก็ในช่วงแรกของการสูญเสียหรือความผิดหวังซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าดูหมิ่นตัวเองหรือพยายามละเลยเวลาที่รู้สึกเช่นนี้โดยคิดว่าเดี่ยวมันคงหายไป ระบายมันออกมาอย่างเปิดเผยและจริงใจ [15]
    • หากอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา จริงๆ แล้วการร้องไห้สามารถช่วยบำบัดให้ลดความรู้สึกวิตกกังวล ความโกรธและความเครียดของร่างกาย หากคุณอยากคว้ากล่องทิชชูแล้วร้องไห้จนตาปูดก็ทำได้เลย [16]
    • หลีกเลี่ยงการกระทำรุนแรง เช่น การกรีดร้อง การตะโกน การชกต่อยสิ่งของหรือการทำลายข้าวของ การกระทำเหล่านี้อาจรู้สึกดีในช่วงแรกๆ แต่งานวิจัยแนะนำว่าการใช้ความรุนแรงเพื่อระบายความโกรธนั้นสามารถเพิ่มความโกรธได้จริงๆ ถึงแม้จะเป็นการกระทำต่อวัตถุที่ไร้ชีวิตจิตใจ [17] การมองย้อนไปที่ความรู้สึกของตัวเองและพิจารณาดูว่า “ทำไม” คุณถึงรู้สึกแบบนี้นั้นดีและมีประโยชน์มากกว่า [18]
    • การระบายอารมณ์ผ่านงานอดิเรกที่สร้างสรรค์ เช่น ดนตรี ศิลปะหรืองานอดิเรกโปรดนั้นมีประโยชน์มาก อย่างไรก็ตามการหลีกเลี่ยงสิ่งที่เศร้าหรือเดือดแค้นมาก เช่น ดนตรีแนวเดธเมทัลนั้นเป็นความคิดที่ดีเพราะมันอาจทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าเดิม [19]
  6. มันไม่สำคัญว่าคนๆ นั้นดีแค่ไหนเพราะหากเขาไม่รักคุณ คุณก็ไม่สามารถมีความสุขกับคนๆ นั้นได้ มันง่ายมากที่จะมองว่าคนๆ นั้นดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่คุณทุ่มเทพลังงานอย่างมากในการรักเขา การถอยมาเพื่อพิจารณาความจริงโดยไม่ใช้การเข้าข้างหรืออคติใดๆ นั้นสามารถช่วยคุณให้ออกห่างจากความรู้สึกของรักที่ไม่เป็นประโยชน์และเศร้า [20]
    • มันยังอาจช่วยให้คุณคิดถึงด้านต่างๆ ของคนๆ นี้ที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณสองคนยากลำบาก [21]
    • เช่น ความกังวลทางสังคมอย่างสุดโต่งของเขาอาจทำให้คุณไม่มีความมั่นคงที่คุณต้องการในความสัมพันธ์
    • งานวิจัยแนะนำอีกด้วยว่าการรับรู้ข้อเสียของอีกฝ่ายสามารถช่วยให้คุณก้าวผ่านการอกหักได้เร็วขึ้น [22]
    • อย่าเผลอพูดสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับอีกฝ่ายเพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้น การคิดแบบนี้สามารถทำให้คุณรู้สึกขมขื่นและโกรธเคืองมากกว่าช่วยเยียวยาคุณ
    • เชื่อหรือไม่ว่าการอกหักสามารถลดระดับไอคิวของคุณไปชั่วคราว หากคุณไม่สามารถคิดถึงความรู้สึกด้วยเหตุผล จงยอมรับว่าคุณจะต้องใช้เวลาในการกลับสู่โหมด “ปกติ” [23]
  7. คุณไม่สามารถควบคุมการตกหลุมรักคนๆ นี้พอๆ กับที่อีกฝ่ายไม่สามารถควบคุมการตกหลุมรักกับคุณ คุณกำลังทำตัวไม่ยุติธรรมกับเขาหากคุณโทษเขาเพราะเขาแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณหรือคิดว่าเขาเลวเพราะเขาไม่รักคุณ การตอกย้ำความขมขื่นนี้จะรั้งคุณไว้ไม่ให้เยียวยาได้อีกด้วย [24]
    • คุณสามารถรู้สึกเสียใจที่อีกฝ่ายไม่รักคุณโดยไม่ต้องกล่าวโทษเขา อย่าให้เพื่อนของคุณโทษเขาด้วยเช่นกันเพราะเพื่อนๆ อาจจะพยายามทำให้เขาดูไม่ดีในสายตาคุณ ซึ่งหากพวกเขาทำจริงๆ คุณแค่ขอบคุณพวกเขาสำหรับกำลังใจแต่จงพูดว่า “มันไม่ยุติธรรมที่จะโทษเขาเพราะสิ่งที่เขาไม่อาจทำให้ได้ ช่วยให้ฉันลืมเขาจะดีกว่า”
  8. คุณสามารถร้องไห้เสียใจเรื่องที่ต้องกำจัดความทรงเก่าๆ ทิ้งไปแต่มันเป็นขั้นตอนสำคัญในการเยียวยา การเก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้มีแต่จะทำให้ยากต่อการใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีเขาและคุณคงไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น!
    • นึกถึงความทรงจำที่มีต่อสิ่งๆ นั้นในขณะที่กำจัดมันแต่ละชิ้นทิ้งไป แล้วจึงจินตนาการการใส่ความทรงจำนั้นไว้ในลูกโป่ง ในขณะที่ทิ้งของสิ่งนั้นให้ลองนึกถึงลูกโป่งที่ลอยไปโดยคุณจะไม่ได้เห็นมันอีก
    • หากคุณมีสิ่งของที่ยังอยู่ในสภาพดี คุณสามารถนำไปบริจาคให้ผู้ด้อยโอกาส ลองนึกถึงความทรงจำแสนสุขที่เจ้าของใหม่จะมีต่อสิ่งของเหล่านี้และให้สิ่งนี้สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่คุณกำลังเผชิญอยู่
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

การแก้ไขปัญหาระยะสั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลี่ยงการดื่มจนเมาและโทรหรือส่งข้อความหาอีกฝ่าย. คุณอาจจะรู้สึกอยากติดต่ออีกฝ่ายเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ [25] พลังแห่งความตั้งใจของคุณอาจมีมากพอที่จะก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ในขณะที่ไม่เมาแต่เราต่างก็รู้ว่าแอลกอฮอล์ทำให้คุณสูญเสียการตัดสินใจ [26] การเมาหัวราน้ำและด่าทออีกฝ่ายที่เขาไม่รักคุณหรือร้องไห้ฟูมฟายว่าคุณเจ็บปวดแค่ไหนนั้นเป็นสิ่งที่น่าอับอายสำหรับตัวคุณเองและอีกฝ่ายจะรู้สึกไม่สบายใจ มันอาจจะทำลายโอกาสของมิตรภาพที่แท้จริงกับอีกฝ่ายในภายหลังอีกด้วย ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ หากคุณคิดว่ามีโอกาสที่คุณจะทำสิ่งที่คุณจะต้องเสียใจในภายหลัง
    • เอาโทรศัพท์ของคุณให้เพื่อนเก็บ (คนที่เป็นคนขับรถจะดีที่สุด) และห้ามคืนมันให้คุณโดยเด็ดขาดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ หรือคุณจะขอร้องอย่างไรก็ตาม
    • ลบอีกฝ่ายออกจากโทรศัพท์ของคุณ คุณจะได้ไม่สามารถโทรหรือส่งข้อความหาเขา
  2. มันอาจจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องนั้นแต่คุณสามารถคิดถึงเรื่องอื่นเมื่อคุณเริ่มคิดถึงเรื่องเก่าๆ เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองด้วยกิจกรรมหรืองานอื่นๆ ทุกครั้งที่ความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัว [27]
    • โทรศัพท์หาเพื่อน หาหนังสือที่ชอบอ่าน ดูภาพยนตร์ตลก สร้างสรรค์อะไรสักอย่าง ทำสวน แก้โจทย์เลข หาสิ่งที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของคุณได้นานพอที่จะไม่นึกถึงเขา ยิ่งคุณไม่คิดถึงเขาได้มากเท่าไหร่ทุกอย่างก็จะยิ่งง่ายขึ้น
    • เคล็ดลับคือการกำหนดระยะเวลาที่จะนึกถึงเขาประมาณ 10-15 นาที เมื่อความคิดเรื่องของเขาผุดขึ้นมาในหัวจงนึกว่า “ไม่ใช่ตอนนี้ เดี๋ยวค่อยนึกถึงเขาสิ” เมื่อถึง “เวลานัด” คุณจึงสามารถนึกถึงเขาและคิดเรื่องอื่นๆ หรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ เมื่อหมดเวลานึกถึง
  3. คุณอาจรู้สึกว่าความเจ็บปวดของคุณเมื่ออกหักคือสิ่งเดียวในโลกนี้ แต่งานวิจัยแนะนำว่าอีกฝ่ายก็อาจรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถรักคุณได้เช่นกัน คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำให้คนอื่นเจ็บปวด [28]
    • การพึงนึกว่าอีกฝ่ายอาจรู้สึกแย่ที่ไม่สามารถให้สิ่งที่คุณหวังได้นั้นจะให้มุมมองต่างๆ กับคุณ โดยปกติเมื่ออีกฝ่ายไม่รักคุณตอบก็ไม่ได้แปลว่าเขาคือคนร้ายที่เกลียดคุณหรืออยากทำร้ายคุณ
  4. การอกหักสามารถเกลี้ยกล่อมคุณได้ว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่อยู่ภายในนั้นถูกต้องมาโดยตลอด อย่าปล่อยให้ตัวเองเชื่อว่าเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่รักคุณแปลว่าคุณไม่ควรค่ากับความรัก งานวิจัยแสดงว่าเมื่อคุณเตือนตัวเองว่าคุณควรค่ากับความรัก คุณจะก้าวข้ามการอกหักได้เร็วขึ้นและจัดการกับการอกหักครั้งต่อๆ ไปได้ดีขึ้น [29]
    • เขียนลิสต์สิ่งที่เจ๋งๆ ของตัวคุณเอง ขอให้เพื่อนช่วยหากคุณนึกไม่ออก
    • แสดงความรักต่อตัวเองสำหรับสิ่งเหล่านั้น เช่น “ฉันอาจจะไม่แข็งแกร่งในตอนนี้แต่ฉันเล่นโรลเลอร์เดอร์บี้เก่งที่สุดและฉันชอบที่ฉันเป็นแบบนั้น” [30]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

การเริ่มเยียวยา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันยากที่จะเยียวยาตัวเองจากความรักข้างเดียวหากคุณยังเตือนตัวเองเรื่องอีกฝ่ายอยู่เรื่อยๆ เลี่ยงการตามหาเพลงหรือสถานที่ซึ่งทำให้คุณนึกถึงเวลาที่ดีที่คุณมีกับเขา [31]
    • ตัวกระตุ้นความทรงจำสามารถเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่การเห็นรูปคนๆ นั้นบนหน้าฟีดของเฟซบุ๊คไปจนถึงการได้ยินเพลงที่สื่อถึงช่วงเวลาที่ดีที่คุณมีกับเขา หรือแม้กระทั่งกลิ่น (เช่น กลิ่นพายแอปเปิ้ล เพราะคุยเคยแข่งทำพายแอปเปิ้ลกับเขา เป็นต้น)
    • หากคุณต้องเผชิญหน้ากับตัวกระตุ้นความทรงจำโดยบังเอิญ (ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้) คุณควรรับรู้ถึงช่วงเวลานั้นและเดินหน้าต่อไป อย่าโหยหาความรู้สึกจนความทรงจำผุดขึ้นมา เช่น หากคุณได้ยินเพลงที่มีความทรงจำดังออกมาจากวิทยุ จงปิดวิทยุหรือเปลี่ยนคลื่น รับรู้ความเศร้าและความรู้สึกผิดที่ถาโถมใส่คุณและเบนความสนใจไปที่สิ่งอื่นที่เป็นบวกหรือเป็นกลาง (เช่น จะทานอะไรเป็นอาหารมื้อค่ำหรือทริปท่องเที่ยวที่กำลังจะไป)
    • จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเลี่ยงตัวกระตุ้นความทรงจำตลอดไป คุณแค่อยากให้การเยียวยาเป็นไปอย่างง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้และการย้ำเตือนความทรงจำบ่อยๆ ทำให้กระบวนการนี้ยากขึ้น เมื่อคุณก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้แล้วตัวกระตุ้นความทรงจำอาจจะยังย้ำเตือนถึงอีกคนแต่มันจะเจ็บปวดน้อยลง
  2. การคุยเปิดอกเรื่องอารมณ์และมุมที่ยากต่างๆ ของการเยียวยาคือวิธีที่ดีที่สุด หากคุณยังยึดติดอยู่กับอารมณ์เหล่านั้นคุณจะปล่อยมันไปได้ยากในระยะยาว หาคนที่จะคุยว่าคุณรู้สึกอย่างไรและกำลังเผชิญกับอะไร [32]
    • คนๆ นั้นต้องไว้ใจได้ อาจจะเป็นเพื่อนที่คุณรู้ว่าเขาจะไม่เร่งกระบวนการการเยียวยาของคุณ สมาชิกครอบครัวที่คุณสามารถโทรหาเวลาเศร้าหมองหรือนักบำบัดจิตใจ โดยเฉพาะหากนี่คือความสัมพันธ์ที่ยาวนานซึ่งคุณพยายามอย่างหนักที่จะลืมหรือติดอยู่กับปัญหาอื่นๆ [33]
    • คุณสามารถจดบันทึกความรู้สึกที่มีหากคุณไม่อยากคุยกับใคร สิ่งหนึ่งที่ดีเกี่ยวกับการจดบันทึกความรู้สึกเหล่านี้คือคุณจะสามารถติดตามการพัฒนาของขั้นตอนการเยียวยาจิตใจซึ่งจะเป็นหลักฐานว่าการก้าวผ่านความรักข้างเดียวนั้นเป็นไปได้
    • การคุยกับคนที่เคยผ่านสิ่งเดียวกันมาจะเป็นประโยชน์มาก คุณสามารถถามพวกเขาเกี่ยวกับประสบการณ์ตรงและวิธีรับมือ
    • คนที่เคยผ่านสิ่งเดียวกันมาสามารถเข้าใจปัญหาของคนอื่นได้ดี คุณไม่ต้องอธิบายอะไรเยอะแต่พวกเขาจะเข้าใจคุณได้มาก
    • อย่าเล่าให้คนที่ไม่เคยผ่านสิ่งนี้ฟังและอย่าโกรธหากเขาล้อคุณเรื่องปัญหานี้เพราะเขาไม่เคยมีประสบการณ์และไม่เข้าใจ
    • พัฒนาความสัมพันธ์และความเชื่อกับพระเจ้า (พระพุทธเจ้า) ให้มากเพราะพลังและความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณสามารถเป็นอาวุธที่มีอานุภาพสำหรับคุณและสามารถช่วยคุณให้อดทนในยามลำบาก [34]
  3. ผลข้างเคียงที่ใหญ่หลวงของการอกหักคือการรู้สึกถูกตัดขาดจากคนอื่นๆ คุณอาจจะไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับคนๆ นี้ได้แต่คุณสามารถทำความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ในชีวิตให้แข็งแรงได้ [35]
    • งานวิจัยเสนอว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่คุณรักสามารถช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้น การใช้เวลาที่สนุกกับคนที่คุณรักสามารถช่วยให้คุณฟื้นตัวจากการอกหักได้เนื่องจากความเจ็บปวดทางอารมณ์ปรากฏออกมาทางกายภาพ
    • ความสนุกนั้นสำคัญเพราะการทำงานของมันที่สมอง การรู้สึกสนุกช่วยลดความรู้สึกโกรธและทำให้คุณรู้สึกบวก [36] การหัวเราะคือยาที่ดีที่สุดเพราะมันช่วยหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ที่เป็นสารกระตุ้นความสุขของร่างกาย มันยังสามารถเพิ่มความสามารถในการกำจัดความเจ็บปวดของร่างกายอีกด้วย [37] คุณจึงควรไปดูหนังตลก ร้องเพลงคาราโอเกะเมาๆหรือกระโดดโลดเต้นบนแทรมโพลีนอันใหญ่ ทำอะไรที่สนุก หัวเราะและเรียนรู้ที่จะเยียวยารักษา
  4. รูปแบบที่เฉพาะเจาะจงของความคิดสามารถส่งผลร้ายต่อกระบวนการการเยียวยาของคุณและทำให้มันยากขึ้นที่จะเดินหน้าต่อ [38] [39]
    • จำไว้ว่าคุณสามารถอยู่โดยไม่มีเขาได้และเขาคนนั้นไม่สมบูรณ์แบบ คุณสามารถรักคนอื่นได้อย่างดี
    • เตือนตัวเองว่าคนและสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่คุณรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะรู้สึกตลอดชีวิต โดยเฉพาะถ้าคุณพยายามอย่างหนักที่จะรู้สึกต่างออกไป
    • มีการบำบัดที่เรียกว่า “กระบวนการการหยุดความคิด” คุณควรพยายามอย่างมากที่จะไม่ยึดติดกับความคิดของคนที่คุณรัก มันจะไม่ง่ายแต่คุณสามารถฝึกการขจัดความคิดของคนๆ นั้นออกจากสมองให้เร็วที่สุด อย่างน้อยคุณควรพยายามไม่ว่ามันจะดูเป็นไปไม่ได้แค่ไหน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป (สาธุ) หากบุญที่สั่งสมมาจะช่วยให้คุณเยียวยาและรักษาเวลาที่มีค่าได้ ชีวิตนี้คือของขวัญชิ้นสำคัญ อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่คู่ควรและคนที่จะไม่ยอมสละเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อคุณ แล้วคุณจะสละเวลาของคุณให้เขาทำไม? จงใช้เวลาดีกว่าปล่อยให้เวลาใช้คุณ บางคนพูดว่า “เวลารักษาได้เกือบทุกอย่าง” จงมีความหวังว่าสักวันคุณจะลืมความรู้สึกเหล่านี้และคุณจะเข้มแข็งและฉลาดขึ้นกว่าคนอื่น
    • หลายสิ่งเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งเราแก้ไขไม่ได้ จงมองคนที่โชคร้ายกว่าคุณ การอกหักนั้นรุนแรงและเจ็บปวดแต่เราต้องดึงตัวเองออกมาและแวดล้อมไปด้วยคนที่เข้มแข็งกว่า จงรักตัวเองให้มากและอย่าทำร้ายตัวเอง จงพัฒนาตัวเองเพื่อตนเอง ขอพรจากพระให้คุณมีอนาคตที่สดใสและอารมณ์ที่แข็งแกร่งในทุกแง่มุมของชีวิต
  5. ไมมีใครอยากอกหักแต่หากคุณตีกรอบการอกหักครั้งนี้ให้เป็นประสบการณ์ชีวิตเพื่อเรียนรู้และเติบโตจากมัน มันจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาเศร้าช่วงหนึ่งของชีวิต คุณสามารถใช้มันกระตุ้นการเติบโตแง่บวกในอนาคต [40]
    • เช่น หาสิ่งที่สามารถยกย่องเกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณ คุณทุ่มเทสุดใจแต่อีกฝ่ายไม่ต้องการมันแต่คุณแข็งแกร่งและกล้าหาญมากเกินกว่าจะถูกทำลาย เราไม่สามารถเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ หรือพบเจออารมณ์ลึกซึ้ง เช่น ความสุขและความรักได้หากไม่ยอมรับความอ่อนแอ [41]
    • ไตร่ตรองว่านี่คือส่วนหนึ่งของรูปแบบที่ใหญ่ขึ้นหรือไม่ บางคนอาจตกหลุมรักคนที่หักอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะหากคุณไม่รู้สึกไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับพ่อแม่เมื่อตอนเป็นเด็ก [42] หากคุณเคยตกหลุมรักคนที่หักอกคุณมากกว่าหนึ่งครั้ง คุณอาจจะกำลังเลือกคนที่ตอกย้ำปัญหาเดียวที่คุณมีกับพ่อแม่ของคุณ คุณอาจจะต้องปรึกษานักบำบัด
    • เตือนตัวเองว่าคุณกำลังเรียนรู้ความแข็งแกร่งและความอดทนในตัวเองผ่านประสบการณ์นี้ การอกหักไม่ใช่วิธีที่น่ายินดีในการฝึกทักษะเหล่านี้แต่หากคุณมุ่งไปที่การเรียนรู้มากกว่าการหมกมุ่น คุณจะแข็งแกร่งขึ้นในอีกด้านหนึ่ง [43] คุณอาจจะเข้าใจอารมณ์และความต้องการมากขึ้น [44]
  6. งานวิจัยเสนอว่าการทำสิ่งใหม่ๆ คือวิธีที่ดีที่สุดในการแทนที่พฤติกรรมเก่าๆ ด้วยพฤติกรรมใหม่ๆ เช่น ไปเที่ยวหรือใช้เส้นทางอื่นไปทำงาน [45]
    • หากคุณไม่สามารถทำสิ่งใหญ่ๆ ทำสิ่งเล็กๆ ก็ได้แต่ให้ทำทุกวัน ไปเที่ยวอีกมุมหนึ่งของเมือง หาที่เที่ยวใหม่สำหรับคืนวันเสาร์ จัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ร่วมวงดนตรีใหม่ เรียนรู้งานอดิเรกใหม่ๆ เช่น ทำอาหารหรือปีนหน้าผา
    • เลี่ยงการทำอะไรสุดโต่งนอกจากคุณต้องการทำมันจริงๆ บางคนตัดผมออกหรือสักรอยสัก คุณควรรอหลังจากการเยียวยาช่วงแรกก่อนทำการเปลี่ยนแปลง
  7. คุณอาจลืมความเป็นตัวเองเพราะมันแต่รักคนอื่นอยู่แสนนาน การเยียวยาการอกหักคือเวลาที่ดีที่จะค้นหาตัวเองจากความรู้สึกที่คุณมีต่อผู้อื่น [46]
    • พัฒนาความก้าวหน้าส่วนตัว อย่าเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกี่ยวกับตัวคุณที่อีกฝ่ายอาจเคยไม่ชอบ [47] อย่างไรก็ตาม หากมีด้านไหนๆ ที่คุณอยากพัฒนาก็จงทำมัน เช่น เรียนภาษาใหม่ ทำรูปแบบการออกกำลังกายใหม่หรือเรียนการเล่นกีต้าร์ฟลามิงโก้ เป็นต้น
    • พัฒนาสิ่งที่ทำให้คุณไม่เหมือนใคร ในขณะที่คุณใช้เวลามากมายในการหมกมุ่นเรื่องของคนๆ นี้ ด้านอื่นๆ ที่สำคัญก็หมดความหมายลงไป ทำตัวมีส่วนร่วมกันสิ่งต่างๆ หรือคนที่คุณไม่มีเวลาให้ในอดีตเพราะมัวแต่จัดการกับความรักข้างเดียวอยู่
    • ต่อต้านแรงกระตุ้นเพื่อรับมือกับการอกหัก คุณอาจคิดง่ายๆ ว่าอีกฝ่ายปฏิเสธรักคุณเพราะคุณไม่สวย ไม่ฉลาด ไม่เท่ห์พอหรือเหตุผลต่างๆ นานา การเรียนรู้ที่จะเลี่ยงความคิดแบบนี้จะช่วยให้คุณเจ็บใจน้อยลงและยังป้องกันไม่ให้คุณ “แก้ไข” ตัวเองเพราะความอยากเอาชนะความรักของอีกฝ่าย จำไว้ว่าคุณไม่ผิด [48]
  8. การลองสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้คุณออกจากกิจวัตรธรรมดาและไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนที่คุณกำลังอยากลืมเพราะคุณจะไม่มีเวลามานั่งหมกมุ่นเรื่องของคนที่ไม่รักคุณตอบ [49]
    • การผลักตัวเองออกจากขอบเขตความสบายของคุณมีข้อดีอื่นๆ เช่นกัน ความสบายมากเกินไปสามารถลดแรงกระตุ้นในการเปลี่ยนแปลง ความไม่แน่นอนเล็กน้อยจะช่วยให้คุณเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ [50]
    • การผลักตัวเองให้ก้าวผ่านอดีตและขอบเขตความสบายจะทำให้ง่ายต่อการรับมือกับความไม่แน่นอนในภายหน้า การรับความเสี่ยง (ที่ควบคุมอยู่) และการท้าทายตัวเองจะทำให้คุณยอมรับความอ่อนแอว่าเป็นสัจธรรมของชีวิตซึ่งจะทำให้คุณเจ็บตัวน้อยหากมีบางอย่างเกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งตัวในวันหน้า [51]
    • หากคุณกลัวว่าการถูกปฏิเสธครั้งนี้เป็นเพราะคุณ คุณก็อาจจะไม่ลองทำอะไรอีกเลย การผลักดันให้ตัวเองไปเสี่ยงเล็กน้อยจะช่วยไม่ให้คุณตกอยู่ในความกลัวอีก [52]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การเดินหน้าต่อไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันไม่มีเวลาตายตัวในการเดินหน้าต่อในชีวิตหลังจากอกหักเพราะทุกคนฟื้นตัวเร็วช้าไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามมันมีสัญญาณบ่งชี้ว่าคุณพร้อมที่จะเดินหน้าต่อหลังถูกปฏิเสธจากคนที่ไม่ได้รักคุณเมื่อไหร่ [53]
    • คุณเริ่มสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ เวลาส่วนใหญ่ที่คุณโศกเศร้าคุณมักจะมองเห็นแต่ตัวเอง เมื่อคุณเริ่มสนใจในสิ่งที่คนอื่นทำคุณจะพบว่าคุณกำลังก้าวหน้าในกระบวนการการเยียวยาจิตใจ
    • คุณเริ่มหยุดสงสัยว่าใช่อีกฝ่ายที่โทรมาหรือเปล่าเมื่อมีคนโทรเข้ามาหา (โดยเฉพาะจากเบอร์ที่คุณไม่รู้จัก)
    • คุณเริ่มหยุดเห็นชีวิตตัวเองในเพลงที่ฟังหรือหนังอกหักที่ดู ที่จริงแล้วคุณเริ่มฟังเพลงหรือดูหนังแนวอื่นที่ไม่เกี่ยวกับความรักหรือความเจ็บปวดจากความรัก
    • คุณเริ่มหยุดมโนเกี่ยวกับรักที่ไม่สมหวังว่าที่จริงแล้วเขารักคุณมาโดยตลอด
  2. คุณอาจตกอยู่ในสภาพเดิมหากคุณไม่ระวังถึงแม้คุณจะพร้อมที่จะเดินหน้าต่อแล้วก็ตาม มันเหมือนการเอาไหมออกจากแผลที่ยังไม่แห้งเพราะคุณกำลังเยียวยาอยู่แต่ยังไม่แข็งแรงพอ
    • เลี่ยงการทำสิ่งต่างๆ กับอีกฝ่ายหรือปล่อยให้เขากลับมาในชีวิตจนกว่าคุณจะแน่ใจว่าคุณจะไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว
    • อย่าท้อหากคุณรู้สึกอยากกลับไปสู่สภาพเดิม คุณพยายามมามากแล้วในการลืมเขาและมันจะต้องได้ผล ความรู้สึกอยากกลับไปสู่สภาพเดิมเกิดขึ้นได้แต่ถ้าคุณยอมแพ้คุณจะแย่กว่าเดิมในระยะยาว
  3. ทำตัวร่าเริง เจอคนใหม่ๆ จีบเล่นๆ และบอกตัวเองว่าการเป็นโสดนั้นดีแค่ไหน ความมั่นใจของคุณต้องใช้การกระตุ้นและในขณะเดียวกัน คุณจะเจอคนใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ลองคิดถึงทุกครั้งที่คุณเจอคนที่ดีกว่าคนเก่าไม่ว่าในแง่ไหนก็ตาม เช่น หน้าตาดีกว่า ตลกกว่า ฉลาดกว่าหรือติดดินกว่า มันจะช่วยให้คุณมีมุมมองที่ดีขึ้น
    • คุณไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาแฟนใหม่ แค่สนุกกับการเจอคนใหม่ๆ ก็จะช่วยให้คุณฟื้นตัวเร็วขึ้น
    • ระวังการคบคนใหม่เพื่อให้ลืม ถึงแม้มันเป็นยาที่หมอสั่งให้แต่การคบคนใหม่จะได้ผลต่อเมื่อคุณพร้อมทางอารมณ์และคุณซื่อสัตย์กับตัวเองและอีกฝ่ายเกี่ยวกับการคบคนใหม่ อย่าทำให้คนใหม่รู้สึกเศร้าในความรักเหมือนตอนที่คุณคบกับคนที่พยายามลืม [54]
  4. การลืมคนรักไม่ใช่เรื่องง่ายเลย! คุณควรฉลองให้กับทุกขั้นตอนของการลืมคนๆ นั้นและจำไว้ว่าเพียงเพราะคนๆ นั้นไม่รักคุณตอบไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะทำเช่นเดียวกัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • รู้ว่าคุณคู่ควรกับคนที่ปฏิบัติต่อคุณเช่นเดียวกับที่คุณปฏิบัติต่อเขา
  • จำไว้ว่าความรักต้องมาจากทั้งสองฝ่าย ไม่เช่นนั้นคุณจะเสียเวลาที่มีค่ากับการรอคอยบางสิ่งที่ไม่มีวันเกิดขึ้น
  • เรียนรู้ที่จะรักตัวเองก่อนจะรักคนอื่น
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าอยู่กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีรัก คุณอาจคิดว่าคุณจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายรักคุณได้หากใช้เวลาแต่มันมักไม่เป็นเช่นนั้น คุณและเขาจะไม่มีความสุขและมันไม่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

  1. http://psychcentral.com/blog/archives/2015/06/17/what-to-do-when-someone-doesnt-like-you/
  2. https://www.psychologytoday.com/blog/getting-back-out-there/201506/when-the-person-you-love-doesnt-love-you
  3. https://www.psychologytoday.com/blog/the-pleasures-sex/200911/unrequited-love-and-lust-when-the-one-you-want-doesn-t-want-you-back
  4. http://io9.com/5983273/how-to-fall-out-of-love-with-somebody
  5. https://www.psychologytoday.com/blog/fighting-fear/201308/how-cope-rejection
  6. http://www.mayoclinic.org/healthy-living/end-of-life/in-depth/grief/art-20047261?pg=2
  7. http://psychcentral.com/blog/archives/2009/06/06/7-good-reasons-to-cry-your-eyes-out/
  8. http://www.psychologicalscience.org/media/myths/myth_30.cfm
  9. http://www.prevention.com/mind-body/emotional-health/healthiest-ways-express-anger
  10. http://www.apa.org/helpcenter/recognize-anger.aspx
  11. https://www.psychologytoday.com/blog/getting-back-out-there/201506/when-the-person-you-love-doesnt-love-you
  12. http://io9.com/5983273/how-to-fall-out-of-love-with-somebody
  13. http://chronicle.com/blogs/percolator/the-importance-of-hating-your-ex/23900
  14. https://www.psychologytoday.com/blog/the-squeaky-wheel/201307/10-surprising-facts-about-rejection
  15. https://www.psychologytoday.com/blog/the-couch/201502/6-ways-get-past-the-pain-unrequited-love
  16. https://www.psychologytoday.com/blog/getting-back-out-there/201506/when-the-person-you-love-doesnt-love-you
  17. http://www.cdc.gov/alcohol/faqs.htm
  18. http://io9.com/5983273/how-to-fall-out-of-love-with-somebody
  19. http://www.nytimes.com/1993/02/09/science/pain-of-unrequited-love-afflicts-the-rejecter-too.html
  20. http://www.huffingtonpost.com/2014/03/13/rejection-coping-methods-research_n_4919538.html
  21. https://www.psychologytoday.com/blog/valley-girl-brain/201209/7-phrases-will-help-you-get-over-breakup
  22. https://www.psychologytoday.com/blog/intense-emotions-and-strong-feelings/201203/emotional-memories-when-people-and-events-remain
  23. http://psychcentral.com/blog/archives/2015/06/17/what-to-do-when-someone-doesnt-like-you/
  24. http://www.helpguide.org/articles/family-divorce/coping-with-a-breakup-or-divorce.htm
  25. http://www.oprah.com/inspiration/Dr-Phil-How-to-Get-Over-Rejection
  26. http://www.apa.org/monitor/2012/04/rejection.aspx
  27. https://www.psychologytoday.com/blog/the-squeaky-wheel/201307/10-surprising-facts-about-rejection
  28. http://www.nytimes.com/2011/09/14/science/14laughter.html?_r=0
  29. http://www.helpguide.org/articles/family-divorce/coping-with-a-breakup-or-divorce.htm
  30. http://carriespaulding.com/6-toxic-breakup-thoughts-to-call-bullsht-on/
  31. http://www.scientificamerican.com/article/how-does-the-brain-react-to-a-romantic-breakup/
  32. https://www.ted.com/talks/brene_brown_on_vulnerability/transcript?language=en
  33. https://www.psychologytoday.com/blog/the-couch/201502/6-ways-get-past-the-pain-unrequited-love
  34. http://tinybuddha.com/blog/dealing-with-a-break-up-and-learning-from-the-experience/
  35. http://www.uwosh.edu/couns_center/self-help/relationships/coping-with-a-break-up
  36. NPR on breaking habits
  37. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201301/the-break-cure-7-ways-heal-find-happiness-again
  38. https://www.psychologytoday.com/blog/getting-back-out-there/201506/when-the-person-you-love-doesnt-love-you
  39. http://psychcentral.com/blog/archives/2013/02/19/7-tips-to-avoid-personalizing-rejection/
  40. http://psychclassics.yorku.ca/Yerkes/Law/
  41. http://www.psychologytoday.com/blog/confessions-techie/201101/comfort-kills
  42. http://www.nytimes.com/2011/02/12/your-money/12shortcuts.html?pagewanted=all&_r=1
  43. http://psychcentral.com/blog/archives/2013/02/19/7-tips-to-avoid-personalizing-rejection/
  44. http://www.cosmopolitan.com/sex-love/advice/a2182/Signs-You-Are-Finally-Over-Him/
  45. https://www.psychologytoday.com/blog/fixing-families/201411/the-appeal-and-the-risks-rebound-relationships

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 103,372 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา