ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เมื่อมือปืนเหนี่ยวไกแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะหลบกระสุนได้ เพราะวิถีกระสุนนั้นเร็วเกินกว่าที่จะให้มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งหลบ แต่ถึงอย่างนั้น คุณสามารถทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกยิงตั้งแต่เนิ่นๆ ได้นะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เมื่อคุณ ไม่ใช่ เป้าหมายโดยตรง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนกำลังยิงกันหรือมีใครบางคนกำลังจะยิงคนใดคนหนึ่งที่ไม่ใช่คุณ สิ่งที่คุณควรทำคือ ออกมาอยู่ให้ไกลจากสถานการณ์นั้น หากคุณรู้ว่าคุณสามารถออกไปจากตรงนั้นได้ทางไหน ให้คุณออกไปให้เร็วที่สุดเมื่อใด้ยินเสียงปืน แต่ถ้าหากคุณไม่รู้ว่ากระสุนนั้นจะมาจากทิศไหนแต่คุณรู้ว่ามีห้องที่ปลอดภัยใกล้ๆ ให้คุณเข้าไปในห้องนั้น [1]
  2. หากคุณมองไม่เจอหนทางที่จะหนี ให้คุณหาที่กำบัง โดยไปอยู่ข้างหลังสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่สามารถกันกระสุนได้ เช่น รถหรือไม่ก็สิ่งของที่แข็งพอที่จะป้องกันกระสุน เพราะกำแพงบางๆ หรือประตูธรรมดานั้นไม่พอที่จะกันกระสุนอย่างแน่นอน แม้ว่ามันจะช่วยบังคุณไม่ให้มือปืนเห็นได้ก็ตาม และถ้าหากที่กำบังนั้นใหญ่พอ ให้คุณนอนหมอบกับพื้น เพราะการนอนหมอบกับพื้นจะช่วยลดโอกาสการถูกยิงได้ [2]
  3. อย่าหยุดเพียงเพื่อที่จะเก็บข้าวของของคุณตอนที่คุณกำลังจะหนี เพราะมันจะทำให้โอกาสหนีของคุณลดลงตามไปด้วย ถ้าคุณมัวเสียเวลากับตรงนี้ มือปืนก็อาจจะเห็นคุณได้ เพราะฉะนั้น คุณต้องหนีไปเดี๋ยวนั้นไม่ต้องห่วงของมีค่า ชีวิตคุณมีค่ามากกว่ากระเป๋าสตางค์เพียงใบเดียวนะ
  4. ในขณะที่คุณกำลังจะเข้าไปอยู่ในที่กำบังหรือกำลังจะหนี คุณต้องทำให้เงียบที่สุด โดยให้คุณหายใจช้าๆ และอย่าส่งเสียงร้อง เพราะว่าถ้ามือปืนรู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้น คุณอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ และที่สำคัญอย่าคุยกับคนที่อยู่ใกล้ๆ หรือโทรศัพท์หาคนอื่น ถ้าเป็นไปได้ให้คุณเปิดเป็นโหมดเงียบ แล้วใช้วิธีพิมพ์ข้อความแทนหากคุณต้องการขอความช่วยเหลือจากใครสักคน
  5. เมื่อคุณอยู่ในที่กำบังแล้ว ให้อยู่นิ่งๆ กับที่ อย่าขยับจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งถ้าไม่จำเป็น การอยู่นิ่งๆ กับที่จะช่วยลดเสียงที่มาจากตัวคุณ และไม่ทำให้คุณเป็นจุดสนใจ
  6. หากคุณหาที่กำบังหรือเข้าไปอยู่ในห้องที่ปลอดภัยได้แล้ว อย่าลืมกั้นประตูทางเข้าให้แน่นหนา โดยเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์ที่หนักๆ มากั้นประตูและที่หน้าต่างด้วยถ้าทำได้ จากนั้นปิดไฟและทุกอย่างที่เป็นแหล่งกำเนิดของเสียง แล้วอยู่นิ่งๆ กับที่ พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด
  7. เมื่อดูเหมือนว่าคุณอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในที่กั้นหรือที่กำบัง ขอแค่คุณรอการช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่คุณจะทำได้ในสถานการณ์แบบนี้ การยิงกันส่วนใหญ่จะกินเวลาน้อยกว่าสามนาที แต่มันจะดูเหมือนนานจนคุณรอไม่ไหว แต่คุณก็ต้องอดทนรอให้ได้ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันไม่นานเลย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

เมื่อคุณเป็นเป้าหมายโดยตรง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากมีคนมุ่งเป้ามาที่คุณ คุณต้องประเมินสถานการณ์ก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าคุณกำลังถูกปล้น ให้คุณทำตามคำสั่งทุกอย่างของคนร้ายไปก่อน เพราะถ้าหากคุณเลือกที่จะต่อสู้ ตัวเลือกของคุณก็น้อยลง
  2. หากคุณกำลังถูกไล่ตามอยู่ วิ่งหนีให้เร็วที่สุด ถ้าถูกจับได้แต่ว่าเห็นหนทางหนีหรือสามารถเบนความสนใจของคนร้ายได้ ให้คุณทำ แต่ต้องทำแบบนั้นก็ต่อเมื่อหนทางหนีที่คุณเห็นนั้นดูเป็นไปได้อย่างมาก จำไว้ว่าการหันหลังให้คนร้ายจะทำให้คุณโดนโจมตีได้ง่ายกว่าเดิม และเมื่อคุณกำลังหนี ให้คุณวิ่งเป็นแนวซิกแซก (เพราะจะทำให้คุณถูกโจมตีได้ยากขึ้น) และถ้ามีโอกาส ให้คุณทำลายวิสัยทัศน์การมองเห็นของคนร้ายด้วยวิธีการเช่น ใช้ถังดับเพลิงฉีดใส่หน้า
  3. คุณอาจจะมีเวลาไม่มากเพื่อจะหนีไปให้ไกล แต่การหาที่กำบังนั้นช่วยได้มาก และถ้าคุณเห็นว่าเขากำลังจะยิงมาที่คุณ ให้คุณพุ่งเข้าหาที่กำบังถ้าทำได้
  4. เมื่อคุณกำลังเผชิญหน้ากับมือปืนอยู่ ลองมองหาสิ่งของบางอย่างที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ เช่น วัตถุหนักๆ และมันจะดีมากถ้าวัตถุนั้นมีขอบแหลม แต่ถ้าหากคุณสามารถหาวัตถุบางอย่างที่มีความแข็งแรงได้ด้วย มันก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก
  5. หากคุณไม่มีทางให้หนี ไม่มีที่ให้ซ่อน และไม่มีตัวเลือกอื่นๆ แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณก็คือเจรจากับมือปืน อย่าร้องขอให้เขาใว้ชีวิตคุณหรือขอให้เขาสงสารคุณ แต่ให้คุณแสดงความเข้าอกเข้าใจในตัวเขาและพยายามถามว่าเขาต้องการอะไร แล้วเสนอการช่วยเหลือกับเขา รวมถึงถามเขาว่าทำไมเขาถึงต้องทำสิ่งนี้ด้วย การเจรจาจะทำให้คุณมีเวลารอความช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้น
  6. ออกไปให้พ้นทางกระสุนถ้าพวกเขาเตรียมที่จะยิงคุณแล้ว. ถ้าหากเขาต้องการจะยิงคุณ สิ่งที่คุณควรทำก็คือ ออกไปให้พ้นทางกระสุน การเคลื่อนที่ไปมาจะช่วยลดโอกาสการถูกยิงที่จุดสำคัญ เพราะมันยากที่จะยิงให้ตรงเป้าในขณะที่เป้าหมายยังเคลื่อนไหวอยู่
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าหากตำรวจบอกให้คุณหยุดในขณะที่คุณอยู่ในรถหรือถ้าหากคุณมีเวลาก่อนที่คุณจะขับมาถึงที่ๆ มักจะมีตำรวจมาตรวจ ให้คุณถอดหมวกและแว่นตาออกก่อน หากคุณกำลังใส่อยู่ เพราะถ้าตำรวจสามารถสบสายตาคุณได้ พวกเขาก็จะตื่นตระหนกน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้น หากตำรวจถึงตัวคุณแล้วและกำลังจับตาดูคุณหรือคนข้างๆ คุณอยู่ คุณก็ไม่ควรทำตามวิธีนี้ เพราะว่าวิธีนี้ก็อาจจะทำให้พวกเขาตื่นตระหนกได้เช่นเดียวกัน
    • ขอย้ำอีกครั้งว่าคุณควรทำตามวิธีนี้ก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับตามองอยู่ หากคุณทำตามวิธีนี้ในขณะที่ถูกจ้องมองอยู่ ตำรวจอาจจะคิดว่าคุณเป็นบุคคลอันตรายได้
  2. ไม่ว่าคุณจะอยู่ในรถหรือบนถนน วางมือของคุณให้อยู่ในที่ๆ เจ้าหน้าที่สามารถเห็นได้ เช่น ที่ขอบหน้าต่างรถ แต่ถ้าหากคุณอยู่บนถนน ให้คุณยกมือขึ้นและให้ห่างออกจากตัวเล็กน้อย เพราะนี่จะช่วยลดความตึงเครียดของเจ้าหน้าที่ได้
  3. อย่าเอื้อมหยิบสิ่งของหรือขยับตัวมากเกินจำเป็น และอย่าเคลื่อนไหวแบบกระทันหัน เพราะมันจะดูเหมือนว่าคุณกำลังจะหยิบอาวุธขึ้นมา
  4. อย่าพยายามโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่และปล่อยให้ตัวเองอยู่ในความโกรธ แม้ว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณกำลังถูกคุกคามสิทธิอยู่ก็ตาม ซึ่งในความจริงก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่คุณก็ไม่ต้องไปใส่อารมณ์ และไม่ต้องไปใช้กำลังกับพวกเขา หากพวกเขาผิดจริง เมื่อจบการเผชิญหน้ากันแล้ว คุณค่อยปรึกษาทนายและเดินเรื่องฟ้องร้องพวกเขาภายในหลังก็ได้
  5. ค่อยๆ พูดกับเจ้าหน้าที่ช้าๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ (อย่าตะเบ็งเสียง) เพราะนี่จะทำให้คุณดูเป็นมิตรและช่วยลดความตื่นตระหนกของเจ้าหน้าที่ได้ แม้ว่าจริงๆ แล้วฝ่ายที่ควรจะใจเย็นควรจะเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่มากกว่าฝ่ายเรา แต่คุณลองคิดดูสิว่าสิ่งที่คุณควรทำจริงๆ นั้นอาจจะทำให้คุณเสี่ยงต่อกระสุนปืนก็เป็นได้นะ
  6. หากเจ้าหน้าที่บอกให้คุณหยุด คุณต้องหยุด ถ้าพวกเขาบอกให้คุณลงมาจากรถ คุณต้องลง และถ้าพวกเขาบอกให้คุณวางมือไว้บนกำแพง คุณต้องวาง ก็อย่างที่ได้บอกไว้ ว่าเราค่อยปกป้องสิทธิของเราในภายหลัง ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะยังไงในสถานการณ์แบบนี้เราก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบกว่าพวกเขา
  7. ทุกครั้งที่ต้องเคลื่อนไหวตัว ให้คุณบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าคุณจะทำอะไร ให้พวกเขารู้ว่าทำไมคุณถึงต้องเคลื่อนตัวและคุณจะไปที่ไหน โดยคุณต้องเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ และพูดกับเจ้าหน้าที่ด้วยเสียงที่นิ่ง เพราะนี่จะช่วยทำให้เจ้าหน้าที่ไม่คิดว่าคุณกำลังจะหยิบอาวุธขึ้นมา
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตราย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลีกเลี่ยงพื้นที่ๆ มีความเสี่ยงด้านอาชญากรรมและปืน ถึงแม้บางครั้งพื้นที่เหล่านี้จะหลีกเลี่ยงได้ยาก ก็ขอให้คุณอยู่ภายในอาคารให้นานมากที่สุดหากคุณจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่นั้นจริงๆ
  2. เดินทางให้รวดเร็วเมื่อต้องผ่านพื้นที่อันตราย. หากคุณอยู่ในพื้นที่ๆ ไม่ปลอดภัยแล้วคุณจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ให้คุณเดินทางผ่านตรงนั้นไปให้เร็วที่สุด มากกว่าที่จะเดินเล่นไปตามถนนกับเพื่อนคุณ และที่สำคัญหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเพื่อไปสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง แต่ให้คุณขึ้นรถบัสหรือขับรถยนต์ไปแทน (รถของเพื่อนหรือของคุณเองก็ได้)
  3. อัตราการเกิดอาชญากรรมส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเวลากลางคืน เพราะฉะนั้น พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่ๆ ไม่ค่อยปลอดภัยและสถานที่ๆ ดูปลอดภัยแต่ในขณะนั้นไม่มีแสงสว่าง เพราะในความเป็นจริงสิ่งดีๆ มักจะไม่ค่อยเกิดขึ้นในเวลาตีสองหรอก คุณจึงควรที่จะอยู่ภายในอาคารและใช้เวลาช่วงสุดท้ายของวันภายในนั้นจะดีกว่า
  4. เลือกชุดที่ใส่ให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด. มีชุดบางประเภทที่สามารถดึงดูดความสนใจจากตำรวจและทำให้คนรอบข้างสงสัยคุณได้ การที่คุณใส่ชุดอะไรก็ได้ที่คุณอยากใส่นั้น มันไม่สามารถช่วยให้คุณห่างจากความเสี่ยงได้ คุณต้องหลีกเลี่ยงการใส่ชุดที่เหมือนกับพวกที่อยู่เป็นแก๊งในแถบที่คุณอยู่ อย่างเช่น ในลอสแอนเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา การแต่งตัวแบบพวกแก๊งสเตอร์หรือใส่สีแดง นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก
  5. อย่าเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด กลุ่มแก๊ง และอย่าก่ออาชญากรรม ถ้าจะให้ดี อย่าเข้าไปอยู่ในสถานที่ๆ มีพวกกลุ่มแก๊งจะดีที่สุด มันเป็นเรื่องแปลกของพวกที่อยู่กันเป็นแก๊งที่คุณจะต้องทำร้ายใครสักคนเพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งของแก๊ง และนั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย การพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับสถานการณ์อันตรายแบบนั้นจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการถูกยิงได้
  6. นักปราชญ์ได้กล่าวไว้ว่า “อย่าริเริ่มสิ่งนั้น แล้วสิ่งนั้นจะไม่ตามมา” ซึ่งก็หมายถึงว่า ถ้าคุณไม่เริ่มสร้างปัญหาก่อน ปัญหาเหล่านั้นก็จะไม่เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ การที่คุณไปขโมยสเตอริโอของใครบางคนหรือไปมีอะไรกับแฟนของคนอื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดเอาเสียเลย จำไว้ว่าคุณสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้เพียงแค่คุณไม่สร้างปัญหานั้นขึ้นมาตั้งแต่แรก
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • หากคุณมีโทรศัพท์ ในขณะที่คุณกำลังแอบโทรแจ้งตำรวจอยู่ อย่าไปขู่มือปืนว่าคุณมีโทรศัพท์ เพราะถ้าพวกเขารู้ขึ้นมาล่ะก็ พวกเขาจะยึดมันไปจากคุณ
  • จำไว้ว่าข้อมูลเหล่านี้คือการแนะนำเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาที่จะให้นำไปใช้แทนสามัญสำนึก หรือสร้างความเอนเอียงและสั่งให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือว่าใช้ผลประโยชน์บางอย่างจากข้อบังคับใช้กฎหมาย
  • ทำทุกอย่างที่จะช่วยทำให้คุณรอด ถ้ามือปืนอยากให้คุณทำตามที่เขาต้องการ จงทำ ถ้าเขาอยากให้คุณเงียบ จงเงียบ และถ้าหากเขาอยากให้คุณทำเสียงเหมือนเป็ด คุณก็ต้องทำ ทำอะไรก็ตามที่เขาสั่งให้ทำ และรอจนถึงเวลาหนีหรือจนกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ มันไม่มีประโยชน์เลยหากต้องมาตายเพราะความทะนงตัว
  • ในขณะที่คุณกำลังซ่อนตัวอยู่ ควรหาหินหรือของแข็งเพื่อใช้ต่อสู้เมื่อมือปืนเข้ามาถึงตัวคุณ
  • หากคนที่จะเข้ามาทำร้ายคุณใช้ปืนพก ยิ่งคุณอยู่ห่างจากเขามากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น มันไม่ใช่อย่างในอย่างในหนัง ที่มือปืนทุกคนจะยิงได้อย่างแม่นยำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยิงปืนพกให้ตรงเป้านั้นยากมาก คนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีเท่านั้นถึงจะทำได้
  • หากคนร้ายใช้ปืนลูกโม่ในระยะเผาขน จำไว้ว่ากระบอกปืนจะต้องหมุน ก่อนที่ ลูกกระสุนจะออกมา ดังนั้น ถ้าคุณเลือกที่จะแย่งปืนจากคนร้าย คุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถจับกระบอกปืนไม่ให้หมุนได้ และต้องทำวิธีการนี้ ก็ต่อเมื่อ ปืนกระบอกนั้นไม่ได้ถูกง้างไว้ คุณสามารถสังเกตได้ว่าปืนกระบอกนั้นถูกง้างไว้หรือไม่จากตำแหน่งของค้อนปืน ที่อยู่บริเวณด้านบนของด้ามจับ และอยู่ข้างหลังกระบอกปืน ถ้าค้อนปืนยังอยู่ด้านบน แสดงว่าปืนกระบอกนั้นไม่ได้ถูกง้างไว้
  • หากอยู่ในช่วงที่คุณกำลังเจรจากับมือปืนอยู่ สบตากับเขาเวลาพูด เพราะการสบตาผู้พูดจะช่วยสร้างความคุ้นชินกันระหว่างผู้พูด และการที่จะเหนี่ยวไกปืนในขณะที่มองตาอีกฝ่ายอยู่นั้นสามารถสร้างความลำบากใจให้กับมือปืนได้ เพราะมันจะง่ายกว่าหากยิงคนที่ไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกันมาก่อน
  • มันดีกว่าที่จะเสี่ยงหลบกระสุนมากกว่าถูกยิง
  • ในปืนพกกึ่งอัตโนมัติส่วนใหญ่ ถ้าสไลด์ปืน (ส่วนบนของปืน) ไม่อยู่ในตำแหน่งด้านหน้า แสดงว่าในแม็กกาซีนปืนไม่มีกระสุน และทำให้คุณปลอดภัยจากกระสุนได้ช่วงหนึ่ง
  • มันเป็นความคิดที่ดี ที่จะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับปืนไว้บ้าง อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าคุณกำลังเจอกับปืนชนิดไหน แล้วปืนชนิดนั้นบรรจุกระสุนได้กี่นัด (ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7-15 นัด) และประสิทธิภาพของปืนเป็นอย่างไร เพราะผู้คนส่วนใหญ่ที่ถูกยิงแล้วตายนั้นก็เพราะพวกเขายอมแพ้ไปก่อน การมีความรู้เรื่องปืนนั้นจะช่วยคุณได้มาก หากคุณรู้ว่าจริงๆ แล้ว คุณโดนแค่กระสุนขนาดเพียง 9 มม. จากปืนพกพาราเบลลั่ม หรือ ปืน .45 ACP ซึ่งคุณยังมีโอกาสรอดหากโดนกระสุนจากปืนชนิดนี้
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าโจมตีมือปืน ถ้าหากคุณอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถที่จะแย่งปืนจากเขาได้หรือกำลังอยู่ในสายตาของเขาอยู่ เพราะฉะนั้น คุณไม่ควรวิ่งเข้าไปหามือปืน เพราะมันจะทำให้เขาตกใจและยิงปืนตามสัญชาตญาณของเขา
  • หากคุณจนมุมอย่าพูดกับคนร้ายว่า “นายไม่กล้ายิงหรอก” เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม
  • ถ้าปืนพกกึ่งอัตโนมัติไม่มีแม็กกาซีนปืนอยู่ในนั้น จำไว้ว่าอาจจะมีกระสุนเหลืออีกนัดอยู่ในกระบอก
  • พยายามพูดเจรจาจนกว่าจะมีคนมาช่วย เพราะยิ่งคุณขัดขืนมากเท่าไร โอกาสที่คุณจะถูกยิงก็มีมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น ถ้าการทำตามคำสั่งของมือปืนไม่ได้นำไปสู่การลักพาตัว คุณก็ทำตามสิ่งที่เขาต้องการเถอะ เพราะนี่คือหนทางที่ดีที่สุดในการมีชีวิตรอด (บ่อยครั้งการยอมทำตามคำสั่งของมือปืน จนนำไปสู่การลักพาตัวนั้น ตำรวจก็ต้องหาคุณให้เจออยู่ดี เพราะคนร้ายจะเรียกร้องอะไรไม่ได้ หากตัวประกันของพวกเขาไม่มีชีวิตแล้ว)
  • ควรตระหนักไว้เสมอว่าการตอบโต้ที่ดีที่สุดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ติดอาวุธก็คือการไม่ตอบโต้นั่นเอง ในขณะที่คุณต้องเผชิญหน้ากับอาวุธ การเพิ่มความตึงเครียดหรือความโกรธให้กับคนร้าย ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการถูกทำร้ายได้
  • การบอกกับคนร้ายว่า “อย่าทำแบบนี้กับตัวคุณเองนะ” นั้นสื่อเป็นนัยว่าคนร้ายนั้นเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่าคุณ เพราะฉะนั้นต้องระวังคำพูดด้วย
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,621 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา