ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การคิดชื่อเรื่องให้ดีอาจเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการเขียนเรียงความเลยก็ได้ ชื่อเรื่องที่น่าสนใจนั้นจะทำให้บทความของคุณดูโดดเด่นขึ้นมา และทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงเนื้อหา ทัศนคติ และมุมมองของบทความคุณได้ ในการคิดชื่อเรื่องให้ดี คุณต้องเน้นไปที่มาตรฐานของหัวข้อทั้งสามอย่าง ได้แก่ ตัวเกริ่นนำ คำสำคัญ และแหล่งที่มา โครงสร้างนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเรียงความเชิงวิชาการ แต่คุณก็สามารถใช้โครงสร้างนี้กับเรียงความเล่าเรื่องก็ได้เช่นกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เข้าใจโครงสร้างของชื่อเรื่อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชื่อเรื่องส่วนใหญ่ก็จะมีโครงสร้างพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะกับชื่อเรื่องของงานเขียนเชิงวิชาการ ตัวเกริ่นนำจะเป็นส่วนที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะดึงดูดผู้อ่านได้นั่นเอง มันคือส่วนที่น่าสนใจที่จะทำให้ผู้อ่านรู้ว่าเรียงความเรื่องนี้เน้นในเรื่องใด
    • ตัวเกริ่นอาจมาในรูปของกลุ่มคำสำคัญ รูปภาพสักภาพ การเล่นคำ หรือคำที่ดึงมาจากเรียงความคุณก็ได้
  2. คำเหล่านี้คือคำหรือวลีที่สำคัญซึ่งเอาไว้ใช้กับชื่อเรื่องของคุณ และให้ผู้อ่านรับรู้ถึงเนื้อหาและมุมมองของบทความ คำสำคัญเหล่านี้ควรเป็นคำสั้นๆ คำหรือสองคำที่สรุปเนื้อความของเรียงความเอาไว้
    • จำเอาไว้ว่าชื่อเรื่องที่ดีจะไม่ใช้คำที่ชัดเจนหรือใช้คำ/วลีทั่วไป ชื่อเรื่องอย่าง “เอกสารในประเทศจีนช่วงปี 1950” หรือ “รายงานเกี่ยวกับเชคสเปียร์” นั้นธรรมดาเกินไป และไม่ได้บอกผู้อ่านถึงเนื้อหาของบทความเลย ฉะนั้นให้เลี่ยงคำธรรมดาและกว้างไปอย่าง “สังคม” “วัฒนธรรม” “โลก” หรือ “มนุษยชาติ” ในชื่อเรื่องของคุณซะ
  3. นี่เป็นส่วนสุดท้ายของชื่อเรื่องที่จะบอกผู้อ่านว่าเนื้อหาอยู่ที่ใดหรือฉากของเรียงความนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งแหล่งที่มาอาจเป็นงานเขียนงานอื่น ชื่อของบทความ สถานที่ทางภูมิศาสตร์หรือคนสักคนก็ได้ ขึ้นอยู่กับหัวข้อที่ตั้งไว้
    • ตัวอย่างเช่น บทความเกี่ยวกับนโยบายก้าวกระโดดของเหมาเจ๋อตงเรื่องการคอมมิวนิสต์ในประเทศจีนช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 อาจมีตัวเกริ่นนำ (วลีที่น่าสนใจ) คำสำคัญสักหนึ่งถึงสองคำ และแหล่งที่มา (คอมมิวนิสต์ในจีนช่วงทศวรรษ 1950) ฉะนั้นชื่อเรื่องอาจออกมาเป็น “ความล้มเหลวเพียงหนึ่งเดียวทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อ: นโยบายก้าวกระโดดของเหมาเจ๋อตงเรื่องการคอมมิวนิสต์ในประเทศจีนช่วงปลายทศวรรษที่ 1950”
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การใช้คำสำคัญหรือรูปภาพ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เรียงความของคุณเป็นแนววิชาการตรงไปตรงมาหรือไม่? หรือเป็นแนวเล่าเรื่องที่อิสระกว่านั้น? ถ้าเรียงความของคุณจะพูดถึงการก้าวกระโดดอย่างยิ่งใหญ่ของคอมมิวนิสต์ในจีนช่วงปลายทศวรรษ 1950 ล่ะก็ ชื่อเรื่องก็ไม่ควรดูเล่นๆ หรือตลกเท่าไรนัก ควรจะให้ข้อมูลและตรงประเด็นไปเลยมากกว่า แต่ถ้าเรียงความนั้นเกี่ยวกับพัฒนาการของละครตลกขบขันของเชคสเปียร์ในสมัยอลิซาเบธ ชื่อเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องจริงจังอะไรขนาดนั้นก็ได้ จับคู่โทนชื่อเรื่องกับเรียงความให้ไปในทางเดียวกันล่ะ [1]
    • ตัวอย่างเช่น ชื่อเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายก้าวกระโดดอาจเป็นอะไรที่เรียบง่าย ดูเชี่ยวชาญ และเข้าใจถ่องแท้ เช่น “ความล้มเหลวเพียงหนึ่งเดียวทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อ: นโยบายก้าวกระโดดของเหมาเจ๋อตงเรื่องการคอมมิวนิสต์ในประเทศจีนช่วงปลายทศวรรษที่ 1950" ส่วนเรียงความที่เกี่ยวกับละครตลกของเชคสเปียร์อาจเป็นอะไรที่ดูเล่นๆ หน่อย อย่างเช่น " ความรักที่หายไป และละครตลกเรื่องอื่น"
  2. สรุปบทความให้ออกมาได้สามคำหรือน้อยกว่านั้น. หรือจะสรุปบทความวิจัยสำหรับเรียงความของคุณในสามคำหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ โดยหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งแล้วเขียนสามคำนั้นลงไป จากนั้นก็ดูว่าคุณจะพอใช้มันเป็นชื่อเรื่องได้หรือไม่ [2]
    • ตัวอย่างเช่น เรียงความเกี่ยวกับนโยบายก้าวกระโดดในประเทศจีนช่วงทศวรรษ 1950 อาจเน้นไปที่ความล้มเหลวของอุตสาหกรรมอย่างเหล็กกล้าและการทำนาในช่วงรัฐบาลเหมาเจ๋อตง และผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นความอดอยากในประเทศจีน สามคำที่สรุปได้ในเรียงความนี้อาจเป็น เหล็กกล้า, แผ่นดิน, ความอดอยาก และชื่อเรียงความที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ “เหล็กกล้า, แผ่นดิน และความอดอยาก: ความล้มเหลวของนโยบายก้าวกระโดด”
  3. ตามปกติแล้วเรียงความแบบห้าส่วนนั้น คำนำจะรวมไปถึงบทความวิจัยและไอเดียหลักของเรียงความของคุณ ส่วนสรุปก็จะย้ำถึงบทความวิจัยและสรุปการวิเคราะห์ของคุณ ทั้งสองส่วนนี้อาจเป็นส่วนที่ดีในการหาคำสำคัญซึ่งจะทำให้ได้ชื่อเรื่องที่น่าสนใจก็เป็นได้ [3]
    • หาสองสามคำที่สั้น อธิบายได้ดีและชัดเจน พิจารณาคำว่าดูจะไปด้วยกันได้ หรือแตกต่างกันสุดขั้วได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น คำนำของเรื่องประเทศจีนในทศวรรษที่ 1950 อาจมีคำสำคัญอย่าง “การพัฒนาอุตสาหกรรม” “การทำให้เป็นระบบชุมชนนิยม” และ “ความล่มสลาย” ชื่อเรื่องของเรียงความก็อาจเป็น “ความล่มสลายของการทำให้เป็นระบบชุมชนนิยมในประเทศจีนช่วงปีทศวรรษ 1950”
    • ในเรียงความเกี่ยวกับธรรมเนียมของละครตลกของเชคสเปียร์ โทนของเรียงความจะมีความจริงจังและเข้มงวดน้อยกว่า แล้วก็จะหาคำสำคัญที่ดูขี้เล่นหรือตลกได้ ตัวอย่างเช่น บทสรุปอาจมีคำสำคัญอย่าง “คู่รัก” “อุปสรรคกีดขวาง” และ “ไม่น่าจะเป็นไปได้” หรือ “เหนือธรรมชาติ” ชื่อเรื่องของเรียงความก็อาจเป็น “คู่รักในสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้: ธรรมเนียมละครตลกของเชคสเปียร์”
  4. การใช้คำอธิบายของรูปภาพจะช่วยให้ผู้อ่านเห็นและจินตนาการไปถึงส่วนที่เหลือของเรียงความ นึกถึงภาพที่โดดเด่นและตรงประเด็นที่จะสรุปเป็นคำหนึ่งถึงสามคำได้ดูสิ [4]
    • ตัวอย่างเช่น บทความเกี่ยวกับภูเขาไฟอาจมีหัวข้อว่า “วันที่โลกหลั่งเลือด: การปะทุของภูเขาไฟวิสุเวียส”
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ใช้คำที่อ้างถึงหรือการเล่นคำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เรียงความที่ดีจะต้องมีคำอ้างอิงและวลีที่มาจากแหล่งอ้างอิง อ่านคำที่อ้างถึงที่ใช้ในเรียงความที่ดูหนักแน่นหรือมีประสิทธิภาพ หาคำที่อ้างถึงหรือวลีที่สรุปเรียงความของคุณได้ทั้งหมด หรือที่เน้นถึงแกนหลักของเรื่องหรือไอเดียหลักในเรียงความ [5]
    • ตัวอย่างเช่น เรียงความบทละครตลกของเชคสเปียร์อาจมีคำอ้างถึงจากเรื่อง ความฝันในค่ำคืนกลางฤดูร้อน ที่ตัวละครชื่อเธเซอุสใช้กล่าวถึงคนรักถึงคู่หมั้นของเขา ราชินีแห่งเผ่าอมาซอน ฮิปโปลิต้า “ฮิปโปลิต้า ข้าเกี้ยวเจ้าด้วยดาบของข้า และได้รับความรักจากความบาดเจ็บ แต่ข้าจะแต่งงานกับเจ้า ด้วยพิธีเอิกเกริก การฉลองชัยชยะ และด้วยความกระจ่าง” [6]
    • ชื่อเรื่องที่เป็นไปได้ก็อาจเป็น “ด้วยพิธีเอิกเกริก การฉลองชัยชนะ และด้วยความกระจ่าง: ขนบของละครตลกของเชคสเปียร์”
    • หรือว่าคุณจะหาคำอ้างถึงหรือวลีที่ไม่ได้อยู่ในเรียงความ แต่ก็ยังช่วยสนับสนุนไอเดียหลักหรือแก่นหลักของเรียงความคุณได้ ลองใช้คำสำคัญในเรียงความค้นหาในเสิร์ชเอ็นจิ้นตามด้วยคำว่า “คำอ้างอิง” คุณสามารถใช้บางส่วนของคำอ้างอิงนั้นมาเป็นชื่อเรียงได้อยู่นะ
    • ตัวอย่างเช่น เรียงความเรื่องนโยบายก้าวกระโดดของเหมาเจ๋อตงนั้น คุณก็อาจใช้คำอ้างอิงจากโปสเตอร์โฆษณาของนโยบายก้าวกระโดดที่รัฐบาลเหมาเจ๋อตงใช้ ที่มีอยู่ในช่องทางออนไลน์ก็ได้ คำในโฆษณาอย่าง “ฝ่าลมและคลื่น ทุกสิ่งมีความสามารถที่โดดเด่น” อาจมาทำเป็นชื่อเรื่องสั้นๆ อย่าง “ฝ่าลมและคลื่น: สัญญาที่เป็นเท็จของนโยบายก้าวกระโดดของเหมาเจ๋อตง” [7]
  2. นึกถึงวลีหรือประโยคธรรมดาๆ ที่รู้จักกันว่าเป็นสำนวนที่ใช้บ่อยๆ และนำมันมาปรับมาใช้กับเรียงความของคุณโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ชื่อเรื่องที่เป็นที่จดจำ ใช้สำนวนสั้นๆ หรือวลีที่คุ้นหูที่ความยาวประมาณหนึ่งถึงสามคำ [8]
    • เรียงความที่ว่าด้วยละครตลกของเชคสเปียร์อาจใช้สำนวนที่ว่า “การหัวเราะคือยารักษาโรคที่ดีที่สุด” แล้วเปลี่ยนมาเป็น “การหัวเราะคือยารักษาโรคที่ดีที่สุดของข้า” ชื่อเรื่องก็อาจเป็น “การหัวเราะคือยารักษาโรคที่ดีที่สุดของข้า: ขนบธรรมเนียมของละครตลกของเชคสเปียร์”
  3. การเล่นคำอย่างชาญฉลาดจะทำให้ชื่อเรื่องดูมีอะไรแถมยังเผยว่าคุยมีความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย โดยใช้วลีที่มีอยู่แล้ว และนำคำมาแทนที่บางคำ หรือจะสับเปลี่ยนใหม่ไปเลยก็ได้นะ [9]
    • ตัวอย่างเช่น เรียงความที่ว่าด้วยมิชชันนารีในแอฟริกาตะวันตกในช่วงสมัยอาณานิคมอาจใช้ชื่อเรื่องที่เล่นคำสำคัญสองคำ เช่น “เผยแผ่ศาสนาหรือหากำไร: การรุกรานของอาณานิคมยุโรปในแอฟริกาตะวันตก”
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มันมีเครื่องมือในโลกออนไลน์ที่จะช่วยคิดชื่อหัวข้อเรียงความ โดยดึงพื้นฐานมาจากหัวข้อดิบๆ ของคุณได้ด้วย [10] แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพและประสิทธิผลของหัวข้อที่เครื่องมือคิดให้อาจไม่สูงเท่ากับที่คุณจะคิดขึ้นมาได้เองหรอกนะ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 16,290 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา