ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การยืดผมจะทำให้คุณมีผมตรงสวยเงางาม 6-8 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนจากผมยืดมาเป็นผมธรรมชาตินั้นทำได้ยากเพราะคุณจะมีผมหยักศก แตกปลายและขาดหลุดร่วงไม่รู้จบ อย่าสิ้นหวังเพราะมันมีวิธีการฟื้นฟู การกลับไปสู่ความงามตามธรรมชาติเป็นสิ่งที่สวยงามและเป็นเส้นทางที่น่าสนใจไปยังการค้นพบตัวเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การทำให้ผมมีสุขภาพดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดของการเปลี่ยนผมคือการป้องกันผมขาดหลุดร่วงจากการถูกทำลายและความแห้ง ทำสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อทำให้ผมชุ่มชื้นและนุ่มนวลโดยการใช้ครีมนวดทุกวัน ชโลมน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกบนเส้นผมและปล่อยทิ้งไว้ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงทุกเย็นก่อนเข้านอน วิธีนี้จะช่วยฟื้นฟูผมด้วยความชุ่มชื้นและสารอาหารที่จะเข้าสู่เส้นผม (ส่วนของเส้นผมที่เกิดการเปลี่ยนแปลง)
    • เพื่อป้องกันไม่ให้แชมพูดึงความชุ่มชื้นออกจากผม พยายามสระผม 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ในวันที่สระผมให้ใช้แชมพูบริเวณโคนผมเท่านั้นเพื่อกำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกบริเวณหนังศีรษะออกโดยไม่ดึงความชุ่มชื้นออกจากผม จากนั้นจึงใช้ครีมนวดตามปกติ
    • ลองใช้ครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออกระหว่างวัน ชโลมบนเส้นผมก่อนจัดแต่งทรงผมโดยบำรุงผมส่วนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ
  2. การบำรุงโดยใช้ครีมนวดสูตรเข้มข้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอีกระดับ ถึงแม้ว่าในส่วนใหญ่เราใช้ครีมนวดสูตรเข้มข้นเพียงเดือนละครั้งเท่านั้นแต่ผมที่เปลี่ยนแปลงต้องการการบำรุงที่ลึกซึ้งและสามารถรับมือกับการบำรุงได้บ่อยขึ้น ซื้อครีมนวดสูตรเข้มข้นจากร้านขายผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและใช้สัปดาห์ละครั้ง อีกทางเลือกหนึ่งคือคุณสามารถเข้าร้านเสริมสวยและทำทรีทเม้นท์บำรุงผมเข้มข้นเป็นประจำ
    • ทำตามคำแนะนำข้างขวดสำหรับครีมนวดสูตรเข้มข้น
    • ถ้าหากคุณต้องการประหยัด อีกหนึ่งทางเลือกของการใช้ครีมนวดสูตรเข้มข้นคือการใช้มายองเนส ถึงแม้ว่ามันจะฟังดู (และมีกลิ่น) ไม่น่าพึงประสงค์แต่มันได้ผลในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม ชโลมผมสัปดาห์ละครั้งเป็นเวลา 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
    • ถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะบำรุงผมอย่างเข้มข้นแบบมืออาชีพ ลองมองหาใครบางคนที่เป็นมืออาชีพในด้านการเปลี่ยนผม พวกเขาจะสามารถหาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ออกแบบมาสำหรับความต้องการของคุณโดยเฉพาะ
  3. คุณควรหลีกเลี่ยงอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนอยู่แล้วถ้าหากคุณต้องการปกป้องเส้นผม การใช้ที่ม้วนผม ที่หนีบผมและไดร์เป่าผมสามารถเพิ่มความเครียดให้กับเส้นผมและทำให้ผมขาดหลุดร่วงโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณผมส่วนที่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ผมเปลี่ยนแปลง ทำสิ่งที่คุณสามารถทำได้ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด หลีกเลี่ยงอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนและจำกัดการใช้เพียงสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างมากถ้าจำเป็น
  4. สิ่งนี้สอดคล้องกับการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมเพราะการสระผมเป็นประจำจะดึงความชุ่มชื้นของน้ำมันตามธรรมชาติที่ช่วยให้ผมแข็งแรงออกจากเส้นผม สระผมให้น้อยครั้งที่สุดเท่าที่ทำได้โดยใช้ครีมนวดจำนวนมาก หากเป็นไปได้ สักผมทุก 7-8 วันเพื่อให้มีเวลามากพอที่น้ำมันตามธรรมชาติจะสามารถเคลือบเส้นผมได้อย่างทั่วถึง [1]
  5. การรอให้ผมงอกขึ้นมาใหม่คือส่วนที่น่ารำคาญที่สุดของกระบวนการนี้ แทนที่จะรอเฉยๆ คุณสามารถกระตุ้นอัตราการงอกของผมโดยนวดหนังศีรษะ ใช้น้ำมัน (มะพร้าว มะกอก อะโวคาโดและอื่นๆ) เพียงเล็กน้อยที่อุ่นแล้วเพื่อนวดหนังศีรษะ วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นเกล็ดผมและช่วยให้ผมงอกเร็วขึ้น การนวดโดยใช้น้ำมันร้อนสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการแต่ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  6. การได้รับวิตามินและแร่ธาตุเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสุขภาพโดยรวม (นอกเหนือจากสุขภาพผม) แต่การได้รับอาหารเสริมสามารถช่วยเพิ่มอัตราการงอกของผมและทำให้ผมแข็งแรงได้เร็วขึ้น แพทย์แนะนำการบริโภคไบโอตินและวิวิสคอลซึ่งเป็นอาหารเสริมที่ใช้สำหรับการบำรุงผมและเล็บโดยเฉพาะและเพื่อเพิ่มอัตราการงอกของผม ยิ่งไปกว่านั้น คุณต้องได้รับวิตามินดีและวิตามินเอเพียงพอเพื่อช่วยให้ผมงอกเร็วขึ้นเช่นกัน
    • งานวิจัยบางชิ้นเผยว่าการบริโภคอาหารเสริมจากซอว์ ปาล์มเมตโต้ (พืชประเภทเดียวกับต้นสน) สามารถช่วยให้ผมงอกเร็วขึ้นมากกว่าการไม่บริโภคอะไรเลย [2]
  7. ถึงแม้ว่ามันจะดูขัดแย้งแต่คุณควรหลีกเลี่ยงน้ำยายืดผมและน้ำยาดัดผมเมื่อคุณพยายามเปลี่ยนแปลงผม ยิ่งไปกว่านั้น หลีกเลี่ยงยาย้อมผมและยากัดผมเพราะน้ำยาเหล่านี้ทำลายเส้นผมเป็นอย่างมากทำให้ผมขาดหลุดร่วงและชี้ฟู มองหาทางเลือกอื่นที่เป็นธรรมชาติแทนที่จะใช้สารเคมีแบบทั่วไปเพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปลอดภัยกับหนังศีรษะและเส้นผมมากกว่าสารเคมี
  8. อย่างที่ปรากฏว่าผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมทุกตัวไม่ได้ถูกผลิตมาอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยตัวเลือกที่มากมายตามท้องตลาด เราอาจจะไม่สามารถหาผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลกับเส้นผมและกระเป๋าตังค์ อย่างไรก็ตาม คุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อเส้นผมที่กำลังเปลี่ยนแปลงในขณะที่คุณเปลี่ยนแปลงเส้นผม มองหาแชมพูที่ไม่มีสารซัลเฟตเช่นเดียวกับการบำรุงผมที่โฆษณาว่าออกแบบมาเพื่อผมที่กำลังเปลี่ยนโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเส้นผมแต่มันจะทำงานเพื่อป้องกันการถูกทำลายเพิ่มเติมและความเสียหายที่อาจกลับมากับผมหยักศก
    • ถ้าหากคุณไปร้านทำผมที่ชำนาญการเปลี่ยนแปลงผม ลองถามหาคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม
    • หรือหาแชมพูที่ไม่มีสารซัลเฟต สารซัลเฟต (พบมากในแชมพูราคาถูก) ทำให้เส้นผมแห้งและอุดตันรูขุมขนบนหนังศีรษะซึ่งลดอัตราการงอกของผม
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

การเปลี่ยนทรงผม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนที่เปลี่ยนผมส่วนใหญ่มักจะตัดผมออกให้หมดคือการตัดผมที่ยืดไว้จนเหลือผมที่ขึ้นใหม่สั้นเกือบติดหนังศีรษะ สิ่งนี้คือทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อให้ผมที่ขึ้นใหม่มีสุขภาพดีแต่ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการมีผมสั้นเพียง 1 นิ้ว ถ้าหากคุณกล้าพอที่จะตัดผมทรงใหม่ การตัดผมออกให้หมดคือทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการกำจัดผมที่ยืดไว้ในทันทีทำให้คุณเปลี่ยนมามีผมธรรมชาติทั้งหมด
  2. น้ำยายืดผมเป็นน้ำยาถาวร เพราะฉะนั้นผมที่คุณยึดเอาไว้จะไม่กลับมาเป็นผมตามธรรมชาติ เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณต้องตัดผมที่อยู่เหนือบริเวณผมที่ยืดเอาไว้ออก ถ้าหากคุณไม่ต้องการตัดผมออกทั้งหมด ขั้นตอนต่อไปคือการเล็มผมบ่อยๆ เริ่มด้วยกันตัดผมออก 2-3 นิ้วและจากนั้นตัดผมออก ¼-½ นิ้วทุกเดือน เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะกำจัดผมเสียที่ยืดเอาไว้ทำให้ผมธรรมชาติของคุณงอกขึ้นมาใหม่อย่างแข็งแรงมากขึ้น
  3. ผมธรรมชาติที่งอกขึ้นมาใหม่ 2-3 นิ้วแรกอาจจะดูแปลกเมื่อติดอยู่กับผมที่ยืดเอาไว้ ใช้อุปกรณ์ปกปิดโคนผมหยักศกเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายผมมากขึ้นจากทรงผมที่รัดแน่น ที่คาดผมหรือผ้าคาดผมคือตัวเลือกที่เป็นที่นิยมสำหรับการปกปิดโคนผมในขณะที่ปล่อยปล่อยผมส่วนที่เหลือของคุณออกมา
  4. ถึงแม้ว่าการถักผมรัดแน่นอาจทำให้ผมขาดหลุดร่วงแต่การถักผมและเปียผมแบบหลวมๆ เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความน่าสนใจให้กับเส้นผมของคุณโดยไม่ทำร้ายมัน ทรงผมสำหรับผมที่กำลังเปลี่ยนแปลงที่จัดการได้ง่ายที่สุดคือการถักเปียแบบติดหนังศีรษะและเปียแบบเซเนกัลโดยใช้การต่อผม ทรงผมเหล่านี้ไม่ทำร้ายผมและปกป้องผมเป็นอย่างมากเพราะผมที่ต่อเพิ่มออกมาปกปิดผมจริงของคุณ การทำทรงผมเหล่านี้ให้เก่งอาจเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นคุณต้องใช้เวลาหาทรงผมที่ได้ผลดีที่สุดกับผมและความชอบส่วนตัวของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำทรงผมทรงอะไรก็ได้ที่หลวมเพื่อหลีกเลี่ยงการกดดันเส้นผม [3]
    • ผมของคุณบริเวณที่ยืดเอาไว้อ่อนแอที่สุด เพราะฉะนั้นคุณต้องจัดแต่งทรงผมอย่างนุ่มนวลที่สุด
  5. ผู้หญิงหลายคนเข้าใจความสำคัญของการมีเจล น้ำมันหรือสเปรย์ใส่ผม เมื่อคุณมีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม คุณสามารถปกปิดได้แม้กระทั่งทรงผมที่น่าเกลียดที่สุด ลองดูผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่คุณมีและลองใช้มัน (แทนที่จะใช้กิ๊บหรือที่คาดผมรัดผมแน่น) เพื่อจัดแต่งทรงผม คุณอาจจะชอบผลลัพธ์มากขึ้นและมันจะปลอดภัยและนุ่มนวลกับผมที่อ่อนแอมากขึ้นเช่นกัน
  6. ถึงแม้ว่ามันจะทำได้ยากแต่ยิ่งคุณสัมผัสและจัดแต่งทรงผมมากเท่าไหร่ ผมของคุณก็จะขาดหลุดร่วงและชี้ฟูได้มากขึ้นเท่านั้น พยายามอย่าหวีผมบ่อยจนเกินไปและหลีกเลี่ยงทรงผมที่สัมผัสหนังศีรษะ ถ้าคุณหวีผมคุณต้องเริ่มจากด้านล่างและหวีขึ้นโดยใช้หวี (ไม่ใช่แปรง) [4]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เสื้อยืดตัวเก่าเป็นวิธีที่ดีกว่าในการทำให้ผมแห้งเพราะมันไม่ทำให้ผมแห้งและซึมซับความชุ่มชื้นเช่นเดียวกับผ้าเช็ดตัว มันยังทำให้ผมขาดหลุดร่วงน้อยลงเมื่อเทียบกับการใช้ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าไมโครไฟเบอร์
  • ก่อนที่จะถักหรือเปียผม คุณต้องทำให้ผมชุ่มชื้นให้ทั่วถึงเพราะการถักหรือเปียผมจะดึงความชุ่มชื้นอย่างมากจากเส้นผม
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าหากคุณมีคำถามเกี่ยวกับวิธีที่ได้ผลในการปรนนิบัติผมของคุณ คุณสามารถปรึกษาช่างทำผมแทนที่จะคาดเดา คุณอาจทำร้ายเส้นผมเพิ่มขึ้นถ้าหากคุณพยายามทำบางอย่างที่คุณไม่แน่ใจ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,523 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา