ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่เกือบทุกคนต้องการ แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาต้องทำอะไรถึงจะได้มันมา การจะเป็นคนรวยได้ต้องอาศัยทั้งโชค ทักษะ และความอดทน ในการที่จะเป็นคนรวยได้นั้น คุณต้องกำหนดเส้นทางที่นำไปสู่อาชีพที่สร้างความมั่งคั่งทางการเงิน จากนั้นก็บริหารจัดการเงินที่คุณได้มาอย่างชาญฉลาดด้วยการลงทุน อดออม และลดค่าใช้จ่ายในชีวิต การเป็นคนรวยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้ามีความมานะบากบั่นและตัดสินใจอย่างรอบด้านสักหน่อย คุณก็เป็นคนรวยได้เช่นกัน

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ลงทุน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรือเครื่องมือลงทุนอื่นๆ ที่จะทำให้คุณได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ต่อปีที่มากพอจะใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้ เช่น ถ้าคุณเอาเงินไปลงทุน 30 ล้านบาทและได้ผลตอบแทนที่วางใจได้ที่ 7% ก็เท่ากับปีละ 2,100,000 บาทลบด้วยอัตราเงินเฟ้อ
    • อย่าหลงเชื่อนักลงทุนรายวันที่บอกว่าคุณสามารถหาเงินได้ง่ายๆ การซื้อขายหุ้นวันละหลายสิบตัวจริงๆ แล้วมันก็คือการพนัน ถ้าคุณซื้อขายไม่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พลาดกันได้ง่ายๆ คุณก็มีสิทธิ์ สูญ เงินมากมาย จึงไม่ใช่ช่องทางรวยที่ดีเลย
    • แต่ให้ศึกษาการลงทุนในระยะยาวแทน เลือกหุ้นพื้นฐานดีมั่นคงและเป็นผู้นำสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมที่มีแผนเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต จากนั้นก็ปล่อยหุ้นทิ้งไว้ ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน ปล่อยให้มันขึ้นลงไปเรื่อยๆ ถ้าคุณลงทุนอย่างชาญฉลาด ผ่านไปสักระยะคุณก็น่าจะเริ่มเห็นดอกผล
  2. ออมเงินไปเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนว่าจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ออมเงินไว้มากพอกับการใช้จ่ายในวัยเกษียณ บางคนก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีวันเกษียณได้เลยด้วยซ้ำ ใช้สิทธิประโยชน์จากแผนการเกษียณที่ช่วยลดหย่อนภาษี เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ การลดหย่อนภาษีที่เป็นสิทธิประโยชน์รวมในนั้นจะช่วยให้คุณเก็บเงินเพื่อการเกษียณได้เร็วขึ้น
    • อย่าหวังเงินบำนาญจากประกันสังคมอย่างเดียว จริงอยู่ว่าสำนักงานประกันสังคมจะยังคงอยู่ต่อจากนี้ไปอีก 20 ปีแน่ๆ แต่ก็มีข้อมูลที่บอกว่า ถ้ารัฐบาลยังไม่ปรับเปลี่ยนระบบอย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะด้วยการเก็บเงินสมทบเพิ่มหรือลดสิทธิประโยชน์ ประกันสังคมไม่มีทางเป็นอย่างในปัจจุบันได้แน่นอน แต่ก็เป็นไปได้ว่ารัฐบาลอาจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อ "ปรับ" ระบบประกันสังคม แต่ไม่ว่ากรณีใดประกันสังคมก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็นแหล่งเงินสำรองเดียวของคนวัยเกษียณในช่วงบั้นลายของชีวิต ซึ่งทำให้คุณจำเป็นต้องเก็บเงินและลงทุนเพื่ออนาคตเป็นอย่างยิ่ง [1]
    • ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพเป็นกองทุนรวมประเภทที่ส่งเสริมให้เกิดการออมเงินระยะยาวไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วยแต่ก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างครบถ้วน เงินส่วนนั้นจะนำไปลงทุนและสะสมเป็นดอกเบี้ยทบต้น ถ้าคุณขายกองทุนเมื่ออายุ 55 ปีบริบูรณ์และลงทุนใน RMF ไม่ต่ำกว่า 5 ปีนับจากวันที่ซื้อครั้งแรก เงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับจากการขายจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
    • ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคือกองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ลูกจ้างมีเงินออมไว้ใช้จ่ายยามเกษียณอายุ โดยกฎหมายกำหนดให้สะสมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน และนายจ้างก็จะสมทบให้อีกเท่าหนึ่งโดยอาจจะมีเงื่อนไขการสมทบตามอายุงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับ "การได้เงินมาฟรีๆ" มากที่สุด! เพราะฉะนั้นคุณควรเก็บเงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ให้มากพอเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์เต็มๆ
  3. สินทรัพย์ที่ค่อนข้างมั่นคงอย่างอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าหรือที่ดินพัฒนาที่มีศักยภาพในพื้นที่ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องก็เป็นวิธีสร้างความมั่งคั่งที่ดี แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันเช่นเดียวกับการลงทุนอื่นๆ หลายคนก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เช่น บางคนคิดว่าคอนโดย่านอโศกแทบจะรับประกันได้เลยว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อผ่านไป 5 ปี
  4. เช่น คุณอาจจะชอบที่ตัวเองมีเวลาว่าง คุณก็เลยให้เวลาตัวเองวันละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อไม่ทำอะไรเลย แต่ถ้าคุณลงทุนเวลา 2-3 ชั่วโมงเพื่ออุทิศให้แก่ความรวย ก็เท่ากับว่าคุณกำลังลงทุนเพื่อให้มีเวลาว่าง (24 ชั่วโมงต่อวัน!) เป็นเวลา 20 ปีจากการเกษียณก่อนกำหนด คุณจะทำอะไรเพื่อแลกกับความรวยในภายหลังได้บ้าง เดฟ แรมซีย์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุนมักจะบอกผู้ฟังในรายการวิทยุของเขาว่า "ใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่นในวันนี้ เพื่อที่คุณจะได้มีชีวิตที่ไม่เหมือนคนอื่นในวันพรุ่งนี้"
  5. การจ่ายเงิน 1,500,000 บาทเพื่อซื้อรถบางครั้งก็เป็นการเสียเงินเปล่าเพราะเป็นไปได้ว่าเมื่อผ่านไป 5 ปีรถจะมีมูลค่าเหลือไม่ถึงครึ่งของตอนที่ซื้อมาด้วยซ้ำไม่ว่าคุณจะดูแลมันดีแค่ไหนก็ตาม ทันทีที่คุณขับรถใหม่ออกมาจากโชว์รูม มูลค่าของมันจะลดลงประมาณ 20-25% และจะลดต่อไปเรื่อยๆ ในแต่ละปีที่คุณครอบครอง [2] นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการซื้อรถถึงเป็นการตัดสินใจทางการเงินที่สำคัญมาก
  6. ลำพังแค่การทำมาหากินก็ยากอยู่แล้ว แต่มันจะยิ่งยาก และ เจ็บปวดมากขึ้นเวลาที่คุณหมดเงินที่คุณหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงไปกับหลุมดำทางการเงิน ประเมินสิ่งที่คุณจะเสียเงินซื้อมาอีกครั้ง พยายามคิดดูว่ามัน "คุ้มค่า" จริงๆ ไหม ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างของสิ่งที่คุณไม่ควรเสียเงินกับมันมากนักหากคุณวางแผนที่จะเป็นคนรวย :
    • คาสิโนและล็อตเตอรี่ มีคนโชคดีแค่ไม่กี่คนที่ได้เงินมา แต่ที่เหลือคือเสียหมด
    • อบายมุข เช่น บุหรี่ คนที่สูบบุหรี่จัดได้แต่มองเงินปลิวหายไปในควัน
    • ของที่ขายเกินราคาไปมาก เช่น ป๊อปคอร์นที่โรงภาพยนตร์หรือเครื่องดื่มที่คลับ
    • ตู้อบผิวแทนและการทำศัลยกรรม ถ้าคุณอยากได้มะเร็งผิวหนัง แดดเมืองไทยมีถมเถไป และการเสริมจมูกกับการฉีดโบท็อกซ์เคยให้ผลดีอย่างที่บอกไว้ไหม เรียนรู้ที่จะแก่อย่างสง่างาม! ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวสักหน่อยที่จะแก่
    • ตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่ง คุณจะได้อะไรจากการเสียเงินเพิ่มอีก 30,000 บาทเหรอ ผ้าขนหนูร้อนๆ และที่วางขาเพิ่มอีก 4 นิ้วใช่ไหม เอาเงินพวกนั้นไปลงทุนแทนที่จะทิ้งไปเสียเปล่าๆ ดีกว่า
  7. การจะเป็นคนรวยว่ายากแล้ว แต่การรักษาความรวยเอาไว้ยิ่งยากกว่า ความรวยของคุณจะได้รับผลกระทบจากตลาดอยู่เสมอ และตลาดมีขึ้นมีลง ถ้าคุณเฉื่อยเกินไปในช่วงขาขึ้น พอตลาดอยู่ในช่วงขาลงคุณก็ต้องกลับไปเริ่มใหม่ ถ้าคุณได้เลื่อนตำแหน่งหรือเพิ่มเงินเดือน หรือถ้าอัตราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นมา 1 จุดเปอร์เซ็นต์ ก็อย่านำเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นมาไปใช้ เก็บไว้เผื่อช่วงที่ธุรกิจซบเซาและอัตราส่วนผลตอบแทนลงไป 2 จุดเปอร์เซ็นต์
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

เส้นทางรวยผ่านอาชีพ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เรียนให้เก่ง . ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย 4 ปีหรือการฝึกอบรมสายอาชีพ คนที่ประสบความสำเร็จบางคนจะศึกษาต่อหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ในช่วงแรกของการทำงาน นายจ้างไม่มีอะไรที่จะตัดสินคุณได้นอกจากประวัติการศึกษา เพราะฉะนั้นเกรดดีจึงมักทำให้ได้เงินเดือนสูงกว่าด้วย
  2. เลือกสายงานให้ถูกต้อง . ดูแบบสำรวจเงินเดือนที่บอกรายได้เฉลี่ยต่อปีของสาขาอาชีพต่างๆ โอกาสที่คุณจะรวยยิ่งน้อยลงถ้าคุณไปเป็นครูแทนที่จะไปทำงานด้านการเงิน ตัวอย่างอาชีพที่รายได้สูงที่สุดในประเทศไทยได้แก่ :
    • อาชีพนักบิน รายได้ 204,100 บาทต่อเดือน [3]
    • วิศวกรเหมืองแร่ และนักโลหะการ รายได้ 235,000 บาทต่อเดือน [4]
    • ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ รายได้ 153,000 บาทต่อเดือน
    • กรรมการและผู้บริหารระดับสูง รายได้ 138,000 บาทต่อเดือน [5]
  3. เลือกที่อยู่อาศัยในย่านที่มีงานดีๆ ทำ เช่น ถ้าคุณอยากทำงานด้านการเงิน โอกาสที่ดีกว่าก็มักจะอยู่ในเมืองใหญ่ๆ มากกว่าในพื้นที่ห่างไกลที่มีประชากรอาศัยอยู่น้อย ถ้าคุณอยากทำสตาร์ตอัปหรือทำงานในอุตสาหกรรมบันเทิง ก็ต้องเข้ามาในกรุงเทพฯ หรืออย่างน้อยก็ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ของแต่ละภูมิภาค
  4. สมัครงานในตำแหน่งแรกเข้าและไต่เต้าไปเรื่อยๆ. เอาตัวเลขมากางเลย สมัครงานหลายๆ ที่และไปสัมภาษณ์งานหลายๆ ที่ เมื่อได้งานแล้ว ก็ให้ทำงานนั้นต่อไปเรื่อยๆ และเพิ่มพูนประสบการณ์ที่ต้องใช้ในการไต่เต้าต่อไป
  5. พอคุณเริ่มสะสมประสบการณ์บ้างแล้ว ลองหางานใหม่ การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมสามารถเพิ่มเงินเดือนและได้เจอกับวัฒนธรรมองค์กรที่ต่างออกไป อย่ากลัวที่จะทำแบบนี้บ่อยๆ ถ้าคุณเป็นพนักงานที่มีคุณค่า บริษัทปัจจุบันของคุณก็อาจจะเสนอเงินเดือนเพิ่มหรือสวัสดิการอื่นๆ ให้ถ้าเขารู้ว่าคุณกำลังคิดเรื่องลาออก
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ลดรายจ่าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การได้รับเงินคืนหลังจากไปซื้อของใช้เข้าบ้านเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลกอย่างหนึ่ง ถ้าคุณใช้คูปองดีๆ คุณจะ ได้เงินคืนจากการใช้คูปอง จริงๆ อย่างแย่คุณก็ได้ประหยัดเงินนิดหน่อยสำหรับเก็บไว้ใช้ยามยาก แต่ถ้าโชคดีคุณจะได้ของฟรีกลับมาเยอะมากและระหว่างนั้นก็จะรวยขึ้นด้วย
  2. วิธีนี้ไม่ใช่วิธีการซื้อของที่ง่ายที่สุด แต่ก็มักจะเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด ถ้าคุณยืมหรือสมัครสมาชิกเพื่อซื้อของยกโหลจากร้านค้าปลีกอย่าง Macro ได้ คุณจะมีเงินเหลือมากเลยทีเดียว บางครั้งคุณอาจจะได้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังที่ลดราคาอย่างหนักหน่วงเลยก็ได้
    • ถ้าคุณหิวและชอบกินสลัด ให้ไปซื้อสลัดที่ Tesco Lotus ตอนค่ำๆ ที่เขาจะมีลดราคาอาหารสดกัน บางครั้งก็ลดราคาจาก 65 บาทเหลือ 32 บาท เท่ากับว่าลดเกินครึ่งเลยทีเดียว! ถ้าผักเหลือก็ยังเก็บไว้เป็นผักเคียงในมื้ออื่นๆ ได้
  3. ในประเทศไทย 64% ของขยะครัวเรือนเป็นขยะอาหาร ลูกพีช บลูเบอร์รี หรือแม้แต่เนื้อสัตว์สามารถนำมาบรรจุกระป๋องแล้วเก็บไว้บริโภคในภายหลังได้ เลือกซื้ออาหารอย่างชาญฉลาดและเมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องรับประทานจริงๆ เพราะอาหารที่ทิ้งไปก็คือเงินที่สูญไปนั่นเอง
  4. ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ มีผลต่องบรายจ่ายในแต่ละเดือนของคุณเป็นอย่างมากหากคุณไม่ใส่ใจมัน เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบนั้น หาวิธีชาญฉลาดที่จะ ทำให้บ้านเย็นในช่วงฤดูร้อน และอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว คุณอาจจะถึงขั้นลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเปลี่ยนพลังงานธรรมชาติจากดวงอาทิตย์ให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้า คุมรายจ่ายด้านสาธารณูปโภคให้ต่ำเข้าไว้ แล้วคอยดูเงินที่เก็บสะสมเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
  5. วิธีนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่ามีเงินรั่วไหลออกจากบ้านจากการใช้พลังงานอย่างสูญเปล่าไปกี่บาท
    • ถ้าคุณเป็นคนขยันคุณก็สามารถตรวจสอบการใช้พลังงานในบ้านได้เอง แต่อย่าลังเลที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำการตรวจสอบให้ ค่าจ้างจะอยู่ที่ 9,000 - 15,000 บาท ซึ่งก็ไม่ถูก แต่จะช่วยคุณประหยัดเงินได้มากกว่านั้นในระยะยาว (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณตั้งใจจะติดตั้งชนวนบ้านใหม่อยู่แล้ว)
  6. คุณอาจจะต้องลงทุนเรื่องอุปกรณ์และใบอนุญาต แต่ถ้าคุณมีอยู่แล้ว วิธีนี้ก็เป็นวิธีหาอาหารที่ราคาไม่แพง แต่ถ้าคุณคัดค้านการฆ่าสัตว์ด้วยเหตุผลทางจริยธรรม การหาพืชมาทำอาหารก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่แล้วแต่ว่าคุณอาศัยอยู่ที่ไหน แค่ต้องแน่ใจว่าคุณเก็บเฉพาะอาหารที่คุณรู้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหนและมีคุณสมบัติอะไรเท่านั้น เพราะการเจ็บป่วยหรืออาหารเป็นพิษไม่ใช่เรื่องสนุก
    • ล่ากระต่าย เป็ด หรือนกมาเป็นอาหาร
    • ตกปลาหรือใช้เหยื่อปลอมตกปลา
    • เก็บดอกไม้กินได้ เห็ดป่า หรือผักผลไม้ตามฤดูกาล
    • ทำสวนดอกไม้แบบกองโจรหรือสร้างโรงเพาะปลูก
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

เก็บเงิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีนี้หมายความว่า ก่อนที่คุณจะผลาญเงินกับรองเท้าคู่ใหม่หรือคลับกอล์ฟที่ไม่จำเป็น ให้กันเงินส่วนหนึ่งไว้ในบัญชีที่คุณจะไม่แตะต้อง ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่คุณได้รับเงินและคอยดูเงินในบัญชีเติบโต
  2. ตั้งงบรายจ่ายรายเดือนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐานทั้งหมดและเหลือไว้เป็น "ค่าบันเทิง" เล็กน้อยต่างหาก การใช้จ่ายตามงบรายจ่ายและการออมเงินไว้บางส่วนในแต่ละเดือนเป็นวิธีที่ดีในการเตรียมพร้อมเพื่อก้าวไปสู่การมีฐานะที่มั่งคั่ง
  3. เสียค่าใช้จ่ายไปกับรถและที่อยู่อาศัยให้น้อยลง. คุณอยู่อะพาร์ตเมนต์แทนที่จะอยู่บ้านได้หรือเปล่า หรือมีรูมเมตแทนที่จะเช่าอยู่คนเดียวได้ไหม คุณซื้อรถมือสองแทนที่จะซื้อรถใหม่และใช้ให้น้อยลงได้หรือเปล่า ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่จะช่วยประหยัดเงินในแต่ละเดือนไปได้มากโข
  4. คิดถึงการใช้เงินแบบไร้สาระและทบทวนทุกสิ่ง เช่น อย่าไปสตาร์บัคทุกเช้า เงิน 120 บาทที่คุณเสียไปกับกาแฟแพงๆ ทุกเช้าเป็นเงิน 840 บาท หรือปีนึงก็ 43,800 บาทเลยนะ!
  5. ในการลดรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น คุณจะต้องจดบันทึกรายจ่าย เลือกแอพพลิเคชั่นบันทึกรายจ่ายที่มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Money Lover หรือ Mint แล้วบันทึกเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เข้ามาและออกไปจากกระเป๋าสตางค์ หลังจากผ่านไปประมาณ 3 เดือน คุณก็น่าจะรู้แล้วว่าคุณหมดเงินไปกับอะไรมากที่สุดและคุณจะทำอะไรกับมัน
  6. คนไทยเสียภาษีเฉลี่ยคนละ 29,002 บาทต่อปี ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลยนะ! คุณสามารถเอาเงินก้อนนั้นไปใช้หนี้หรือตั้งกองทุนเงินสำรองแทนที่จะไปผลาญกับอย่างอื่นที่ราคาตกไปครึ่งหนึ่งตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณซื้อมาได้หรือเปล่า ถ้าคุณลงทุนเงินเกือบ 30,000 บาทอย่างชาญฉลาด ผ่านไปหลายปีมูลค่ามันสามารถเพิ่มเป็น 10 เท่าได้เลย
  7. คุณรู้ไหมว่าคนที่ใช้บัตรเครดิตซื้อของมักจะใช้เงินมากกว่าคนที่จ่ายเงินสด [6] นั่นเป็นเพราะว่าการบอกลาเงินสดเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่การใช้บัตรเครดิตไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนั้น ถ้าเป็นไปได้ให้ลาขาดบัตรเครดิตและดูว่าเวลาจ่ายเงินสดรู้สึกอย่างไร ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเก็บเงินได้เป็นคันรถเลยก็ได้
    • ถ้าคุณจะถือบัตรเครดิตไว้เหมือนเดิม ให้หาวิธีอื่นเพื่อลดค่าใช้จ่าย พยายามเคลียร์ยอดใช้เต็มในทุกๆ เดือนและจ่ายให้ตรงเวลา วิธีนี้จะทำให้ไม่เสียดอกเบี้ย หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือจ่ายขั้นต่ำก่อนถึงวันกำหนดชำระเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับที่จ่ายช้า
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

ปลดหนี้บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รีไฟแนนซ์บ้านเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยถูกลงหรือปรับเป็นผ่อนจ่าย 15 ปีแทนที่จะเป็น 30 ปี วิธีนี้จะทำให้คุณต้องจ่ายเงินเพิ่มเดือนละประมาณ 10,000 บาทแต่เมื่อคิดจากดอกเบี้ยเต็มแล้วจะช่วยประหยัดเงินไปได้มากทีเดียว
    • เช่น บ้านราคา 6,000,000 บาทผ่อนจ่าย 30 ปีจะทำให้คุณต้องเสียดอกเบี้ยอีก 5,595,000 บาท เท่ากับว่าเบ็ดเสร็จแล้ว 30 ปีคุณต้องจ่ายเงินทั้งหมด 11,595,000 บาท ในทางกลับกันถ้าคุณยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเดือนละประมาณ 10,000 บาท (เช่น 10,500 บาท) ด้วยการรีไฟแนนซ์มาเป็นผ่อนจ่าย 15 ปี (มักจะได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม) คุณก็จะหมดหนี้บ้านภายในระยะเวลาเพียง 15 ปี และส่วนที่ดีที่สุดคือคุณจะประหยัดดอกเบี้ยไปถึง 3,711,000 บาทเลยทีเดียว นั่นคือเงินที่อยู่ในกระเป๋าของคุณ ปรึกษาพนักงานฝ่ายสินเชื่อเกี่ยวกับตัวเลือกต่างๆ

เคล็ดลับ

  • ซื้อแต่ของที่จำเป็น ไม่ใช่ของที่อยากได้ และเลือกให้ดี
  • รักษาประวัติเครดิตให้ดี เพราะการมีคะแนนเครดิตต่ำจะทำให้คุณสมัครสินเชื่อหรือเครดิตต่างๆ ได้ยาก
  • การมีรายได้มากกว่าหนึ่งทางในครอบครัวจะช่วยให้สถานะทางการเงินของคุณมั่นคงมากกว่าการมีรายได้ทางเดียว
  • เขียนทุกสิ่งที่คุณซื้อและราคาลงไป แล้วดูว่าเงินหายไปไหน หลายครั้งที่คนเราเมื่อทำแบบนี้แล้ว เราจะเห็นชัดเจนว่าเราใช้เงินอย่างไร
  • จ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดให้หมดก่อน จากนั้นมาเน้นจ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงรองลงมาจนกว่าคุณจะปลอดหนี้ แผนการจ่ายหนี้แบบนี้จะทำให้คุณเสียดอกเบี้ยน้อยที่สุด หรืออีกวิธีการหนึ่งก็คือจ่ายหนี้ก้อนที่เล็กที่สุดก่อน วิธีนี้จะทำให้คุณเห็นความก้าวหน้าจากการได้ตัดหนี้บางอย่างออกไปอย่างรวดเร็ว
  • ซื้อเสื้อผ้าช่วงกลางปีหรือปลายปีเพราะมักจะมีของลดราคามากกว่า
  • พยายามทำอาหารรับประทานเองและทำงานบ้านในแต่ละวันด้วยตัวเอง การเลิกจ้างบริการต่างๆ เช่น บริการซักรีดเสื้อผ้าและงานบ้านจะช่วยประหยัดเงินไปได้มาก
  • ถ้าคุณอยากได้อะไรแพงๆ เพื่อตอบสนองกิเลสที่เกิดขึ้นในเวลานั้น ให้เปลี่ยนไปตามใจตัวเองนิดหน่อยแทนที่จะใช้เงินให้หมด เดินออกจากสูทหรือกระเป๋าดีไซเนอร์ราคาแพง แล้วเปลี่ยนไปซื้อไอศกรีมโคนหรือไปดูภาพยนตร์สักเรื่องแทน ตั๋วภาพยนตร์ราคา 150 บาทถูกกว่ากระเป๋าใบละ 24,000 บาทมาก แต่อาจจะให้ความรู้สึกเดียวกับการที่คุณได้ทำอะไร "เพื่อตัวเองเท่านั้น"
  • มองหาโอกาสที่จะหาเงินอยู่เสมอ ขายของที่คุณไม่ได้ใช้แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นแค่ของเล็กๆ ก็ตาม
  • การยืมเงินเป็นสิ่งที่ยอมรับได้หากคุณจะนำเงินไปใช้เพื่อให้ได้ทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้
  • ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการ ให้ตั้งงบรายจ่ายส่วนตัวให้น้อยที่สุดแล้วเอาเงินไปลงทุนในบริษัทจนกว่าคุณจะเป็นอิสระทางการเงิน ในระหว่างนั้นให้เอาเงินไปเก็บเป็นเงินสำรองฉุกเฉินมูลค่าเท่ากับค่าใช้จ่ายประมาณ 6 เดือน นำเงินจำนวนไปไว้ในบัญชีออมทรัพย์ กองทุนตลาดเงิน หรือใบรับรองเงินฝากระยะสั้น
  • ถ้าคุณร้อนใจอยากจะเอาเงินที่มีอยู่ไปซื้ออะไรบางอย่าง (เช่น รถคันใหม่ทั้งที่รถคันเดิมก็ยังใช้ได้อยู่) บังคับตัวเองให้รอ 1 เดือนก่อนซื้อ ขอให้คนในครอบครัวหรือเพื่อนที่คุณไว้ใจมากๆ เก็บเงินไว้ให้ถ้าคุณอยากได้มันสุดๆ ค่อยๆ ใช้เวลาพิจารณามูลค่าที่แท้จริงของสิ่งที่คุณอยากได้ ข้อดีข้อเสีย มันจะกลับมาทำให้คุณมีไฟอีกครั้งได้มากแค่ไหนเมื่อเทียบกับความพอใจที่ได้ในทันที และคุณสามารถนำเงินก้อนนั้นไปใช้ประโยชน์มากกว่าได้อย่างไร
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 11,879 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา