ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เรื่องนี้จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สักเท่าไหร่ คุณเริ่มมีใจให้เพื่อน แต่คุณไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไงดี ที่แย่ที่สุดคือคนที่คุณแอบชอบเขาไม่รู้เลยว่าคุณรู้สึกแบบนั้น หรือไม่เขาก็พอใจที่จะคิดกับคุณแค่เพื่อนต่อไป คุณได้เข้าสู่พื้นที่ “เป็นได้แค่เพื่อน” สุดสะพรึงเข้าแล้ว หลายความสัมพันธ์เริ่มต้นจากมิตรภาพ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งถอดใจตั้งแต่ตอนนี้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นค่อยๆ ใช้เวลาประเมินว่า ตอนนี้คุณยืนอยู่จุดไหนก่อนเริ่มเป็นฝ่ายรุก

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ถามตัวเองว่าตามปกติแล้วคุณจะเดตกับคนๆ นี้ไหม. ก่อนที่คุณจะยอมเสี่ยงแปรเปลี่ยนมิตรภาพเพื่อคนที่คุณชอบ ลองสังเกตดูก่อนว่าเพื่อนคนนี้เหมาะกับคุณจริงๆ หรือเปล่า บางครั้งคนเราก็แอบชอบใครเพียงเพราะว่าเราใกล้ชิดเข้าบ่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเหมาะกับเราเสมอไป ตัวอย่างคำถามที่น่าลองถามตัวเองได้แก่ : [1]
    • เรามีค่านิยมที่เหมือนกันหรือเปล่า
    • ตามปกติแล้วฉันมีใจให้คนแบบนี้หรือเปล่า
    • เขาอยู่ในจุดที่พร้อมจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่จริงจังหรือเปล่า
    • ฉันคิดว่าเขาจะเป็นคนรักที่ดีไหมหากได้อยู่กับคนที่ใช่
    • มีประเด็นที่อาจทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหาในวันข้างหน้าหรือเปล่า
  2. 2
    ยอมรับว่ามิตรภาพของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างคาดเดาไม่ได้. การบอกเพื่อนว่าคุณชอบเขาจะต้องกระทบความสัมพันธ์ของคุณในแง่ใดแง่หนึ่งอย่างแน่นอน ถ้าเขารู้สึกเหมือนกันกับคุณ คุณก็น่าจะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์แบบคนรัก และไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลยว่ามันจะเป็นยังไง ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับคุณ ความสัมพันธ์ก็อาจจะกระอักกระอ่วนเล็กน้อย อย่างน้อยที่สุดก็สักพักหนึ่ง คุณต้องเข้าใจและยอมรับข้อนี้ก่อนจะตัดสินใจสารภาพความรู้สึกออกไป [2]
    • ถ้าคุณชอบเขามากจนแทบไม่อาจเป็น "แค่เพื่อน" ได้อีกต่อไป การเสี่ยงบอกเขาไปว่าคุณรู้สึกยังไงก็อาจจะคุ้ม เพราะสุดท้ายแล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็อาจจะแสดงออกมาอยู่ดี
    • ถ้าคุณเพิ่งจะเริ่มสัมผัสได้ถึงประกายของความหลงใหลที่มีต่อเพื่อน คุณก็อาจจะรอดูสักพักว่า ความรู้สึกเหล่านั้นมันมากขึ้นหรือมันแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
  3. 3
    อย่าหมกมุ่นกับสัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกว่า คนที่คุณชอบก็ชอบคุณเหมือนกัน. คุณอาจจะพยายามหาคำใบ้ที่ซ่อนอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำ ตั้งแต่ท่ายืนไปจนถึงว่าเขามองเข้าไปในดวงตาของคุณบ่อยแค่ไหน แต่คนเราไม่เหมือนกัน บางคนก็ดูเจ้าชู้โดยธรรมชาติอยู่แล้วแม้แต่กับเพื่อนของตัวเอง แต่บางคนเขาก็เงียบขรึมมากและไม่ส่งสัญญาณให้คุณได้รู้มากเท่าไหร่แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะชอบคุณมาก จริงอยู่ว่าคุณสามารถอ่านใจเขาจากพฤติกรรมได้ว่าเขาเปิดใจที่จะเดตกับคุณหรือเปล่า แต่ก็อย่าถึงขั้นเก็บมาคิดทุกเม็ด
    • แต่ก็ไม่ใช่ว่าให้คุณมองข้ามสัญญาณที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน เช่น ถ้าเพื่อนพูดประจำว่าคุณเหมือนพี่/น้องของเขา ก็อาจเป็นคำใบ้ที่บอกว่าเขาไม่ได้สนใจคุณแบบนั้น แต่ถ้าเขาแสดงท่าทีรักใคร่หรือเจ้าชู้อย่างชัดเจนเวลาที่อยู่กับคุณแต่ไม่ทำแบบนี้กับคนอื่น ก็อาจแปลว่าเขาชอบคุณ
    • ลองถามคนที่เป็นเพื่อนกับคุณทั้งสองคนว่า คนที่คุณชอบคิดกับคุณยังไง พวกเขาอาจจะช่วยตัดสินใจได้ว่า คุณควรบอกเขาหรือเปล่าว่าคุณชอบ
  4. 4
    รอไปก่อนถ้าคุณยังไม่แน่ใจ. อย่าเพิ่งรีบร้อนพัฒนาความสัมพันธ์ แม้ว่าคุณจะไม่อยากนั่งรอไปตลอดชีวิต แต่การรีบวิ่งไปข้างหน้าทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าถึงเวลาหรือยัง หรือว่ายังค้นหาอยู่ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีเหมือนกัน ให้ความสำคัญกับมิตรภาพก่อน เพราะถ้าความรู้สึกเหล่านั้นมันเกิดขึ้นจริง มันก็คงไม่หายไปแค่เพราะว่าคุณขอเวลาทบทวนเพิ่มสักหน่อยหรอกมั้ง [3]
    • ถ้าความรู้สึกของคุณมันล้นปรี่แต่คุณก็ยังไม่แน่เรื่องการสารภาพความรู้สึกกับคนที่คุณชอบ คุณอาจจะใช้เวลากับเขาน้อยลงสักพัก วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากยิ่งขึ้น และถ้าเพื่อนเขาได้มีโอกาสคิดถึงคุณบ้าง มันก็อาจจะทำให้เขารู้ตัวว่า เขาเองก็ชอบคุณมากกว่าเพื่อน
    • ถ้าเพื่อนมีแฟนแล้วหรือถ้ามีเหตุผลอื่นๆ ที่คุณคิดว่าคุณสองคนยังคบกันตอนนี้ไม่ได้ คุณก็อาจจะเดตกับคนอื่นไปก่อนสักพัก แต่อย่าทำเป็นชอบคนอื่นแค่เพื่อให้เพื่อนหึง
    • อย่าพยายามเก็บกดความรู้สึกไว้นานเกินไป เพราะมันอาจทำให้เกิดความคับข้องใจสะสมหรือแม้แต่ความไม่พอใจได้ และคุณก็อาจจะอยากมองแค่สิ่งที่ดีที่สุดในตัวคนที่คุณชอบมากกว่าจะมองเขาให้รอบด้านในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ใช้เวลาค่อยๆ ค้นหาว่าคุณรู้สึกอย่างไรก่อนที่จะไปต่อ เพราะความเป็นเพื่อนที่มีอยู่ก่อนแล้วทำให้มันยิ่งเสี่ยง [4]
  5. 5
    ซื่อสัตย์กับตัวเองว่าคุณอยากได้ความสัมพันธ์แบบไหน. ถามตัวเองว่าคุณกำลังมองหาความสัมพันธ์ระยะยาวอยู่จริงๆ หรือคุณแค่อยากมีช่วงเวลาดีๆ กับใครสักคนสักระยะ ถ้าคุณไม่ได้แน่ใจว่าคุณพร้อมคบใครสักคนจริงๆ เพื่อนคนนี้ก็อาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะจะคบเป็นแฟนมากที่สุด การคบใครสักคนเล่นๆ อาจเป็นเรื่องสนุก แต่คุณก็อาจจะสูญเสียเพื่อนที่คบกันมานานเช่นเดียวกัน [5]
    • เช่นเดียวกันว่า ถ้าคุณคิดว่าคุณพร้อมที่จะจริงจังแล้ว แต่คุณรู้ว่าเพื่อนยังไม่พร้อมที่จะคิดถึงความสัมพันธ์ระยะยาว มันก็อาจจะยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้น
    • การมีอะไรกันไม่ได้ทำให้คุณหลุดจากพื้นที่เป็นได้แค่เพื่อน แต่จริงๆ แล้วมันจะทำให้สถานการณ์ยิ่งน่าสับสนสำหรับคุณสองคน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

จีบเพื่อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังให้มากขึ้น. ถ้าตามปกติแล้วคุณไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นกลุ่ม พยายามคิดกิจกรรมที่คุณสองคนสามารถทำร่วมกันได้ตามลำพัง ช่วงแรกยังไม่ต้องเป็นการเดตอย่างเป็นทางการก็ได้ แต่การได้ใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองสามารถช่วยให้เพื่อนมองคุณในแบบคนรักมากขึ้น นอกจากนี้ยิ่งคุณใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้มากเท่านั้น
    • เช่น คุณอาจจะชวนเพื่อนทำในสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้วว่าเขาชอบ เช่น ไปคอนเสิร์ต ไปเดินทางไกล หรือไปเล่นกีฬาด้วยกัน
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถชวนเขาให้ไปทำธุระด้วยกัน ไปหาอะไรกิน หรือไปชอปปิงด้วยกันแบบสบายๆ ก็ได้
  2. 2
    สบตาเขาค้างไว้นานกว่าปกติเล็กน้อย. มันอาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเวลาที่เราเริ่มจีบคนที่เคยเป็นเพื่อนกันจริงๆ ซึ่งหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้คุณคุ้นเคยกับการทำแบบนี้ก็คือการสบตา เมื่อคุณกับคนที่คุณชอบหันมาสบตากัน ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็สบตาค้างไว้นานกว่าปกติ 2-3 วินาที ถ้านานกว่านั้นมันจะกลายเป็นจ้องเขม็ง จากนั้นก็หันไปทางอื่นแต่ยังคงยิ้มอยู่ [6]
    • วิธีนี้ทำให้เขารู้สึกว่าคุณสองคนมีความลับร่วมกัน เพราะฉะนั้นเขาก็อาจจะยิ่งรู้สึกใกล้ชิดกับคุณมากขึ้น
  3. 3
    ก้าวข้ามขอบเขตการสัมผัส. อากัปกิริยาทางกายเล็กๆ น้อยๆ สามารถบอกได้ชัดเจนว่าคุณกำลังจีบเขา เพราะฉะนั้นลองแตะเนื้อต้องตัวคนที่คุณชอบให้มากกว่าเดิม แน่นอนว่าถ้าเขาสบายใจ เริ่มจากการสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ก่อน เช่น แตะมือเวลาคุยกัน กอดกันเวลาเจอหน้ากัน หรือเอียงหน้าไปซบไหล่เวลายืนข้างกัน ถ้าเขาดูผ่อนคลายหรือแสดงท่าทีรักใคร่ตอบกลับมา คุณก็สามารถค่อยๆ เพิ่มระดับไปจากจุดนั้นได้ [7]
    • ค่อยๆ เพิ่มระดับการสัมผัสทางกายกับเพื่อนและให้เกียรติเขา ถ้าเพื่อนเกร็ง หน้าบึ้ง หรือเขยิบหนีเวลาที่คุณแตะเนื้อต้องตัวเขา ให้หยุดและขอโทษที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด
  4. 4
    กล่าวชมคนที่คุณชอบอย่างจริงใจ. คำชมเป็นวิธีที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี และในขณะเดียวกันคุณเองก็ได้บอกให้เขารู้ด้วยว่าคุณรู้สึกอย่างไร พยายามกล่าวชมคนที่คุณชอบในสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา และคุณจะยิ่งได้คะแนนเพิ่มหากคุณชมบุคลิกหรือสไตล์ของแทนที่จะชมรูปลักษณ์ภายนอกที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ [8]
    • เช่น แทนที่จะพูดว่า "ตาแกสวยจัง" คุณอาจจะพูดว่า "เราชอบที่แกสดใสทุกครั้งที่เห็นสัตว์น่ารักๆ!" หรือ "ฉันชอบที่แกทำให้ฉันหัวเราะได้เสมอเวลาที่ฉันอยู่กับแก!"
  5. 5
    สังเกตปฏิกิริยาของเพื่อนเวลาที่คุณจีบ. สังเกตคำใบ้จากเพื่อนที่จะบอกว่า เขาเปิดใจให้คุณมาจีบเขาหรือเปล่า ถ้าเขาผ่อนคลาย ยิ้ม หน้าแดง โน้มตัวเข้ามาหาคุณ และสบตา เขาก็อาจจะชอบคุณเหมือนกัน! และถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็สามารถเดินหน้าจีบเขาได้ต่อไปและแค่คอยดูว่ามันจะเป็นยังไง [9]
    • ถ้าเขาดูเกร็ง อึดอัด หรือไม่พอใจ เขาก็อาจจะไม่ได้ชอบคุณแบบคนรักและคุณก็ควรถอยออกมาจะดีกว่า สัญญาณอื่นๆ ที่บอกว่าเขาไม่สนใจก็อาจจะเป็นการที่เขาพูดบ่อยๆ ว่าเขาชอบคนอื่น หรือเขาพยายามเลี่ยงไม่พูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไปเลย [10]
    • ถ้าเขาดูไม่ค่อยแน่ใจว่าจะแสดงท่าทีอย่างไร เขาอาจจะแค่ต้องการเวลาเพื่อปรับความคิด หรือไม่เขาก็แค่สุภาพมากจนไม่อยากปฏิเสธคุณ ค่อยๆ ใช้เวลาอ่านสถานการณ์ก่อนเดินหน้าต่อ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

แสดงออกว่าคุณเป็นคนที่ควรเดตด้วย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ และค่อยเป็นค่อยไป. อย่าคาดหวังว่ามิตรภาพของคุณจะเปลี่ยนเป็นความรักที่เร่าร้อนภายในชั่วข้ามคืน ให้เวลาอีกฝ่ายได้สบายใจกับเรื่องนี้ก่อน ช่วงแรกให้ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบสบายๆ ที่ไม่ใช่การเดต จากนั้นก็ชวนไปเดตแบบเป็นทางการมากขึ้นเมื่อถึงเวลา ปล่อยให้ท่าทางของคุณค่อยๆ เป็นการจีบและขี้เล่นมากขึ้น จากนั้นขยับไปเป็นการแสดงความรักใคร่อย่างชัดเจนในภายหลังถ้าความรู้สึกบอกว่าใช่ ถ้าคุณเร่งทุกอย่างเร็วเกินไปในทันที สุดท้ายอาจจะกลายเป็นว่าคุณทำให้เขากลัว [11]
    • หัดอ่านพฤติกรรมของเพื่อน ถ้าเขาตอบกลับการจีบแบบขำๆ ด้วยดี นั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าเขามักจะปิดประเด็นหรือเปลี่ยนเรื่องเวลาที่คุณแสดงท่าทีรักใคร่ เขาก็อาจจะไม่ได้สนใจคุณแบบนั้น และอาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนคนชอบแล้ว
    • แต่ก็อย่าทำอะไรให้มันแนบเนียน จนเกินไป ส่วนหนึ่งที่หลายคนติดแหง็กอยู่ในพื้นที่เป็นได้แค่เพื่อนก็เพราะว่า พวกเขาไม่ได้แสดงออกว่าสนใจอีกฝ่ายให้ชัดเจนพอ [12]
  2. 2
    เตรียมตัวเพื่อให้ดูมั่นใจมากขึ้น. เวลาที่คุณเป็นเพื่อนกับใครสักคน คุณก็อาจจะเผลอดูถูกหรือแซวตัวเองโดยที่เราพยายามกดตัวเองลงเพื่อสร้างเสียงหัวเราะ แต่ถ้าคุณทำอย่างนั้นบ่อยเกินไป มันจะทำให้คุณดูเป็นคนไม่มั่นคงในตัวเองได้ ซึ่งไม่ใช่พื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างความสัมพันธ์แบบคนรักเลย เพราะฉะนั้นให้พยายามพูดถึงตัวเองในแง่ดี และคนที่คุณชอบก็อาจจะมองว่าคุณเป็นคนแบบนั้นมากขึ้นด้วยเช่นกัน [13]
    • เช่น อย่าพูดประมาณว่า "ไม่มีใครอยากเดตกับฉันหรอก" หรือ "ฉันต้องเป็นโสดไปจนตาย" แต่ให้เปลี่ยนไปพูดทำนองว่า "ฉันรู้ว่าต้องมีใครสักคนที่จะรักฉันในแบบที่ฉันเป็นนี่แหละ!"
    • คุณสามารถหัวเราะกับคนที่คุณชอบได้! อันที่จริงแล้วมันคือสิ่งที่ดีเลยแหละ แค่พยายามจำไว้ว่าอย่าเล่นตัวเองให้คนอื่นหัวเราะบ่อยเกินไป
    • ถ้าคุณไม่สามารถเห็นข้อดีของตัวเองได้ ก็อาจถึงเวลาที่คุณจะต้องล้มเลิกความคิดที่จะเดตใครสักคนก่อนในตอนนี้ แต่เปลี่ยนไปใช้เวลาค้นหาว่า การใช้ชีวิตให้ดีที่สุดในความหมายของคุณคืออะไร เพราะคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ดีได้ยากหากคุณไม่เข้าใจในคุณค่าของตัวเอง
  3. 3
    ขอความช่วยเหลือจากเขา. เชื่อหรือไม่ว่าคนที่คุณชอบมีแนวโน้มที่จะชอบคุณตอบมากขึ้นได้จริงๆ ถ้าคุณให้โอกาสเขาได้ช่วยเหลือคุณ ขอให้เขาช่วยเหลือคุณเล็กๆ น้อยๆ เมื่อมีโอกาส เช่น ให้เขาพาคุณไปส่งที่ไหนสักที่ ขอยืมดินสอในห้องเรียน หรือช่วยทำโปรเจกต์ [14]
    • คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณสามารถทำให้คนที่คุณชอบประทับใจได้ด้วยการช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ แต่โชคร้ายที่บางครั้งจริงๆ แล้วมันอาจให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม คอยอยู่เคียงข้างเขาเมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือจากคุณ แต่พยายามรอจนกว่าเขาจะออกปากแทนที่จะรีบเสนอตัวเข้าไปช่วย ถ้าคุณว่างสำหรับเขาเสมอ คนที่คุณชอบอาจจะไม่อยากได้คุณเป็นแฟนสักเท่าไหร่
  4. 4
    ให้เพื่อนมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง. แม้ว่าคุณจะอยากใช้ทุกช่วงเวลาที่ตื่นนอนกับคนที่คุณชอบ แต่การเอาใจใส่มากเกินไปบางครั้งก็อาจจะเริ่มทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในที่แคบ ทำกิจกรรมต่างๆ โดยไม่ต้องมีคนที่คุณชอบบ้าง จำไว้ว่าแม้แต่ตอนที่คุณเป็นแฟนกันแล้ว การหาเวลาทำงานอดิเรกและสิ่งที่ตัวเองสนใจของใครของมันนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นเดียวกัน [15]
    • ที่ดีกว่านั้นก็คือ วิธีนี้อาจทำให้คนที่คุณชอบมีโอกาสได้รู้ตัวว่า เขาคิดถึงคุณแค่ไหนเวลาที่คุณไม่อยู่
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เริ่มเป็นแฟนกัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    แน่ใจว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยสารภาพความรู้สึก. เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองพร้อมที่จะบอกให้เขารู้แล้วว่าคุณชอบเขา พยายามหาช่วงเวลาเงียบๆ ที่คุณสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง และพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์อื่นๆ ด้วย ถ้าเพื่อนของคุณกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ตึงเครียดในชีวิตหรือเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมานาน มันก็อาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะสารภาพความรู้สึกในตอนนี้ [16]
    • ถ้ามีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ เพื่อนก็อาจจะอายจนไม่กล้าบอกว่าเขารู้สึกอย่างไรออกมาตรงๆ
  2. 2
    ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง. บอกเพื่อนว่าคุณมีอะไรจะบอก จากนั้นก็อธิบายสิ่งที่คุณอยากจะพูดอย่างเรียบง่ายและจริงใจ และเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบกลับถ้าเขาต้องการ [17]
    • ลองพูดประมาณว่า "ฉันกังวลที่จะบอกเธอเรื่องนี้ แต่ฉันชอบเธอมากเลย" หรือ "เราเป็นเพื่อนกันมานานและฉันก็ชอบอยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกดีกับเธอและฉันก็แค่จำเป็นต้องบอกให้เธอรู้"
    • อย่าทำให้การพูดคุยกันครั้งนี้กลายเป็นการพล่ามยืดยาวยิ่งใหญ่ว่า ชีวิตของคุณจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อได้เขาเป็นคนรักเท่านั้น แค่บอกให้เขารู้ว่าคุณสนใจเขาอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา
    • อย่าเปิดใจตอนที่คุณเมา แม้ว่ามันอาจจะทำให้คุณรู้สึกถึง "ความกล้าหาญ" ที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจสุดๆ แต่คุณทั้งคู่ไม่สามารถเชื่อสิ่งที่พูดออกมาได้เวลาที่เมาเหล้าหรือเมายา และมันจะยิ่งทำให้เรื่องยุ่งยากอย่างรวดเร็ว [18]
  3. 3
    ยอมรับคำปฏิเสธอย่างนุ่มนวลถ้าเขาไม่ตกลง. โชคร้ายที่บางครั้งในชีวิตเราก็ต้องถูกปฏิเสธบ้าง จำไว้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่สะท้อนคุณค่าของคุณในฐานะบุคคล แต่มันแค่แสดงให้เห็นว่า คนที่คุณชอบเขาไม่ได้คิดว่าคุณสองคนเหมาะจะคบกัน ยิ้มและพูดทำนองว่า "ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากบอกให้เธอรู้" แล้วหยุดแค่นั้น อย่ากดดันเพื่อพยายามทำให้เขาเปลี่ยนใจ เขาให้คำตอบคุณมาแล้ว และคุณก็ต้องเคารพคำตอบนั้น [19]
    • ถ้าคุณสามารถวางความรู้สึกเอาไว้ได้ คุณก็อาจจะสามารถกลับไปเป็นเพื่อนกับคนๆ นี้ได้เหมือนเดิม แต่อย่าทำอย่างนี้เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้เขาหากคุณหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ เพราะมีแต่จะยิ่งยืดเยื้อความรู้สึกอกหักให้นานออกไป
    • ใช้เวลาร่วมกับคนที่คุณรักบ้างเพื่อขอกำลังใจที่ช่วยให้จิตใจของคุณแจ่มใส นอกจากนี้การเขียนความรู้สึกลงในสมุดบันทึกก็อาจจะช่วยได้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคุณก็อาจจะอยากง่วนอยู่กับการออกกำลังกายหรืองานอดิเรกที่ชอบเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่านก็ได้
    • อย่าลืมภูมิใจในตัวเองที่บอกออกไป มันต้องใช้ความกล้าหาญมากเลยนะ! แม้แต่การถูกปฏิเสธก็ยังดีกว่าการหมดเวลาทั้งชีวิตไปกับการสงสัยว่า "มันจะเป็นยังไงนะ"
  4. 4
    ชวนเขาไปเดตถ้าเขาดูเปิดรับการเป็นแฟนกัน. เมื่อคุณได้สารภาพความรู้สึกออกไปแล้ว อย่าปล่อยไว้ให้เป็นคำถามปลายเปิด ถ้าเขาไม่ได้ปฏิเสธคุณทันที บอกให้ชัดเจนว่าคุณอยากชวนเขาไปเดตหรือคุณอยากคบกับเขา แต่อย่ากดดันให้เขาต้องตอบทันที บอกเขาว่าไม่เป็นไรถ้าเขาอยากจะขอเวลาคิดสักแป๊บนึงก่อน [20]
    • เช่น คุณอาจจะพูดประมาณว่า "ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่เจ๋งและพิเศษมากๆ และฉันก็อยากเป็นแฟนกับเธอ"
  5. 5
    กำหนดขอบเขตใหม่ร่วมกันถ้าคุณเริ่มคบกัน. ถ้าคนที่คุณชอบเขาเปิดใจที่จะสำรวจสิ่งต่างๆ ให้มากขึ้น ก็ขอแสดงความยินดีด้วย! แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะราบรื่นเสมอไปเพียงแค่เพราะว่าตกลงกันในส่วนนั้นได้แล้ว ตอนเป็นเพื่อนกันสิ่งนั้นอาจจะยอมรับได้ แต่พอมาเป็นแฟนกันแล้วทำไม่ได้ ใช้เวลาต่อรองกัน บอกให้เขารู้ว่าคุณยอมรับและไม่ยอมรับอะไรบ้าง แต่ก็รับฟังเขาอย่างตั้งใจด้วยเช่นกันเมื่อเขามีอะไรจะเสริม [21]
    • เช่น คุณอาจจะคุยกันว่า คุณจะคุยกันบ่อยแค่ไหน คุณจะจัดลำดับความสำคัญของการใช้เวลาว่างร่วมกันยังไง และอะไรที่เล่าให้คนที่เป็นเพื่อนของคุณทั้งคู่ฟังได้และไม่ได้บ้าง
    • ยืดหยุ่น ขอบเขตเหล่านี้อาจเปลี่ยนไปเมื่อความสัมพันธ์ของคุณลึกซึ้งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติและธรรมดามาก และคุณต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า อะไรที่เหมาะและไม่เหมาะกับคุณทั้งคู่
    • ไม่ต้องกังวลหากสิ่งต่างๆ จะชวนกระอักกระอ่วนในช่วงแรก แค่เรียนรู้ที่จะหัวเราะไปด้วยกันระหว่างที่คุณกำลังปรับตัวให้คุ้นเคยกับความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ [22]
  6. 6
    อย่าเอาคนที่เป็นเพื่อนกับคุณทั้งคู่มาข้องเกี่ยวกับปัญหา. ถ้าคุณมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน คุณอาจจะวิ่งแจ้นไปหาเขาเวลาที่คุณกับแฟนใหม่ทะเลาะกันหรือเห็นไม่ตรงกัน แต่มันไม่ยุติธรรมที่จะใช้เพื่อนๆ เป็นตัวแทนความคิดเห็น เพราะมันจะทำให้พวกเขาลำบากใจ อีกทั้งยังอาจทำลายมิตรภาพและความสัมพันธ์ของพวกคุณด้วย
    • เวลาที่คุณเจอปัญหาร้ายแรงในความสัมพันธ์ คุณสามารถพูดคุยกับคนอื่นได้ ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ควรเลือกคนอื่นที่ไม่ได้เป็นเพื่อนของคุณทั้งคู่ แต่ให้เลือกคนในครอบครัวหรือคนที่เป็นที่ปรึกษาให้คุณ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การปิดบังความรู้สึกอาจสร้างความเจ็บปวดและทำให้มิตรภาพเกิดความตึงเครียด ถ้าคุณคิดว่าตัวเองตกหลุมรักเพื่อนแล้วจริงๆ ให้พูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
  • ถ้าคุณรู้สึกได้ว่าเพื่อนเองก็ส่งสัญญาณที่ชวนสับสนให้คุณ เขาก็อาจจะชอบคุณเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกออกมายังไงโดยที่ยังรักษามิตรภาพเอาไว้ได้ด้วย
  • แม้ว่าคุณจะทำทุกอย่างถูกต้อง แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะอยากเป็นมากกว่าเพื่อน ถ้าความสัมพันธ์ไม่ได้ก้าวหน้าเลย ทำใจยอมรับและเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะเป็นได้
โฆษณา

คำเตือน

  • หยุดความพยายามที่จะแสดงความรักใคร่ทางกายหากมันทำให้เพื่อนอึดอัด เขาอาจจะสุภาพจนไม่กล้าพูดอะไรในตอนแรก แต่สิ่งสุดท้ายที่คุณอยากให้เกิดขึ้นก็คือ การถูกคนใกล้ชิดตีตัวออกห่าง
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
จบความสัมพันธ์
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,248 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา