ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไฟล์ JAR เป็นไฟล์ Java Archive หรือคลังไฟล์ที่ถูกบีบอัด ก็เหมือนไฟล์ Zip นั่นแหละ เวลาแตกไฟล์ Jar เท่ากับแตก/เปิดไฟล์ (ภาษาอังกฤษเรียก extract, unzip, decompile และอื่นๆ) จากไฟล์ Java Archive ออกมาเป็นโฟลเดอร์ พอเข้ามาในโฟลเดอร์แล้ว จะเปิดไฟล์ไหนใน Jar Archive ก็ตามสะดวก [1] คุณเปิดไฟล์ Jar ใน Windows ได้ง่ายๆ แต่ทำวิธีเดียวกันใน Mac หรือ Linux ไม่ได้ เลยทำให้แต่ละระบบปฏิบัติการต้องใช้วิธีการแตกไฟล์แตกต่างกันไป

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าใช้ Windows 10 “My Computer” จะกลายเป็น “This PC”
    • Windows 10: เริ่มจากคลิกไอคอน File Explorer ไอคอนนี้ (ไฟล์ Manila ในแฟ้มสีน้ำเงิน) จะอยู่ใน taskbar ด้านล่าง ต่อมาให้เลือก "This PC" จากแถบทางซ้ายของหน้าต่าง [2]
    • Windows 8: คลิกขวาตรงที่ว่าง แล้วเลือก "All Apps" จากในแถบเมนูด้านล่าง แล้วไปที่หัวข้อ "Windows System" จากนั้นดับเบิลคลิก "Computer" [3]
    • Windows 7: เปิดเมนู Start แล้วเลือก "My Computer" [4]
  2. หน้าต่าง "This PC" จะแสดงรายชื่อไดรฟ์ทั้งหมดในคอม ไฟล์ Jar ก็อยู่ในไดรฟ์ใดไดรฟ์หนึ่งนั่นแหละ ให้สังเกตตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทางขวาของชื่อไดรฟ์ แล้วพิมพ์ใน command prompt ทีหลัง [5]
  3. เพื่อดู path ของไฟล์ จะมีทุกไดรฟ์และโฟลเดอร์ที่ต้องเปิดก่อนจะเจอไฟล์ แต่ไม่มีชื่อไฟล์
    • ให้กดปุ่ม Windows + R ที่คีย์บอร์ด เพื่อเปิดโปรแกรม "Run" พิมพ์ "cmd" แล้วกด Enter เพื่อเปิด Command Prompt [6]
  4. หรือก็คือตัวอักษรที่อยู่ทางขวาของชื่อไดรฟ์นั่นเอง [7]
    • เช่น ถ้าไฟล์อยู่ใน “Local Disk (C):” ให้พิมพ์ “c”
  5. “d” ย่อมาจาก directory (โฟลเดอร์) ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่างไดรฟ์กับ “d”
    • เช่น “cd”
    • เช่น “cd C:\Program Files\Java\jdk1.7.0_79\bin”
  6. นี่คือคำสั่งแตกไฟล์ jar
    • “x” ย่อมาจาก “extract”
    • “f” ย่อมาจาก “file”
    • พอรวมกันเป็น “xf” แปลว่าต้องการแตกไฟล์ที่ระบุใน command line
    • เช่น “xf myjarfile.jar”
  7. จะเป็นการแตกไฟล์ทั้งหมดที่รวมกันอยู่ในไฟล์ Jar หลังจากนี้ไฟล์ที่แตกแล้วทั้งหมดจะไปอยู่ในตำแหน่งเดียวกับไฟล์ Jar
  8. ถ้ามีไฟล์เดียวหรือบางไฟล์ที่ต้องการแตกจากไฟล์ Jar ก็ไม่ต้องแตกทั้งหมดก็ได้ แตกเฉพาะแค่ไฟล์ที่ต้องการ
    • พอพิมพ์ “xf myjarfile.jar” แล้ว ให้กด spacebar หนึ่งที
    • พิมพ์ชื่อไฟล์ที่จะแตก ชื่อต้องตรงกับที่ขึ้นในไฟล์ Jar
    • ถ้าจะแตกมากกว่า 1 ไฟล์ ให้กด spacebar แล้วพิมพ์ชื่อไฟล์
    • ทำซ้ำตามขั้นตอนจนพิมพ์ครบทุกไฟล์ที่จะแตก
  9. เพื่อแตกไฟล์ทั้งหมดที่ระบุไว้ ไฟล์ที่แตกแล้วจะไปโผล่ในตำแหน่งเดียวกับที่มีไฟล์ Jar [8]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

Mac

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [9]
  2. เพื่อแก้ไขชื่อไฟล์ คลิกแล้วพิมพ์ได้เลย
  3. . ถ้าไม่มีโปรแกรมที่ถูกต้อง Mac จะแตกไฟล์ Jar ไม่ได้
    • ในตัวอย่าง ชื่อไฟล์ Jar คือ “myjarfile.jar” พอลบ “.jar” ที่ท้ายชื่อไปแล้ว จะเหลือแค่ “myjarfile”
  4. เพราะ Mac แตกหรือ unzip ไฟล์ zip ได้ พอเปลี่ยนประเภทของไฟล์ไป เลยไม่ต้องดาวน์โหลด Jar Extractor มาใช้
    • เช่น “myjarfile.zip”
  5. จะมีหน้าต่างโผล่มาพร้อมข้อความ “Are you sure you want to change the extension from “.jar” to “.zip”?”
  6. เท่านี้ไฟล์ Jar ก็กลายเป็นไฟล์ zip และไฟล์ทั้งหมดในไฟล์ Jar ต้นฉบับ ก็จะโผล่มาในโฟลเดอร์ชื่อเดียวกัน [10]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

Linux

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [11]
  2. เมนูจะโผล่ขึ้นมา
  3. จะมีเมนูโผล่ขึ้นมา
  4. เดี๋ยวต้องเอาชื่อไฟล์ไป paste ใน Terminal
  5. จะมีเมนูโผล่ขึ้นมา
  6. Terminal จะเปิดขึ้นมาในหน้า desktop
  7. “-” ก็คือ hyphen หรือขีดกลางนั่นเอง
  8. เท่านี้คุณก็เปิดไฟล์ในไฟล์ Jar ได้แล้ว [12]
    โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,911 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา