คุณติดตั้งระบบปฏิบัติการในแฟลชไดรฟ์ แล้วเอาไปใช้บูทเครื่องได้ตามปกติ เหมือนมีคอมพกพา ทั้งหมดนี้ทำได้โดยใช้ Rufus ของ Windows และ Disk Utility ของ Mac แต่ละวิธีการในบทความวิกิฮาวนี้ ที่ต้องทำคือหาไฟล์อิมเมจหรือไฟล์ติดตั้งระบบปฏิบัติการ ฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ USB แล้วติดตั้งระบบปฏิบัติการลงแฟลชไดรฟ์ USB อย่าลืม activate ให้บูทเครื่องจาก USB ได้ใน BIOS ของ Windows หรือเปลี่ยน startup disk ของ Mac ซะก่อน!
ขั้นตอน
-
เปิดใช้การบูทเครื่องจาก USB ใน BIOS. BIOS (Basic Input/Output System) ใช้จัดการ hardware ในคอม ระหว่างขั้นตอน startup ให้กดปุ่มที่กำหนด เพื่อเข้า BIOS (ปกติจะเป็น F2 หรือ Del ) แล้วกดปุ่มลูกศร เลื่อนไปที่ tab “Boot” ขยับ USB ขึ้นมาบนสุดของรายการโดยกด ↵ Enter เลือก “Save and Exit” เท่านี้ก็รีสตาร์ทคอมด้วย settings ใหม่
- คอมแต่ละยี่ห้อ ก็ใช้ BIOS ในคอมต่างกันไป ให้เช็คสเปคของยี่ห้อที่ใช้ จะได้รู้ว่าต้องกดปุ่มไหน ถึงจะเข้าไปปรับแต่งค่าของ BIOS ได้
-
เลือกซื้อแฟลชไดรฟ์ USB ให้เหมาะสม. ต้องใช้แฟลชไดรฟ์ที่จุได้ 16 GB ขึ้นไป จะใช้ USB 2.0 ก็ได้ แต่ถ้าใช้ USB 3.0 ที่เร็วกว่าได้ยิ่งดี
- แนะนำให้เลือกแฟลชไดรฟ์ที่จุ 32 GB ขึ้นไป ถ้าจะใส่อย่างอื่นนอกจากระบบปฏิบัติการด้วย เดี๋ยวนี้แฟลชไดรฟ์จุได้เยอะๆ ก็ไม่ค่อยแพงแล้ว (อย่าง 16 GB กับ 32 GB ก็ราคาต่างกันแค่ 100 - 200 บาทเอง!)
-
ดาวน์โหลด "disk image" ของระบบปฏิบัติการที่จะติดตั้ง. เว็บ Rufus ได้รวบรวมลิงค์ต่างๆ สำหรับดาวน์โหลด disk image ของระบบปฏิบัติการไว้ด้านล่างของหน้า ในหัวข้อ “Non-exhaustive list of ISOs Rufus is known to work with” โดยไฟล์ที่คุณต้องดาวน์โหลดมานั้น เรียกว่า ISO
-
ดาวน์โหลดแล้วเปิด Rufus . Rufus เป็นโปรแกรมที่ทำงานได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องติดตั้งที่ไหน แค่ดาวน์โหลดก็เปิดใช้งานได้เลย
-
เสียบแฟลชไดรฟ์ USB ที่คอม. จะโผล่มาในรายชื่อไดรฟ์ต่างๆ ใน “This PC”
-
คลิก “Device” ให้ขยายลงมา แล้วเลือกแฟลชไดรฟ์ USB ของคุณจากในรายชื่อ.
-
คลิก “Partition Scheme” ให้ขยายลงมา แล้วเลือก “MBR for BIOS or UEFI”. MBR (Master Boot Record) เป็นโครงสร้างไดรฟ์ที่เก่าแต่คนยังนิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ Windows
- จะเลือก GPT (GUID Partition Table) ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่กว่าก็ได้ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่อง compatibility หรือความเข้ากัน ตอนติดตั้งบางระบบปฏิบัติการ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
คลิกเมนู “Filesystem” ให้ขยายลงมา แล้วเลือก filesystem ให้เหมาะสม. ให้ใช้ “NTFS” ถ้าจะติดตั้ง Windows ในไดรฟ์ USB สำหรับบูทเครื่อง และเลือก “exFat” ถ้าจะติดตั้ง Linux แทน
-
ติ๊กช่อง “Create Bootable Disk” เพื่อเลือกใช้งาน. ช่องติ๊กนี้จะอยู่ในหัวข้อ “Format Options” เลือกแล้วจะใช้ไฟล์ ISO สร้างแฟลชไดรฟ์ USB สำหรับบูทเครื่องได้ โดยไฟล์ ISO (disk image) เป็นไฟล์ดิจิตอลที่มีเนื้อหาเหมือนในไดรฟ์ หรือในที่นี้คือระบบปฏิบัติการที่จะติดตั้ง
-
เลือก “ISO image” จากในเมนูทางขวาของช่องติ๊ก.
-
คลิกไอคอนไดรฟ์ แล้วเลือก disk image ที่ดาวน์โหลดมา. ไอคอนไดรฟ์จะอยู่ทางขวาของเมนูที่ขยายลงมา ตรงที่เลือกไฟล์ ISO image
-
กด “Start”. จะมีแถบบอกความคืบหน้า เมื่อขั้นตอนเสร็จสิ้นจะมีแจ้งเตือน
- หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้ใช้ฟอร์แมตแฟลชไดรฟ์ พอฟอร์แมตไดรฟ์ USB แล้ว "ทุกอย่าง" ในนั้นจะถูกลบหายไป ถ้าจะเก็บข้อมูลไหนในแฟลชไดรฟ์ USB ไว้ ต้อง copy ลงคอมเก็บไว้ก่อน
-
รีสตาร์ทคอมเพื่อทดสอบไดรฟ์บูทเครื่อง. เปิดใช้การบูทผ่าน USB แล้ว คอมก็น่าจะรีสตาร์ท แล้วบูทเครื่องจาก USB โดยใช้ disc image
- บาง BIOS จะมีเมนูเฉพาะสำหรับเลือก startup disk แยกไปเลย เมนูนี้จะมีปุ่มให้กดแยกไปเลยใน startup ไม่เหมือนเมนู BIOS ทั่วไป ให้ลองเช็คสเปคดู ว่าคอมที่ใช้เป็นแบบนี้ไหม ในกรณีที่บูทเครื่องจากแฟลชไดรฟ์ไม่ได้
โฆษณา
-
เลือกซื้อแฟลชไดรฟ์ USB ให้เหมาะสม. ถ้าจะติดตั้งระบบปฏิบัติการ macOS/OSX ใหม่ๆ ต้องใช้แฟลชไดรฟ์ที่จุได้อย่างน้อย 16 GB จะใช้ USB 2.0 ก็ได้ แต่ถ้าใช้ USB 3.0 ที่เร็วกว่าได้ยิ่งดี
- แนะนำให้เลือกแฟลชไดรฟ์ที่จุ 32 GB ขึ้นไป ถ้าจะใส่อย่างอื่นนอกจากระบบปฏิบัติการด้วย เดี๋ยวนี้แฟลชไดรฟ์จุได้เยอะๆ ก็ไม่ค่อยแพงแล้ว (อย่าง 16 GB กับ 32 GB ก็ราคาต่างกันแค่ 100 - 200 บาทเอง!)
-
ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งระบบปฏิบัติการจาก App Store. ค้นหา macOS/OSX เวอร์ชั่นที่จะติดตั้ง แล้วกด “Download” ไฟล์ติดตั้งจะโผล่มาในโฟลเดอร์ Applications หลังดาวน์โหลดเสร็จ
-
เสียบแฟลชไดรฟ์ USB ที่คอม. ไดรฟ์จะ mount อัตโนมัติ แล้วโผล่มาใน desktop
-
ไปที่ “Applications > Utilities” แล้วเปิด Disk Utility. Disk Utility ใช้จัดการและปรับแต่งไดรฟ์ต่างๆ โดยแฟลชไดรฟ์จะไปโผล่ในรายชื่อไดรฟ์ทางซ้าย
-
เลือกแฟลชไดรฟ์จากในรายชื่อ แล้วกด “Partition”. การแบ่งพาร์ทิชั่น ก็คือการแบ่งพื้นที่เก็บข้อมูลในไดรฟ์ออกเป็นส่วนๆ ปุ่มนี้จะอยู่ใน tab ต่างๆ ล่างแถบเมนู tab นี้จะมีตัวเลือกใช้ฟอร์แมตไดรฟ์ USB และสร้างเป็นไดรฟ์แบบบูทเครื่องได้
-
เปิดเมนู Partition Layout แล้วเลือก “1 Partition”. พาร์ทิชั่นเดียวเท่ากับระบบปฏิบัติการในไดรฟ์ได้ใช้พื้นที่เต็มที่
-
เปิดเมนู Format แล้วเลือก “Mac OS Extended (Journaled)". เป็นฟอร์แมตที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบปฏิบัติการ
- หมายเหตุ: ฟอร์แมตไดรฟ์ USB แล้ว ข้อมูล "ทั้งหมด" จะถูกลบหายไป เพราะงั้นถ้ามีข้อมูลไหนในแฟลชไดรฟ์ USB ที่อยากเก็บไว้ ต้อง copy ลงคอมแยกไว้ก่อน
-
กด “Options…” . ที่เป็นปุ่มล่างตารางพาร์ทิชั่น แล้วเปิดเมนูตัวเลือกของพาร์ทิชั่นที่เลือกไว้
-
เลือก “GUID partition table” แล้วกด “OK”. ต้องเลือกประเภทพาร์ทิชั่นนี้ ถึงจะบูทเครื่องได้
- ตัวเลือกอื่นๆ นั้นเอาไว้สร้างไดรฟ์บูทเครื่อง PowerPC หรือ Windows ถ้าเป็น macOS/OSX รุ่นใหม่ๆ จะใช้งานในเครื่องที่ไม่ใช่ Mac ไม่ได้
-
กด “Apply” แล้วกด “Partition” ใน pop-up คำเตือน. จะมีแถบโผล่มาบอกความคืบหน้าการฟอร์แมตและแบ่งพาร์ทิชั่น ขั้นตอนนี้ปกติไม่กี่นาทีก็เสร็จ พอเรียบร้อยแล้ว แถบความคืบหน้าจะหายไป
-
เปิดไฟล์ติดตั้ง macOS/OSX. ปกติไฟล์ติดตั้งจะอยู่ในโฟลเดอร์ Applications
-
กด “Continue” เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง.
-
กด “Agree” แล้วกด “Agree” อีกครั้งใน pop-up. คลิกปุ่มนี้เพื่อยอมรับข้อตกลงการใช้งาน ที่ขึ้นในหน้าต่างติดตั้ง
-
กด “Show All Disks”. เพื่อเลือกไดรฟ์ที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ
-
เลือกแฟลชไดรฟ์จากในรายชื่อไดรฟ์ แล้วกด “Install”. เพื่อเริ่มขั้นตอนการติดตั้ง ปกติใช้เวลาประมาณ 30 นาทีขึ้นไป พอติดตั้งเสร็จ จะมีให้ตั้งค่าระบบปฏิบัติการใหม่
- อาจจะมีให้กรอกข้อมูลล็อกอินที่ใช้ในคอมด้วย หลังกดติดตั้ง เพื่อยืนยันคำสั่ง
-
กรอกข้อมูลตั้งค่าระบบปฏิบัติการ. จะมีให้กรอกข้อมูลอย่าง username/รหัสผ่าน สถานที่ และข้อมูล Wi-Fi เพื่อปรับแต่งระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งไป เสร็จแล้วคอมจะบูทเข้าไดรฟ์
-
ไปที่ “Applications > System Settings” แล้วเปิด “Startup Disk”. ต้องเช็คก่อนว่าสลับไดรฟ์ที่ใช้บูทเครื่อง กลับไปที่ฮาร์ดไดรฟ์ของคอมแล้ว ไม่งั้นจะมีปัญหาหลังถอดแฟลชไดรฟ์
-
เลือกฮาร์ดไดรฟ์ของคอม แล้วกด “Restart”. เพื่อบูทกลับเข้าฮาร์ดไดรฟ์ของคอม เท่านี้ก็ eject แฟลชไดรฟ์ได้เลยโฆษณา
เคล็ดลับ
- ถ้าใช้แฟลชไดรฟ์ที่มี macOS/OSX กับเครื่อง Windows หรือกลับกัน มักจะมีปัญหาใหญ่เรื่อง incompatibility คือไฟล์ต่างๆ ใช้งานข้ามระบบกันไม่ได้ แต่ถ้าเป็น Linux จะใช้ได้กับแทบทุกเครื่อง
โฆษณา
โฆษณา