วิธีการ ใช้ Android Device Manager

ถ้าคุณทำอุปกรณ์ Android ของคุณหาย ก็ตามกลับมาได้ โดยใช้ Android Device Manager รวมถึงตั้ง lock password ใหม่ ทำให้โทรศัพท์ดัง หรือล้างข้อมูลไปทั้งเครื่องซะเลย ถ้าเป็นอุปกรณ์ Android ใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะเปิดใช้งานอยู่แล้วตามค่า default แต่ถ้าเป็นรุ่นเก่าๆ ก็ต้องตั้งค่าเองซะก่อน

ส่วน 1

ส่วน 1 ของ 2:

เปิดใช้งาน

ดาวน์โหลดบทความ

{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/4\/43\/Use-Android-Device-Manager-Step-1-Version-2.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-1-Version-2.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/4\/43\/Use-Android-Device-Manager-Step-1-Version-2.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-1-Version-2.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

1
เช็คก่อนว่าอัพเดทอุปกรณ์แล้ว. ถ้าเป็นอุปกรณ์ Android เวอร์ชั่น 2.2 (Froyo) ขึ้นไป ก็ใช้ Android Device Manager ได้แน่นอน ให้ติดตั้ง Google Play Services ซะก่อน ปกติจะติดตั้งอัตโนมัติถ้าเคยเข้า Google Play Store
- หมายเหตุ: อุปกรณ์ Android รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะเปิดทุกอย่างในหัวข้อนี้ไว้ตามค่า default อยู่แล้ว
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/3\/35\/Use-Android-Device-Manager-Step-2-Version-2.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-2-Version-2.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/3\/35\/Use-Android-Device-Manager-Step-2-Version-2.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-2-Version-2.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

2
ล็อกอินเข้าบัญชี Google ของคุณในอุปกรณ์ Android. ปกติใครใช้ Android ก็จะล็อกอินไว้อยู่แล้ว แต่ถ้ายัง ให้เพิ่มบัญชี Google จากในเมนู Settings
- เปิดแอพ Settings แล้วเลื่อนลงไปที่หัวข้อ "Accounts"
- แตะ "Add account" แล้วเลือก "Google"
- พิมพ์ username และรหัสผ่านของบัญชี Google เพื่อล็อกอิน
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/5\/52\/Use-Android-Device-Manager-Step-3-Version-2.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-3-Version-2.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/5\/52\/Use-Android-Device-Manager-Step-3-Version-2.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-3-Version-2.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

3
เปิดใช้ location services. อุปกรณ์ของคุณจะไปโผล่ในแผนที่ของ Android Device Manager ได้ ต้องเปิด location services ไว้ซะก่อน
- เปิดแอพ Settings แล้วแตะ "Location"
- เช็คว่าเลื่อนสวิตช์ไปที่ on แล้ว
- เลือกโหมด "High accuracy" เพื่อให้ระบุตำแหน่งละเอียดที่สุด
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/6\/69\/Use-Android-Device-Manager-Step-4-Version-2.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-4-Version-2.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/6\/69\/Use-Android-Device-Manager-Step-4-Version-2.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-4-Version-2.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

4
เปิดแอพ Google Settings ในอุปกรณ์. อุปกรณ์ Android ทุกเครื่องที่ใช้เวอร์ชั่น 2.2 ขึ้นไป และมี Google Play Services ก็จะมีแอพนี้ติดตั้งอยู่แล้ว ใช้ปรับแต่ง settings ของ Android Device Manager ในอุปกรณ์นั้นได้ ^{[1]
X
แหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- แตะ "Security" ในหัวข้อ "Services"
- เช็คว่าติ๊ก "Remotely locate this device" แล้ว. เพื่อให้ Android Device Manager ระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ได้ แล้วแสดงในแผนที่
- เช็คว่าติ๊ก "Allow remote lock and erase" แล้ว. เป็นฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยที่สำคัญ จะช่วยคุณปกป้องข้อมูล เผื่อทำเครื่องหายหรือถูกขโมย
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/1\/1c\/Use-Android-Device-Manager-Step-5-Version-2.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-5-Version-2.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/1\/1c\/Use-Android-Device-Manager-Step-5-Version-2.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-5-Version-2.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

5
เปิดแอพ Settings ในอุปกรณ์. สิ่งสุดท้ายที่ต้องติ๊กเพื่อเปิดใช้ Android Device Manager คือ administrator permissions หรืออนุญาตสิทธิ์แอดมิน ให้สามารถล็อคเครื่องและลบข้อมูลจากระยะไกลได้ ^{[2]
X
แหล่งข้อมูลอ้างอิง}
- เลือก "Security" ในเมนู Settings
- เลื่อนลงไปแตะ "Device administrators"
- เช็คว่าติ๊ก "Android Device Manager" แล้ว
โฆษณา

ส่วน 2

ส่วน 2 ของ 2:

ติดตามและจัดการอุปกรณ์ของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ

{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/8\/86\/Use-Android-Device-Manager-Step-6-Version-2.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-6-Version-2.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/8\/86\/Use-Android-Device-Manager-Step-6-Version-2.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-6-Version-2.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

1
เปิด Android Device Manager เพื่อติดตามและจัดการอุปกรณ์ของคุณ. คุณเปิด Android Device Manager ได้ 2 วิธีด้วยกัน
- เว็บ Android Device Manager - เข้าเว็บ google.com/android/devicemanager แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Google เดียวกับที่ล็อกอินไว้ในอุปกรณ์ Android ที่หายไป
- แอพ Android Device Manager - ดาวน์โหลดแอพ Android Device Manager ใน Google Play Store ด้วยอุปกรณ์ Android เครื่องอื่น ถ้าใช้แอพในอุปกรณ์ Android ของคนอื่น ก็ล็อกอินเป็น Guest ได้ ให้ล็อกอินด้วยบัญชี Google เดียวกับที่ล็อกอินไว้ในอุปกรณ์ Android ที่หายไป แอพ Android Device Manager จะใช้ใน iOS ไม่ได้ แบบนั้นให้เข้าเว็บแทน
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/3\/3c\/Use-Android-Device-Manager-Step-7.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-7.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/3\/3c\/Use-Android-Device-Manager-Step-7.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-7.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

ถ้าพ่วงหลายอุปกรณ์ Android ไว้กับบัญชีผู้ใช้เดียว จะมีให้เลือก ว่าจะติดตามและจัดการอุปกรณ์ไหน โดยคลิกชื่อของอุปกรณ์ที่ active อยู่ แล้วเลือกอุปกรณ์ที่ต้องการในเมนู
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/9\/99\/Use-Android-Device-Manager-Step-8.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-8.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/9\/99\/Use-Android-Device-Manager-Step-8.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-8.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

3
หาอุปกรณ์ของตัวเองในแผนที่. ถ้าเปิดใช้ location services ในอุปกรณ์ไว้แล้ว ก็สามารถติดตามอุปกรณ์ในแผนที่ได้เลย ถ้าอุปกรณ์นั้นมีสัญญาณ GPS แผนที่จะค่อนข้างละเอียดแม่นยำมาก แต่ถ้าเปิดไว้เฉพาะ wireless location ก็อาจจะผิดพลาดได้หรือไม่โผล่มาในแผนที่เลย
- ถ้า Android Device Manager หาตำแหน่งเป๊ะๆ ไม่เจอ จะขึ้นเป็นวงกลม บอกให้รู้ว่าอุปกรณ์อยู่ที่ไหนสักแห่งในระยะ อย่างน้อยคุณก็ไปตามต่อได้จนเจอพิกัดที่ถูกต้อง
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/8\/83\/Use-Android-Device-Manager-Step-9.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-9.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/8\/83\/Use-Android-Device-Manager-Step-9.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-9.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

ถ้าอุปกรณ์อยู่ใกล้บริเวณที่คุณอยู่ ลองตั้งให้เสียงดังขึ้นมาได้ โดยคลิกปุ่ม "Ring" อุปกรณ์ของคุณจะเปิดเสียงดังสุดเป็นเวลา 5 นาที หรือจนกว่าอุปกรณ์จะถูกปลดล็อค
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/8\/80\/Use-Android-Device-Manager-Step-10.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-10.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/8\/80\/Use-Android-Device-Manager-Step-10.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-10.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

ถ้ากลัวว่าอุปกรณ์ของตัวเองจะตกไปอยู่ในมือคนร้าย ก็ให้ล็อคเครื่องด้วยรหัสผ่านใหม่ โดยคลิกปุ่ม "Lock" ซึ่งต้องใส่รหัสผ่านนี้เวลาจะปลดล็อคอุปกรณ์ รวมถึงส่งข้อความไปโผล่ที่หน้าจอของอุปกรณ์ได้ด้วย
{"smallUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images_en\/thumb\/3\/39\/Use-Android-Device-Manager-Step-11.jpg\/v4-460px-Use-Android-Device-Manager-Step-11.jpg","bigUrl":"https:\/\/www.wikihow.com\/images\/thumb\/3\/39\/Use-Android-Device-Manager-Step-11.jpg\/v4-728px-Use-Android-Device-Manager-Step-11.jpg","smallWidth":460,"smallHeight":345,"bigWidth":728,"bigHeight":546,"licensing":"<div class=\"mw-parser-output\"><\/div>"}

ถ้ากลัวว่าอุปกรณ์จะถูกคนร้ายขโมยไป หรือทำใจว่าคงหายไปแน่แล้ว ก็ล้างข้อมูลและ settings ทั้งหมดในเครื่องได้ โดยคลิกปุ่ม "Erase" เพื่อรีเซ็ตเครื่องคืนค่าโรงงาน (factory reset) ถ้าอุปกรณ์นั้นไม่ได้ต่อเน็ตอยู่ ก็จะรีเซ็ตตัวเองทันทีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

โฆษณา