ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

iMessage เป็นข้อความที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ระหว่างอุปกรณ์ iOS ด้วยกัน พอมี iMessage แล้ว iPhone, Mac, iPad และ iPod Touch จะสามารถรับข้อความได้เวลาต่อเน็ต Wi-Fi หรือ 3G/4G โดย iDevice จะส่ง iMessage อัตโนมัติ เวลาคุณส่งข้อความหาผู้ใช้อื่นที่มี iMessage เหมือนกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 5:

รู้จัก iMessage

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ข้อความ iMessage จะส่งผ่านแอพ Messages เหมือนเวลาคุณส่ง SMS ซึ่งทั้ง iMessage และ SMS ที่คุณส่งหาเพื่อนคนเดียวกัน จะรวมกันอยู่ในแชทเดียว [1]
  2. ส่งข้อความหาผู้ใช้ Apple คนอื่นได้แบบไม่เสียค่า SMS. iMessage ให้คุณส่งข้อความหาผู้ใช้ Apple คนอื่นๆ ได้ โดยที่ iMessage ไม่มีผลต่อค่า SMS ของคุณ จะเป็นการส่งข้อความอัตโนมัติ ไม่ต้องสลับเวลาจะส่งข้อความหาคนอื่น
    • ข้อความที่ส่งหาผู้ใช้ iMessage คนอื่นๆ จะเป็นสีฟ้า ส่วนข้อความ SMS จะเป็นสีเขียว
  3. iMessage จะพ่วงกันทุกอุปกรณ์ Apple ที่เชื่อมต่อไว้ ขอแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่จะใช้ iMessage ไม่ได้ ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ Android หรือคอมพิวเตอร์ Windows [2]
  4. เชื่อมต่อเน็ต Wi-Fi หรือเน็ตมือถือซะก่อน ถึงจะใช้ iMessage ได้. iMessage ทำงานได้ผ่านเน็ตเท่านั้น ต้องเชื่อมต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi หรือ 3G/4G ซะก่อน ถึงจะใช้ได้ ถ้า iPhone ของคุณยังไม่ต่อเน็ต iMessage จะสลับไปเป็นโหมด SMS แทน ถ้า iPod หรือ iPad ยังไม่ต่อเน็ต ก็จะใช้ iMessage ไม่ได้
    • iMessage จะไม่มีผลต่อค่าบริการ SMS ของคุณ แต่จะ iMessage จะมีผลต่อค่าเน็ตมือถือตามแพ็คเกจที่ใช้ เว้นแต่จะเปลี่ยนไปต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi แทน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 5:

เปิดใช้ iMessage

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะใช้ iMessage ได้ ต้องมี Apple ID ซะก่อน สมัครได้ฟรี แล้วล็อกอินทุกอุปกรณ์ด้วย ID นี้ iMessage จะ sync ข้อมูลกันทุกอุปกรณ์
    • คุณสมัคร Apple ID ได้ฟรี ที่ appleid.apple.com/account โดยกรอกอีเมลที่ใช้การได้ เพราะต้องใช้ยืนยันบัญชี
  2. พอมี Apple ID แล้ว ก็ใช้ล็อกอินใน iPhone, iPad หรือ iPod Touch ได้เลย โดย ID เดียวใช้ล็อกอินได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน
    • เปิดแอพ Settings แล้วเลือก "Messages"
    • เปิดสวิตช์ "iMessage" ไปที่ on แล้วแตะ "Use your Apple ID for iMessage" (เฉพาะ iPhone)
    • ใส่ Apple ID กับรหัสผ่าน อาจจะต้องรอสักพัก กว่า iMessage จะ activate
  3. คุณรับ-ส่ง iMessages จากคอมพิวเตอร์ OS X เวอร์ชั่น Mountain Lion หรือใหม่กว่าได้
    • เปิดแอพ Messages ปกติอยู่ใน Dock หรือโฟลเดอร์ Applications
    • คลิกเมนู "Messages" แล้วเลือก "Preferences"
    • เช็คก่อนว่าเลือก Apple ID ไว้ ถ้ายังไม่ได้ล็อกอิน Apple ID ให้คลิกปุ่ม + แล้วล็อกอิน
    • เลือก "Enable this account" เท่านี้ก็รับ-ส่ง iMessage ได้แล้ว
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 5:

รับและส่งข้อความ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าใช้ iPhone จะส่ง iMessage ไปที่เบอร์โทรหรืออีเมลก็ได้ ถ้าพ่วงบัญชีไว้หลายอีเมล ให้เลือกอีเมลที่จะใช้
    • เปิดแอพ Settings ในอุปกรณ์ของคุณ แล้วเลือก "Messages"
    • แตะ "Send & Receive" แล้วแตะ address เพื่อเปิดใช้ หรือจะเพิ่มอีเมลอื่นที่อยากใช้งานก็ได้ แต่จะพ่วงอีเมล Apple ID กับอุปกรณ์ ได้ทีละ 1 บัญชีเท่านั้น
    • เลือก address หรือเบอร์โทรที่จะใช้ส่งข้อความ
  2. ทั้ง SMS และ iMessage จะส่งผ่านแอพ Messages
  3. คุณเริ่ม conversation หรือห้องแชทใหม่ได้ โดยเลือกคนจากใน contacts list แต่จะใช้ iMessage ได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายใช้ iMessage เหมือนกัน
  4. คุณเช็คได้ว่าข้อความเป็น SMS ธรรมดา หรือ iMessage โดยดูที่สีของปุ่ม Send ถ้าปุ่มเป็นสีฟ้า แสดงว่าส่งข้อความแบบ iMessage ถ้าปุ่มเป็นสีเขียว แสดงว่าส่งแบบ SMS
    • iPad และ iPod จะส่งข้อความไปยังผู้ใช้ iMessage อื่นเท่านั้น
  5. คุณแนบไฟล์ media ในข้อความได้ เหมือนเวลาส่งข้อความตามปกติ คุณส่ง iMessage ได้แบบไม่เสียค่าบริการ MMS เลย
    • แตะปุ่ม Camera มุมซ้ายล่างของห้องแชท
    • แตะตัวเลือก Photo Library แล้วจะเห็นรูปและวิดีโอทั้งหมดในเครื่อง
    • แตะรูปหรือวิดีโอที่จะใส่ในข้อความ
    • ส่งข้อความ ถ้าส่งข้อความผ่านเน็ตมือถือ ก็จะเสียค่าบริการตามแพ็คเกจที่คุณใช้งาน
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 5:

วิธีใช้งาน iMessage เพิ่มเติม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณส่งข้อความเสียง (voice memo) ไปให้คนใน contacts ของ iMessage ได้ แต่เฉพาะคนใช้ iOS 8 หรือใหม่กว่า
    • เปิดห้องแชทใน Messages
    • กดปุ่มไมโครโฟนที่มุมขวาล่างค้างไว้
    • กดปุ่มค้างไว้ แล้วพูดข้อความที่ต้องการจะบันทึก
    • ปัดขึ้น เพื่อส่งข้อความเสียงที่บันทึกไว้
  2. คุณแชร์โลเคชั่นจาก Apple Maps ไปยัง contacts ไหนใน iMessage ก็ได้
    • เปิดแอพ Maps แล้วหาโลเคชั่นที่จะแชร์
    • แตะปุ่ม Share มุมขวาบน
    • เลือก "Message" จากในรายชื่อตัวเลือก แตะ "Send" เพื่อส่งโลเคชั่น พอผู้รับแตะแผนที่ในแชทแล้ว แอพ Maps ก็จะเปิดขึ้นมา
  3. ตามค่า default ตัวอย่างข้อความจะโผล่มาในหน้า lock screen ของอุปกรณ์ ถ้ากลัวใครจะมาแอบอ่าน จะปิดไปก็ได้ [3]
    • เปิดแอพ Settings แล้วเลือก "Notifications"
    • แตะตัวเลือก "Messages" แล้วเลื่อนลงไปที่ "Show Previews" จากนั้นเลื่อนสวิตช์ไปที่ off
  4. ข้อความเก่าๆ เก็บไว้ก็เปลืองพื้นที่ในเครื่อง โดยเฉพาะพวกไฟล์รูปและวิดีโอ ตามค่า default เครื่องจะไม่ลบข้อความ จะเก็บประวัติข้อความไว้ทั้งหมด คุณก็ตั้งค่าได้ ให้อุปกรณ์ iOS ลบข้อความเก่าอัตโนมัติ ถ้าใช้ iOS 8 หรือใหม่กว่า
    • เปิดแอพ Settings แล้วเลือก "Messages"
    • แตะตัวเลือก "Keep Messages" จากนั้นเลือก "30 Days" หรือ "1 Year" จะมีถามว่าจะลบข้อความในเครื่องที่เก่ากว่าเวลาที่กำหนดหรือเปล่า
  5. คุณออกจากกลุ่มแชทที่เคยส่งข้อความหากันได้ ถ้าไม่อยากให้มีแจ้งเตือนขึ้นมาอีก แต่จะทำได้ต่อเมื่อ ทุกคน ในกลุ่มใช้ iMessage และ iOS 8 ขึ้นไป
    • เปิดห้องแชทที่จะออกจากกลุ่ม
    • แตะตัวเลือก "Details" มุมขวาบน
    • เลื่อนลงไปแตะ "Leave this Conversation" ถ้าตัวเลือกจาง แสดงว่าคนในกลุ่มอย่างน้อย 1 คน ไม่ได้ใช้ iMessage ใน iOS 8 หรือใหม่กว่า
  6. เลื่อน "Read Receipts" ให้แสดงหรือซ่อน ว่าคุณอ่านข้อความแล้ว. คนใน contacts ของ iMessage จะเช็คได้ว่าคุณอ่านข้อความล่าสุดของเขาหรือยัง แต่จะปิดฟีเจอร์นี้ก็ได้ ถ้าไม่อยากเปิดเผยข้อมูล
    • เปิดแอพ Settings แล้วเลือก "Messages"
    • เลื่อน "Send Read Receipts" ไปที่ on หรือ off ตามต้องการ
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 5:

แก้ปัญหาที่พบบ่อย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะใช้ iMessage ได้ ต้องต่อเน็ตซะก่อน ถ้าโหลดหน้าเว็บไหนไม่ได้เลย แสดงว่าสัญญาณเน็ตมีปัญหา ไม่ได้เป็นที่ iMessage ให้ลองตัดเน็ตแล้วเชื่อมต่อ Wi-Fi ใหม่อีกที หรือรีสตาร์ทเครื่องซะเลย
    • คุณเช็คสถานะบริการ iMessage ได้ที่ apple.com/support/systemstatus/
  2. บาง settings ของ iMessage อาจจะทำให้เกิดปัญหาการใช้งานได้
    • เปิดแอพ Settings ในอุปกรณ์ iOS แล้วเลือก "Messages"
    • เช็คก่อนว่าเปิดใช้ "Send as SMS" แล้ว แบบนี้ถ้า iMessage เกิดใช้ไม่ได้ขึ้นมา ก็จะส่งข้อความเป็น SMS แทน
    • แตะตัวเลือก "Text Message Forwarding" แล้วปิดใช้ forwarding. forwarding ให้คุณรับ-ส่ง SMS ได้ด้วยทุกอุปกรณ์ iCloud แต่ขึ้นชื่อเรื่องมีปัญหาการใช้งาน
  3. iMessage อาจจะเปิดใช้งานไม่ได้ ถ้าเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ iMessage โดยใช้วันและเวลาที่ผิด
    • เปิดแอพ Settings แล้วแตะ "General"
    • เลือก "Date & Time" แล้วเช็คว่า location settings ถูกต้องแล้ว
  4. รีสตาร์ทอุปกรณ์ก่อน ถ้ารับ-ส่งข้อความไม่ได้. บางทีแค่ลองรีสตาร์ทเครื่องดู ก็แก้ปัญหาการใช้งาน iMessage ได้ ให้กดปุ่ม Sleep/Wake ของอุปกรณ์ iOS ค้างไว้ เลื่อนแถบ Power ปิดเครื่อง จากนั้นกดปุ่ม Sleep/Wake ค้างไว้เพื่อเปิดเครื่องกลับมา
  5. บางทีรีเซ็ตระบบก็เป็นทางเดียวที่จะแก้ปัญหาอุปกรณ์ iOS ได้ แต่ต้อง backup ข้อมูลด้วย iTunes ซะก่อน แล้วค่อยโหลดกลับลงเครื่องหลังรีเซ็ตแล้ว
    • เชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS กับคอม แล้วเปิด iTunes จากนั้นเลือกอุปกรณ์ iOS จากปุ่มที่เรียงกันอยู่ด้านบน
    • คลิกปุ่ม Back Up Now เพื่อ backup ข้อมูลจากอุปกรณ์ iOS ลงคอม
    • คลิกปุ่ม Restore iPhone/iPad/iPod...
    • รอจนรีเซ็ตอุปกรณ์เสร็จ แล้วเลือกไฟล์ backup ที่เพิ่งสร้าง ตอนตั้งค่าอุปกรณ์ ถ้าอยากอ่านขั้นตอนโดยละเอียด ให้ลองค้นหาเพิ่มเติมในเน็ตดู
  6. ปิดการทำงานของ iMessage ถ้าจะเปลี่ยนไปใช้มือถือที่ไม่ใช่ของ Apple. ให้ปิด iMessage ก่อนจะเปลี่ยนมือถือ ไม่งั้นอาจไม่ได้รับข้อความที่ contacts เก่าใน iMessage ส่งมา [4]
    • ถ้า iPhone ยังอยู่ ให้เปิดแอพ Settings แล้วเลือก "Messages" เลื่อนสวิตช์ "iMessage" ไปที่ OFF อาจจะต้องรอหน่อย กว่าเซิร์ฟเวอร์ iMessage จะใช้ค่าใหม่
    • ถ้า iPhone เครื่องเก่าไม่อยู่แล้ว ให้เข้าเว็บ selfsolve.apple.com/deregister-imessage แล้วกรอกเบอร์โทร จะได้ SMS พร้อมโค้ดในมือถือเครื่องใหม่ ให้ใส่โค้ดนี้ในช่องที่ 2 ของหน้าเว็บ เพื่อปิด iMessage
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 30,274 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา