ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนดีมีมากกว่าแค่ทำสิ่งต่างๆ เพื่อคนอื่น คุณต้องยอมรับและรักตัวเองก่อนคุณถึงจะถ่ายทอดพลังแง่บวกให้กับโลก ทำตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีกว่าเดิม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

พัฒนาตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ระบุให้ได้ว่าคนดีในความคิดของคุณต้องเป็นอย่างไร. บางคนคิดว่าการเป็นคนดีง่ายๆ ก็คือ ไม่ปองร้ายคนอื่น แต่นี่ไม่ได้หมายถึงสิ่งที่คุณไม่ได้ทำเพียงอย่างเดียว ยังรวมถึงสิ่งที่คุณทำให้กับคนอื่นด้วย การเป็นคนดีต้องช่วยเหลือตัวเองมากเท่ากับช่วยผู้อื่น [1] คุณต้องตัดสินใจว่าคุณเชื่อการเป็นคนดีต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
    • คนในอุดมคติของคุณเป็นคนแบบไหน? เขียนรายการลักษณะนิสัยที่คุณคิดว่าคนดีในอุดมคติควรจะมี และเริ่มใช้ชีวิตของคุณให้สอดคล้องกับนิสัยเหล่านั้น [2]
    • คุณหวังผลตอบแทนหรือไม่? คุณทำสิ่งต่างๆ เพราะจะช่วยให้คุณดูดีหรือไม่? หรือคุณกำลังทำบางอย่างเพราะคุณอยากทำให้และอยากช่วยจากใจจริง? เลิกเสแสร้งและปรับทัศนคติให้เป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน [3]
  2. การมีคนอื่นเป็นต้นแบบจะทำให้คุณมีแบบอย่างที่ดี คนคนนี้ควรจะมีลักษณะนิสัยที่คุณอยากมี คิดถึงหนทางที่คุณจะรับเอาคุณสมบัติที่คุณชื่นชมมาไว้กับตัวได้ดียิ่งขึ้น คิดว่าคุณจะนำคุณลักษณะเหล่านี้มาใช้ในชีวิตการทำงาน การทำตามความฝัน การรับประทานอาหาร และความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตได้อย่างไร [4]
    • คุณชื่นชมใคร เพราะอะไร? พวกเขาทำให้โลกเป็นที่ที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นได้อย่างไร และคุณจะทำแบบเดียวกันด้วยวิธีไหน?
    • คุณลักษณะใดที่คุณชื่นชอบในตัวพวกเขา และคุณจะสร้างขึ้นเป็นของตัวเองได้อย่างไร?
    • เก็บบุคคลตัวอย่างไว้ใกล้ตัวคุณ เหมือนกับเป็นเพื่อนคู่ใจที่คอยอยู่เคียงข้างคุณ คิดว่าพวกเขาจะตอบคำถามหรือรับมือกับเหตุการณ์ทำนองนี้ในลักษณะใด
  3. พยายามทำความเข้าใจว่าบางคนมีดีกว่าคุณ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ย่ำแย่กว่า เมื่อเราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นจะทำให้รู้สึกเสียใจ เรากำลังเสียเวลาและพลังงานที่จะนำไปใช้สร้างขุมพลังภายในของเราเอง ชมตัวเองในทุกๆ เช้า การมีความสุขจะทำให้คุณมองโลกแง่บวก ซึ่งช่วยสร้างเครือข่ายคิดบวกออกไปสู่โลกภายนอก [5]
    • คุณมีพรสวรรค์ความสามารถพิเศษเฉพาะตัว สนใจการแบ่งปันสิ่งเหล่านี้กับโลกแทนที่จะสนใจพรสวรรค์ของคนอื่น [6]
  4. เรียนรู้ที่จะรักตัวเองในทุกรูปแบบ ฝึกฝนที่จะยอมรับตัวเองแบบไม่มีเงื่อนไข ทางเดียวที่คุณจะสามารถรักคนอื่นได้อย่างแท้จริงคือ คุณต้องมีความมั่นใจและรักตัวเองก่อน สิ่งที่คุณทำและเชื่อจะต้องทำให้คุณและคนอื่นรู้สึกดี ถ้าคุณพยายามทำเพื่อคนอื่นโดยไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง สุดท้ายคุณจะรู้สึกโกรธ ขุ่นเคือง และคิดลบ ถ้าคุณรักตัวเอง นั่นแหละคุณจะสร้างสิ่งที่มีแต่ผลบวกเวลาคุณช่วยเหลือคนอื่น [7]
    • คุณสร้างภาพเป็นคนดีหรือเปล่า? ถ้าคุณรังเกียจตัวเองและรู้สึกแค้นเคืองอยู่ภายใน คุณอาจไม่ได้เป็นคนดีแม้ว่าการกระทำของคุณจะใช่ก็ตาม
  5. จำไว้ว่าให้เป็นตัวของตัวเองเสมอและอย่าเป็นคนที่คุณไม่ได้เป็น อย่าพยายามทำตัวเป็นคนอื่น แค่เป็นตัวของคุณเองและทำสิ่งดีๆ ที่คุณพอทำได้ การเป็นตัวของตัวเองช่วยให้คุณเป็นคนจริงที่สะท้อนสิ่งที่ดีให้กับโลกใบนี้ ตรงไปตรงมากับตัวเองจะทำให้คุณหาจุดโฟกัสเจอและเข้าใจคุณค่าแก่นแท้ของคุณและสิ่งที่คุณมองว่าสำคัญ [8]
  6. การสวดมนต์ภาวนาหรือนั่งสมาธิช่วยให้คุณได้คุณสมบัติที่คุณค้นหานำมาไว้ในตัว การนั่งสมาธิและสวดมนต์ช่วยให้คุณพบความสงบภายในและใส่ใจกับข้างในตัวคุณ [9] ในขณะที่คุณรู้จักตนเองเพิ่มมากขึ้น คุณจะเข้าใจว่า อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการและพบความชัดเจนในชีวิต ขณะที่คุณรู้สึกสงบภายในเพิ่มขึ้น คุณจะรู้สึกคิดบวกมากขึ้น ซึ่งช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่ดีกว่าเดิม [10]
    • หาที่ว่างที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัยจากสิ่งรบกวน นั่งในท่าสบายๆ ทำใจให้ว่างปราศจากความคิดและหายใจเข้าลึกๆ อย่างช้าๆ สองสามครั้ง สังเกตความคิดในหัวของคุณ อย่ารู้สึกหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้ แค่คอยจับตาดู ถ้าสมาธิหลุด ให้เริ่มนับหนึ่งถึงสิบ นั่งสมาธิจนกว่าคุณจะรู้สึกปลอดโปร่งและกระปรี้กระเปร่า [11]
  7. ไม่มีใครเปลี่ยนได้ในข้ามคืน แต่การเปลี่ยนแปลงเรื่องเล็กจะส่งผลให้เกิดความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่และเป็นผลดี ตั้งเป้าหมายย่อยในทุกๆ เดือนหรือสองเดือน และให้ความสนใจกับนิสัยหลักๆ หนึ่งถึงสองข้อที่คุณอยากจะเปลี่ยน
    • ตัวอย่างเป้าหมายที่ 1: ฉันจะฟังคนอื่นโดยไม่แทรกทั้งด้วยการพูดหรือการกระทำ คิดว่าคุณจะรู้สึกหงุดหงิดขนาดไหนเวลาคนอื่นเริ่มขมุบขมิบปากเหมือนกำลังจะพูดขัดคุณ
    • เป้าหมายที่ 2: ฉันจะพยายามคิดสิ่งที่ทำให้คนอื่นมีความสุข นี่อาจเป็นแบ่งปันอาหารหรือน้ำให้กับผู้เองเวลาที่พวกเขาหิวหรือกระหายน้ำ ให้คนอื่นนั่งในที่ของคุณ หรือทำอย่างอื่น
  8. เริ่มภารกิจของคุณที่จะเปลี่ยนเป็นคนดี อ่านรายการเหล่านี้และสิ่งที่คุณใฝ่ฝันทุกวัน ทำให้เป็นส่วนหนึ่งของคุณ ทำตามคำแนะนำและเพิ่มขั้นตอนของคุณเองได้เช่นกัน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

มีทัศนคติในแง่บวก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มองแง่บวกในทุกสถานการณ์ การคิดลบมีแต่จะทำร้ายตัวคุณเองรวมทั้งคนอื่น ถ้าคุณคิดลบ คุณก็จะปฏิบัติต่อผู้อื่นในแง่ลบ ความคิดของเรามีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา ถ้าบางอย่างไม่เป็นไปตามที่คุณคิด ลองเปลี่ยนสิ่งที่คุณทำได้ เช่น ยิ้ม คิดแง่บวก และเดินหน้าต่อไป [12]
    • คติประจำใจของคริสโตเฟอร์คือ "จุดเทียนหนึ่งเล่มยังดีเสียกว่าสาปแช่งความมืดมิด" จงเป็นเป็นแสงสว่างของเทียนเล่มนั้น เมื่อคุณเห็นความขัดแย้ง ลองพยายามเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวด้วยการเสนอทางออก อย่าพูดสิ่งที่คุณจะทำ แต่ขอให้ทุกคนมีส่วนร่วมกันช่วยแก้ไข [13]
  2. พยายามทำสิ่งที่ดีกับคนอื่นในทุกๆ วัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย ความกรุณาและโอบอ้อมอารีจะมีผลระยะยาว ยิ้มและเปิดประตูค้างไว้ให้คนถัดไป ชำระเงินค่ากาแฟสำหรับคนถัดไป (Pay it forward) แค่ลองทำสิ่งที่สร้างความสุขให้กับคนอื่นได้
    • ยื่นมือช่วยคนที่เคยเย็นชาหรือไม่แยแสคุณ แสดงไมตรีจิตต่อคนที่เคยหยาบคายกับคุณ บางทีคนอื่นเคยหยาบคายกับคนเหล่านั้น คุณจงเป็นคนที่แสดงไมตรีจิตให้กับพวกเขา [14]
  3. ทุกครั้งที่คุณมีปฏิสัมพันธ์อยู่บนโลกใบนี้ คุณมีโอกาสที่จะทำบางอย่างซึ่งดีและส่งผลบวก นี่ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่ แต่อาจเป็นเรื่องทั่วๆ ไป อย่างเช่น เก็บขยะที่คนอื่นโยนทิ้งไว้ในสวนสาธารณะหรือหน้าบ้านของเพื่อนบ้านคุณทิ้งลงถัง รู้ว่าอะไรถูกผิดและตอบแทนสังคม วิธีง่ายๆ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ได้แก่:
    • รีไซเคิล
    • ซื้อผักออแกนิคและอาหารที่ปลูกในท้องถิ่น
    • เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่มีความรับผิดชอบ ด้วยการเก็บกวาดตามสัตว์เลี้ยงคุณ [15]
    • บริจาคของเก่าให้กับองค์กรการกุศลหรือผู้ยากไร้แทนที่จะขายร้านมือสอง [16]
    • วางของคืนที่เดิมที่คุณหยิบมาแทนที่จะวางทิ้งไว้ด้านนอก
    • อย่าจอดรถใกล้ทางเข้าที่สุด ให้เผื่อไว้สำหรับคนที่ต้องการลงใกล้ประตูทางเข้ามากกว่าคุณ
  4. อย่าใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ใช้ชีวิตให้ช้าลงและสนุกกับเรื่องธรรมดารอบตัว เวลาคือกรอบที่ช่วยจัดการชีวิตในแต่ละวันของเรา บางครั้งคุณต้องแบ่งเวลา เช่นตอนที่คุณกำลังเดินทางไปทำงานหรือพาลูกไปโรงเรียน แต่ถ้าคุณไม่ต้องรีบจัดการอะไรก็เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับห้วงเวลาของปัจจุบัน. [17] อดทนกับผู้คน มองหาข้อดีของพวกเขาแทนข้อเสีย อย่าคิดเองว่าคนที่เดินชนคุณเป็นคนงี่เง่า ให้คิดว่าบางทีเธออาจจะกำลังไปทำงานสายหรือต้องรีบไปรับลูก [18]
    • อย่ารีบไปซื้อของแล้วรีบกลับ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะกำลังเดินทาง เวลาที่ยืนอยู่ในร้าน สังเกตบรรดาผักผลไม้หน้าตาชวนรับประทานสีสวยสดที่จะมอบสารอาหารให้กับคุณ และตระหนักว่าคนอื่นอาจไม่ได้โชคดีพอที่จะได้รับสิ่งดีๆ เหล่านี้ ซื้ออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาไว้บริจาคให้กับธนาคารอาหารเพื่อมอบให้กับคนอื่น ลองเสนอผู้จัดการว่าควรมีจุดแบ่งปันอาหารให้กับคนยากไร้
    • บีบแตรเฉพาะเวลาที่จำเป็น อย่าบีบแตรใส่ลุงแก่ๆ ที่ตัวเล็กจนมองจากรถแทบไม่เห็น หรือบีบใส่คนที่ขับรถช้ามากๆ คุณควรคิดว่าคนขับกำลังตั้งใจขับเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ตัวเองหรือคนอื่นได้รับบาดเจ็บ ถ้าพวกเขาขับเร่งผ่านคุณไปคุณคิดเสียว่าพวกเขากำลังรีบไปธุระสำคัญ ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้รีบก็จริง แล้วจะไปคิดแง่ลบให้รู้สึกแย่ลงอีกทำไมล่ะ? [19] ความโกรธมีแต่จะยิ่งนำพาซึ่งความโกรธที่มากขึ้นกว่าเดิม
  5. การยกโทษเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ให้คุณคิดว่าคนอื่นก็เป็นมนุษย์และทำผิดพลาดได้ นี่จะช่วยให้คุณปล่อยวางความคิดในแง่ลบเพื่อจะให้อภัยคนคนนั้นและใช้ชีวิตของคุณต่อไปข้างหน้า [20] เมื่อคุณให้อภัย คุณจะปล่อยวางความแค้นเคืองที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธ เสียใจ และหัวเสีย การให้อภัยยังทำให้คุณมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้นด้วย [21]
  6. การโกหกจะทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและความสัมพันธ์ แทนที่จะพูดปด ให้ซื่อสัตย์กับคนรอบข้างคุณ [22] คนดีจะซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาในสิ่งที่พวกเขารู้สึกและคิด พูดกับคนที่กวนใจคุณแทนที่จะโกหกหรือทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่าเป็นคนอ่อนหวานภายนอกแต่ขุ่นเคืองภายใน [23]
    • รักษาคำพูด ทำให้คำพูดของคุณมีความหมาย ถ้าคุณพูดว่าคุณกำลังจะทำอะไรบางอย่าง ก็ให้ทำตามที่คุณพูด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นทำให้คุณไม่สามารถทำตามที่พูดได้ ให้ซื่อสัตย์และเปิดเผยให้อีกฝ่ายรับรู้ [24]
    • การเป็นคนซื่อสัตย์ไม่ได้แปลว่า คุณจะหยาบคายหรือโหดร้าย
  7. ทำสิ่งเล็กๆ อย่างเช่น ยิ้มให้คนอื่น หรือเปิดประตูค้างไว้ให้กับคนแปลกหน้า นี่จะทำให้คุณเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น ในไม่ช้าการกระทำไมตรีจิตเล็กน้อยเหล่านี้จะกลายเป็นนิสัยติดตัวคุณซึ่งแทบจะไม่ต้องนึกถึงมันเลย
  8. คุณควรเข้าใจว่าการเป็นคนใจดี เข้าอกเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นเป็นผลใหญ่เนื่องจากมีทัศนคติที่รักและห่วงใยต่อผู้อื่น พยายามนึกถึงใจเขาใจเราและมองสิ่งต่างๆ ผ่านสายตาของพวกเขา [25] ถามตัวเองว่า “ฉันจะรู้สึกอย่างไรถ้าฉันเป็นคนคนนั้น?” เมตตาผู้อื่นไม่ใช่เพื่อให้คุณดูดีในสายตาคนอื่น แต่เพื่อให้คนอื่นได้ประโยชน์จากการกระทำที่ไม่ได้ยึดตนเองเป็นที่ตั้งของคุณ
    • วิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลดีนักถ้าคุณแค่พยายามจะเป็นคนยอมคน อย่าทำตามนโยบายที่ว่า “อะไรก็ได้เพื่อมีชีวิตอย่างสงบสุข”
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ส่วนหนึ่งของการเป็นคนดีคือ ไม่ตัดสินคนอื่น คุณยอมรับทุกๆ คน ไม่ว่าพวกเขาจะมีเชื้อชาติ อายุ เพศกำเนิด เพศสภาพ หรือวัฒนธรรมอย่างไร คุณควรตระหนักว่าทุกคนมีความรู้สึก มีคุณค่าและควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม
    • ให้ความเคารพผู้อาวุโสกว่า ให้คิดว่าคุณจะต้องแก่ลงในวันใดวันหนึ่ง และอาจต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น ครั้งหน้าเวลาคุณไปห้าง ลานจอดรถ หรือที่ไหนๆ มองหาคนแก่ที่กำลังพยายามทำบางสิ่งบางอย่างเช่น ถือกระเป๋า ยกของที่ซื้อมาเก็บเข้ารถ ให้คุณตรงเข้าไปถามว่า “มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ/ครับ?” คุณกำลังทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้สูงวัย บางครั้งคุณอาจเจอคนที่อาจปฏิเสธความช่วยเหลือจากคุณ ให้คุณพูดแค่ว่า “ฉันเข้าใจ หวังว่าคุณจะมีวันที่ดีนะคะ/ครับ” หรือเมื่อคุณออกไปข้างนอกและเห็นคนแก่อยู่ตามลำพัง พูดทักทายพร้อมกับเผยยิ้มเล็กน้อยแล้วถามพวกเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง แค่มีคนรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก็จะทำให้พวกเขามีความสุขได้
    • เห็นอกเห็นใจคนบกพร่องทางสติปัญญา คนเหล่านี้ก็เป็นคนที่มีความรู้สึกเหมือนกัน ส่งยิ้มกว้างให้พวกเขาและปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันคนหนึ่ง ถ้าคนอื่นกำลังยิ้มหรือหัวเราะสิ่งที่คุณทำไม่ต้องไปสนใจคนเหล่านั้น สนใจคนที่เป็นเพื่อนแท้ของคุณดีกว่า
    • อย่าดูถูกเชื้อชาติ รังเกียจรักร่วมเพศ หรือคนต่างศาสนา โลกนี้กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยความหลากหลาย เรียนรู้จากผู้อื่นและชื่นชมในความแตกต่างเหล่านั้น
  2. เวลาคุณเถียงใครสักคน พยายามควบคุมความโกรธของตัวเอง อย่าหลบหนีหรือหยาบคายเวลาที่คุณกำลังถกเถียงกับเพื่อน คุยกับพวกเขาและพยายามแก้ไขปัญหานั้น ทางที่ดีที่สุดคือ อย่าเอาชนะความโกรธด้วยความโกรธ บางทีคุณทั้งสองควรใช้เวลาคิดทบทวนสักพัก ลองพูดว่า “ฉันอยากจะแก้ปัญหานี้ไปพร้อมกับเธอ เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดี ลองกลับไปคิดทบทวนและหาทางแก้ไขเรื่องนี้กันก่อน”
    • อย่าโทษคนอื่น ยอมรับความผิดของตัวเอง คุยกับคนอื่นถึงเรื่องที่พวกเขาทำให้คุณโมโห แต่อย่าโทษคนอื่นว่าเป็นตัวการทำให้คุณหงุดหงิดและคิดแง่ลบ [26]
    • ถ้าคุณไม่สามารถปล่อยวางความโกรธลงได้ ลองเขียนระบายความรู้สึก นั่งสมาธิ หรือจัดการกับความคิดของคุณดู [27]
    • อย่าพยายามแก้ไขคนอื่นเวลาพวกเขาโมโหด้วยการพูดสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล แค่ฟังพวกเขาอย่างเข้าใจโดยไม่เอ่ยปาก บอกกับพูดเขาแค่ “ฉันเห็นใจที่เธอรู้สึกแบบนี้นะ มีอะไรให้ฉันช่วยได้รึเปล่า?”
  3. พูดสิ่งที่ดีของคนเป็นวิธีแผ่ขยายความคิดบวกที่ง่ายอีกวิธีหนึ่ง ชมทรงผมตัดใหม่ของเพื่อนร่วมงานหรือชมสุนัขของคนแปลกหน้า [28] ชมเพื่อนที่คุณอาจจะอิจฉาเขาอยู่ ให้เครดิตกับคนที่ควรได้รับ คุณคงอยากให้คนอื่นทำแบบเดียวกับเวลาคุณทำบางอย่างประสบความสำเร็จ
  4. คนไม่ค่อยยอมรับฟังคนอื่น ทุกคนอยากเป็นคนสำคัญและชอบที่จะได้เป็น ให้ใช้เวลานั่งฟังคนอื่น [29] ตั้งใจฟังสิ่งที่คนคนนั้นกำลังพูด ไม่ว่อกแว่กหรือเล่นมือถือ [30] มีอารมณ์ร่วมไปกับอีกฝ่ายและบทสนทนา ตั้งคำถามถึงสิ่งที่กำลังคุยกัน นี่ทำให้พวกเขารับรู้ว่าคุณกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาพูด
  5. เป็นคนมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่น และชื่นชอบในสิ่งที่พวกเขาเป็น ยินดีกับคนอื่นเมื่อสิ่งดีๆ เกิดขึ้น และอย่าอิจฉาพวกเขา ให้ความสนับสนุนและแรงใจ [31]
    • การเอาชนะความอิจฉาทำได้ยาก พยายามคิดว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีเหมือนกับคนอื่น พยายามเลิกคิดอิจฉาคนอื่น
  6. ใช้ชีวิตของคุณเพื่อเป็นแรงบันดาลใจกับผู้อื่น แบ่งปันชีวิตและคติที่คุณมีกับคนอื่น หาคนที่จะเป็นตัวอย่างให้กับคุณ ระมัดระวังในการใช้ชีวิตของคุณเพื่อทำให้ใครบางคนภูมิใจในตัวคุณ มอบสิ่งที่ดีให้กับคนที่อ่อนวัยกว่าและสอนให้พวกเขาเห็นความสำคัญของสิ่งเหล่านั้น บางครั้งคุณอาจรู้สึกเหมือนกับว่าความพยายามที่ทำนั้นสูญเปล่า แต่รู้ด้วยว่าคุณได้ปลูกเมล็ดพันธุ์อันดีลงในจิตใจของพวกเขา และนั่นอาจใช้เวลาที่งอกงามให้เห็นผล
    • เริ่มจากสิ่งเล็กๆ เข้าร่วมโปรแกรมอาสาสมัครเช่น เป็นโค้ชฝึกสอนกีฬาให้กับทีมเยาวชน สอนหนังสือ หรือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องๆ ในครอบครัว [32]
  7. แบ่งปันสิ่งของ ความคิดบวก และความสุขของคุณ อย่ายึดติดทางอารมณ์ เป็นคนมีน้ำใจและช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความรู้ โอกาส และเวลาของคุณ [33]
    • แบ่งปันอาหารของคุณให้กับคนอื่น อย่ากินพิซซ่าชิ้นที่ใหญ่ที่สุดในถาด หรือเนื้อชิ้นที่ใหญ่สุด
  8. ยุติธรรมกับคนทุกประเภท ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตา และอย่าหยาบคายหรือร้ายกาจกับคนอื่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับคุณก็ตาม อย่ารังแกผู้อื่น แต่คุณควรยืนหยัดเคียงข้างคนที่ถูกรังแก
    • อย่านินทาคนอื่นลับหลัง เป็นคนที่จริงใจ ถ้าคุณมีปัญหากับใครสักคน ให้เผชิญหน้ากับพวกเขาในแบบที่ไม่ข่มขู่อีกฝ่าย อย่ากระจายเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพวกเขาเมื่อพวกเขาไม่อยู่ใกล้
    • อย่าตัดสินคนอื่นโดยไม่เป็นธรรม คุณไม่มีวันรู้สถานการณ์รอบตัวของคนเหล่านั้น ยกประโยชน์จากข้อสงสัยให้กับพวกเขา และเคารพในการตัดสินใจของพวกเขา [34]
    • ปฏิบัติต่อผู้อื่นในแบบที่คุณอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อคุณ จำกฎทองข้อนี้ไว้ จงใส่พลังงานให้กับโลกในแบบที่คุณอยากได้รับกลับคืนมา
    • เคารพไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณด้วย อย่าทิ้งขยะลงพื้น อย่าทำของเละเทะอย่างจงใจ และอย่าพูดเสียงดังหรือทำตัวน่ารำคาญ เคารพพื้นที่ที่คนอื่นใช้ร่วมกับคุณ [35]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณอาจทำผิดพลาด แต่อย่าทำผิดซ้ำสอง เรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณและช่วยให้คุณเติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น
  • จำไว้ว่า ความสุขอยู่ที่ใจ สิ่งเดียวในโลกที่เราควบคุมได้ คือตัวของเราเอง ดังนั้น เลือกที่จะมีความสุขและควบคุมตัวของคุณเองด้วยการรักษาทัศนคติมองโลกในแง่บวกเข้าไว้
  • เมื่อคนอื่นพยายามจะฉุดคุณ อย่าพูดจาลับหลังพวกเขาหรือเก็บมาคิด ให้หัวเราะหรือหยักไหล่ใส่ หรือแค่บอกว่าคุณเสียใจที่พวกเขารู้สึกอย่างนั้นแทน นี่จะแสดงให้เห็นว่าคุณฉลาดเกินกว่าที่จะจมลงไปอยู่ระดับเดียวกับพวกเขา และจะป้องกันไม่ให้คุณเป็นคนกักขฬะ ก้าวร้าว หรือคนเลว นี่ยังไม่รวมถึงเวลาที่พวกเขาเห็นว่าคุณรับมือกับสถานการณ์ได้ดีขนาดไหน แม้แต่คนที่โกรธเคืองคุณก็อาจถอยออกไป หรือหมดความสนใจที่จะดูหมิ่นคุณ


โฆษณา

คำเตือน

  • จำไว้ว่า คุณเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน ตราบเท่าที่คุณยังหายใจคุณก็มีแนวโน้มที่จะทำผิดพลาดในบางครั้ง และนั่นไม่เป็นไร ขอให้คุณทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และถ้าคุณยังผิดพลาดอยู่เนืองๆ หรือไม่ได้เป็นคนดีแบบที่คุณหวังไว้ ก็แค่ดึงตัวเองกลับมาโฟกัสกับการคิดถึงผู้อื่นให้มากเท่ากับที่คุณคิดถึงตัวเอง
  • ตระหนักว่า คุณอาจพบว่าการเป็นคนดีนั้นเป็นเรื่องยากในทางปฏิบัติมากกว่าทางทฤษฎี ขอให้คุณแค่พยายามต่อไป
  • พยายามหาอารมณ์ขันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสิ่งต่างๆ ทั้งในแง่ข้อผิดพลาดที่คุณทำ และสิ่งที่คุณจะต้องเสียสละเพื่อที่จะเป็นคนดี
  • สิ่งที่คุณสามารถปรับปรุงได้ดีที่สุดในเรื่องเกี่ยวข้องกับคนอื่นมักจะเป็นสิ่งที่คุณเต็มใจยอมรับว่าคุณผิดได้น้อยที่สุด นั่นเป็นเหตุสำคัญว่าทำไมคุณจึงได้รับประโยชน์อย่างมากจากการยอมรับว่า คุณเป็นฝ่ายผิดหรือทำกับคนอื่นไม่ถูกต้อง
  • ถ้าใครสักคนขอความช่วยเหลือจากคุณและนั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาควรทำด้วยตัวเอง อย่าได้ทำมัน! นี่เป็นการโกงและมีแต่จะทำให้พวกเขาคิดว่า การโกงเป็นเรื่องปกติ


โฆษณา
  1. http://personalexcellence.co/blog/10-reasons-you-should-meditate/
  2. http://personalexcellence.co/blog/how-to-meditate/
  3. http://www.marcandangel.com/2013/09/08/10-ways-to-gain-fame-for-being-a-good-person/
  4. http://www.christophers.org/page.aspx?pid=266
  5. http://thoughtcatalog.com/david-dean/2013/06/how-to-be-a-good-person-everyday/
  6. http://www.mindbodygreen.com/0-12430/31-ways-to-be-a-better-person-every-day.html
  7. http://www.inc.com/john-rampton/15-ways-to-become-a-better-person.html
  8. http://personalexcellence.co/blog/101-ways-to-be-a-better-person/
  9. http://www.mindbodygreen.com/0-12430/31-ways-to-be-a-better-person-every-day.html
  10. http://thoughtcatalog.com/david-dean/2013/06/how-to-be-a-good-person-everyday/
  11. http://www.lifehack.org/articles/communication/9-ways-better-person.html
  12. http://www.inc.com/john-rampton/15-ways-to-become-a-better-person.html
  13. http://www.lifehack.org/articles/communication/9-ways-better-person.html
  14. http://www.huffingtonpost.com/joyce-marter-/10-ways-to-evolve-and-be-_b_4495114.html
  15. http://www.huffingtonpost.com/joyce-marter-/10-ways-to-evolve-and-be-_b_4495114.html
  16. http://personalexcellence.co/blog/101-ways-to-be-a-better-person/
  17. http://www.lifehack.org/articles/communication/9-ways-better-person.html
  18. http://www.inc.com/john-rampton/15-ways-to-become-a-better-person.html
  19. http://thoughtcatalog.com/david-dean/2013/06/how-to-be-a-good-person-everyday/
  20. http://www.lifehack.org/articles/communication/9-ways-better-person.html
  21. http://personalexcellence.co/blog/101-ways-to-be-a-better-person/
  22. http://personalexcellence.co/blog/101-ways-to-be-a-better-person/
  23. http://www.lifehack.org/articles/communication/9-ways-better-person.html
  24. http://personalexcellence.co/blog/101-ways-to-be-a-better-person/
  25. http://personalexcellence.co/blog/101-ways-to-be-a-better-person/
  26. http://www.inc.com/john-rampton/15-ways-to-become-a-better-person.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 57,088 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา